ไม่ได้ช่วยประหยัดเลยครับ เพราะยิ่งตีนหนัก ยิ่งกดมัน เปลืองเข้าไปอีก เพราะแลมด้าพยายามที่จะปรับให้หมือนน้ำมันมากที่สุด ถ้าเราวิ่ง 80-100 อันนี้โอเคครับ แต่ถ้าเกินก็ แดรกครับ
...>>> ผมกำลังจะไปติดอยู่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่ ก็ 100 - 120 เป็นปกติ อย่างนี้มันก็จะกินมากกว่าเดิมไหมนี่...
จริงๆ แล้วผมก็ไม่แน่ใจอย่างคุณนี่แหละก่อนไปติด แต่ช่างบอกว่าการจูนคงไม่ได้จบแค่ครั้งเดียว คงต้องเอาไปลองเองก่อน ทีนี้เมื่อมาลองเอง ช่างบอกว่าลองง่ายๆ เช่น
- วัดกำลังเครื่องตอนเร่งแซงหรือออกตัว ,จากเกียร์ต่ำไปเกียร์สูงหรือ ตอน kickdown (ถ้าเป็นเกียร์ AUTO) ว่ารถพุ่งมากกว่าเดิมไหม ต้องไม่อืด,กระตุก หรือวูบ ถ้ามีการอาการดังกล่าว จูนแก้ได้ แต่มากน้อยอยู่ที่รถและความสมบูรณ์ของระบบรถ
- การขึ้นเนิน เช่น อาคารจอดรถ ว่าพุ่งขึ้นไหลลื่นดีหรือไม่ เพราะแลมด้าเมื่อสมัยก่อนจะมีปัญหามากตอนรถขึ้นเนิน แต่รุ่นหลัง ช่างจะมีความชำนาญในการปรับจูนมากขึ้นและอุปกรณ์พัฒนาขึ้น ถ้ามีการอาการดังกล่าว สามารถจูนแก้ได้
- เรื่องความประหยัด ต้องวัดกันที่เส้นทางที่เราใช้ประจำ ว่าระยะทางเท่าไหร่ ความเร็วที่ใช้ประมาณเท่าไหร่ และเคยเติมเต็มถังแล้ว หลักกิโลสุดท้าย ประมาณเท่าไหร่ ผมเริ่มคิดจากก่อนติดผมวิ่งแก๊สเต็มถัง วิ่งเส้นทางประจำ ความเร็วประมาณ 80-100 แถวชานเมือง ขับเรื่อยๆ ไม่ชอบเร่งแซงผู้ใด ยกเว้นบางสถานการ์ณ ระยะทางทั้งหมดวิ่งได้ 385-400โล (ถัง 58ลิตร) หลังจากติด และให้ช่างจูนแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว ระยะทางเพิ่มขึ้นมาถึง 420-435 โล
- มาวิ่งต่างจังหวัดกลับบ้านที่พิจิตร ใช้ความเร็วตอนขาไป ประมาณ 120-140 คงที่ไม่กดเกินกว่านั้น ถึงบ้าน เกจแก๊สหมดไป 3 จุด หลักกิโลอยู่ที่ 336 วิ่งเที่ยวต่อไปได้อีก 80 โล ก็หมด เติมใหม่ แต่พอตอนกลับ เหยียบแหลก 160-170 ชนิดที่เรียกว่า กดมิด เกจขึ้นแดงตั้งแต่ยังไม่ถึงบางปะอินแล้วมาถึงด่านเชียงราก ก็หมดเลย ได้ระยะทางแค่ 309 โล ฉะนั้น ผมสรุปเลยว่า วิ่งความเร็วคงที่ธรรมดา ประหยัดขึ้นแน่นอน แต่ถ้าชอบความเร็ว ไม่ประหยัดครับ

ปร