ความต้องการของคนเรามันไม่มี่ที่สิ้นสุดหรอกครับ แถมมันจะเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆอืกต่างหาก

งานทุกอย่าง มันมีความยากในตัวของมันอยู่แล้วละครับ ผมผ่านมาหมดแล้ว งานสนุกสบายได้เงินเยอะ งานเส็งเคร็งเจ้านายกวนทีนรายได้น้อย หรือเป็นเจ้าของกิจการเอง
เป็นลูกจ้างมันน่าเบื่อ อะไรก็แย่ไปหมด เหนื่อย แต่อย่างน้อย รายได้ก็มั่นคง ไม่ต้องรับผิดชอบกับสิ่งผิดพลาดที่ทำลงไปเท่าไร
เป็นเจ้าของกิจการ มันก็ดี อย่างน้อย ทำรวยด้วยมือเราเอง ถ้ารุ่งก็รวย แต่...ถ้าไม่รุ่งก็เละครับ ความเสี่ยงเยอะ บางครั้งต้องเอาอนาคตเราไปฝากไว้กับคนอื่น(ลูกจ้าง) บางครั้งต้องเอาอนาคตทั้งหมดของครอบครัว ลูก เมียไปฝากไว้กับอะไรที่มันควบคุมไม่ได้ เช่น การเมือง ฟ้าฝน หรือ ตลาด เศรษฐกิจ
เป็นลูกจ้างเอง ถ้าเจอนายจ้างดีดี รายได้ดีดี งานที่เราสนุกกับมัน มันก็ happy ได้นะครับ ถ้าไปเจอนายจ้างงี่เง่า รายได้ก็ไม่เยอะแถมแม้งใช้ยังกะทาส แบบนี้ยังไงก็ไม่ happy
นายจ้างก็พอกันแหละครับ ลูกน้องแม้งทำห่านไรเนี่ย บางทีพลาดเจ๊งซัก 100,000 จะไปโทษมันยังไงในเมื่อจ้างมันมาแล้ว หรือ ฝนมันตกอะไรได้ 4-5 เดือน ไม่หยุดซะที มันมีเรื่องให้ปวดหัวเยอะ แต่อย่างน้อยๆ ถ้ามัน work เราก็เห็นเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ผมจะเอาผมเป็นกรณีศึกษานะครับ แฮะๆ เล่าให้ฟัง ให้ด่ากันเพลินๆ

ผมก็เป็นเหมือนกับหลายๆคนก็คือ ผมเป็นคนขี้เกียจ เมื่อก่อนก็เอาแต่เล่นสนุกไปวันๆ ไม่ค่อยสนใจเรียนหรืออนาคตมากนัก ดึกๆก็เล่นสนุ้ก แล้วก็ออกไปซัดรถเล่นแถว 71 อิๆ (คงมีแบบผมหลายคน)...จนวันนึงมันมีสิ่งที่ทำให้ผมต่างกับคนอืนๆก็คือ "ผมคิดได้"ครับ คำๆนี้คงเคยได้ยินกันบ่อย พูดง่ายๆแต่ทำได้จริงยากนะครับ
อยู่ดีๆผมก็รู้สึกผิดกับชีวิตตัวเองและกับครอบครัวที่ผมเป็นคนเหลวไหล ไม่เอาถ่านมาโดยตลอด นึกอยากจะไม่ทำงาน(เงินเดือน 4x,xxx)ก็ลาออกแม้งเลย แล้วก็มาอยู่บ้านเฉยๆ ใช้เงินบ้าน มาเป็นภาระที่บ้าน เปลี่ยนงานไปทำงานไหน เบื่อ ตัน เซ็งเจ้านาย ก็ออก ผมกะโหลกกะลาไหมละครับ ผมตัดสินใจบวช(อีกรอบ)เมื่อายุ 27 และตัดสินใจ "ยืม" เงินที่บ้าน เพื่อเอาไปเรียนโท(ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอ้เงินๆจากการทำงานผม มันลงไปกะรถหมดแล้ว 55)
แล้วผมก็ตั้งใจเรียนอย่างหนัก อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คนเก่งๆมันทำอะไร ผมทำมากกว่ามัน 2 เท่า อ่านมากกว่า ทำการบ้าน ถามอาจารย์มากกว่า จนผมเก่งกว่ามัน(แล้วจะรู้ว่าไอ้ที่เรียนผ่านๆมา เราไม่ได้โง่หรอกครับ เราแค่ไม่ได้ขยันมากกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง)แล้วก็เริ่มมองหาช่องทางทางธุรกิจ และ เต็มที่กับมันชนิดที่ว่า ผมอยู่แต่กับที่สนามเป็นปีๆ โดยไม่ได้ไปเจอเพื่อนฝูงหรืออะไรทั้งสิ้น ไม่ได้ไปเที่ยวกลางคืน หรือ ตจว. ที่ไหนเลย แม้แต่งานคลับ ผมยังไม่ไปเลย กั่กๆๆๆ
จนวันนี้ คนอืนจะว่ายังไงก็ช่าง ผมก็คิดว่าผมประสพความสำเร็จในระดับหนึ่งที่ผมพอใจแล้ว ผมก็กลับมาทำสิ่งที่ผมเคยอยากจะทำและชอบทำก่อนผมจะคิดได้ คือ เป็นนักแข่ง อย่างน้อยผมก็ภูมิใจว่า เราหาเงินมาเอง ใช้เอง คงไม่ผิด
ที่อยากจะบอกคือ งานทุกงาน มันมีโอกาสอยู่ตรงหน้าแหละครับ อยู่ที่ว่า เราจะมองมันเห็นและจะสามารถคว้าโอกาสนั้นมาได้หรือเปล่า แล้วเมื่อคว้ามันมาแล้ว เรามีปัญญาที่จะใช้โอกาสนั่นให้ได้หรือเปล่า
อย่าคิดว่าเราไม่เก่ง โง่ หรือ ท้อ คิดว่าอะไรมันยากหรือหนักเกินไปครับ ไม่มีอะไรยากเกิน"ความพยายาม"ของเราหรอกครับ ผมพิสูจน์มาแล้วครับ
ทุกวันนี้ ผมอยากจะทำงานเพื่อสังคม(สงสัยจะแก่) อยากกลับไปทำไร่ สวน นาที่ตจว. อยากกลับไปพัฒนาทุกๆอย่างที่บ้าน ตจว. ให้มันดีกว่านี้ ทำงานที่มันสบายใจ ไม่เส้นเลือดในสมองแตกตายหรือ หอบงานกลับมาทำที่บ้านเป็นกะตั๊ก หรือ เป็นเจ้าของกิจการต้องอยู่เปิดร้านเช้า และ อยู่จนดึกดื่นจนไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ ผมพอแล้วครับ ถ้าเก็บเงินได้ก้อนใหญ่จะสร้างหอพัก แล้วจากนั้นจะเริ่มเที่ยวและใช้เงินหาความสุขครับ เครียดมากไม่ดี
ลองอ่านแล้ววิเคราะห์ดู แล้วลองเลือกแนวทางของตัวเองดูครับ
เอาละ ตอบเจ้าของกระทู้หน่อย อาชีพในฝันคือ นักบินครับ เหตุผลคือจะได้ใกล้ชิดแอร์สาวๆสวยๆมากๆไงครับ ฮี่ๆๆๆๆ

ปล. คนโบราณกล่าวไว้ว่า เงินมันมีลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมด อยู่ที่ว่า เราจะคว้ามันมาได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง...