|
TAOTAO-TZ#056-
|
 |
« เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 12:12:24 » |
|
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 กรกฎาคม 2554 13:07:34 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 12:14:46 » |
|
ถ่ายเอกสารหนังสือ เพื่อแจกจ่ายฟรีให้กับผู้ที่สนใจ แต่โดนเจ้าของฟ้องละเมิด จะต้องทำอย่างไรครับ ผมเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยได้รวบรวมเอกสารข้อมูลการวิจัยจากหนังสือเล่มหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าเป็นข้อมูลอ้างอิงที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า โดยไม่ได้คิดมูลค่าใด เพราะเจตนาเราต้องการให้ลูกค้ามีข้อมูลเครื่องกรองน้ำและข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับน้ำในร่างกายมนุษย์ โดยถ้าลูกค้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มก็จะถ่ายเอกสารจากหนังสือนี้ให้ แต่ปรากฏว่าเจ้าของหนังสือฟ้องละเมิดลิขวิทธิ์วรรณกรรม ต้องทำอย่างไรครับ ได้ลงบันทึกประจำวันไปแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจคิดว่าหนังสือถ่ายเอกสารมาเพียง 2 เล่มและมี ของเขาจริงประมาณ 20 หน้าเท่านั้น ขอคำแนะนำด้วยครับ
*โดยจับเป็นหลักฐาน 2 เล่มครับ แต่ก่อนหน้านั้นก็แจกตามที่มีผู้ที่สนใจขอมา ผมโดนจับและลงบันทึกเป็นผู้ต้องหาไว้ เขาจับเป็นหลักฐานเพียง 2 เล่มครับ ก็คงต้องรอศาลเพราะโจทย์ไม่อยากคุยครับ เขาว่าให้ไปชั้นศาลเลย ต้องทำอย่างไรดีครับ
**หนังสือต้นฉบับเล่มนี้ทางเจ้าของเขามีไว้แจกฟรีเท่านั้นครับ ไม่ได้มีออกจำหน่าย
***หนังสือต้นฉบับเล่มนี้มีให้ดาวน์โหลดฟรีทางเว็บไชต์ด้วย
****ผมชื้อประกันอิสระภาพออกมาก 70000 บาทครับ โดยเขาคิดเบี้ยที่ 15% คือ 10500 บาทครับ จ่ายที่ สน.ไปแล้ว
คำถาม
1. ตอนนี้ยังไม่มีโจทย์หรือเจ้าของหนังสือหรือทนายความ โทรมาบอกผมว่าให้เอาอย่างไรต่อไป ผมโดนจับวันที่ 04/06/2553 ครับ
2. ตอนโดนจับทนายโจทย์บอกว่าให้ผมเลิกขายสินค้าตัวนี้ และเลิกแจกจ่ายถ่ายเอกสาร พร้อมทั้งเอาข้อมูลออกจากเว็บไซต์ ซึ่งผมก็ทำหมดแล้ว เพราะตอนนี้ผมได้เลิกขายสินค้าตัวนั้นแล้ว และไม่ได้กี่ยวข้องใดๆ กับสินค้าตัวนั้นอีก
3. ผมทำงานบริษัทเอกชนครับ แต่หาอาชีพเสริมโดยการเปิดร้านค้าออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต โดยที่บ้านภรรยาเป็นแม่บ้านไม่มีรายได้ และมีลูกต้องดูแล 2 คนครับ ตรงนี้ถ้าบอกศาลท่านจะกรุราลดโทษหรือค่าปรับได้ไหมครับ
4. ทนายโจทย์บอกว่าเขาจะเรียกค่าปรับสูงสุด คือ 100000 บาทตามกฏหมาย แต่ผมมีดูหลักฐานของกลางที่เป้นหนังสือถ่ายเอกสารมาเพียง 2 เล่มตรงนี้เขาเรียกค่าปรับเกินหรือไม่ อย่างไรครับ
5. เงินประกันอิสระภาพที่ผมจ่ายไป 10500 บาท จะได้คืนหรือไม่ ถ้าได้ได้เท่าไรครับ ใบประกันจะคุ้มครองกี่เดือนครับ
6. ถ้าทางโจทย์ไม่ยอม จะมีหมายศาลมาที่บ้านผมให้ไปขึ้นศาลใช่หรือไม่ครับ
7. ถ้าศาลตัดสินแล้วเราไม่มีเงินค่าปรับ สมมุติเขาเรียก 100000 บาท บอกตรงๆ ว่าผมทำงานประจำไม่ได้เงินเก็บถึงหนึ่งแสนบาทหรอกครับตอนนี้ ผมจะของลดค่าปรับ หรือว่าทะยอยจ่ายให้โจทย์ได้หรือไม่ครับ ผมเคยอ่านเจอว่าเราทำงานเพื่อสังคมมดแทนค่าปรับได้หรือไม่ครับ
8. ผมไม่มีเงินไปจ้างทนายครับ ตรงนี้ผมต้องทำอย่างไร ทางออก
9. ถ้าผมไปศาลแล้ว ผมควรยอมรับ หรือสู้คดีครับ
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1. หากเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือได้ฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญา จะมีหมายเรียกให้ท่านซึ่งเป็นจำเลยยื่นคำให้การต่อไป
2. หากท่านถูกฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว เมื่อท่านเป็นเสาหลักแห่งครอบครัวในการดูแลบุตร 2 คน และภรรยา ท่านก็สามารถเสนอต่อศาลได้
3. ความผิดการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 69 ย่อมเป็นดุลยพินิจของศาลที่จะพิจารณาลงโทษ หากท่านเห็นว่าท่านได้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์จริง
4. เงินประกันที่ท่านจ่ายไปเพื่อเป็นประกันอิสรภาพ ท่านจะได้รับคืนเมื่อศาลมีคำพิพากษาในศาลชั้นต้นนั้นแล้ว หากท่านไม่ผิดสัญญาประกันไปศาลตามกำหนดนัด โดยใบประกันจะมีอายุคุ้มครองจนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
5. หากศาลมีคำพิพากษาลงโทษท่านเป็นค่าปรับ โดยท่านไม่มีเงินจ่ายค่าปรับนั้นได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ศาลจะมีคำสั่งยึดทรัพย์สินของท่านใช้ค่าปรับ หรือมิฉะนั้น จะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยถืออัตรา 200 บาท ต่อ 1 วัน แต่ห้ามกักขังเกินกว่ากำหนด 1 ปี เว้นแต่กรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่ 80,000 บาท ขึ้นไป ศาลจะสั่งให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ก็ได้ ตาม ป.อ. มาตรา 29,30
6. หากท่านเห็นว่า ตนไม่ได้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็ควรจัดหาทายาทเข้าต่อสู้คดีต่อไป
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
มาตรา 69
ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตามมาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 29
ผู้ใดต้องโทษปรับและไม่ชำระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ผู้นั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับ หรือมิฉะนั้นจะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ แต่ถ้าศาลเห็นเหตุอันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าปรับ ศาลจะสั่งเรียกประกันหรือจะสั่งให้กักขังผู้นั้นแทนค่าปรับไปพลางก่อนก็ได้
ความในวรรคสองของมาตรา 24 มิให้นำมาใช้บังคับแก่การกักขังแทนค่าปรับ
มาตรา 30
ในการกักขังแทนค่าปรับ ให้ถืออัตราสองร้อยบาทต่อหนึ่งวัน และไม่ว่าในกรณีความผิดกระทงเดียวหรือหลายกระทง ห้ามกักขังเกินกำหนดหนึ่งปี เว้นแต่ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทขึ้นไป ศาลจะสั่งให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปีก็ได้
ในการคำนวณระยะเวลานั้น ให้นับวันเริ่มกักขังแทนค่าปรับรวมเข้าด้วย และให้นับเป็นหนึ่งวันเต็มโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนชั่วโมง
ในกรณีที่ผู้ต้องโทษปรับถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษา ให้หักจำนวนวันที่ถูกคุมขังนั้นออกจากจำนวนเงินค่าปรับ โดยถืออัตราสองร้อยบาทต่อหนึ่งวัน เว้นแต่ผู้นั้นต้องคำพิพากษาให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ในกรณีเช่นว่านี้ ถ้าจะต้องหักจำนวนวันที่ถูกคุมขังออกจากเวลาจำคุกตาม มาตรา 22 ก็ให้หักออกเสียก่อน เหลือเท่าใดจึงให้หักออกจากเงินค่าปรับ
เมื่อผู้ต้องโทษปรับถูกกักขังแทนค่าปรับครบกำหนดแล้ว ให้ปล่อยตัวในวันถัดจากวันที่ครบกำหนด ถ้านำเงินค่าปรับมาชำระครบแล้วให้ปล่อยตัวไปทันที
ถ่ายเอกสารหนังสือ เพื่อแจกจ่ายฟรีให้กับผู้ที่สนใจ แต่โดนเจ้าของฟ้องละเมิด จะต้องทำอย่างไรครับ ผมเป็นพนักงานขายเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยได้รวบรวมเอกสารข้อมูลการวิจัยจากหนังสือเล่มหนึ่ง เพื่อให้ลูกค้าเป็นข้อมูลอ้างอิงที่เป็นประโยชน์แก่ลูกค้า โดยไม่ได้คิดมูลค่าใด เพราะเจตนาเราต้องการให้ลูกค้ามีข้อมูลเครื่องกรองน้ำและข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับน้ำในร่างกายมนุษย์ โดยถ้าลูกค้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มก็จะถ่ายเอกสารจากหนังสือนี้ให้ แต่ปรากฏว่าเจ้าของหนังสือฟ้องละเมิดลิขวิทธิ์วรรณกรรม ต้องทำอย่างไรครับ ได้ลงบันทึกประจำวันไปแล้ว เราไม่ได้ตั้งใจคิดว่าหนังสือถ่ายเอกสารมาเพียง 2 เล่มและมี ของเขาจริงประมาณ 20 หน้าเท่านั้น ขอคำแนะนำด้วยครับ
*โดยจับเป็นหลักฐาน 2 เล่มครับ แต่ก่อนหน้านั้นก็แจกตามที่มีผู้ที่สนใจขอมา ผมโดนจับและลงบันทึกเป็นผู้ต้องหาไว้ เขาจับเป็นหลักฐานเพียง 2 เล่มครับ ก็คงต้องรอศาลเพราะโจทย์ไม่อยากคุยครับ เขาว่าให้ไปชั้นศาลเลย ต้องทำอย่างไรดีครับ
**หนังสือต้นฉบับเล่มนี้ทางเจ้าของเขามีไว้แจกฟรีเท่านั้นครับ ไม่ได้มีออกจำหน่าย
***หนังสือต้นฉบับเล่มนี้มีให้ดาวน์โหลดฟรีทางเว็บไชต์ด้วย
****ผมชื้อประกันอิสระภาพออกมาก 70000 บาทครับ โดยเขาคิดเบี้ยที่ 15% คือ 10500 บาทครับ จ่ายที่ สน.ไปแล้ว
คำถาม
1. ตอนนี้ยังไม่มีโจทย์หรือเจ้าของหนังสือหรือทนายความ โทรมาบอกผมว่าให้เอาอย่างไรต่อไป ผมโดนจับวันที่ 04/06/2553 ครับ
2. ตอนโดนจับทนายโจทย์บอกว่าให้ผมเลิกขายสินค้าตัวนี้ และเลิกแจกจ่ายถ่ายเอกสาร พร้อมทั้งเอาข้อมูลออกจากเว็บไซต์ ซึ่งผมก็ทำหมดแล้ว เพราะตอนนี้ผมได้เลิกขายสินค้าตัวนั้นแล้ว และไม่ได้กี่ยวข้องใดๆ กับสินค้าตัวนั้นอีก
3. ผมทำงานบริษัทเอกชนครับ แต่หาอาชีพเสริมโดยการเปิดร้านค้าออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ต โดยที่บ้านภรรยาเป็นแม่บ้านไม่มีรายได้ และมีลูกต้องดูแล 2 คนครับ ตรงนี้ถ้าบอกศาลท่านจะกรุราลดโทษหรือค่าปรับได้ไหมครับ
4. ทนายโจทย์บอกว่าเขาจะเรียกค่าปรับสูงสุด คือ 100000 บาทตามกฏหมาย แต่ผมมีดูหลักฐานของกลางที่เป้นหนังสือถ่ายเอกสารมาเพียง 2 เล่มตรงนี้เขาเรียกค่าปรับเกินหรือไม่ อย่างไรครับ
5. เงินประกันอิสระภาพที่ผมจ่ายไป 10500 บาท จะได้คืนหรือไม่ ถ้าได้ได้เท่าไรครับ ใบประกันจะคุ้มครองกี่เดือนครับ
6. ถ้าทางโจทย์ไม่ยอม จะมีหมายศาลมาที่บ้านผมให้ไปขึ้นศาลใช่หรือไม่ครับ
7. ถ้าศาลตัดสินแล้วเราไม่มีเงินค่าปรับ สมมุติเขาเรียก 100000 บาท บอกตรงๆ ว่าผมทำงานประจำไม่ได้เงินเก็บถึงหนึ่งแสนบาทหรอกครับตอนนี้ ผมจะของลดค่าปรับ หรือว่าทะยอยจ่ายให้โจทย์ได้หรือไม่ครับ ผมเคยอ่านเจอว่าเราทำงานเพื่อสังคมมดแทนค่าปรับได้หรือไม่ครับ
8. ผมไม่มีเงินไปจ้างทนายครับ ตรงนี้ผมต้องทำอย่างไร ทางออก
9. ถ้าผมไปศาลแล้ว ผมควรยอมรับ หรือสู้คดีครับ
คำแนะนำทนายคลายทุกข์
1. หากเจ้าของลิขสิทธิ์หนังสือได้ฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญา จะมีหมายเรียกให้ท่านซึ่งเป็นจำเลยยื่นคำให้การต่อไป
2. หากท่านถูกฟ้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว เมื่อท่านเป็นเสาหลักแห่งครอบครัวในการดูแลบุตร 2 คน และภรรยา ท่านก็สามารถเสนอต่อศาลได้
3. ความผิดการกระทำละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 69 ย่อมเป็นดุลยพินิจของศาลที่จะพิจารณาลงโทษ หากท่านเห็นว่าท่านได้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์จริง
4. เงินประกันที่ท่านจ่ายไปเพื่อเป็นประกันอิสรภาพ ท่านจะได้รับคืนเมื่อศาลมีคำพิพากษาในศาลชั้นต้นนั้นแล้ว หากท่านไม่ผิดสัญญาประกันไปศาลตามกำหนดนัด โดยใบประกันจะมีอายุคุ้มครองจนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา
5. หากศาลมีคำพิพากษาลงโทษท่านเป็นค่าปรับ โดยท่านไม่มีเงินจ่ายค่าปรับนั้นได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ศาลจะมีคำสั่งยึดทรัพย์สินของท่านใช้ค่าปรับ หรือมิฉะนั้น จะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ โดยถืออัตรา 200 บาท ต่อ 1 วัน แต่ห้ามกักขังเกินกว่ากำหนด 1 ปี เว้นแต่กรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่ 80,000 บาท ขึ้นไป ศาลจะสั่งให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี ก็ได้ ตาม ป.อ. มาตรา 29,30
6. หากท่านเห็นว่า ตนไม่ได้กระทำละเมิดลิขสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์ ก็ควรจัดหาทายาทเข้าต่อสู้คดีต่อไป
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537
มาตรา 69
ผู้ใดกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์หรือสิทธิของนักแสดงตามมาตรา 27 มาตรา 28 มาตรา 29 มาตรา 30 หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อการค้า ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงสี่ปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงแปดแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 29
ผู้ใดต้องโทษปรับและไม่ชำระค่าปรับภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลพิพากษา ผู้นั้นจะต้องถูกยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับ หรือมิฉะนั้นจะต้องถูกกักขังแทนค่าปรับ แต่ถ้าศาลเห็นเหตุอันควรสงสัยว่าผู้นั้นจะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าปรับ ศาลจะสั่งเรียกประกันหรือจะสั่งให้กักขังผู้นั้นแทนค่าปรับไปพลางก่อนก็ได้
ความในวรรคสองของมาตรา 24 มิให้นำมาใช้บังคับแก่การกักขังแทนค่าปรับ
มาตรา 30
ในการกักขังแทนค่าปรับ ให้ถืออัตราสองร้อยบาทต่อหนึ่งวัน และไม่ว่าในกรณีความผิดกระทงเดียวหรือหลายกระทง ห้ามกักขังเกินกำหนดหนึ่งปี เว้นแต่ในกรณีที่ศาลพิพากษาให้ปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทขึ้นไป ศาลจะสั่งให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาเกินกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินสองปีก็ได้
ในการคำนวณระยะเวลานั้น ให้นับวันเริ่มกักขังแทนค่าปรับรวมเข้าด้วย และให้นับเป็นหนึ่งวันเต็มโดยไม่ต้องคำนึงถึงจำนวนชั่วโมง
ในกรณีที่ผู้ต้องโทษปรับถูกคุมขังก่อนศาลพิพากษา ให้หักจำนวนวันที่ถูกคุมขังนั้นออกจากจำนวนเงินค่าปรับ โดยถืออัตราสองร้อยบาทต่อหนึ่งวัน เว้นแต่ผู้นั้นต้องคำพิพากษาให้ลงโทษทั้งจำคุกและปรับ ในกรณีเช่นว่านี้ ถ้าจะต้องหักจำนวนวันที่ถูกคุมขังออกจากเวลาจำคุกตาม มาตรา 22 ก็ให้หักออกเสียก่อน เหลือเท่าใดจึงให้หักออกจากเงินค่าปรับ
เมื่อผู้ต้องโทษปรับถูกกักขังแทนค่าปรับครบกำหนดแล้ว ให้ปล่อยตัวในวันถัดจากวันที่ครบกำหนด ถ้านำเงินค่าปรับมาชำระครบแล้วให้ปล่อยตัวไปทันที
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2553 14:47:13 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 12:15:41 » |
|
.พ่อค้าแม่ค้าเดือด! รวมตัวล้อมกรอบ ตัวแทนลิขสิทธิ์ หลังพาตำรวจบุกจับตุ๊กตามือสองกลาง ห้างยูเนี่ยนมอลล์ ย่านลาดพร้าว เหตุไม่พกบัตรประจำตัว ด้านตร.เจรจาไกล่เกลี่ยจนตัวแทนลิขสิทธิ์ไม่เอาความ ทั้งหมดจึงยอมสลายตัว
เมื่อเวลา 23.00 น.วานนี้(3 ธ.ค.) พ.ต.อ.อาคม จันทนลาช ผกก.สน.พหลโยธิน รับแจ้งเหตุพ่อค้าแม่ค้า ได้รวมกันล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจและตัวแทนลิขสิทธิ์ ภายในศูนย์การค้ายูเนี่ยนมอลล์ ย่านลาดพร้าว ภายหลังเข้าไปจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ จึงรีบรุดไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงพบว่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าจำนวนกว่า 100 คน รวมตัวกันล้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบและนายสามารถ แสงอรุณ ตัวแทนลิขสิทธิ์ ของบริษัท ดิสนีย์ อินเตอร์ไพร์เซส จำกัด ไม่ให้ออกจากศูนย์การค้า หลังจากเข้าจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จำพวกตุ๊กตามือ 2 ภายในร้านตัวโปรด ซึ่งมีน.ส.วาสนา ศรีสมุทร อายุ 19 ปี เป็นเจ้าของร้าน โดยไม่พกบัตรประจำตัวพนักงานรวมถึงไม่แสดงหลักฐานที่แน่ชัดว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทลิขสิทธิ์จริง อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.อาคม พยายามไกล่เกลี่ยแต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงได้เชิญทั้งหมดมาเจรจากันที่ สน.พหลโยธิน
น.ส.วาสนา ศรีสมุทร กล่าวว่า ตนยอมรับว่าสินค้าในร้านตนเป็นของละเมิดลิขสิทธิ์จริงแต่เป็นสินค้ามือ 2 ที่ใช้แล้ว ซึ่งระหว่างที่ตนกำลังขายสินค้าอยู่นั้นก็ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบรวมถึงตัวแทนลิขสิทธิ์มาทำการจับกุม พร้อมจะควบคุมตัวตนเองไปดำเนินคดี ในข้อหาจำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตามเมื่อตนขอดูบัตรประจำตัวว่าเป็นพนักงานของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์จริงหรือไม่ แต่นายสามารถ ที่อ้างว่าเป็นตัวแทนจากบริษัทลิขสิทธิ์กลับไม่มีบัตร ทำให้ตนไม่ยินยอมให้จับกุม พร้อมเรียกบรรดาเพื่อนพ่อค้าแม่ค้าให้มาช่วย
อย่างไรก็ตามหลังจาก พ.ต.อ.อาคม เป็นตัวกลางในเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่าง นายสามารถ ตัวแทนลิขสิทธิ์กับกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ภายหลังเจรจากันประมาณ 1 ชม. จึงตกลงกันได้โดยทางตัวแทนลิขสิทธิ์ไม่ติดใจเอาความ พร้อมทั้งยอมคืนของกลางให้ ทำให้บรรดาพ่อค้าได้รับข้อเสนอที่ดีและเกิดความพอใจ จนยอมสลายตัวไปในที่สุด
วันนี้ก็เพิ่งจะโดนมา มันมาล่อซื้อแต่ไม่ได้ซื้อ พอดีเราไม่อยู่มันมาเอาตัวคุณแม่เราไป แม่เราอายุ 63 ปีแล้วตกใจก็เลยไปกับมัน ไปโรงพักเราก็บอกว่าให้ใจเย็น ๆ เราจะไปหา มันขู่แม่เราสารพัดเลย แม่เรากลัวมาก ร้องไห้ใหญ่ เรารีบมา พอถึงโรงพักมันเรียกค่าเสียหาย 50,000 บาท แต่เราไม่ให้ มันลดให้เหลือ 15,000 เราก็ไม่ให้เราบอกว่าให้ส่งศาล เรายอมไปขึ้นศาล เพราะเราขายตัวการ์ตูนไม้ประดิษฐ์เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็ก และเรายังเป็นวิทยากรของกรมการจัดหางาน, กศน. ฯลฯ เราขายตัวละ 25 บาท มันยังจะมารีดไถเราอีก สุดท้ายมันขอค่าเสียเวลาไป 2,000 บาท เราก็ถือว่าวันนี้เราโดนโจรปล้น โดนล้วงกระเป๋าไปหน้าด้าน ๆ เลย เราคิดว่ากฏหมายมีช่องว่างให้พวกมัน หากินได้ง่ายเกินไป เราว่าพวกมันไปหลายคำ จำไว้เลยนะ ชื่อ อนุพันธ์ วงศ์ชินบุตร บ. แอนนิเมชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ไอ้ตัวล่อซื้อเป็น 2 ผัวเมียหน้าตาเอี้ย..เอี้ย หน่อย เจอที่ไหน ..คุณ..ตาย....
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 12:18:01 » |
|
กฎหมายที่เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูน
เนื้อหาหน้านี้ได้รวบรวมมาและเรียบเรียงจากเว็บบอร์ดภายในเว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ให้กับสมาชิกเพื่ออ่านและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฏหมายต่างๆที่ควรรู้เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ เพื่อป้องกันบุคคลที่ฉวยโอกาสตรวจจับ และข่มขู่จากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้จำหน่ายสินค้า ท่านสามารถนำเนื้อหาในหน้านี้ไปเผยแพร่หรือส่งต่อได้ฟรีโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น JJTOY ขอขอบคุณข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาที่เอาใจใส่ดูแลช่วยเหลือให้ข้อมูลที่ดีๆกับประชาชน
ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิของผู้สร้างสรรค์แต่เพียงผเดียวที่จะกระทำได้ (เช่นการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ ให้เช่า หรืออนุญาตให้ใช้สิทธิ์) เกี่ยวกับงานลิขสิทธิ์ที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น (เช่น วรรณกรรม โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดนตรีกรรม ศิลปกรรม นาฎกรรม ภาพยนตร์ โสตทัศนวัสดุ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ และงานอื่นใดในแผนกวรรณคดี วิทยาศาสตร์ และศิลปะ) พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 กำหนดให้สิทธิในการคุ้มครองแก่งานอันมีลิขสิทธิ์ทันทีเมื่อได้สร้างสรรค์งานขึ้นมา จึงไม่มีการจดทะเบียนคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้มีบริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ โดยมีวัตถุประสงค์ในการรวบรวม และสร้างฐานข้อมูลผลงานลิขสิทธิ์ เพื่อใช้เป็นแหล่งค้นคว้า และสืบหาเจ้าของผลงานได้
ลิขสิทธิ์ หมายถึง หนังสือสำคัญที่รัฐออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้น หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด
ลิขสิทธิ์ เป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ โดยแสดงออกเป็นงานประเภทต่าง ๆ คือ วรรณกรรม นาฏกรรม ศิลปกรรม ดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียงแพร่ภาพ และงานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ งานอันมีลิขสิทธิ์จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายทันทีที่มี ผู้ทำหรือผู้ก่อให้เกิดงานนั้นขึ้น โดยมิต้องจดทะเบียนเพื่อขอรับความคุ้มครอง
ลิขสิทธิ์ตามกฎหมายไทยนั้นจะได้รับความคุ้มครองทันทีโดยอัตโนมัติ จึงไม่มีระบบจดทะเบียนรับความคุ้มครองสิทธิแต่อย่างใด แต่มีระบบการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ เพื่อเป็นหลักฐานของทางราชการ และประโยชน์ในเชิงพาณิชย์เท่านั้น ดังนั้น เครื่องหมาย R เป็นสัญลักษณ์ แสดงถึงการมีลิขสิทธิ์ในผลงานที่ได้สร้างสรรค์ขึ้น
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์ 9 ประเภท คือ
1. งานวรรณกรรม (หนังสือ สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์)
2. งานนาฎกรรม (ท่าเต้น ท่ารำ)
3. งานศิลปกรรม (ภาพเขียน ภาพวาด)
4. งานดนตรีกรรม (เนื้อเพลง ทำนองเพลง)
5. งานโสตทัศนวัสดุ (ดีวีดี วีซีดี)
6. งานสิ่งบันทึกเสียง (เทป ซีดี)
7. งานภาพยนตร์
8. งานแพร่เสียงแพร่ภาพ (งานที่นำออกสู่สาธารณชนโดยทางวิทยุ โทรทัศน์)
9. งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
ซึ่งได้รับความคุ้มครองทันทีโดยไม่ต้องจดทะเบียนเพื่อขอรับความคุ้มครองสิทธิแต่อย่างใด และการคุ้มครองดังกล่าวจะคุ้มครองในประเทศที่เป็นสมาชิกของอนุสัญญากรุงเบริ์น จำนวน 160 ประเทศ และสมาชิก WTO ซึ่งมีความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า จำนวน 148 ประเทศ
สำหรับรายชื่อประเทศภาคีสามารถตรวจสอบได้ที่ www.wipo.int (รายชื่อประเทศภาคีอนุสัญญากรุงเบิร์น) และ www.wto.org (รายชื่อภาคีของความตกลงว่าด้วยสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวกับการค้า TRIPS) ในการนำผลงานอันมีลิขสิทธิ์ของผู้อื่นออกเผยแพร่ ควรเคารพสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ด้วยการขออนุญาตก่อนทุกครั้ง ซึ่งถ้าหากประเทศมีการละเมิดลิขสิทธิ์ในอัตราที่สูงก็อาจจะมีผลกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติด้วย
ส่วนงานที่ถือว่าไม่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ ได้แก่
1. ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสาร อันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ
2. รัฐธรรมนูญและกฎหมาย
3. ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง คำชี้แจง และหนังสือตอบโต้ของกระทบวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานอื่นใดของรัฐ หรือของท้องถิ่น
4. คำพิพากษา คำสั่ง คำวินิจฉัย และรายงานของทางราชการ
5. คำแปลและการรวบรวมสิ่งต่าง ๆ ตามข้อ 1-4 ที่กระทรวง ทบวง กรม หรือ หน่วยงาน อื่นใดของรัฐ หรือของท้องถิ่นจัดทำขึ้น
สิทธิบัตร หมายถึง สิทธิพิเศษที่กฎหมายบัญญัติให้เจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิเด็ดขาดหรือสิทธิแต่เพียงผู้เดียว ในการแสวงหาผลประโยชน์จากการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิบัตรนั้น เช่น การผลิตและจำหน่าย เป็นต้น และสิทธิที่ว่านี้จะมีอยู่เพียงช่วงระยะเวลาที่จำกัดช่วงหนึ่งเท่านั้น สิทธิบัตรจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับลัษณะองค์ประกอบโครงสร้าง หรือกลไกของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกรรมวิธีในการผลิต การรักษษา หรือการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้น หรือทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม
2. สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ หมายถึง ความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่าง ลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างไปจากเดิม
ความแตกต่างของลิขสิทธิ์กับสิทธิบัตร ดังนี้
1. ลิขสิทธิ์ เป็นสิทธิที่เกิดขึ้นทันทีที่มีการสร้างสรรค์ผลงาน และมิต้องจดทะเบียน ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด อายุการคุ้มครองลิขสิทธิ์มีอยู่ตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์และมีอยู่ต่อไปอีกเป็นเวลา 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย ซึ่งเมื่ออายุควมคุ้มครองลิขสิทธิ์สิ้นสุดลง งานลิขสิทธิ์จะตกเป็นสาธารณะ ผู้ใดนำมาทำซ้ำจึงไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
2. สิทธิบัตร จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ สิทธิบัตรการประดิษฐ์ และสิทธิบัตรการออกแบบ ทั้งสองประเภทจะต้องเป็นผลงานที่คิดขึ้นมาใหม่ ยังไม่เคยมีและเผยแพร่ที่ไหนมาก่อนทั้งในประเทศ และต่างประเทศจะต้องมีการจดทะเบียน และเสียค่าธรรมเนียม ตวมถึงกำหนดอายุในการคุ้มครอง ถ้าเป็นสิทธิบัตรการประดิษฐ์มีอายุการคุ้มครอง 20 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตร ส่วนสิทธิบัตรการออกแบบมีอายุการคุ้มครอง 10 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตร เมื่ออายุการคุ้มครองสิ้นสุดลงแล้ว ผลงานก็ตกเป็นสาธารณชน ผู้ใดจะนำไปทำซ้ำได้โดยไม่มีความผิด
การได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ ตามมาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 กำหนดไว้เป็น 2 กรณี คือ
ข้อ 1. กรณีที่ยังไม่มีการโฆษณาผลงานสร้างสรรค์ ผู้สร้างสรรค์ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ (มาตรา 8(1) )
- ผู้มีสัญชาติไทย / สัญชาติประเทศภาคีซึ่งไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย
- ผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักร / ในประเทศไทยภาคีซึ่งไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย ตลอดระยะเวลา / เป็นส่วนใหญ่ในการสร้างสรรค์งาน
ข้อ 2. กรณีที่ได้มีการโฆษณาผลงานสร้างสรรค์แล้ว ผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ ดังนี้ (มาตรา 8(2) )
- ได้มีการโฆษณาครั้งแรกในประเทศไทย หรือประเทศภาคีฯ ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่ด้วย
- การณีที่ได้มีการโฆษณาครั้งแรกในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่เป็นภาคีแห่งอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่ได้โฆษณางานดังกล่าวในประเทศไทย / ประเทศภาคีฯ ภายใน 30 วัน นับแต่ได้มีการโฆษณาครั้งแรก
- ผู้สร้างสรรค์เป็นผู้มีลักษณะตามที่กำหนดไว้ในข้อ 1 ในขณะที่มีการโฆษณาครั้งแรก
- ผู้สร้างสรรค์ต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย
การคุ้มครองลิขสิทธิ์ (copyright) เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ทันทีที่ผู้สร้างสรรค์ (บุคลธรรมดา หรือนิติบุคคล) ได้สร้างสรรค์ผลงานเสร็จ จึงไม่มีระบบ จดทะเบียนคุ้มครองสิทธิ งานลิขสิทธิ์แบ่งออกเป็น 9 ประเภท คือ งานวรรณกรรม งานนาฏกรรม งานศิลปกรรม งานดนตรีกรรม โสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียง งานแพร่เสียง แพร่ภาพ และงานอื่นในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ที่ไม่ สามารถจัดเป็นงานหนึ่งงานใดที่กล่าวมาแต่ต้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้จัดให้มี บริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์เพื่อเป็นหลักฐานของทางราชการ และใช้ประโยชน์เชิง พาณิชย์ ซึ่งการแจ้งข้อมูลดังกล่าวมิใช่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดสิทธิแก่ผู้มาแจ้งข้อมูลแต่อย่างใด
การยื่นคำขอการแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ต้องใช้หลักฐาน ดังนี้
1. แบบ ลข.01 จำนวน 2 ชุด ( กรอกข้อความโดยการพิมพ์)
2. สำเนาผลงานลิขสิทธิ์ จำนวน 1 ชุด
3. สำเนาบัตรประชาชน (ในกรณีเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นบุคคลธรรมดา )
4. หนังสือรับรองนิติบุคคลที่ออกให้ไม่เกิน 6 เดือน นับแต่วันออกหนังสือรับรอง (ในกรณีเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นนิติบุคคล)
5. หน่วยงานหรือองค์กรของรัฐบาล ใช้สำเนาหนังสือแต่งตั้งผู้บริหารหน่วยงานหรือองค์กร
6. มูลนิธิ ใช้สำเนาหนังสือการจดทะเบียนตั้งมูลนิธิ
7. สำเนาหนังสือแต่งตั้งตัวแทนหรือหนังสือมอบอำนาจ (ติดอากร 30 บาท) พร้อมสำเนาบัตรประชาชนของตัวแทนหรือผู้รับมอบอำนาจ (สำเนาทุกฉบับต้องรับรองสำเนาถูกต้อง)
สัญลักษณ์ C ในวงกลม เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมี ลิขสิทธิ์ซึ่ง พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ 2537 ได้ให้ความคุ้มครองแก่งาน งานสิทธิบัตรการประดิษฐ์ และการออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมทั้งเครื่องหมายการค้า (โลโก้/ยี่ห้อ) เป็นงานทรัพย์สินทางปัญญาที่ต้องขอจดทะเบียนต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา
กรมทรัพย์สินทางปัญญามีบริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ เพื่อเป็นฐานข้อมูลของกรม และเพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ ในการตรวจค้นข้อมูลลิขสิทธิ์สามารถตรวจสอบข้อมูลได้โดยยื่นแบบฟอร์มขอตรวจค้นงานลิขสิทธิ์ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา สำนักลิขสิทธิ์ ชั้น11 ซึ่งต้องมีรายละเอียดอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(1) ชื่อเจ้าของสิทธิ์
(2) บริษัทเจ้าของสิทธิ์
(3) ชื่อตัวการ์ตูนที่ต้องการตรวจสอบ
คดีละเมิดลิขสิทธิ์ พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 มาตรา 66 บัญญัติให้เป็นความผิดอันยอมความได้ ซึ่งการดำเนินคดีจะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือนนับแต่วันที่รู้ว่ามีการกระทำความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด หรือภายใน 10 ปี นับแต่วันละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สำหรับกรณีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์จะต้องดำเนินการ ดังนี้
1. ความผิดตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 เป็นความผิดอันยอมความได้ ผู้เสียหายจะต้องมีการร้องทุกข์ก่อนที่จะนำเจ้าพนักงานตำรวจไปจับกุมผู้กระทำความผิด
2. การร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบการที่เป็นภัตตาคาร ร้านอาหารที่มีดนตรี ร้านเปิดให้บริการคาราโอเกะและตู้เพลง หยอดเหรียญหรือร้านอื่นที่ประกอบการทำนองเดียวกัน ให้พนักงานสอบสวนตรวจสอบเอกสารหลักฐานให้แน่ชัดก่อนว่าผู้ร้องทุกข์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์หรือเป็นผู้ได้รับสิทธิ์หรือเป็นผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของผู้มีสิทธิ์ที่แท้จริง และเอกสารที่นำมาแสดงเป็นเอกสารที่ถูกต้อง
3. พนักงานสอบสวนจะต้องตรวจสอบให้ชัดเจนว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อย่างไร ได้สิทธิมาโดยวิธีใด
4. กรณีมอบอำนาจให้ร้องทุกข์หนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์จะต้องเป็นฉบับจริง ตรวจสอบบัตรตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อง่ายต่อการตรวจสอบและใช้แสดงต่อเจ้าพนักงานตำรวจ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในการสืบสวน จับกุมผู้กระทำความผิด
กรณีมีข้อสงสัยว่างานลิขสิทธิ์ดังกล่าวละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ สามารถสอบถามกับเจ้าของลิขสิทธิ์ได้โดยตรง หรือสอบถามจากแหล่งที่มาของสินค้าที่ได้รับมาว่าสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่ และเมื่อถูกกล่าวหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ สิ่งแรกที่ต้องกระทำคือ ขอตรวจสอบความถูกต้องของหลักฐานดังนี้
1. หลักฐานการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากคดีละเมิดลิขสิทธิ์เป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว เจ้าของลิขสิทธิ์หรือตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจะต้องแจ้งความร้องทุกข์เสียก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจะมีอำนาจในการจับกุมดำเนินคดีได้ และคดีนี้สามารถระงับได้ด้วยการถอนคำร้องทุกข์ ถอนฟ้อง หรือยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย
2. หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของงานอันมีลิขสิทธิ์หรือการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์โดยวิธีใด อาทิเช่น ค่ายเทปเป็นเจ้าของงานสิ่งบันทึกเสียง (เทป,ซีดี) หรือนักแต่งเพลงที่เป็นเจ้าของงานดนตรีกรรม (เพลง) เป็นต้น
3. หลักฐานการมอบอำนาจให้ตัวแทนมาดำเนินคดี เช่น เอกสารหมดอายุหรือไม่ การมอบอำนาจถูกต้องหรือไม่ มีอำนาจในการร้องทุกข์ ถอนคำร้องทุกข์ หรือยอมความหรือไม่ เป็นต้น
4. บัตรตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งออกโดยกรมทรัพย์สินทางปัญญาถูกต้องหรือไม่ หมดอายุหรือไม่
5. บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ
การขอตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นตัวแทนจากเจ้าของลิขสิทธิ์ให้มาดำเนินคดีแก่ผู้กระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ ให้ดูจากหนังสือมอบอำนาจว่าให้ดำเนินคดีได้ และมีระยะเวลามอบอำนาจเท่าใด จึงจะมีสิทธิ์ฟ้องร้องได้ ถ้าดำเนินคดีภายในระยะเวลานั้น อนึ่งหากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อสำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา
1. งานลิขสิทธิ์ทั่วไปมีอายุการคุ้มครองตลอดอายุผู้สร้างสรรค์ และอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย
2. นิติบุคคล 50 ปี นับแต่วันสร้างสรรค์งาน ถ้าระหว่างนั้นมีการโฆษณาก็ให้นับจากวันโฆษณาครั้งแรก
3. งานภาพถ่ายโสตทัศนวัสดุ ภาพยนตร์ สิ่งบันทึกเสียงแพร่ภาพ 50 ปี นับแต่วันสร้างสรรค์งาน ถ้าระหว่างนั้นมีการโฆษณางานก็ให้นับจากวันโฆษณาครั้งแรก
4. งานศิลปประยุกต์ 25 ปี นับแต่วันสร้างสรรค์งาน ถ้าระหว่างนั้นมีการโฆษณางานก็ให้นับจากวันโฆษณาครั้งแรก โปรแกรมคอมพิวเตอร์จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ส่วนเครื่องคอมพิวเตอร์จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายสิทธิบัตร เมื่อได้จดทะเบียนแล้ว
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2553 14:47:37 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 12:18:58 » |
|
. พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 ได้กำหนดระยะเวลาการคุ้มครองงานศิลปกรรม โดยทั่วไปมีตลอดอายุของผู้สร้างสรรค์ และมีผยู่ต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย ภาพวาด หรือตัวการ์ตูนอันถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทศิลปกรรม เมื่อหมดอายุการคุ้มครองตามกฎหมาย งานเหล่านั้นตกเป็นสาธารณะ การกระทำใด ๆ แก่งานศิลปกรรมเหล่านั้นไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ งานอันมีลิขสิทธิ์จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายทันทีที่สร้างสรรค์ การที่จะทราบว่าอายุการคุ้มครองครบเมื่อไหร่ ก็ต้องทราบว่างานนั้นสร้างสรรค์หรือโฆษณาเมื่อใด
ความคุ้มครองสิทธิในงานอันมีลิขสิทธิ์นั้น เป็นระบบที่ไม่ต้องมีการจดทะเบียนและได้รับความคุ้มครองทันทีที่มีการสร้างสรรค์งานตามกฎหมาย หากผู้ใดนำงานลิขสิทธิ์ดังกล่าวไปทำซ้ำ ลอกเลียน หรือดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ย่อมเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และมีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์จะสามารถแจ้งความร้องทุกข์ และดำเนินคดีกับผู้ละเมิดได้ทันที กรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้จัดให้มีบริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ ประชาชนทั่วไป สามารถตรวจสอบได้ว่า ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้มีบริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์และเป็นฐานข้อมูลในการติดต่อกับเจ้าของลิขสิทธิ์ในการขออนุญาตใช้สิทธิ โดยมีหลักฐานดังต่อไปนี้
1. แบบ ลข.01 และสำเนา 2 ฉบับ
2. หลักฐานแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์
3. ผลงานลิขสิทธิ์ ซึ่งแสดงรายละเอียดการสร้างสรรค์งานลักษณะต่างๆ จำนวน 1 ชุด
4. สำเนาบัตรประชาชน โดยรับรองสำเนาถูกต้อง
5. เอกสารอื่นๆ เช่น หนังสือมอบอำนาจ โดยยื่นแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ได้ที่ งานบริการรับแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัด
ความผิดอันเกิดจากการละเมิดลิขสิทธิ์นั้น เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลที่จะเป็นผู้ชี้ขาดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่รวมถึงการพิจารณาค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงที่ทั้งฝ่าย(เจ้าของลิขสิทธิ์และ ผู้ละเมิดลิขสิทธิ์)จะต้องพิสูจน์และนำสืบกันในชั้นศาลเป็นกรณีๆไป ซึ่งค่าเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นโดยหลักแล้วศาลจะพิจารณาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นว่าเป็นการกระทบกระเทือนสิทธิของ เจ้าของลิขสิทธิ์มากน้อยเพียงใดและเป็นความเสียหายที่แท้จริงหรือไม่ โดยเป็นหน้าที่ของฝ่ายเจ้าของลิขสิทธิ์ที่จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าตนได้รับความเสียหายตามที่ร้องขอ และศาลจะเป็นผู้พิจารณาว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นพอสมควรแก่เหตุที่ละเมิดหรือไม่ หรือศาลอาจมีคำสั่งไม่ปรับก็ได้
การจำหน่ายสินค้าให้ถูกต้องตามกฎหมาย ควรสอบถามข้อมูลจากตัวแทนที่รับมอบอำนาจในประเทศไทยเสียก่อนว่าแหล่งจำหน่ายใดมีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ส่วนการซื้อสินค้าที่มีผู้ผลิตเพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการขายต่อ หรือขอถ่ายรูปโดยได้รับอนุญาต และถ้ามีผู้สนใจจึงไปสั่งจากผู้ผลิตส่งมาขาย ไม่เข้าข่ายการละเมิดลิขสิทธิ์
การจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆหากเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย สามารถทำได้ และการรับสินค้ามาจำหน่ายจะต้องเป็นแหล่งที่น่าเชื่อถือได้และผู้ผลิตจะต้องมีหนังสืออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ให้สามารถผลิตสินค้าประเภทนั้นๆออกจำหน่ายได้
ตัวการ์ตูน ถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทศิลปกรรมลักษณะงานจิตรกรรมซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะทำซ้ำหรือดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน ให้ประโยชน์อันเกิดจากลิขสิทธิ์แก่ผู้อื่น อนุญาตให้ผู้อื่นใช้สิทธิข้างต้นโดยจะกำหนดเงื่อนไขอย่างใดหรือไม่ก็ได้ แต่จะกำหนดในลักษณะที่เป็นการจำกัดการแข่งขันโดยไม่เป็นธรรมไม่ได้ โดยกฎหมายลิขสิทธิ์จะให้ความคุ้มครองตลอดชีวิตของผู้สร้างสรรค์ และต่อไปอีก 50 ปี นับแต่ผู้สร้างสรรค์ถึงแก่ความตาย แม้แต่การนำรูปตัวการ์ตูนมาวาดบนวัสดุต่างๆโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์โดยการทำซ้ำ ขณะเดียวกันอาจจะเป็นการเผยแพร่ต่อสาธารณชนอีกด้วย
รูปการ์ตูนถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงานศิลปกรรม (ตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537) ซึ่งได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์ โดยไม่ต้องจดทะเบียน อาจพิจารณาจากคุณภาพของสินค้าและราคาสินค้าเมื่อเทียบกับสินค้าที่ถูกกฎหมายชนิดเดียวกันการจำหน่ายสินค้าที่มีตัวการ์ตูนจะต้องจำหน่ายสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้องเท่านั้น แต่ไม่ต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ สำหรับการพิจารณาว่าสินค้าใดเป็นสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ ถูกต้องหรือไม่ ในกรณีที่เป็นการจำหน่ายสินค้าที่เป็นลักษณะหาบเร่แผงลอยนั้นสามารถสอบถาม รายละเอียดได้ที่ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่ากรณีดังกล่าวจะต้องมีการขึ้นทะเบียนพาณิชย์หรือไม่ อย่างไรก็ดี การจำหน่ายสินค้าในร้านที่มีที่อยู่ที่ชัดเจนจะต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ ณ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสำนักงานพัฒนาธุรกิจทุกจังหวัดทุกจังหวัด
Sanrio kitty ถือเป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ประเภท งานศิลปกรรม ปัจจุบันบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับสิทธิในเครื่องหมายการค้าภายใต้ชื่อ Hello Kitty คือ บริษัท ชวลิต แอนด์ แอชโซซิเอทส์ จำกัด
ตัวการ์ตูน Kitty บริษัท แซนริโอ คัมปะนี ลิมิเต็ด ประเทศญี่ปุ่นเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าและเจ้าของลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูน และได้มอบอำนาจให้บริษัท ที่ปรึกษากฎหมายสากล จำกัด เป็นตัวแทนในการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเพื่อขอรับความคุ้มครองในประเทศไทย สำหรับการจำหน่ายสินค้าคิตตี้ จะต้องตรวจสอบว่าตัวแทนผู้ผลิตได้รับอนุญาตให้ผลิตสินค้าดังกล่าวหรือไม่ และตัวแทนผู้จำหน่ายควรมีหนังสือรับรองว่าสินค้าดังกล่าวเป็นสินค้าที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง ในส่วนของการนำเข้าสินค้าดังกล่าวมาจำหน่ายนั้นสามารถทำได้แต่ต้องเป็นัน
อุตร้าแมน เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ของประเทศญี่ปุ่นและได้รับความคุ้มครองในประเทศไทยด้วย ปัจจุบันมีการอ้างสิทธิอุลตร้าแมนของไทย คือนายสมโพธิ แสงเดือนฉาย ซึ่งแจ้งผลงานลิขสิทธิ์ไว้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยไม่ได้ใช้ชื่ออุลตร้าแมนแต่ใช้ชื่อว่ายอดมนุษย์
Popeye ปัจจุบันเป็นของบริษัท King features Syndicate และเครื่องหมายการค้า Popeye ได้มีการจดทะเบียนไว้ในประเทศไทยแล้ว โดยสามารถค้นหา รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Popeye ได้จาก www.kingfeatures.com และตรวจสอบการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ที่กรมทรัพย์สินทางปัญญา
ซุปเปอร์แมน สไปเดอร์แมน และแบทแมน ล้วนเป็นงานสร้างสรรค์อันมีลิขสิทธิ์ ลักษณะโดดเด่นประการหนึ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตัวการ์ตูนที่บุคคลทั่วไปสามารถพิจารณาแยกแยะได้ และถือได้ว่าเป็นสาระสำคัญของงานสร้างสรรค์นั้นคือชุดที่ตัวการ์ตูนสวมใส่อยู่ การจำลองชุดซึ่งเป็นสาระสำคัญแล้วนำมาดัดแปลงมาใส่กับตัวการ์ตูนของตนนั้น ไม่มีลักษณะเป็นการจัดทำงานขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด เมื่อบุคคลทั่วไปเห็นงานดัดแปลงชิ้นนี้ก็อาจเข้าใจผิดได้ว่างานนี้เป็นงานชิ้นใหม่ของเจ้าของลิขสิทธิ์ในตัวการ์ตูนดังกล่าว และอาจกระทบกระเทือนต่อสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์ได้ ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
สุนัข TOYS YARD ที่ได้วาดขึ้นที่เป็นตัวการ์ตูน เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงาน ศิลปกรรม ลักษณะงานจิตรกรรม แม้จะได้สร้างสรรค์ในประเทศฮ่องกง หรือในประเทศอื่นๆที่เป็นสมาชิกของอนุสัญญากรุงเบริ์น หรือ WTO ( World Trade Organization )งานอันมีลิขสิทธิ์นั้นๆ ก็จะได้รับความคุ้มครองในทุกประเทศที่เป็นสมาชิกของอนุสัญญาดังกล่าวโดยอัตโนมัติ ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย แต่อย่างไรก็ดี คำว่า TOYS YARD และรูปสุนัข อาจได้รับความคุ้มครองตามกฏหมายเครื่องหมายการค้า ซึ่งคุ้มครองโดยการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเท่านั้น และจะคุ้มครองเฉพาะในประเทศที่มีการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
ตัวละครสุดสาครและหนุมาน แม้เป็นตัวละครที่มีมานานแล้ว แต่ถ้าผู้สร้างสรรค์ได้ใช้ความวิริยะอุสาหะในการสร้างสรรค์จากตัวละครดังกล่าวมาเป็นตัวการ์ตูนขึ้นมาใหม่ โดยไม่ได้ลอกเลียนผู้อื่น และเป็นงานที่มีลักษณะแตกต่างจากงานที่มีอยู่เดิม ผู้สร้างสรรค์งานดังกล่าวย่อมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานนั้น แต่อย่างไรก็ดี ผู้สร้างสรรค์งานดังกล่าวไม่มีสิทธิห้ามผู้อื่นในการสร้างสรรค์ตัวการ์ตูนจากตัวละครดังกล่าวได้ ถ้าหากงานที่ผู้อื่นสร้างสรรค์ขึ้นนั้น เป็นการสร้างสรรค์โดยใช้ความวิริยะอุสาหะในการสร้างสรรค์เอง และไม่ได้ลอกเลียนแบบงานของผู้อื่น และผู้นั้นย่อมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในตัวงานที่ได้สรางสรรค์ขึ้มมาเองเช่นกัน
ตุ๊กตาที่ทำด้วยมือ เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงานศิลปกรรม หากงานดังกล่าวได้สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความคิดสร้างสรรค์ และเกิดจากความวิริยะอุตสาหะพอสมควร อย่างไรก็ตาม การสร้างสรรค์ดังกล่าวจะต้องไม่ลอกเลียนแบบงานของบุคคลอื่น มิฉะนั้นจะมีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ได้ กรณีการนำผลงานดังกล่าวออกจำหน่ายนั้น อาจจะต้องจดทะเบียนพาณิชย์
แบบตุ๊กตา หรือเสื้อผ้าของตุ๊กตา เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงานศิลปกรรม หากงานดังกล่าวได้สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความวิริยะอุตสาหะพอสมควร โดยจะได้รับการคุ้มครองทันทีที่ได้สร้างสรรค์ผลงานขึ้น โดยไม่ต้องทำการจดทะเบียนเพื่อคุ้มครองสิทธิแต่อย่างใด ดังนั้นเมื่อกฎหมายลิขสิทธิ์ไม่มีระบบการจดทะเบียน และไม่มีระบบการตรวจสอบ ผู้ที่สร้างสรรค์ผลงานอาจไม่ได้มาแจ้งข้อมูลต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา ดังนั้นหากมีการสร้างสรรค์ผลงานจากความคิดริเริ่มของตนเอง แม้งานสร้างสรรค์อาจจะมีบางส่วนที่คล้ายคลึงกันบ้างแต่หากได้สร้างสรรค์ขึ้นโดยความคิดสร้างสรรค์ของตนเองไม่ได้ลอกเลียนงานความคิดสร้างสรรค์ของผู้อื่นแล้ว งานดังกล่าวก็ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์
ภาพที่ปักหรือสกรีนลงบนเสื้อ เข้าข่ายเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภท ศิลปกรรมที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หากจะนำสินค้ามาขายอีกทอดหนึ่ง ควรสอบถามตัวแทนจำหน่ายสินค้า ว่าสินค้าที่นำมาขายมีลิขสิทธิ์ที่ถูกต้องหรือไม่ หากผู้ขายไม่แน่ใจก็ ไม่ควรจะซื้อมาจำหน่าย
งานหัตถกรรมประเภทเครื่องจักรสาน เส้นหวายเทียม ไม่ถือว่าเป็นงานที่จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ งานหัตถกรรม เช่น เครื่องจักรสาน ดังกล่าว หากได้มีการออกแบบเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่ออุตสาหกรรมหรือหัตถกรรมจะสามารถขอรับความคุ้มครองฯ ในทรัพย์สินทางปัญญาประเภทสิทธิบัตรได้ ดังนั้น จึงควรตรวจสอบก่อนจะผลิตสินค้าว่าได้มีการจดทะเบียนสิทธิบัตรไว้หรือไม่ และหมดอายุความคุ้มครองตามกฎหมายหรือยัง
งานหัตถกรรมประเภทของเล่นไม้ อาจเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงานศิลปกรรม ซึ่งได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์ผลงานโดยไม่ต้องจดทะเบียน หรืออาจเข้าข่ายงานสิทธิบัตร ประเภทการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นแนวความคิดสร้างสรรค์เกี่ยวกับรูปร่างลักษณะภายนอกของ ผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่างไปจากเดิม โดยมีเงื่อนไขหรือลักษณะของการขอรับความคุ้มครองสิทธิบัตร ดังนี้
(1) ต้องเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่ยังไม่มีใช้แพร่หลายในประเทศหรือยังไม่ได้เปิดเผยสาระสำคัญหรือรายละเอียดในเอกสารหรือสิ่งพิมพ์ก่อนวันขอรับสิทธิบัตร หรือไม่คล้ายกับแบบผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่แล้ว
(2) สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในทางอุตสาหกรรมหรือหัตถกรรม ฯลฯ
โปรแกรมคอมพิวเตอร์ จัดเป็นลิขสิทธิ์ประเภทวรรณกรรม หมายถึง คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดที่นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน หรือเพื่อให้ได้รับผลอย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในลักษณะใด กรณี Web Site รวมทั้ง Pages ต่าง ๆ ใน Web Site ตลอดจน Script file เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ที่เข้าข่ายได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ทันที่ที่ผู้สร้างสรรค์ได้สร้างสรรค์ผลงาน โดยมิต้องนำไปจดทะเบียน แต่หากต้องการมีหลักฐานข้อมูลให้ปรากฎทางราชการก็สามารถนำไปแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ได้โดยมิต้องเสียค่าธรรมเนียมแต่อย่างใด อนึ่ง หากบุคคลใดเป็นผู้สร้างสรรค์งานโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยมิได้ลอกเลียนงานของบุคคลอื่น ย่อมเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ แต่หากการสร้างโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือสร้าง Script file โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของเดิม ย่อมเข้าข่ายละเมิดลิขสิทธิ์ นอกจากนั้น Flow ของ Web เป็นขั้นตอนกระบวนการนั้น มิใช่เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์
ข้อมูลบางส่วน หรือประวัติบางอย่าง ที่เข้าข่ายเป็นงานวรรณกรรม ย่อมได้รับความคุ้มครองลิขสิทธิ์ แต่หากมีการคัดลอกหรืออ้างอิงบางตอนตามสมควรโดยแสดงชื่อเจ้าของลิขสิทธิ์ในโบชัวร์ และการกระทำที่ไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์ ตามปกติของเจ้าของลิขสิทธิ์ รวมทั้งไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิด อนึ่งพระราชบัญญัติ พ.ศ. 2537 มาตรา 6 วรรคสอง ได้บัญญัติถึงสิ่งที่ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายนี้ คือขั้นตอน วิธีการใช้ หรือกรรมวิธี ดังนั้น การนำข้อมูลดังกล่าวจาก internet ที่เข้าข่ายตามคำอธิบายนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
เว็บไซต์ อาจประกอบด้วยงานลิขสิทธิ์หลายประเภท ได้แก่ งานวรรณกรรม (เช่น บทความ) งานศิลปกรรม (เช่น รูปภาพ ภาพถ่ายตัวการ์ตูน) งานดนตรีกรรม (เช่น เนื้อร้อง ทำนอง) หรือ Script file ซึ่งอาจเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และการที่จะเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์หรือไม่นั้น สามารถดูจากนิยามของโปรมแกรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึง คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดที่นำไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน หรือเพื่อให้ได้รับผลอย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในลักษณะใด ดังนั้น หากส่วนใดส่วนหนึ่งของเว็บไซต์เข้านิยามดังกล่าวคือ เป็นคำสั่งหรือชุดคำสั่งอย่างใด เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานหรือเกิดผลอย่างใด ก็เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ดังนั้น การนำงานอันมีลิขสิทธิ์ทุกประเภทของผู้อื่นมาลงในเว็บไซต์ ถือเป็นการทำซ้ำและเผยแพร่ต่อสาธารณชน ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อนมิฉะนั้นถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ เว้นแต่ ได้กระทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง (ใช้ในบ้าน) และไม่ได้กระทำเพื่อแสวงหากำไร และการกระทำดังกล่าวไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์และกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเจ้าของลิขสิทธิ์เกินสมควร
ข่าวประจำวัน และข้อเท็จจริงต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นเพียงข่าวสารอันมิใช่งานในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ ไม่ถือว่าเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ ดังนั้นการนำข่าวมาลงในเว็ปไซต์จึงไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ถ้าข่าวซึ่งเป็นบทวิเคราะห์ หรือบทความจะเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ หากจะนำมาลงใน web site จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิเช่นนั้นจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
ข้อความ (งานนิพนธ์) สัญลักษณ์ รูปภาพ เนื้อหา หรือ wallpaper ที่ปรากฎบนเว็บไซด์ เป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ทันที โดยไม่ต้องจดทะเบียน ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิในการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือใช้ประโยชน์จากงานดังกล่าว การนำภาพจากบนเว็บไซด์ มาตกแต่งเพิ่มเติม ถือเป็นการดัดแปลงงานอันมีลิขสิทธิ์ ซึ่งจะต้อง ขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน สำหรับเว็บไซด์ ที่นำงานมาดัดแปลงและใช้ประโยชน์นั้น หากไม่ได้รับอนุญาตจาก
เจ้าของลิขสิทธิ์จะมีความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ สำหรับกรณีที่มีผู้นำข้อความหรือรูปภาพไปใช้ประโยชน์ ผู้เสียหายคือเจ้าของลิขสิทธิ์ ข้อความหรือรูปภาพนั้น ๆ ซึ่งเจ้าของเว็บไซด์ในประเทศไทยไม่ใช่เจ้าของลิขสิทธิ์ ไม่สามารถที่ดำเนินคดีได้ตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด อย่างไรก็ดีหากผู้ให้บริการเว็บไซด์ในประเทศไทยได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ในการ ทำซ้ำ ดัดแปลง ข้อความ รูปภาพนั้น ๆ ลิขสิทธิ์ในการดัดแปลงงานนั้น ผู้ที่ดัดแปลงย่อมมีลิขสิทธิ์ในงานที่ ดัดแปลงขึ้นใหม่ ดังนั้นผู้ให้บริการเว็บไซด์ ย่อมมีสิทธิดำเนินคดีแก่ผู้ที่นำงานดังกล่าวไปเผยแพร่ได้
หนังสือการ์ตูน เป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงานวรรณกรรม ส่วนแผ่นเกมส์ถือเป็นงานอันมีลิขสิทธิ์ประเภทงานโสตทัศวัสดุ การนำงานดังกล่าวมาทำซ้ำ (พิมพ์ ทำสำเนา), ดัดแปลง, เผยแพร่ต่อสาธารณชน (นำออกวางจำหน่าย) โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถดำเนินคดีได้ทั้งทางแพ่งและทางอาญา อย่างไรก็ดีความผิดตามกฎหมายลิขสิทธิ์เป็นความผิดอันยอมความได้ หากมีการตกลงชำระค่าเสียหายคดีก็เป็นอันยุติ สำหรับคำถามเรื่องการคำนวณภาษีเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมสรรพกรและการนำสินค้าเข้ามาใน ราชอาณาจักร เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมศุลกากร
ภาพถ่ายสินค้า เป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ประเภทงานศิลปกรรม การนำรูปภาพ สินค้า รูปภาพประกอบ หรือภาพอื่นใด ดาว์นโหลดลงเว็บไซต์ เป็นการทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์ จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน อย่างไรก็ดี หากเป็นผู้สร้างสรรค์ ผลงาน (ภาพถ่าย) ด้วยตัวเอง ลิขสิทธิ์ในงานภาพถ่ายจะตกเป็นของท่านโดยอัตโนมัติ แต่ภาพถ่ายนั้นจะต้องเป็นภาพที่ท่านสร้างสรรค์ขึ้นเองและไม่มีงานลิขสิทธิ์อื่นรวมอยู่ด้วย กรณีคำถาม ลิขสิทธิ์ภาพถ่ายของสินค้าที่นำไปประกอบการประมูลจะเป็นของใครขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดเป็นผู้สร้างสรรค์ (ถ่ายภาพสินค้านั้น) หากเจ้าของสินค้าเป็นผู้ถ่ายเพื่อนำไปประกอบกับสินค้านั้นๆ และส่งให้กับผู้ลงประกาศ ลิขสิทธิ์นั้นก็จะเป็นของเจ้าของสินค้า หากผู้ลงประกาศขายสินค้าหรือผู้ทำการประมูลเป็นผู้ถ่ายภาพสินค้า ลิขสิทธิ์ในภาพถ่ายก็เป็นของผู้ลงประกาศขายหรือผู้ทำการประมูลดังกล่าว เว้นแต่จะได้มีข้อตกลงเป็นอย่างอื่นว่าให้ลิขสิทธิ์ตกแก่อีกฝ่ายหนึ่งหรือของผู้ที่ซื้อสินค้าจากการประมูลนั้นๆ แต่หากไม่มีการตกลงเป็นอย่างอื่น หากสินค้านั้นได้ขายออกไปแล้ว ลิขสิทธิ์ในภาพถ่ายสินค้านั้น ก็ยังเป็นของผู้สร้างสรรค์ไม่ตกแก่ผู้ซื้อแต่อย่างใด
ภาพถ่ายดารา หรือภาพวาดดาราที่ผู้อื่นได้ถ่ายหรือวาดขึ้นมาทำโปสเตอร์ หรือสติ๊กเกอร์ หรือนำมาทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนเพื่อนำออกจำหน่ายถือเป็นการ ทำซ้ำ และดัดแปลงงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของลิขสิทธิ์ก่อน มิฉะนั้นถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ดี หากถ่ายภาพเองหรือวาดภาพเองท่านก็จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ใน งานภาพวาดและภาพถ่ายดาราดังกล่าว ทั้งนี้ แม้ท่านจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานดังกล่าว แต่ การที่ท่านจะนำภาพดังกล่าวไปแสวงหาประโยชน์เพื่อการค้า ท่านควรได้รับความยินยอมจาก ดาราที่ท่านถ่ายภาพมาหรือวาดภาพก่อน
คำว่า OTOP (ในรูปลักษณะเฉพาะ) เป็นเครื่องหมายบริการที่จดทะเบียนไว้โดยกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และกรมทรัพย์สินทางปัญญาจึงพิจารณาให้คำว่า OTOP เป็นเครื่องหมายที่มีชื่อเสียงแพร่หลายทั่วไป ห้ามมิให้ผู้ใดนำมาจดทะเบียนใช้กับสินค้าหรือบริการใดอีกทั้งสิ้น การนำคำว่า OTOP ไปใช้ (ในรูปลักษณะที่ต่างจากที่จดทะเบียนไว้) เพื่อการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นต่าง ๆ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีและตรงกับนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม หากสินค้าที่ใช้คำว่า OTOP ได้ อาจต้องได้รับการคัดสรรจากหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบอีกด้วย เช่น กรมพัฒนาชุมชน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นต้น
คำว่า Lee Levis ถือเป็นถ้อยคำหรือวลีสั้นๆ ซึ่งไม่จัดอยู่ในงานวรรณกรรมที่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่ถ้าหากถ้อยคำหรือวลีดังกล่าวมีการประดิษฐลวดลายเพิ่มเติมใหม่อาจเข้าลักษณะงานศิลปกรรม เช่น งานจิตกรรม เป็นต้น ถ้อยคำหรือวลีดังกล่าวย่อมได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายลิขสิทธิ์ และถ้อยคำหรือวลีดังกล่าวยังสามารถนำไปจดทะเบียนเพื่อขอความคุ้มครองตามกฎหมายเครื่องหมายการค้าได้อีกด้วย อย่างไรก็ดี การนำถ้อยคำดังกล่าวไปสกรีนลงบนเสื้อจะถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์หรือไม่นั้นขึ้อยู่กับข้อเท็จจริงเป็นกรณีๆ ไป
คำว่า UNSEEN หากนำไปใช้ในลักษณะที่เป็นเครื่องหมาย กับใช้กับสินค้าหรือบริการที่ยังไม่มีผู้จดทะเบียนไว้ก็สามารถใช้ได้ ไม่มีลักษณะต้องห้ามแต่อย่างใด
สถานที่ติดต่อเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ หน่วยงานราชการ
- กรมทรัพย์สินทางปัญญา : โทร. Hotline หมายเลข 1368 เว็บไซต์ www.ipthailand.com
- สำนักลิขสิทธิ์ กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 02-5474633, 02-5474704 - สำนักเครื่องหมายการค้า โทร. 02-547-4638-9
- แจ้งข้อมูลหรือเบาะแสของผู้ละเมิด คลังเก็บสินค้าหรือโรงงานผลิตสินค้า : สำนักงานป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 1368 หรือ 02-547-4702-3
- จดทะเบียนพาณิชย์ : กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 02-547-4432 , 02-547-445 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2553 14:48:02 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Golfอ้วน_TZ*
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 12:44:07 » |
|
 ตั้งแต่เทียงแล้วเนียะ พึ่งอ่านจบ  เยอะมากมาย ขอบคุณสำหรับความรู้คัฟพี่ เต๋าๆ
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ได้แค่เนียะ เมียไม่มี ตังค์ ...!!
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:05:20 » |
|
ตั้งแต่เทียงแล้วเนียะ พึ่งอ่านจบ เยอะมากมาย ขอบคุณสำหรับความรู้คัฟพี่ เต๋าๆ นับถือครับ |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:06:29 » |
|
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Golfอ้วน_TZ*
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:08:13 » |
|
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ได้แค่เนียะ เมียไม่มี ตังค์ ...!!
|
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:19:31 » |
|
.เมื่อช่วงเย็นคุณธิเบตเเจ้งมาทางเอ็มว่าเจษโดนจับลิขสิทธิ์ ของไอทีอะไรสักอย่าง ตอนโดนจับเเฟนเจษอยู่ร้าน พวกที่มาเเบบเดิมทำทีขอซื้อเม็มเเล้วขอให้ลงเพลง ขอให้ลงเพลงนั้นเพลงนี้เเล้วจับกุม โดยอ้างตัวว่าถือสิทธิ์ มีสิทธิ์ในการจับกุม
ในขณะที่ธิเบตบอกเล่าผมก็ขอเบอร์เเละโทรไปหาเเฟนเจษ ใด้เล่าเรื่อง ว่าคนจับมาขอซื้อเม็มเเล้วจับกุมโดยที่เม็มยังอยู่ในมือของเเฟนเจษ ยอมรับเเฟนเจษควบคุมอารมณ์ใด้ดีมาก ไม่มีอาการตกใจหรือหวาดกลัว ตอบโต้กับลิขสิทธิ์ผ่านให้ผมใด้ฟัง
ผมโทรไปหาเจษ บอกกำลังไปร้าน ไปถึงร้านเจษโทรกลับมาเล่าที่ไปที่มาของการจับกุม เเนะนำเจษให้ควบคุมอารมณ์ โดยเปิดโทรศัพท์ให้ผมใด้ฟัง เจษถามหาหนังสือที่ว่ามีอำนาจหรือมอบอำนาจ ทางคนจับกุมก็ให้ดู เเละพยายามโน้มน้าวให้เจษไปโรงพัก
ตำรวจที่ไปด้วยบอกเจษว่ามีการกระทำผิดซึ่งหน้า เจษใด้ตอบกลับไปว่าตรงไหนบ้าง ทางผู้จับกุมบอกมีการบัณทึกวีดีโอใว้เเล้ว(คอมพ์เจษหันหลังออก)เจษขอดูผู้จับกุมบ่ายเบี่ยงบอกไปดูที่โรงพัก
เจษยืนยันไม่ไป เเละยืนยันคนที่มาไม่มีอำนาจ ผู้จับกุมพยายามให้ไปโรงพัก เจษถามเเฟนว่าทำตามที่ผู้จับกล่าวหาหรือไม่ เเฟนเจษยืนยันไม่ใด้ทำ เจษจึงยืนยันไปว่าไม่ใด้ทำความผิด
ทางตำรวจจึงบอกว่าหากไม่ไปก็ใด้เเต่เค้าจะไปออกหมายเรียกมาเชิญตัว เจษตอบยินดีทำตามขั้นตอน
ส่วนที่เล่าไปเพียงบางส่วนจากคำบอกเล่าของเจษที่เหลือรอเจ้าตัวมาขยายความให้อ่านกันอีกที่
ผมขอสรุปให้เพื่อนๆใด้เห็นช่องทางในการต่อสู้เป็นเรื่องๆดังนี้
1หนังสือที่ผู้จับกุมถือมามักนำมาอ้างนั้น ซึ่งตามความเป็นจริงคนที่ถือไม่ใช่ผู้เสียหายที่เเท้จริงเคยปรากฎในคดีที่ศาลยกตั้งเเต่ผู้ถือหนังสือไม่มีอำนาจ ขยายความ การไม่มีอำนาจในการดำเนินการร้องเรียนจับกุม การถือหนังสื่อรับช่วงมาอีกที่จากคนอื่น ที่มักมีการซื้อขายกันเพื่อใช้ในการจับกุมที่อ้างว่าตัวเองถือสิทธิ์ กำลังระบาดไปทั่ว เป็นช่องทางหาเงินของมิฉาชีพอีกทางหนึ่ง โดยอาศัยข้อกฎหมายที่คนทั่วไปอาจไม่เข้าใจ
ตามความเป็นจริงหนังสือฉบับนี้เราสามารถร้องต่อเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบไปทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อยืนยันการมีอำนาจในการดำเนินการหรือไม่ หากไม่มีอำนาจเราสามารถดำเนินคดีใด้ทั้งผู้อ้างสิทธิ์เเละเจ้าหน้าที่ในการปฎิบัติหน้าที่มิชอบใด้
2 หนังสือที่ผู้อ้างว่ามีอำนาจถือมาพร้อมเจ้าหน้าที่ เป็นบันทึกประจำวัน เเล้วมาทำการล่อลวงให้ให้ร้านดำเนินการตามที่ถุกร้องขอให้กระทำความผิด โดยอ้างว่ากระทำความผิดซึ่งหน้าจะกระทำมิใด้เว้นเสียเเต่ร้านค้าเชิญชวนให้มาลงเพลงที่ระเมิดต่อผู้อื่น หากร้านเเสดงเจตนาชัดเจนว่ารับลงเพลงที่ถูกต้องเเต่ผู้อ้างถือสิทธิ์ร้องขอให้ช่วยทำ ให้ทำ การระเมิดจึงไม่ใช่ผู้เสียหาย
3การอ้างสิทธิ์จับกุมหากเราไม่ใด้กระทำความผิดสามารถยืนยันที่จะไม่ไปโรงพักตามที่ผู้อ้างสิทธิ์ต้องการสามารถทำใด้ ให้เจ้าหน้าที่นำหมายเรียกหรือหมายศาลให้ไปพบเจ้าหน้าที่ภายหลังใด้
การอ้างสิทธิ์ในการจับกุมจึงเป็นช่องทางสำคัญที่จะใช้ต่อสู้ในทางกฎหมาย
เเต่องค์ประกอบในร้านก็สำคัญที่จะไม่นำไปสู่การจับกุมเรื่องอื่น เช่น มีคริปลาม๊กซึ่งหลายคนประมาทเเละโดนจับไปเป็นเรื่องต่อรองว่าถ้าไม่ยอมจ่ายเงินก็จะเเจ้งดำเนินคดีพ่วงเรื่องนี้เข้าไป
ขออธิบายตรงนี้ ปัจจุบัน พรบ ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดว่าด้วย คอมพ์พิวเตอร์ครอบคลุมในหลายเรื่อง การที่เราเป็นร้านค้าให้บริการ ด้านนี้ เจ้าหน้าทีมีอำนาจในการดำเนินการ เเละเมื่อขึ้นศาลๆมักเชื่อว่าเรากระทำความผิดโดยอ้างเหต่ที่คอมพ์เราใช้ในการให้บริการจึงเชื่อใด้ว่าเรากระทำผิดซึ่งโอกาสรอดคดีน้อยมากจึงเป็นช่องทางให้เจ้าหน้าที่หาประโยชน์
คอมพ์ ต้องไม่มีคริปลาม๊ก ไม่มีเพลงที่ระเมิดสิทธิ์ผู้อื่นปะปนอยู่
หลายคนประมาท ว่าคงไม่โชคร้านโดนร้านตัวเองหรอก อยากเตือนใว้อย่าชะล่าใจ จะทำอาชีพนี้ต้องเเยกให้ชัด คอมพ์ที่ให้บริการต้องไม่มีของเหล่านี้ปะปนอยู่ อย่าคิดว่าคอมพ์สองตัวอยู่ในร้านเเล้วเค้าจะเชื่อย้ำคอมพ์ในร้านค้าเราต้องสะอาดมีเพียงของถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้นลงหรือไม่รับลงเพลงมีโอกาสโดนจับทั้งนั้น
เดี๋ยวกระทู้จะยาวไปท่านใดสงสัย็ถามมาผมจะหาคำตอบมาให้เพื่อความกระจ่างในช่องทางทำกิน
ปล สงสารชีวิตพวกเรา ไหนจะโจรโขมยขึ้นร้าน โดนฉกชิงวิ่งราว ยังมาโดนโจรถือเอกสารมาตบทรัพย์ เเล้วยังมีโจรในเครื่องเเบบอีก ..............เฮ้อกำเเท้คนมือถือ
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2553 14:49:18 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:21:55 » |
|
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:37:28 » |
|
.ระวังโดน 18 มงกุฏหลอกจับลิขสิทธิ์ต่างๆ
เขียนโดย นิติ บุญศิริ on วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
รู้เขา-รู้เรา รบสิบครั้งชนะสิบครั้ง
มีข้อมูลดีๆที่มีประโยชน์ อยากเอามาเผยแพร่ให้ทุกคนได้รู้ครับ..
ระวังกลุ่มคนหลอกลวงรีดไถเงินร้านมือถือและอื่นๆ พร้อมวิธีป้องกันตัวครับ ยุค นี้มีการหากินกันแปลกๆเกิดขึ้นเยอะ การละเมิดลิขสิทธิ์กำลังเป็นที่จับตาในสังคม จึงเกิดกลุ่มคนที่คิดค้นอาชีพจับของละเมิดลิขสิทธิ์ครับ ใครมีญาติหรือเพื่อนโดนรังแก หรือยังไม่โดนก็โปรดนำไปให้อ่านด้วยนะครับ การจับ ของแท้จากเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง ทำเพื่อให้คนหันมาใช้ของแท้ ไม่ใช่ทำเพื่อเรียกเงินเกินจริงจากเหยื่อ พูดง่ายๆคือ ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์ในลิขสิทธิ์นั้นๆ แต่ไปสมัครเพื่อไปไถเงินคนครับ แต่ถ้าทำตามกฎมันก็ไถเงินได้น้อยครับ คนจึงไม่เล่นตามกฎหมาย ใช้วิธีไถเงินและข่มขู่แทน ที่จริงมันไม่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตครับ แต่ร้ายแรงตรงที่เป็นภัยสังคมครับผู้เสียหายจะโดนไถเงินรายละ 10,000-50,000 บาท แต่ที่ผมบอกว่าร้ายแรงเพราะว่า มีคนโดนไปทั่วประเทศแล้วครับจุดเริ่มต้นแก๊งไถเงิน
1. เริ่มด้วยการตั้งบริษัทจำกัด แล้วรวบรวมขอซื้ออำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จากเจ้าของลิขสิทธิ์จริงเท่าที่ทำได้ เช่นเพลง กระเป๋า น้ำหอม เกม การ์ตูน โดยบริษัทเหล่านี้จะอ้างคุณธรรม ตั้งเพื่อปราบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์
2.บริษัทเหล่านี้จะหาตัวแทน(ก็คือการรับพนักงานบริษัทตัวเอง)
3.ตัวแทนเหล่านี้จะหาสมาชิกแบบขายตรงเลยครับ เรียกว่าผู้รับอำนาจช่วง4.ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองครับ แต่ก็มีโรงพักบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือกับพวกโจร
5.เดินสายจับแบบผิดกฎหมายครับทีละจังหวัด ย้ายไปเรื่อย วนเวียนกลับมาทุกๆ 3-6 เดือน
6.มีการทำธุรกิจนี้มาหลายปีแล้วครับ ประมาณ 7 ปีรายได้ ตัว แทนพวกนี้จะรวยมาก รายได้เกินจะคาดเดา แต่ที่พบเห็นคือสามารถออกรถป้ายแดงกันทุกคน BMW ก็มีบางกลุ่มออกรถแวนป้ายแดงราคา 6 ล้านก็มี หัวหน้าบางคนทำจนมีเงินฝากถึง 200 ล้านบาท เห็นมั้ยครับว่าการตั้งบริษัทถูกกฎหมาย แต่ดูเจตนาการตั้งสิครับ เจตนาไม่ได้ทำเพื่อปราบหรือให้คนหันมาใช้ของแท้ แต่ทำเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าครับการไถแต่ละเเบบมีดังนี้
การไถเงินร้านขายมือถือ
1. ไถแบบจัดลิขสิทธิ์ MP3
1.1 หน้าม้าจะหลอกให้ลงเพลง mp3 หรือ โปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ใส่มือถือ
1.2 จะมีคนมาจับอ้างว่าเป็นตัวแทน มาพร้อมตำรวจ 1.3 ไถเงิน 50,000 บาท
วิธีแก้ไขเบื้องต้น- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น- หากพวกมันดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเยอะๆ- อย่ายอมจ่ายเงินให้มันเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้มันไป 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมันรีบๆกลับบ้านไปเถอะ- ถ้ามันโง่มากไม่รู้กฎหมายยังดื้อแจ้งความ ก็ไม่ต้องจ่ายอยู่ดีครับ คดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องครับ คุณชนะแน่นอน - แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกครับ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกครับ คุณก็ชนะอยู่ดี
2. ไถแบบจับหน้ากากมือถือ แบตปลอม ซองปลอม
2.1 ตัวแทนปลอมจะอ้างว่ามาจับหน้ากากปลอม
2.2 ไถเงิน 50,000 เช่นกัน- แต่กรณีจับหน้ากากนั้น มีของแท้นะครับ ถ้าเป็นของแท้ จะไม่ไถเงินคุณครับ ไถก็อย่าจ่ายครับ- จ่ายในศาลครับ ของแท้จะมากับตำรวจกองปราบและตำรวจเศรษฐกิจ แต่จะจับแต่ร้านใหญ่ๆครับ- อันนี้ถ้าผิดจริงคุณก็ต้องยอมจ่ายครับ แต่สารภาพในศาลว่ามูลค่าที่ขายนั้นเท่าไหร่ ศาลจะให้คุณจ่ายตาม จริง+ค่าเสียหายฝ่ายตรงข้ามนิดหน่อย
- ถ้าผิดจริงผมไม่มีวิธีแก้ให้นะครับ แค่ผ่อนหนักเป็นเบาวิธีแก้ไขเบื้องต้นก็เหมือนเดิมครับการไถเงินร้านซ่อมคอมพิวเตอร์
1. ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม KARAOKE
1.1 หน้าม้าจะมาตีสนิทร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการนำคอมพิวเตอร์มาซ่อมก่อน 1 เครื่อง
1.2 อีก2-3 วันหน้าม้าจะนำเครื่องคอมมาอ้อนวอนให้ลงโปรแกรม NICK ตกลงนัดรับเครื่องกันโดยดี
1.3 วันรับเครื่อง พวกนี้จะจ้างตำรวจมา 2 คน(คนละ500) โดยตำรวจจะออกตัวว่าไม่ได้มาจับมาดูแลความสงบ
1.4 ไถเงิน 50,000 บาทแล้วจะไม่เอาความผิดโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของเพลง 2-3 เพลง ในโปรแกรม NICK โดยตัวแทนลิขสิทธิ์พวกนี้จะไปขอลิขสิทธิ์เพลงเก่าๆ ราคาถูกๆ
1.5 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่100เวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.6 จะโดนตำรวจขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100,000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็น แสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50,000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอน
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเยอะๆ
- อย่ายอมจ่ายเงินให้มันเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้มันไป 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมันรีบๆกลับบ้านไปเถอะ
- ถ้ามันโง่มากไม่รู้กฎหมายยังดื้อแจ้งความ ก็ไม่ต้องจ่ายอยู่ดีครับ คดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องครับ คุณชนะแน่นอน
- แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกครับ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกครับ คุณก็ชนะอยู่ดี
2. ไถแบบจับลิขสิทธิ์โปรแกรม WINDOWS/MICROSOFT OFFICE /PHOTOSHOP และอื่นๆ ที่ทางร้านลงให้ลูกค้า** เนื่องจากร้านซ่อมคอมซ่อมคอมให้ชาวบ้านธรรมดา โดยคิดค่าซ่อมครั้งละ 300-500 บาท จึงไม่อาจให้ชาวบ้านซื้อโปรแกรมแท้ให้กับเครื่องที่มาซ่อมได้ หากซื้อของแท้ค่าซ่อมอาจจะสูงถึง 100,000 200,000 บาท ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ แสน-สองแสนครับ /แล้วใครจะบ้ามาซ่อมล่ะครับ พวกโจรจึงคิดวิธีหากิน
2.1 เอาคอมมาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ โดยอ้างว่าซื้อ PC มาจากห้างแบบไม่มี OS (อ้างโง่ๆ ชาวบ้านที่ไหนจะโง่ซื้อคอมจอดำๆไม่มีwindowsมาใช้)
2.2 เอาคอมเก่ามาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ
2.3 เข้าจับเหมือนเดิมเรียกเงิน 50,000 บาท
แบบที่1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ในโปรแกรม NICK KARAOKE
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- หากมีคนนำคอมใหม่ที่บอกว่า ไม่มี windowsมา ขอให้ลงwindowsและโปรแกรม ก็ปฏิเสธอย่าลงให้เด็ดขาด
- ให้ทำเอกสารซ่อมไว้ และเขียนชื่อโปรแกรมที่เครื่อง PCจำเป็นต้องมี/ให้ลูกค้าติ๊กในช่องว่าเคยมีโปรแกรมเหล่านั้น และเขียนชัดเจนว่าทางร้านทำการซ่อมให้ใช้ได้เหมือนเดิมและส่วนโปรแกรมพิเศษต่างๆให้ลูกค้าเขียนเอง หากมีคนนำคอมเก่ามาให้ลง ก็ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มนั้น และให้ลูกค้าเซ็นชื่อ
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับ คุณก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเยอะๆ
- หากตำรวจพื้นที่นั้นโง่ไม่รู้กฎหมายว่าคดีแบบนี้ศาลยกฟ้อง จับเจ้าของร้าน ให้เตรียมเงินประกัน 50,000 บาท
- อย่ายอมจ่ายเงินเด็ดขาด
******คดีแบบนี้ 99% การเข้าจับไม่มีหมายศาลครับ เพราะเมื่อขึ้นศาล ศาลก็ยกฟ้องครับ จึงไม่มีใครขอหมายศาลการไถเงินร้านเน็ต ร้านเกม PC
1. ไถแบบจับลิขสิทธิ์ MP3
1.1 หน้าม้าจะแอบมานั่งเล่นแล้วแอบโหลด MP3 ลงเครื่อง
1.2 ตัวแทนลิขสิทธิ์ จะเข้ามาจับโดยไว จ้างตำรวจมาเป็นเพื่อน 2 นายเหมือนเดิมครับ(คนละ500)
1.3 ตัวแทนจะอ้างลิขสิทธิ์เพลง และเรียกเงิน 50,000 บาท โดยให้จ่ายกันเองก่อน
1.4 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่ร้อยเวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.5 จะโดนขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100,000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็น แสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50,000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอนวิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าจ่ายเงินเด็ดขาด เพราะคดีนี้เจ้าของร้านชนะแน่นอน เพราะในชั้นศาลไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้ลงMP3
- ปิดร้าน แล้วก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เพราะถ้าลิขสิทธิ์ของแท้จะมีหมายศาล และตำรวจจะพูดแสดงโจ่งแจ้งว่าจับคุณจริง และไม่มีการเรียกเงินค่าไถ่ และประเด็นสำคัญ ลิขสิทธิ์ของแท้ไม่จับคดีกระจอกๆแบบนี้
2. ไถแบบยัดเยียดหัวเกรียนเล่นผิดเวลา หากร้านไหนใช้เกมแท้ทั้งหมดจะเจอไม้นี้แทน มีวิธีดังนี้
2.1 หากร้านไหนเผลอ โจรจะแอบส่งหัวเกรียนอายุน้อยๆ ต่ำกว่า 18 ให้มานั่งเล่นเกินเวลา
2.2 นัดแนะตำรวจมาจับตรงเวลาแป๊ะๆ คือ 22.01น
2.3 ดิ้นไม่รอดครับตำรวจจะไถเงิน 50,000 เช่นกัน ถ้าไม่จ่ายโดนจับไปโรงพักวิธีแก้ไขเบื้องต้น- อย่าให้พวกเกรียนเล่นเกินเวลา ห้ามพลาดเด็ดขาด
- ถ้าโดนจับอย่าแอบจ่ายใต้โต๊ะเพราะมันแพง ยอมโดนจับและเตรียมเงินประกันครับ สู้กันในศาล ศาลจะดูเจตนาครับ โดนปรับนิดหน่อย
- ถ้าผิดจริงโดยจงใจให้เด็กเล่นเกินเวลาเพื่อหวังเงิน ขอให้สารภาพตามตรงจ่ายในศาลนะครับ แล้วที่หลังอย่าทำอีกการไถเงินร้านเกมเพลย์
วิธีหากินมีหลายรูปแบบครับ
1. ไถแบบจับลิขสิทธิ์เกมในร้าน มีวิธีดังนี้
1.1 คนที่จะหากินในทางนี้จะตรวจดูว่าเกมไหนที่กำลังฮิต และไม่มีลิขสิทธิ์ เมื่อพบจะทำทุกวิถีทางติดต่อกับต่างประเทศ เพื่อขอเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์
1.2 ตะเวนจับร้านเกม โดยการเข้าจับใช้ขั้นตอนที่ผิดกฎหมาย โดยจะจ้างตำรวจมา 2 นาย ตำรวจได้คนละ500บาท(แต่ตำรวจจะออกตัวว่า มาดูแลความเรียบร้อย)
1.3 เมื่อเข้าจับจะยังไม่เอาผิดตามกฎหมาย แต่จะไถเงินจำนวน 50,000 บาทขึ้นไป(ถ้าเอาผิดตามกฎหมายจะได้เงินน้อย เพราะศาลจะให้ชดใช้ตามจำนวนจริง ประมาณ 2000 บาท)
1.4 เหยื่อส่วนใหญ่จะตกใจและกลัว จะยอมจ่ายเงินให้ 5000 บาท หรือต่อรองเหลือ 40,000 30,000 10,000 เมื่อได้เงิน พวกลิขสิทธิ์จะรีบกลับโดยเร็ววิธีแก้เบื้องต้นอย่ายอมจ่ายเงินทุกๆกรณี เพราะของแท้จะไม่เรียกเงินและของแท้จะไม่มาจับกระจอกๆแบบนี้ครับ
2. ไถแบบยัดเยียดพวกเกรียนเล่นผิดเวลา หากร้านไหนใช้เกมแท้ทั้งหมดจะเจอไม้นี้แทน
วิธีแก้ไขแบบเดิมครับการไถเงินร้านอาหาร ร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยววิธีการดังนี้ครับ
1. หน้าม้าจะมากินก๋วยเตี๋ยวครับ และขอให้เปิดเพลงที่มันต้องการ
2. เมื่อเปิดเพลงไป 1 นาทีกว่าๆเพลงไม่ทันจะจบ ตัวแทนก็จะมาจับทันที
3. เรียกไถเงิน 50,000
ตามระเบียบวิธีแก้ไขเบื้องต้น
1. อย่ายอมจ่ายเงินครับ
2. บอกไปครับว่ายินดีสู้กันในศาล ให้มันไปฟ้องศาลได้เลยครับ มันก็จะเถียงๆแป๊บนึง แล้วก็จะกลับไปเอง
3. โทรตามพวกมาเยอะๆ เท่าที่ทำได้
4. ถ้าตำรวจโง่จับคุณไปโรงพัก ก็เตรียมเงินประกัน 50,000 บาท แล้วเตรียมฟ้องกลับ มีทนายฟรีที่ศาลทุกจังหวัดครับ คดีแบบนี้คุณชนะแน่นอนการไถเงินตลาดนัดอันนี้เลวสุดๆเล่นงานคนจน
วิธีการมีดังนี้
1. โจรจะเดินดูและจดรายการของที่มีลิขสิทธิ์ที่มีในตลาดนัด เช่นนาฬิกา เสื้อผ้า ตุ๊กตา กระเป๋า ผ้าเช็ดหน้าปลอกหมอนผ้าเช็ดตัวที่มีลายอุลตร้าแมน โดราเอม่อน
2. เมื่อได้รายการจะไปขอเป็นตัวแทนจากบริษัทที่เป็นเจ้าของจริง แล้วก็เข้าจับแบบเดิม
3. ส่วนใหญ่ 99% จะของปลอม เข้าจับแบบข่มขู่ เรียกเงิน 50,000 บาท ต่อรอง 10,000 มันก็รีบเอาแล้วเผ่นหนี
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- โวยวายด่าแหลกแบบแม่ค้า โมโหเก็บของกลับบ้านไม่ต้องสนใจใคร
- 99% ของปลอม เล่นบทโหดใส่ รีบกลับบ้าน ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ครับ ย้ำว่าลิขสิทธิ์ของแท้ ไม่มาจับแม้ค้าแบบนี้หรอกครับ
- หากมีลิขสิทธิ์ของจริง หากหน้าด้านมาจับ คุณก็ยอมเค้าไป เพราะคุณผิดจริง ยอมโดนจับแล้วขึ้นศาลนะครับ อย่าจ่ายเองเด็ดขาดให้ศาลสั่งเท่านั้น คุณจะโดนปรับจริงๆไม่เกิน 2,000 บาท
-ศาลจะให้จ่ายตามความเสียหายจริงครับ เช่น ปลอกหมอน 150 บาท10ผืน ของคุณทำความเสียหาย 1500 บาท ศาลก็จะสั่งปรับแค่นั้น ไม่มีในโลกครับที่ปรับ 50,000 บาททั้งหมดนี้ที่เรียกว่าของปลอมถึงแม้บางคนจะเป็นตัวแทนจริงๆ ก็เพราะ วิธีการเข้าจับของพวกมัน ผิดกฎหมายครับธุรกิจนี้ผลตอบแทนมหาศาลครับ
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2553 14:49:42 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Golfอ้วน_TZ*
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:43:24 » |
|
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ได้แค่เนียะ เมียไม่มี ตังค์ ...!!
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 13:48:19 » |
|
ระวังกลุ่มคนหลอกลวงรีดไถเงินร้านมือถือและอื่นๆ พร้อมวิธีป้องกันตัว ***
ยุคนี้มีการหากินกันแปลกๆเกิดขึ้นเยอะ การละเมิดลิขสิทธิ์กำลังเป็นที่จับตาในสังคม
จึงเกิดกลุ่มคนที่คิดค้นอาชีพจับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์
อาชีพจับของละเมิดลิขสิทธิ์ครับ ใครมีญาติหรือเพื่อนโดนรังแก หรือยังไม่โดนก็โปรดนำไปให้อ่านด้วยนะครับ
การจับของแท้จากเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง ทำเพื่อให้คนหันมาใช้ของแท้ ไม่ใช่ทำเพื่อเรียกเงินเกินจริงจากเหยื่อ
-
- พูดง่ายๆคือ ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์ในลิขสิทธิ์นั้นๆ แต่ไปสมัครเพื่อไปไถเงินคนครับ แต่ถ้าทำตามกฎมันก็ไถเงินได้น้อยครับ คนจึงไม่เล่นตามกฎหมาย ใช้วิธีไถเงินและข่มขู่แทน
-
ที่จริงมันไม่ร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตครับ แต่ร้ายแรงตรงที่เป็นภัยสังคมครับ
ผู้เสียหายจะโดนไถเงินรายละ 10,000-50,000 บาท แต่ที่ผมบอกว่าร้ายแรงเพราะว่า มีคนโดนไปทั่วประเทศแล้วครับ
จุดเริ่มต้นแก๊งไถเงินครับ
1 เริ่มด้วยการตั้งบริษัทจำกัด แล้วรวบรวมขอซื้ออำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จากเจ้าของลิขสิทธิ์จริงเท่าที่ทำได้ เช่นเพลง กระเป๋า น้ำหอม เกม การ์ตูน โดยบริษัทเหล่านี้จะอ้างคุณธรรม ตั้งเพื่อปราบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์
2 บริษัทเหล่านี้จะหาตัวแทน(ก็คือการรับพนักงานบริษัทตัวเอง)
3 ตัวแทนเหล่านี้จะหาสมาชิกแบบขายตรงเลยครับ เรียกว่าผู้รับอำนาจช่วง
4 ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองครับ แต่ก็มีโรงพักบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือกับพวกโจร
5 เดินสายจับแบบผิดกฎหมายครับทีละจังหวัด ย้ายไปเรื่อย วนเวียนกลับมาทุกๆ 3-6เดือน
6 มีการทำธุรกิจนี้มาหลายปีแล้วครับ ประมาณ 7 ปี
-
รายได้
ตัวแทนพวกนี้จะรวยมาก รายได้เกินจะคาดเดา แต่ที่พบเห็นคือสามารถออกรถป้ายแดงกันทุกคน BMW ก็มี
-บางกลุ่มออกรถแวนป้ายแดงราคา 6 ล้านก็มี
-หัวหน้าบางคนทำจนมีเงินฝากถึง 200 ล้านบาท
- เห็นมั้ยครับว่าการตั้งบริษัทถูกกฎหมาย แต่ดูเจตนาการตั้งสิครับ เจตนาไม่ได้ทำเพื่อปราบหรือให้คนหันมาใช้ของแท้ แต่ทำเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าครับ
-
การไถแต่ละเเบบมีดังนี้ครับ
***********การไถเงินร้านขายมือถือ
*** 1 ไถแบบจัดลิขสิทธิ์ MP3
1.1หน้าม้าจะหลอกให้ลงเพลง mp3 หรือ โปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ใส่มือถือ
1.2จะมีคนมาจับอ้างว่าเป็นตัวแทน มาพร้อมตำรวจ
1.3ไถเงิน 50,000 บาท
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเยอะๆ
- อย่ายอมจ่ายเงินให้มันเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้มันไป 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมันรีบๆกลับบ้านไปเถอะ
- ถ้ามันโง่มากไม่รู้กฎหมายยังดื้อแจ้งความ ก็ไม่ต้องจ่ายอยู่ดีครับ คดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องครับ คุณชนะแน่นอน
- /แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกครับ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกครับ คุณก็ชนะอยู่ดี
*** 2 ไถแบบจับหน้ากากมือถือ แบตปลอม ซองปลอม
2.1ตัวแทนปลอมจะอ้างว่ามาจับหน้ากากปลอม
2.2 ไถเงิน 50,000 เช่นกัน
- แต่กรณีจับหน้ากากนั้น มีของแท้นะครับ ถ้าเป็นของแท้ จะไม่ไถเงินคุณครับ ไถก็อย่าจ่ายครับ
- จ่ายในศาลครับ ของแท้จะมากับตำรวจกองปราบและตำรวจเศรษฐกิจ แต่จะจับแต่ร้านใหญ่ๆครับ
- อันนี้ถ้าผิดจริงคุณก็ต้องยอมจ่ายครับ แต่สารภาพในศาลว่ามูลค่าที่ขายนั้นเท่าไหร่ ศาลจะให้คุณจ่ายตามจริง+ค่าเสียหายฝ่ายตรงข้ามนิดหน่อย
- ถ้าผิดจริงผมไม่มีวิธีแก้ให้นะครับ แค่ผ่อนหนักเป็นเบา
วิธีแก้ไขเบื้องต้นก็เหมือนเดิมครับ
***********การไถเงินร้านซ่อมคอมพิวเตอร์****
-
1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม NICK KARAOKE
1.1 หน้าม้าจะมาตีสนิทร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการนำคอมพิวเตอร์มาซ่อมก่อน 1 เครื่อง
1.2 อีก2-3 วันหน้าม้าจะนำเครื่องคอมมาอ้อนวอนให้ลงโปรแกรม NICK ตกลงนัดรับเครื่องกันโดยดี
1.3 วันรับเครื่อง พวกนี้จะจ้างตำรวจมา 2 คน(คนละ500) โดยตำรวจจะออกตัวว่าไม่ได้มาจับมาดูแลความสงบ
1.4 ไถเงิน 50,000 บาทแล้วจะไม่เอาความผิดโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของเพลง 2-3 เพลง ในโปรแกรม NICK โดยตัวแทนลิขสิทธิ์พวกนี้จะไปขอลิขสิทธิ์เพลงเก่าๆ ราคาถูกๆ
1.5 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่100เวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.6 จะโดนตำรวจขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100,000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็น แสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50,000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอน
********วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเยอะๆ
- อย่ายอมจ่ายเงินให้มันเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้มันไป 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมันรีบๆกลับบ้านไปเถอะ
- ถ้ามันโง่มากไม่รู้กฎหมายยังดื้อแจ้งความ ก็ไม่ต้องจ่ายอยู่ดีครับ คดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องครับ คุณชนะแน่นอน
- /แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกครับ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกครับ คุณก็ชนะอยู่ดี
2 ไถแบบจับลิขสิทธิ์โปรแกรม WINDOWS/MICROSOFT OFFICE /PHOTOSHOP และอื่นๆ ที่ทางร้านลงให้ลูกค้า
** เนื่องจากร้านซ่อมคอมซ่อมคอมให้ชาวบ้านธรรมดา โดยคิดค่าซ่อมครั้งละ 300-500 บาท จึงไม่อาจให้ชาวบ้านซื้อโปรแกรมแท้ให้กับเครื่องที่มาซ่อมได้ หากซื้อของแท้
ค่าซ่อมอาจจะสูงถึง 100,000 - 200,000 บาท ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ แสน-สองแสนครับ /แล้วใครจะบ้ามาซ่อมล่ะครับ พวกโจรจึงคิดวิธีหากิน
1.1 เอาคอมมาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ โดยอ้างว่าซื้อ PC มาจากห้างแบบไม่มี OS (อ้างโง่ๆชาวบ้านที่ไหนจะโง่ซื้อคอมจอดำๆไม่มีwindowsมาใช้)
1.2เอาคอมเก่ามาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ
1.3 เข้าจับเหมือนเดิมเรียกเงิน 50,000 บาท แบบ / 1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม NICK KARAOKE
********วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- หากมีคนนำคอมใหม่ที่บอกว่า ไม่มี windowSมา ขอให้ลงwindowsและโปรแกรม ก็ปฏิเสธอย่าลงให้เด็ดขาด
- ให้ทำเอกสารซ่อมไว้ และเขียนชื่อโปรแกรมที่เครื่อง PCจำเป็นต้องมี/ให้ลูกค้าติ๊กในช่องว่าเคยมีโปรแกรมเหล่านั้น และเขียนชัดเจนว่าทางร้านทำการซ่อมให้ใช้ได้เหมือนเดิม
และส่วนโปรแกรมพิเศษต่างๆให้ลูกค้าเขียนเอง หากมีคนนำคอมเก่ามาให้ลง ก็ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มนั้น และให้ลูกค้าเซ็นชื่อ
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับ คุณก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเยอะๆ
- หากตำรวจพื้นที่นั้นโง่ไม่รู้กฎหมายว่าคดีแบบบนี้ศาลยกฟ้อง จับเจ้าของร้าน ให้เตรียมเงินประกัน 50,000 บาท
- อย่ายอมจ่ายเงินเด็ดขาด
***************คดีแบบนี้ 99% การเข้าจับไม่มีหมายศาลครับ เพราะเมื่อขึ้นศาล ศาลก็ยกฟ้องครับ จึงไม่มีใครขอหมายศาล
************การไถเงินร้านเน็ต ร้านเกม PC
-
1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์ MP3
1.1 หน้าม้าจะแอบมานั่งเล่นแล้วแอบโหลด MP3 ลงเครื่อง
1.2 ตัวแทนลิขสิทธิ์ จะเข้ามาจับโดยไว จ้างตำรวจมาเป็นเพื่อน 2 นายเหมือนเดิมครับ(คนละ500)
1.3 ตัวแทนจะอ้างลิขสิทธิ์เพลง และเรียกเงิน 50,000 บาท โดยให้จ่ายกันเองก่อน
1.4 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่100เวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.5 จะโดนขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100,000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็นแสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50,000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอน
****วิธีแก้ไขเบื้องต้น
-อย่าจ่ายเงินเด็ดขาด เพราะคดีนี้เจ้าของร้านชนะแน่นอน เพราะในชั้นศาลไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้ลงMP3
- ปิดร้าน แล้วก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เพราะถ้าลิขสิทธิ์ของแท้จะมีหมายศาลและตำรวจจะพูดแสดงโจ่งแจ้งว่าจับคุณจริง และไม่มีการเรียกเงินค่าไถ่ และประเด็นสำคัญ ลิขสิทธิ์ของแท้ไม่จับคดีกระจอกๆแบบนี้
2 ไถแบบยัดเยียดหัวเกรียนเล่นผิดเวลา หากร้านไหนใช้เกมแท้ทั้งหมดจะเจอไม้นี้แทน มีวิธีดังนี้
2.1 หากร้านไหนเผลอ โจรจะแอบส่งหัวเกรียนอายุน้อยๆ ต่ำกว่า 18 ให้มานั่งเล่นเกินเวลา
2.2 นัดแนะตำรวจมาจับตรงเวลาแป๊ะๆ คือ 22.01น
2.3 ดิ้นไม่รอดครับตำรวจจะไถเงิน 50,000 เช่นกัน ถ้าไม่จ่ายโดนจับไปโรงพัก
****วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าให้หัวเกรียนเล่นเกินเวลาห้ามพลาดเด็ดขาด
- ถ้าโดนจับอย่าแอบจ่ายใต้โต๊ะเพราะมันแพง ยอมโดนจับและเตรียมเงินประกันครับ สู้กันในศาล ศาลจะดูเจตนาครับ โดนปรับนิดหน่อย
- ถ้าผิดจริงโดยจงใจให้เด็กเล่นเกินเวลาเพื่อหวังเงิน ขอให้สารภาพตามตรงจ่ายในศาลนะครับ แล้วที่หลังอย่าทำอีก
************การไถเงินร้านเกมเพลย์
-
วิธีหากินมีหลายรูปแบบครับ-
- **1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เกมในร้าน มีวิธีดังนี้
- 1.1 คนที่จะหากินในทางนี้จะตรวจดูว่าเกมไหนที่กำลังฮิตและไม่มีลิขสิทธิ์ เมื่อพบจะทำทุกวิถีทางติดต่อกับต่างประเทศเพื่อขอเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์
1.2 ตะเวนจับร้านเกม โดยการเข้าจับใช้ขั้นตอนที่ผิดกฎหมาย โดยจะจ้างตำรวจมา 2นาย ตำรวจได้คนละ500บาท(แต่ตำรวจจะออกตัวว่า มาดูแลความเรียบร้อย)
1.3 เมื่อเข้าจับจะยังไม่เอาผิดตามกฎหมาย แต่จะไถเงินจำนวน 50,000 บาทขึ้นไป(ถ้าเอาผิดตามกฎหมายจะได้เงินน้อย เพราะศาลจะให้ชดใช้ตามจำนวนจริง ประมาณ 2,000 บาท)
1.4 เหยื่อส่วนใหญ่จะตกใจและกลัว จะยอมจ่ายเงินให้ 5,000 บาท หรือต่อรองเหลือ 40,000 30,000 10,000 เมื่อได้เงิน พวกลิขสิทธิ์จะรีบกลับโดยเร็ว
****วิธีแก้เบื้องต้น
- อย่ายอมจ่ายเงินทุกๆกรณี เพราะของแท้จะไม่เรียกเงินและของแท้จะไม่มาจับกระจอกๆแบบนี้ครับ
2 ไถแบบยัดเยียดหัวเกรียนเล่นผิดเวลา หากร้านไหนใช้เกมแท้ทั้งหมดจะเจอไม้นี้แทน มีวิธีดังนี้
แบบเดิม*****
***********การไถเงินตลาดนัด
-
อันนี้เลวสุดๆเล่นงานคนจน วิธีการมีดังนี้
1 โจรจะเดินดูและจดรายการของที่มีลิขสิทธิ์ที่มีในตลาดนัด เช่นนาฬิกา เสื้อผ้า ตุ๊กตา กระเป๋า ผ้าเช็ดหน้าปลอกหมอนผ้าเช็ดตัวที่มีลายอุลตร้าแมน โดราเอม่อน
2 เมื่อได้รายการจะไปขอเป็นตัวแทนจากบริษัทที่เป็นเจ้าของจริง แล้วก็เข้าจับแบบเดิม
3 ส่วนใหญ่ 99% จะของปลอม เข้าจับแบบข่มขู่ เรียกเงิน 50,000 บาท ต่อรอง 10,000 มันก็รีบเอาแล้วเผ่นหนี
******** วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- โวยวายด่าแหลกแบบแม่ค้า โมโหเก็บของกลับบ้านไม่ต้องสนใจใคร
- 99% ของปลอม เล่นบทโหดใส่ รีบกลับบ้าน ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ครับ ย้ำว่าลิขสิทธิ์ของแท้ ไม่มาจับแม้ค้าแบบนี้หรอกครับ
- หากมีลิขสิทธิ์ของจริง หากหน้าด้านมาจับ คุณก็ยอมเค้าไป เพราะคุณผิดจริง ยอมโดนจับแล้วขึ้นศาลนะครับ อย่าจ่ายเองเด็ดขาดให้ศาลสั่งเท่านั้น คุณจะโดนปรับจริงๆไม่เกิน 2,000 บาท
- ศาลจะให้จ่ายตามความเสียหายจริงครับ เช่น ปลอกหมอน 150 บาท10ผืน ของคุณทำความเสียหาย 1500 บาท ศาลก็จะสั่งปรับแค่นั้น ไม่มีในโลกครับที่ปรับ 50,000 บาท
ทั้งหมดนี้ที่เรียกว่าของปลอมถึงแม้บางคนจะเป็นตัวแทนจริงๆ ก็เพราะ วิธีการเข้าจับของพวกมัน ผิดกฎหมายครับ
ธุรกิจนี้ผลตอบแทนมหาศาลครับ เพราะเจ้าหน้าที่ร่วมด้วย ปราบยากครับ
อ ันนี้คือลิ๊งค์ รายชื่อตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของแท้ครับ http://www.ipthailand.org/dip/index.php?option=com_docman&task=cat_view&gid=239&Itemid=536 เว็บของกรมทรัพย์สินทางปัญญาครับ ก็อบปี้ต่อกันดีๆนะครับ ไม่งั้นเข้าเว็บไม่ได้
ปล.ผมไม่ได้มาสอนให้คนโกงนะครับ หากเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง จับตามขั้นตอนกฎหมายจริง เรียกเงินตามจริง --ผมสนับสนุนครับ
แ ต่การเรียกเงินตามศาลสั่งนั้น ของแท้จะรู้ว่าถ้าจับแบบรังแกชาวบ้านจะได้เงินน้อยอาจจะแค่ 2,000บาท ดังนั้นของแท้จะจับโรงงานปั้มแผ่น หรือโรงงานผลิตครับ
ของแท้ สังเกตุง่ายๆครับ ส่วนใหญ่จะมี2แบบ จะไปกับตำรวจกอบปราบครับ และจะไปกับตำรวจเศรษฐกิจ ครับ
ข้อกฎหมาย ที่ต้องรู้ครับ
ล่อซื้อ
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 66 บัญญัติว่า ความผิดตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์เป็นความผิดอันยอมความได้
ผลทางกฎหมายคือ เจ้าของลิขสิทธิ์จะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและรู้ถึงการละเมิด
มิฉะนั้นจะขาดอายุความร้องทุกข์
แ ละการแจ้งความร้องทุกข์จะต้องกระทำโดยผู้เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจะต้องเป็น "ผู้เสียหายโดยนิตินัย"
แต่หากผู้เสียหายเป็นผู้มีส่วนร่วม หรือก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจฟ้องคดีได้ตามประมวลกฎหม ายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาฎีกาที่ 4301/2543 การที่จำเลยกระทำความผิดโดยทำซ้ำบันทึกโปรแกรมคอมพิวเตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของ โจทก์ลงในแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรของเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่ส. ตามที่ส.ได้ ล่อซื้อ นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการล่อซื้อของส. ซึ่งได้รับการจ้างให้ล่อซื้อจากโจทก์ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น โจทก์ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
เพราะฉะนั้น การล่อซื้อและการส่งหน้าม้ามาลงเพลงในคอมพิวเตอร์/การล่อเล่นในกรณีเกมส์เพล ย์ จึงเป็นกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกานี้ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้อง
****ข้อย่อยที่ช่วยได้เบื้องต้น ยาวแต่ต้องอ่านนะครับ มันสำคัญทุกข้อครับ
-
-
1 จับกุมลิขสิทธิ์ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น ถ้ามาตอนมืด ถึงจะถูกต้องก็ไล่กลับไปได้เลย
2. หากมีคนอ้างเป็นตัวแทน ขอดูบัตรประชาชน ดูใบรับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ดูบัตรของผู้รับมอบจะต้องมีบัตรของกรมทรัพย์สินทางปัญญา ถ้าไม่ให้ดูไล่พวกมันกลับไปได้เลย
3 การล่อเล่นของหน้าม้า เป็นการร่วมกระทำความผิด ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์
4 ร้านคอมฯปฏิเสธไม่ให้ตรวจเครื่องคอมฯได้นะครับถ้ามันไม่มีหมายค้น ในส่วนของตัวร้าน(สาธารณสถาน)อยากตรวจก็ให้ตรวจไป แต่เครื่องคอมฯไม่ใช่สาธารณสถานเรามีสิทธิปฏิเสธไม่เปิดให้ตรวจสอบได้
5 ตัวแทนลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์อธิบายขั้นตอนการจับกุม กฎหมายเขียนชัดเจนให้เป็นหน้าที่ของตำรวจชุดจับกุมให้เป็นผู้จัดทำบันทึกการ จับกุม ไม่มีกฎหมายให้อำนาจราษฎรทำ เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยข้อหนึ่งได้ว่ามันมั่วนิ่มไม่รู้กฎหมายแล้วมาจับ
6 ราษฎรก็จะช่วยตำรวจจับไม่ได้แม้ตำรวจจะขอให้ช่วยจับ เพราะ ตำรวจจะขอให้ราษฎรช่วยจับได้ต้องเป็นผู้จัดการตามหมายจับเท่านั้น(เช่น โจรที่มีหมายจับ) แต่การจับละเมิดลิขสิทธิ์ในความผิดซึ่งหน้าไม่ใช่การจัดการตามหมายจับ เราจึงมีสิทธิป้องกันการจับกุมอันมิชอบด้วยกฎหมายทั้งปวงกับราษฎรที่มาช่วยจ ับได้ตามสมควร(ต่อสู้ป้องกันตามสมควร อย่าให้ถึงตายนะครับ แบบนั้นติดคุกฐานฆ่าคนตาย ควรใช้กระบองป้องกันตัว)ไม่มีความผิดทางอาญาใดๆ
7 การล่อเล่น ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจ ราษฎรก็ล่อเล่นได้ (แต่การล่อเล่นในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ศาลจะยกฟ้อง) เหมือนข้อ3
8 จะเป็นความผิดซึ่งหน้า ต้องดูที่ลักษณะของการกระทำ ไม่ใช่ดูที่ตัวผู้ล่อเล่นว่าเป็นตำรวจหรือไม่เป็นตำรวจ ความผิดซึ่งหน้า หมายถึง ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ หรือพบในอาการใด ซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าได้กระทำผิดมาแล้วสดๆ (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80)
9 ดูที่ประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญามาตรา 79 ราษฎรก็สามารถจับความผิดซึ่งหน้าได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ แต่ต้องเป็นความผิดบางประเภทเท่านั้น (คือความผิดที่บัญญัติไว้ท้ายประมวลป.วิอาญา) เช่น ฐานฆ่าคนตาย เป็นต้น แต่ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่ความผิดท้ายประมวลฯ ราษฎรจึงจับไม่ได้แม้เห็นความผิดเกิดขึ้นซึ่งหน้า
10 การละเมิดลิขสิทธิ์ต้องเกิดซึ่งหน้าตำรวจเท่านั้นเช่นนั่งไลท์แผ่นต่อหน้าต่ อตาตำรวจ ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับกุม (และต้องมีการแจ้งความแล้ว ถ้ายังไม่แจ้งความก็ไม่มีสิทธิ์จับในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์) ถ้าการละเมิดเกิดต่อหน้าตัวแทนบริษัท(หน้าม้า) แม้จะถ่ายรูปไว้ ถ้าขณะนั้นตำรวจไม่ได้เห็นด้วย(ตำรวจอยู่นอกร้าน-มาทีหลัง) ก็ไม่มีอำนาจจับกุมครับ
11 การค้นในที่รโหฐาน เช่น ส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย ต้องมีหมายค้น ถ้าเข้าไปยึดแผ่นเโดยไม่มีหมาย ก็เป็นการค้นที่ไม่ชอบ ทรัพย์สินที่ยึดไปไม่สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าขึ้นศาลก็จะไม่มีพยานหลักฐานนำสืบแสดงว่าเราทำผิด (แม้เราละเมิดจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเราทำผิด เพราะหลักฐานที่ยึด ได้มาจากการค้นที่ไม่ชอบ) ศาลจะยกฟ้อง
12 หลัก ตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับหรือคำสั่งศาลไม่ได้(ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจา รณาความอาญามาตรา78) ข้อยกเว้น จะจับโดยไม่มีหมายจับก็ได้ เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า และเหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80) คดีละเมิดลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์จับ
แต่ถ้าเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว เช่นคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องมีการแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหรือตัวแทนเสียก่อน ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับ ดังนั้น ถ้ายังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ อำนาจจับกุมก็ยังไม่เกิด แม้จะมีการละมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ ตำรวจก็จับไม่ได้
-
ปล. จุดไหนผิดพลาดโปรดชี้แนะด้วยครับ
*********การเอาผิดกลับ
-
ปัจจุบันโทษรุนแรงเพียงพอแล้วครับ เพียงแต่พวกเราไม่มีใครเอาจริงเท่านั้น
เพราะถ้ามั่วนิ่มมา เราก็สามารถเอาผิดได้ หลายข้อหา เช่น
1. ฐานบุกรุก มาตรา 362 และ 364 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำและปรับ
มาตรา 365 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ
2. ฐานแจ้งความเท็จ มาตรา 137 จำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำและปรับ
มาตรา 172 จำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 174 จำคุกไม่เกินห้าปีและปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
3. ฐานเบิกความเท็จ มาตรา 177 จำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นหรือทั้งจำทั้งปรับ
4. ฐานฉ้อโกง มาตรา 341 จำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ (คือโดยทุจริต รู้อยู่ว่าตนไม่มีอำนาจจับ แต่ได้หลอกลวงว่าตนมีอำนาจเช่นว่านั้น และการหลอกลวงนี้ทำให้ได้เงินจากเราไป ก็จะผิดฐานฉ้อโกงนี้)
5. ฐานกรรโชกทรัพย์ มาตรา 337 คือถ้ามีการบังคับข่มขู่ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่สาม จนยอมเช่นว่านั้น มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่น
ถ้าการกรรโชกทำโดยขู่ว ่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายฯ หรือมีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ จำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปีและปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พัน บาท
จะผิดข้อหาใด ฐานใดต้องดูข้อเท็จจริงเป็นกรณีไป เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะพิจารณาและหาพยานหลักฐาน
ท ี่บอกว่าควรจะต้องตรวจสอบก่อนนั้นว่ามั่วมาหรือไม่---- กรณีนี้ ตัวแทนนำจับรู้ตัวมันอยู่แต่แรกแล้วว่าตัวเองมีสิทธิหรือไม่ เป็นการกระทำโดยเจตนาชัดเจน
หน้าที่ในการตรวจสอบเป็นของตำรวจ ก่อนรับแจ้งความต้องตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดว่าผู้แจ้งมีอำนาจแจ้งหรือไม่ ใครเป็นผู้รับมอบอำนาจ ใครเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ต้องมีเอกสารชัดเจนจึงจะรับแจ้งความได้
ถ้าตำรวจบกพร่องละเลยไม่ตรวจสอ บแล้วรับแจ้งความ ถ้าปรากฏภายหลังว่าการแจ้งความไม่ถูกต้อง ไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจจริง ตำรวจจะมีความผิดทั้งทางวินัยและอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นกา รปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157
เราสามารถเอาผิดได้ทั้งตัวแทนนำจับและตำรวจครับ ถ้าตัวแทนมั่วมา
แต่ถ้าเขามีสิทธิจริง เราก็ค่อยมาดูถึงวิธีการค้นและจับว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ถ้าวิธีการค้นและจับไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราก็สามารถเอาผิดกับพวกมันและตำรวจที่มาส่ง ได้เช่นกัน
อันนี้ มีผู้หวังดีเสริมให้ครับ ซ้ำคงไม่ว่ากัน
ก ารล่อเล่น ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจ ราษฎรก็ล่อเล่นได้ การล่อเล่นในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ศาลจะยกฟ้อง*****
--------
การค้นในที ่รโหฐาน เช่น ห้องนอน ห้องครัว ส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย ต้องมีหมายค้น ถ้าเข้าไปยึดแผ่นเกมส์โดยไม่มีหมาย ก็เป็นการค้นที่ไม่ชอบ ทรัพย์สินที่ยึดไปไม่สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานได้ ต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าขึ้นศาลก็จะไม่มีพยานหลักฐานนำสืบแสดงว่าเราทำผิด (แม้เราละเมิดจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเราทำผิด เพราะหลักฐานที่ยึด ได้มาจากการค้นที่ไม่ชอบ) ศาลจะยกฟ้อง
****
หลัก ตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับหรือคำสั่งศาลไม่ได้ (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 78)
ข ้อยกเว้น จะจับโดยไม่มีหมายจับก็ได้ เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า และเหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80)ความผิดซึ่งหน้า หมายถึง ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ หรือพบในอาการใด ซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าได้กระทำผิดมาแล้วสดๆ (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80)
*****
ราษฎร(หมายถึงตัว แทนบริษัทด้วย)สามารถจับความผิดซึ่งหน้าได้โดยไม่ต้องมีหมายจับ แต่ต้องเป็นความผิดอาญาบางประเภทเท่านั้น (คือความผิดที่บัญญัติไว้ท้ายประมวลป.วิอาญา) เช่น ฐานปล้นทรัพย์ ฐานฆ่าคนตาย เป็นต้น แต่ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่ความผิดท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา ราษฎรจึงจับไม่ได้แม้เห็นความผิดเกิดขึ้นซึ่งหน้า )
เรื่องที่ขอจะช่วยมีดังนี้ครับ
1 ช่วยบอกต่อๆกับญาติพี่น้องของพวกคุณทุกๆคนและให้เค้าบอกต่อๆไปอีก ให้ระวังตัวนะครับ เท่าที่ทำได้ ข้อนี้สำคัญที่สุดครับ
2 ช่วยทำให้กระทู้นี้เป็นกระทู้แนะนำนานๆ หากใครรู้จักมีเส้นกับทางเว็บ ให้ช่วยขึ้นเป็นหัวข้อหลักของเว็บยิ่งดี
3 ช่วยก็อปปี้กระทู้ที่จะตั้งไปโพสในเว็บต่างๆเท่าที่ทำได้
4 ช่วยเล่าประสบการณ์ที่เคยเจอเสริม อาจจะเป็นญาติก็ได้ครับ
5 หากใครรู้จักสนิทสนมกับนักข่าวที่ดังๆเป็นพิเศษ ช่วยให้ขุดเรื่องนี้จะดีเยี่ยม ใครช่วยข้อนี้ได้โปรดบอกด้วยครับ
6 ช่วยๆกัน Forward ให้เพื่อนๆ เท่าที่ทำได้นะครับ
-
-
ผมเคยถูกเชิญให้ไปประชุมในการรวมตัวของผู้เสียหายแล้วครับ น่าสงสารมากๆ ส่วนใหญ่มีแต่คนจนๆ ครับ ร้องไห้กันเยอะครับ
และส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ครับ 90% ยอมจ่ายเงินด้วยครับ เพราะเค้ากลัว
ผมจึงจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ ด้วยการกระจายข้อมูลให้คนรู้ทันกันทั่วแผ่นดิน
-
-
ขอบคุณมากๆ ครับ ขอให้บุญกุศลครั้งนี้ทำให้ทุกคนเจอแต่สิ่งดีๆ มีแต่คนช่วยเหลือเมื่อเจอภัย
จากคุณ : อาจารย์แมว - 2 เม.ย. 51
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2553 14:48:53 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 14:04:57 » |
|
อันนี้คือลิ๊งค์ รายชื่อตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สิ นทางปัญญาของแท้ครับ
http://www.ipthailand.org/dip/index....oogle.co.th%29
เว็บของกรมทรัพย์สินทางปัญญาครับ ก็อบปี้ต่อกันดีๆนะครับ ไม่งั้นเข้าเว็บไม่ได้
ปล.ผมไม่ได้มาสอนให้คนโกงนะครับ หากเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง จับตามขั้นตอนกฎหมายจริง เรียกเงินตามจริง --ผมสนับสนุนครับ
แต่ การเรียกเงินตามศาลสั่งนั้น ของแท้จะรู้ว่าถ้าจับแบบรังแกชาวบ้านจะได้เงินน้อยอา จจะแค่ 2000บาท ดังนั้นของแท้จะจับโรงงานปั้มแผ่น หรือโรงงานผลิตครับของแท้ สังเกตุง่ายๆครับ ส่วนใหญ่จะมี 2 แบบ จะไปกับตำรวจกอบปราบครับ และจะไปกับตำรวจเศรษฐกิจ ครับ
การไถเงินร้านอาหาร ร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว
วิธีการดังนี้ครับ
1. หน้าม้าจะมากินก๋วยเตี๋ยวครับ และขอให้เปิดเพลงที่มันต้องการ
2. เมื่อเปิดเพลงไป 1 นาทีกว่าๆเพลงไม่ทันจะจบ ตัวแทนก็จะมาจับทันที
3. เรียกไถเงิน 50000 ตามระเบียบ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
1. อย่ายอมจ่ายเงินครับ
2. บอกไปครับว่ายินดีสู้กันในศาล ให้มันไปฟ้องศาลได้เลยครับ มันก็จะเถียงๆแป๊บนึง แล้วก็จะกลับไปเอง
3. โทรตามพวกมาเย๊อะๆ เท่าที่ทำได้
4. ถ้าตำหรวดโง่จับคุณไปโรงพัก ก็เตรียมเงินประกัน 50000 บาท แล้วเตรียมฟ้องกลับ มีทนายฟรีที่ศาลทุกจังหวัดครับ คดีแบบนี้คุณชนะแน่นอน
ข้อกฎหมาย ที่ต้องรู้ครับ
ล่อซื้อ
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 66 บัญญัติว่า ความผิดตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์เป็นความผิดอันยอมความได้
ผล ทางกฎหมายคือ เจ้าของลิขสิทธิ์จะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและรู้ถึงการละเมิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความร้องทุกข์และการแจ้งความร้องทุ กข์จะต้องกระทำโดยผู้ เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจะต้องเป็น "ผู้เสียหายโดยนิตินัย"แต่หากผู้เสียหายเป็นผู้มีส่ว นร่วม หรือก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจฟ ้องคดีได้ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาฎีกาที่ 4301/2543 การที่จำเลยกระทำความผิดโดยทำซ้ำบันทึกโปรแกรมคอมพิว เตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของ โจทก์ลงในแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรของเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้แก่ส. ตามที่ส.ได้ ล่อซื้อ นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการล่อซื้อของส. ซึ่งได้รับการจ้างให้ล่อซื้อจากโจทก์ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น โจทก์ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีน ี้ได้
เพราะฉะนั้น การล่อซื้อและการส่งหน้าม้ามาลงเพลงในคอมพิวเตอร์/การล่อเล่นในกรณีเกมส์ เพลย์ จึงเป็นกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้ก่อให้เกิดควา มเสียหายขึ้น ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกานี้ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้อง
|
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
TAOTAO-TZ#056-
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 14:06:04 » |
|
วอนคนที่กลัวเรื่องคดีละเมิดลิขสิทธิ์เพลง หนัง เกม..อ่านวิธีรับมือพวกกากกันสักนิด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 01:06:33 pm »
--------------------------------------------------------------------------------
อ้างถึง
ประมวลกฏหมายว่าด้วยเรื่องลิขสิทธ์(ไม่ใช่ว่าตำรวจทุกคนมีสิทธิ์จับเรานะ)
http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000158029
________________________________________
ระวังกลุ่มคนหลอกลวงรีดไถเงินร้านมือถือและอื่นๆ พร้อมวิธีป้องกันตัว
ยุค นี้มีการหากินกันแปลกๆเกิดขึ้นเย๊อะ การละเมิดลิขสิทธิ์กำลังเป็นที่จับตาในสังคมจึงเกิดกลุ่มคนที่คิดค้นอาชีพ จับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์อาชีพจับของละเมิดลิขสิทธิ์ครับ ใครมีญาติหรือเพื่อนโดนรังแก หรือยังไม่โดนก็โปรดนำไปให้อ่านด้วยนะครับ
การจับของแท้จากเจ้าของลิขสิทธิ์โดยตรง ทำเพื่อให้คนหันมาใช้ของแท้ ไม่ใช่ทำเพื่อเรียกเงินเกินจริงจากเหยื่อ
-พูด ง่ายๆคือ ตัวเองไม่ได้มีสิทธิ์ในลิขสิทธิ์นั้นๆ แต่ไปสมัครเพื่อไปไถเงินคนครับ แต่ถ้าทำตามกฎมันก็ไถเงินได้น้อยครับ คนจึงไม่เล่นตามกฎหมาย ใช้วิธีไถเงินและข่มขู่แทน
ที่จริงมันไม่ร้ายแรง ถึงขั้นเสียชีวิตครับ แต่ร้ายแรงตรงที่เป็นภัยสังคมครับผู้เสียหายจะโดนไถเ งินรายละ 10000-50000 บาท แต่ที่ผมบอกว่าร้ายแรงเพราะว่า มีคนโดนไปทั่วประเทศแล้วครับ
จุดเริ่มต้นแก๊งไถเงินครับ
1. เริ่มด้วยการตั้งบริษัทจำกัด แล้วรวบรวมขอซื้ออำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สินทางปั ญญา จากเจ้าของลิขสิทธิ์จริงเท่าที่ทำได้ เช่นเพลง กระเป๋า น้ำหอม เกม การ์ตูน โดยบริษัทเหล่านี้จะอ้างคุณธรรม ตั้งเพื่อปราบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์
2. บริษัทเหล่านี้จะหาตัวแทน(ก็คือการรับพนักงานบริษัทต ัวเอง)
3. ตัวแทนเหล่านี้จะหาสมาชิกแบบขายตรงเลยครับ เรียกว่าผู้รับอำนาจช่วง
4. ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองครับ แต่ก็มีโรงพักบางแห่งไม่ให้ความร่วมมือกับพวกโจร
5. เดินสายจับแบบผิดกฎหมายครับทีละจังหวัด ย้ายไปเรื่อย วนเวียนกลับมาทุกๆ 3-6เดือน
6. มีการทำธุรกิจนี้มาหลายปีแล้วครับ ประมาณ 7 ปี
รายได้
ตัว แทนพวกนี้จะรวยมาก รายได้เกินจะคาดเดา แต่ที่พบเห็นคือสามารถออกรถป้ายแดงกันทุกคน BMW ก็มี บางกลุ่มออกรถแวนป้ายแดงราคา 6 ล้านก็มี หัวหน้าบางคนทำจนมีเงินฝากถึง 200 ล้านบาท
-เห็นมั้ยครับว่าการตั้งบริษัทถูกกฎหมาย แต่ดูเจตนาการตั้งสิครับ เจตนาไม่ได้ทำเพื่อปราบหรือให้คนหันมาใช้ของแท้ แต่ทำเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าครับ
การไถแต่ละเเบบมีดังนี้ครับ
การไถเงินร้านขายมือถือ
*** 1 ไถแบบจัดลิขสิทธิ์ MP3
1.1 หน้าม้าจะหลอกให้ลงเพลง mp3 หรือ โปรแกรมที่มีลิขสิทธิ์ใส่มือถือ
1.2 จะมีคนมาจับอ้างว่าเป็นตัวแทน มาพร้อมตำรวจ
1.3 ไถเงิน 50000 บาท
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเย๊อะๆ
- อย่ายอมจ่ายเงินให้มันเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้มันไป 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมันรีบๆกลับบ้านไปเถอะ
- ถ้ามันโง่มากไม่รู้กฎหมายยังดื้อแจ้งความ ก็ไม่ต้องจ่ายอยู่ดีครับ คดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องครับ คุณชนะแน่นอน
- แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกครับ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกครับ คุณก็ชนะอยู่ดี
*** 2 ไถแบบจับหน้ากากมือถือ แบตปลอม ซองปลอม
2.1 ตัวแทนปลอมจะอ้างว่ามาจับหน้ากากปลอม
2.2 ไถเงิน 50000 เช่นกัน
- แต่กรณีจับหน้ากากนั้น มีของแท้นะครับ ถ้าเป็นของแท้ จะไม่ไถเงินคุณครับ ไถก็อย่าจ่ายครับ
- จ่ายในศาลครับ ของแท้จะมากับตำรวจกองปราบและตำรวจเศรษฐกิจ แต่จะจับแต่ร้านใหญ่ๆครับ
- อันนี้ถ้าผิดจริงคุณก็ต้องยอมจ่ายครับ แต่สารภาพในศาลว่ามูลค่าที่ขายนั้นเท่าไหร่ ศาลจะให้คุณจ่ายตามจริง+ค่าเสียหายฝ่ายตรงข้ามนิดหน่ อย
- ถ้าผิดจริงผมไม่มีวิธีแก้ให้นะครับ แค่ผ่อนหนักเป็นเบา
วิธีแก้ไขเบื้องต้นก็เหมือนเดิมครับ
การไถเงินร้านซ่อมคอมพิวเตอร์
1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม NICK KARAOKE
1.1 หน้าม้าจะมาตีสนิทร้านคอมพิวเตอร์ด้วยการนำคอมพิวเตอ ร์มาซ่อมก่อน 1 เครื่อง
1.2 อีก2-3 วันหน้าม้าจะนำเครื่องคอมมาอ้อนวอนให้ลงโปรแกรม NICK ตกลงนัดรับเครื่องกันโดยดี
1.3 วันรับเครื่อง พวกนี้จะจ้างตำรวจมา 2 คน(คนละ500) โดยตำรวจจะออกตัวว่าไม่ได้มาจับมาดูแลความสงบ
1.4 ไถเงิน 50000 บาทแล้วจะไม่เอาความผิดโดยอ้างว่าเป็นเจ้าของเพลง 2-3 เพลง ในโปรแกรม NICK โดยตัวแทนลิขสิทธิ์พวกนี้จะไปขอลิขสิทธิ์เพลงเก่าๆ ราคาถูกๆ
1.5 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่100เวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.6 จะโดนตำรวจขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็น แสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอน
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเย๊อะๆ
- อย่ายอมจ่ายเงินให้มันเด็ดขาด ถ้าจะจ่ายก็จ่ายให้มันไป 200 บาท บอกว่าช่วยค่าน้ำมันรีบๆกลับบ้านไปเถอะ
- ถ้ามันโง่มากไม่รู้กฎหมายยังดื้อแจ้งความ ก็ไม่ต้องจ่ายอยู่ดีครับ คดีล่อซื้อแบบนี้ศาลยกฟ้องครับ คุณชนะแน่นอน
- แต่ส่วนใหญ่พวกนี้ไม่โง่ขนาดนั้น มันไม่ฟ้องศาลหรอกครับ ถ้าไม่จ่ายมันก็กลับไปเฉยๆ ต่อให้ฟ้องไปแล้ว พวกตัวแทนไม่มาขึ้นศาลหรอกครับ คุณก็ชนะอยู่ดี
3ไถแบบจับลิขสิทธิ์โปรแกรม WINDOWS/MICROSOFT OFFICE /PHOTOSHOP และอื่นๆ ที่ทางร้านลงให้ลูกค้า
เนื่อง จากร้านซ่อมคอมซ่อมคอมให้ชาวบ้านธรรมดา โดยคิดค่าซ่อมครั้งละ 300-500 บาท จึงไม่อาจให้ชาวบ้านซื้อโปรแกรมแท้ให้กับเครื่องที่ม าซ่อมได้ หากซื้อของแท้ค่าซ่อมอาจจะสูงถึง 100000 - 200000 บาท ไม่ได้พิมพ์ผิดครับ แสน-สองแสนครับ แล้วใครจะบ้ามาซ่อมล่ะครับ พวกโจรจึงคิดวิธีหากิน
1.1 เอาคอมมาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ โดยอ้างว่าซื้อ PC มาจากห้างแบบไม่มี OS (อ้างโง่ๆชาวบ้านที่ไหนจะโง่ซื้อคอมจอดำๆไม่มี windowsมาใช้)
1.2เอาคอมเก่ามาให้ลง windows และโปรแกรมที่ลิขสิทธิ์แพงๆ
1.3 เข้าจับเหมือนเดิมเรียกเงิน 50000 บาท แบบ / 1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เพลงที่มีอยู่ใน โปรแกรม NICK KARAOKE
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- หากมีคนนำคอมใหม่ที่บอกว่า ไม่มี windowSมา ขอให้ลงwindowsและโปรแกรม ก็ปฏิเสธอย่าลงให้เด็ดขาด
- ให้ทำเอกสารซ่อมไว้ และเขียนชื่อโปรแกรมที่เครื่อง PCจำเป็นต้องมี/ให้ลูกค้าติ๊กในช่องว่าเคยมีโปรแกรมเหล่านั้น และเขียนชัดเจนว่าทางร้านทำการซ่อมให้ใช้ได้เหมือนเด ิม
และส่วนโปรแกรมพิเศษต่างๆให้ลูกค้าเขียนเอง หากมีคนนำคอมเก่ามาให้ลง ก็ให้ลูกค้ากรอกแบบฟอร์มนั้น และให้ลูกค้าเซ็นชื่อ
- อย่าคุยกับพวกมันไล่พวกมันกลับไป คุณไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น แม้แต่โรงพัก เพราะมันไม่มีหมายศาล หมายค้น
- หากพวกมันดื้อไม่กลับ คุณก็ปิดร้าน โทรตามพวกมาเย๊อะๆ
- หากตำรวจพื้นที่นั้นโง่ไม่รู้กฎหมายว่าคดีแบบบนี้ศาล ยกฟ้อง จับเจ้าของร้าน ให้เตรียมเงินประกัน 50000 บาท
- อย่ายอมจ่ายเงินเด็ดขาด
***************คดีแบบนี้ 99% การเข้าจับไม่มีหมายศาลครับ เพราะเมื่อขึ้นศาล ศาลก็ยกฟ้องครับ จึงไม่มีใครขอหมายศาล
การไถเงินร้านเน็ต ร้านเกม PC
1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์ MP3
1.1 หน้าม้าจะแอบมานั่งเล่นแล้วแอบโหลด MP3 ลงเครื่อง
1.2 ตัวแทนลิขสิทธิ์ จะเข้ามาจับโดยไว จ้างตำรวจมาเป็นเพื่อน 2 นายเหมือนเดิมครับ(คนละ500)
1.3 ตัวแทนจะอ้างลิขสิทธิ์เพลง และเรียกเงิน 50000 บาท โดยให้จ่ายกันเองก่อน
1.4 หากรายไหนหัวแข็งจะพาไปโรงพัก โดยตำรวจ100เวรจะกล่อมให้จ่าย (มันจะเลือกแจ้งความเวลาที่100เวร ที่ร่วมแก๊งเข้าเวร)
1.5 จะโดนขู่มากมาย เช่น ประกันเป็น 100000 หรือหากขึ้นศาลจะโดนปรับเป็น แสนๆ โม้ครับ ประกันจริง 50000 บาท ศาลไม่ปรับครับเจ้าของร้านชนะแน่นอน
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
-อย่าจ่ายเงินเด็ดขาด เพราะคดีนี้เจ้าของร้านชนะแน่นอน เพราะในชั้นศาลไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าใครเป็นผู้ลงMP 3
-ปิด ร้าน แล้วก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น เพราะถ้าลิขสิทธิ์ของแท้จะมีหมายศาลและตำรวจจะพูดแสด งโจ่งแจ้งว่าจับคุณจริง และไม่มีการเรียกเงินค่าไถ่ และประเด็นสำคัญ ลิขสิทธิ์ของแท้ไม่จับคดีกระจอกๆแบบนี้
2 ไถแบบยัดเยียดหัวเกรียนเล่นผิดเวลา หากร้านไหนใช้เกมแท้ทั้งหมดจะเจอไม้นี้แทน มีวิธีดังนี้
2.1 หากร้านไหนเผลอ โจรจะแอบส่งหัวเกรียนอายุน้อยๆ ต่ำกว่า 18 ให้มานั่งเล่นเกินเวลา
2.2 นัดแนะตำรวจมาจับตรงเวลาแป๊ะๆ คือ 22.01น
2.3 ดิ้นไม่รอดครับตำรวจจะไถเงิน 50000 เช่นกัน ถ้าไม่จ่ายโดนจับไปโรงพัก
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- อย่าให้หัวเกรียนเล่นเกินเวลาห้ามพลาดเด็ดขาด
- ถ้าโดนจับอย่าแอบจ่ายใต้โต๊ะเพราะมันแพง ยอมโดนจับและเตรียมเงินประกันครับ สู้กันในศาล ศาลจะดูเจตนาครับ โดนปรับนิดหน่อย
- ถ้าผิดจริงโดยจงใจให้เด็กเล่นเกินเวลาเพื่อหวังเงิน ขอให้สารภาพตามตรงจ่ายในศาลนะครับ แล้วที่หลังอย่าทำอีก
การไถเงินร้านเกมเพลย์
วิธีหากินมีหลายรูปแบบครับ
1 ไถแบบจับลิขสิทธิ์เกมในร้าน มีวิธีดังนี้
- 1.1 คนที่จะหากินในทางนี้จะตรวจดูว่าเกมไหนที่กำลังฮิตแล ะไม่มีลิขสิทธิ์ เมื่อพบจะทำทุกวิถีทางติดต่อกับต่างประเทศเพื่อขอเป็ นตัวแทนลิขสิทธิ์
1.2 ตะเวนจับร้านเกม โดยการเข้าจับใช้ขั้นตอนที่ผิดกฎหมาย โดยจะจ้างตำรวจมา 2นาย ตำรวจได้คนละ500บาท(แต่ตำรวจจะออกตัวว่า มาดูแลความเรียบร้อย)
1.3 เมื่อเข้าจับจะยังไม่เอาผิดตามกฎหมาย แต่จะไถเงินจำนวน 50000 บาทขึ้นไป(ถ้าเอาผิดตามกฎหมายจะได้เงินน้อย เพราะศาลจะให้ชดใช้ตามจำนวนจริง ประมาณ 2000 บาท)
1.4 เหยื่อส่วนใหญ่จะตกใจและกลัว จะยอมจ่ายเงินให้ 5000 บาท หรือต่อรองเหลือ 40000 30000 10000 เมื่อได้เงิน พวกลิขสิทธิ์จะรีบกลับโดยเร็ว
วิธีแก้เบื้องต้น
- อย่ายอมจ่ายเงินทุกๆกรณีเพราะของแท้จะไม่เรียกเงินแล ะของแท้จะไม่มาจับกระจอกๆแบบนี้ครับ
2 ไถแบบยัดเยียดหัวเกรียนเล่นผิดเวลา หากร้านไหนใช้เกมแท้ทั้งหมดจะเจอไม้นี้แทน มีวิธีดังนี้
แบบเดิม*****
การไถเงินตลาดนัด
อันนี้เลวสุดๆเล่นงานคนจน วิธีการมีดังนี้
1 โจรจะเดินดูและจดรายการของที่มีลิขสิทธิ์ที่มีในตลาด นัด เช่นนาฬิกา เสื้อผ้า ตุ๊กตา กระเป๋า ผ้าเช็ดหน้าปลอกหมอนผ้าเช็ดตัวที่มีลายอุลตร้าแมน โดราเอม่อน
2 เมื่อได้รายการจะไปขอเป็นตัวแทนจากบริษัทที่เป็นเจ้า ของจริง แล้วก็เข้าจับแบบเดิม
3 ส่วนใหญ่ 99% จะของปลอม เข้าจับแบบข่มขู่ เรียกเงิน 50000 บาท ต่อรอง 10000 มันก็รีบเอาแล้วเผ่นหนี
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
- โวยวายด่าแหลกแบบแม่ค้า โมโหเก็บของกลับบ้านไม่ต้องสนใจใคร
- 99% ของปลอม เล่นบทโหดใส่ รีบกลับบ้าน ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ครับ ย้ำว่าลิขสิทธิ์ของแท้ ไม่มาจับแม้ค้าแบบนี้หรอกครับ
- หากมีลิขสิทธิ์ของจริง หากหน้าด้านมาจับ คุณก็ยอมเค้าไป เพราะคุณผิดจริง ยอมโดนจับแล้วขึ้นศาลนะครับ อย่าจ่ายเองเด็ดขาดให้ศาลสั่งเท่านั้น คุณจะโดนปรับจริงๆไม่เกิน 2000 บาท
- ศาลจะให้จ่ายตามความเสียหายจริงครับ เช่น ปลอกหมอน 150 บาท10ผืน ของคุณทำความเสียหาย 1500 บาท ศาลก็จะสั่งปรับแค่นั้น ไม่มีในโลกครับที่ปรับ 50000 บาท
ทั้งหมดนี้ที่เรียกว่าของปลอมถึงแม้บางคนจะเป็นตัวแท นจริงๆ ก็เพราะ วิธีการเข้าจับของพวกมัน ผิดกฎหมายครับ
ธุรกิจนี้ผลตอบแทนมหาศาลครับ เพราะเจ้าหน้าที่ร่วมด้วย ปราบยากครับ
อันนี้คือลิ๊งค์ รายชื่อตัวแทนผู้รับมอบอำนาจดำเนินคดีละเมิดทรัพย์สิ นทางปัญญาของแท้ครับ
http://www.ipthailand.org/dip/index....oogle.co.th%29
เว็บของกรมทรัพย์สินทางปัญญาครับ ก็อบปี้ต่อกันดีๆนะครับ ไม่งั้นเข้าเว็บไม่ได้
ปล.ผมไม่ได้มาสอนให้คนโกงนะครับ หากเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์จริง จับตามขั้นตอนกฎหมายจริง เรียกเงินตามจริง --ผมสนับสนุนครับ
แต่ การเรียกเงินตามศาลสั่งนั้น ของแท้จะรู้ว่าถ้าจับแบบรังแกชาวบ้านจะได้เงินน้อยอา จจะแค่ 2000บาท ดังนั้นของแท้จะจับโรงงานปั้มแผ่น หรือโรงงานผลิตครับของแท้ สังเกตุง่ายๆครับ ส่วนใหญ่จะมี 2 แบบ จะไปกับตำรวจกอบปราบครับ และจะไปกับตำรวจเศรษฐกิจ ครับ
การไถเงินร้านอาหาร ร้านข้าวแกง ร้านก๋วยเตี๋ยว
วิธีการดังนี้ครับ
1. หน้าม้าจะมากินก๋วยเตี๋ยวครับ และขอให้เปิดเพลงที่มันต้องการ
2. เมื่อเปิดเพลงไป 1 นาทีกว่าๆเพลงไม่ทันจะจบ ตัวแทนก็จะมาจับทันที
3. เรียกไถเงิน 50000 ตามระเบียบ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น
1. อย่ายอมจ่ายเงินครับ
2. บอกไปครับว่ายินดีสู้กันในศาล ให้มันไปฟ้องศาลได้เลยครับ มันก็จะเถียงๆแป๊บนึง แล้วก็จะกลับไปเอง
3. โทรตามพวกมาเย๊อะๆ เท่าที่ทำได้
4. ถ้าตำหรวดโง่จับคุณไปโรงพัก ก็เตรียมเงินประกัน 50000 บาท แล้วเตรียมฟ้องกลับ มีทนายฟรีที่ศาลทุกจังหวัดครับ คดีแบบนี้คุณชนะแน่นอน
ข้อกฎหมาย ที่ต้องรู้ครับ
ล่อซื้อ
พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 66 บัญญัติว่า ความผิดตามพ.ร.บ.ลิขสิทธิ์เป็นความผิดอันยอมความได้
ผล ทางกฎหมายคือ เจ้าของลิขสิทธิ์จะต้องร้องทุกข์ภายใน 3 เดือน นับแต่รู้ตัวผู้กระทำละเมิดและรู้ถึงการละเมิด มิฉะนั้นจะขาดอายุความร้องทุกข์และการแจ้งความร้องทุ กข์จะต้องกระทำโดยผู้ เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหาย โดยผู้เสียหายจะต้องเป็น "ผู้เสียหายโดยนิตินัย"แต่หากผู้เสียหายเป็นผู้มีส่ว นร่วม หรือก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น ก็ไม่อยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่มีอำนาจฟ ้องคดีได้ตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
คำพิพากษาฎีกาที่ 4301/2543 การที่จำเลยกระทำความผิดโดยทำซ้ำบันทึกโปรแกรมคอมพิว เตอร์อันมีลิขสิทธิ์ของ โจทก์ลงในแผ่นบันทึกข้อมูลถาวรของเครื่องคอมพิวเตอร์ ให้แก่ส. ตามที่ส.ได้ ล่อซื้อ นั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการล่อซื้อของส. ซึ่งได้รับการจ้างให้ล่อซื้อจากโจทก์ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้เกิดการกระทำความผิดขึ้น โจทก์ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายที่มีอำนาจฟ้องคดีน ี้ได้
เพราะฉะนั้น การล่อซื้อและการส่งหน้าม้ามาลงเพลงในคอมพิวเตอร์/การล่อเล่นในกรณีเกมส์ เพลย์ จึงเป็นกรณีที่เจ้าของลิขสิทธิ์เป็นผู้ก่อให้เกิดควา มเสียหายขึ้น ตามนัยแห่งคำพิพากษาฎีกานี้ จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้อง
ข้อย่อยที่ช่วยได้เบื้องต้น ยาวแต่ต้องอ่านนะครับ มันสำคัญทุกข้อครับ
1. จับกุมลิขสิทธิ์ได้ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้น ถ้ามาตอนมืด ถึงจะถูกต้องก็ไล่กลับไปได้เลย
2. หากมีคนอ้างเป็นตัวแทน ขอดูบัตรประชาชน ดูใบรับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ดูบัตรของผู้รับมอบจะต้องมีบัตรของกรมทรัพย์สินทางปั ญญา ถ้าไม่ให้ดูไล่พวกมันกลับไปได้เลย
3. การล่อเล่นของหน้าม้า เป็นการร่วมกระทำความผิด ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจแจ้งความร้องทุกข์
4. ร้านคอมฯปฏิเสธไม่ให้ตรวจเครื่องคอมฯได้นะครับถ้ามัน ไม่มีหมายค้น ในส่วนของตัวร้าน(สาธารณสถาน)อยากตรวจก็ให้ตรวจไป แต่เครื่องคอมฯไม่ใช่สาธารณสถานเรามีสิทธิปฏิเสธไม่เ ปิดให้ตรวจสอบได้
5. ตัวแทนลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์อธิบายขั้นตอนการจับกุม กฎหมายเขียนชัดเจนให้เป็นหน้าที่ของตำรวจชุดจับกุมให ้เป็นผู้จัดทำบันทึก การจับกุม ไม่มีกฎหมายให้อำนาจราษฎรทำ เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยข้อหนึ่งได้ว่ามันมั่วนิ่มไม่ร ู้กฎหมายแล้วมาจับ
6. ราษฎรก็จะช่วยตำรวจจับไม่ได้แม้ตำรวจจะขอให้ช่วยจับ เพราะ ตำรวจจะขอให้ราษฎรช่วยจับได้ต้องเป็นผู้จัดการตามหมา ยจับเท่านั้น(เช่น โจรที่มีหมายจับ) แต่การจับละเมิดลิขสิทธิ์ในความผิดซึ่งหน้าไม่ใช่การ จัดการตามหมายจับ เราจึงมีสิทธิป้องกันการจับกุมอันมิชอบด้วยกฎหมายทั้ งปวงกับราษฎรที่มาช่วย จับได้ตามสมควร(ต่อสู้ป้องกันตามสมควร อย่าให้ถึงตายนะครับ แบบนั้นติดคุกฐานฆ่าคนตาย ควรใช้กระบองป้องกันตัว)ไม่มีความผิดทางอาญาใดๆ
7. การล่อเล่น ไม่จำเป็นต้องเป็นตำรวจ ราษฎรก็ล่อเล่นได้ (แต่การล่อเล่นในคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ถือเป็นการมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด จึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัย ศาลจะยกฟ้อง) เหมือนข้อ3
8. จะเป็นความผิดซึ่งหน้า ต้องดูที่ลักษณะของการกระทำ ไม่ใช่ดูที่ตัวผู้ล่อเล่นว่าเป็นตำรวจหรือไม่เป็นตำร วจ ความผิดซึ่งหน้า หมายถึง ความผิดซึ่งเห็นกำลังกระทำ หรือพบในอาการใด ซึ่งแทบจะไม่มีความสงสัยเลยว่าได้กระทำผิดมาแล้วสดๆ (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80)
9. ดูที่ประมวลกฎหมายพิจารณาความอาญามาตรา 79 ราษฎรก็สามารถจับความผิดซึ่งหน้าได้โดยไม่ต้องมีหมาย จับ แต่ต้องเป็นความผิดบางประเภทเท่านั้น (คือความผิดที่บัญญัติไว้ท้ายประมวลป.วิอาญา) เช่น ฐานฆ่าคนตาย เป็นต้น แต่ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ไม่ใช่ความผิดท้ายประมว ลฯ ราษฎรจึงจับไม่ได้แม้เห็นความผิดเกิดขึ้นซึ่งหน้า
10. การละเมิดลิขสิทธิ์ต้องเกิดซึ่งหน้าตำรวจเท่านั้นเช่ นนั่งไลท์แผ่นต่อหน้า ต่อตาตำรวจ ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับกุม (และต้องมีการแจ้งความแล้ว ถ้ายังไม่แจ้งความก็ไม่มีสิทธิ์จับในข้อหาละเมิดลิขส ิทธิ์) ถ้าการละเมิดเกิดต่อหน้าตัวแทนบริษัท(หน้าม้า) แม้จะถ่ายรูปไว้ ถ้าขณะนั้นตำรวจไม่ได้เห็นด้วย(ตำรวจอยู่นอกร้าน-มาทีหลัง) ก็ไม่มีอำนาจจับกุมครับ
11. การค้นในที่รโหฐาน เช่น ส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย ต้องมีหมายค้น ถ้าเข้าไปยึดแผ่นเโดยไม่มีหมาย ก็เป็นการค้นที่ไม่ชอบ ทรัพย์สินที่ยึดไปไม่สามารถนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานได ้ ต้องห้ามตามกฎหมาย เพราะฉะนั้น ถ้าขึ้นศาลก็จะไม่มีพยานหลักฐานนำสืบแสดงว่าเราทำผิด (แม้เราละเมิดจริง แต่เมื่อไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเราทำผิด เพราะหลักฐานที่ยึด ได้มาจากการค้นที่ไม่ชอบ) ศาลจะยกฟ้อง
12. หลัก ตำรวจจะจับผู้ใดโดยไม่มีหมายจับหรือคำสั่งศาลไม่ได้( ดูประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญามาตรา78) ข้อยกเว้น จะจับโดยไม่มีหมายจับก็ได้ เมื่อบุคคลนั้นได้กระทำความผิดซึ่งหน้า และเหตุอื่นตามที่กฎหมายกำหนด (ดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 80) คดีละเมิดลิขสิทธิ์ไม่มีสิทธิ์จับ
แต่ถ้าเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว เช่นคดีละเมิดลิขสิทธิ์ ต้องมีการแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหายหรือตัวแทนเ สียก่อน ตำรวจจึงจะมีอำนาจจับ ดังนั้น ถ้ายังไม่มีการแจ้งความร้องทุกข์ อำนาจจับกุมก็ยังไม่เกิด แม้จะมีการละมิดลิขสิทธิ์เกิดขึ้นต่อหน้าตำรวจ ตำรวจก็จับไม่ได้
|
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2553 14:50:16 โดย TAOTAO-TZ#056- »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
tunatae
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: 20 ตุลาคม 2553 14:42:02 » |
|
กว่าจะอ่านจบ  นัดมาเล่าให้ฟังดีฝ่าไหม |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
