nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:00:45 » |
|
เรื่องสยองขวัญๆๆๆๆๆๆๆ อ่านแล้วรู้สึกกลัวมากๆ
กลางดึกคืนหนึ่ง...........
ประวิทย์.........ชายหนุ่มผู้ตั้งใจศึกษาเรื่องราวของผีปีศาจและอาถรรพ์ต่างๆ ในค่ำคืนนั้นเขาตั้งใจจะไปซื้อตำราศาสตราโบราณเพื่อนำมาศึกษา เขาจึงเดินทางไปร้านหนังสือเก่าแก่ร้านหนึ่ง ซึ่งเป็นร้านที่มีหนังสือและบันทึกเรื่องราวหน้ากลัว ต่าง ๆ ไว้อย่างมากมาย
ขณะที่เขากำลังค้นหาหนังสือลึกลับอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ได้พบเจ้าของร้าน ซึ่งมีท่าทางน่ากลัวมาก ๆ เป็นชายแก่ ๆ ไว้หนวดเครา อายุไม่น่าจะต่ำกว่า 70 ปี มีสายตาที่เย็นชามาก ทันใดนั้นชายหนุ่มก็ได้พบหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการบันทึกเรื่องราวศาสตร์มืด หน้าปกก็เหมือนมีมนต์ขลังอะไรซักอย่าง เมื่อชายหนุ่มได้หยิบหนังสือและจะนำไปจ่ายเงิน
ชายหนุ่มสังเกตุว่าเจ้าของร้านนั้น หน้่าซีดและดูหวาดกลัวหนังสือเล่มนั้นมาก............
เมื่อชายหนุ่มถามราคาเจ้าของร้าน เจ้าของร้านตอบด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาและแหบแห้งว่า
" หนึ่งพันสองร้อยบาท สำหรับหนังสือเล่มนี้...."
ชายหนุ่มเห็นสีหน้าท่าทางหวาดกลัวของเจ้าของร้านทันที...สายตาที่เริกลัก...ไม่กล้าสบตา ..เหงือเม็ดโตไหลซึมออกมาทั่วใบหน้าอันเ..เซนเซอร์..่ยวย่นของชายแก่....เมื่อเขาควักเงินจ่ายค่าหนังสือแก่เจ้าของร้าน ชายหนุ่มคล้อยตัวเดินออกจากร้านก็ได้ยินเสียงเจ้าของร้่านที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเคลือ
"พ่อหนุ่มอย่าเปิดหน้่าสุดท้ายเด็ดขาด...จำคำฉันไว้ให้ดี......"
เมื่อกลับถึงบ้านชายหนุ่มก็ได้เปิดหนังสือโดยปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าของร้านอย่างเคร่งครัด ว่าห้ามเปิดหน้าสุดท้ายอย่างเด็ดขาด เมื่ออ่านหนังสือสักพักด้วยความอ่อนเพลีย...ชายหนุ่มก็ได้เผลอหลับไป.....
และขณะนั้นเอง....
เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น....
สายลมที่พัดโชยมาจากทางหน้าต่างซึ่งชายหนุ่มเปิดทิ้งไว้ทำให้หนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ
ค่อย ๆ เปืดออกที่ละหน้า...
จนถึงหน้าสุดท้าย.........
เมื่อชายหนุ่มรู้สึกตัวขึ้นมาอีกทีก็พบว่า... มือทั้งสองข้างของเขารู้สึกเย็นเฉียบ.....
แต่ภายในร่างกายของเขากลับรู้สึกร้อนรุ่มดังมีเพลิงแห่งความโกรธแค้นมาแผดเผา..ความเงียบเข้าปกคลุมเนินนานราวกับไม่มีวันจะสิ้นสุด
เมื่อเขาได้พบข้อความสั้น ๆ ที่เขียนไว้ในบรรทัดสุด.........
ข้อความนั้นเขียนไว้ว่า...............
หนังสือเล่มนี้ราคา 35 บาท
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 พฤศจิกายน 2552 18:24:42 โดย DraftMAN »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:04:07 » |
|
เที่ยวลาว : ผู้หญิงไปกันเองโดยลำพังต้องระมัดระวังให้มาก อันตรายครับ
เที่ยวนี้ผมเข้าลาวเป้าหมายไปหลวงพระบาง-วังเวียง โดยเวียงจันทน์เป็นทางผ่าน ผมเข้าลาวตั้งแต่หัวค่ำวันที่ 1 กพ.พักที่วียงจันทน์ก่อน รุ่งขึ้นเข้าหลวงพระบาง
ที่หลวงพระบาง ผมเดินเที่ยวเองในเมือง เนื่องจากความตั้งใจต้องการไปวัด โบราณสถาน โรงเรียนและใส่บาตรข้าวเหนียวเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่สถานที่หลักๆก็อยู่ในเมือง ส่วนสถานที่อื่นๆ หากมีเวลาก็ไป พักอยู่สองคืนก็เดินทางย้อนกลับเข้าวังเวียง พักสองคืน
ที่วังวียง เป้าหมายคือธรรมชาติ กระโดดน้ำ ถ้ำน้ำ ถ้ำอื่นๆ และหากอยู่แล้วชอบอาจพักหลายคืน เนื่องจากเที่ยวนี้พอมีเวลาแต่แล้วผมก็พักอยู่แค่สองคืน คืนที่สองผ่านไปรุ่งเช้าคือวันที่ 6 กพ. ผมเก็บข้าวของเดินทางรวดเดียวจากวังเวียง-กรุงเทพฯ ต่อรถเรื่อยๆไม่หยุดพักค้างคืนที่เวียงจันทน์หรืออุดรฯอีกคืน ทั้ง ที่ตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะพักที่เวียงจันทน์หรืออุดรฯอีกคืนปิดท้ายการเดินทาง เนื่องจากได้รับรู้เหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาจะพบเห็น ทำให้ไม่สบายใจ
เรื่องราวที่ไม่พึงปรารถนาจะพบเห็นและทำให้ไม่สบายใจ เกิดขึ้นที่วังเวียง
เหตุการณ์เกิดตอน 1day trip ที่วังเวียง ผมซื้อความสบายหวังว่าจะได้รับประสบการณ์ที่ดีมีความปลอดภัย ไม่ต้องดิ้นรน หนึ่งวันจะประกอบด้วย นั่งห่วงยางลอดถ้ำน้ำ เลี้ยงอาหารกลางวันมีข้าวผัด บาบีคิว กล้วยน้ำว้าสองใบ มีน้ำดื่มให้หนึ่งขวดใหญ่ พายเรือคะยัค กระโดดน้ำ และพายเรือคะยัคต่อหรือล่องห่วงยางถึงวังเวียง แล้วแต่เวลา
1day trip ผมซื้อในราคา 90000 กีบโดยไม่ต่อราคา(เข้าใจว่าต่อได้) ในคืนวันที่ 4 กพ.ที่ไปถึงวังเวียง เช้าวันต่อมา 5 กพ. คนของทัวร์มารับยังที่พัก 9.30 น. พาขึ้นรถบรรทุกตะเวนรับนักท่องเที่ยวตามที่พักหรือสำนักงานขายทัวร์รวมกันไปด้วยรถบรรทุกสองคัน ช่วงที่รับคนญี่ปุ่นขึ้นรถ ได้ยินชาวลาวคุยกันว่า ผู้หญิงญี่ปุ่นสวยด้วยแล้วก็หัวเราะกัน (ภาษาลาว แต่พอฟังออก) ทั้งหมดรวมกันประมาณ 24-27 คน ผมจำไม่ได้แน่นอน
ใน trip นี้มีผมเป็นคนไทยคนเดียว นอกนั้น ผู้ชายชาวอินโดฯ 1 คน ชายชาวเกาหลีหนึ่งคนมากับผู้หญิงชาวลาว(คาดว่าเป็นผู้หญิงกลางคืน) สาวญี่ปุ่น 4 คน นอกนั้นฝรั่งทั้งนั้นหลายชาติหลายภาษา
รถบรรทุกขับพาลูกทัวร์ออกนอกเมืองไปประมาณ 15 กิโลฯทางที่จะขึ้นไปหลวงพระบาง เมื่อไปถึงรถเลี้ยวจากทางหลักเข้าซอยที่เป็นฝุ่นแดงไม่ไกลนัก คณะทัวร์ก็ลงจากรถเดินเข้าไปอีกไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงถ้ำน้ำ ตรงนี้ไกด์จะจัดแบตเตอรี่พร้อมหลอดไฟมีสายคาดที่ศรีษะโดยให้หลอดไฟอยู่ตรงหน้าผากนักท่องเที่ยวพานั่งห่วงยางเข้าไปในถ้ำน้ำใช้เวลา ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วแต่เวลาเหมาะสม ตอนนี้ก็สนุกดี น้ำเย็น สะอาดอยู่ เหนื่อยนิดหน่อย ผมไม่ได้ถ่ายรูปเพราะกลัวเปียกน้ำ ไป คนเดียวถ่ายรูปตัวเองขณะนั่งห่วงยางลอดถ้ำน้ำก็ไม่ได้และเป็นภาระ นำแต่กระเป๋าเงินกับกุญแจห้องพักและกุญแจล็อคกระเป๋าเดินทางใส่ถุงพลาสติก ที่เตรียมมาจากบ้านเอง ใส่กระเป๋ากางเกงขาสั้นที่มีซิป(ทัวร์จะมีถุงกันน้ำให้ แต่ผมไม่ต้องใช้เพราะไม่เอาอะไรติดตัวไป หากใครนำผ้าเช็ดตัว หมวก แว่นกันแดด ครีมกันแดด กล้องถ่ายรูป และอื่นๆก็ต้องใช้ถุงกันน้ำ) อ่อ..ฝรั่งบางคนกล้องถ่ายรูปกันน้ำ เขาก็นำติดตัวไป เข้าใจว่าแพง ผมไม่มีปัญญาซื้อ
ช่วงระหว่างลอดถ้ำน้ำ ไกด์จะเข้าไปด้วยบางคน บางคนก่อไฟปิ้งบาบีคิว เพื่อเป็นอาหารกลางวันสำหรับนักท่องเที่ยว
หลังจากเสร็จจากถ้ำน้ำก็ทานข้าวกลางวันกันที่นั่น ไกด์มากัน 6 คน ก็ช่วยกันแจกข้าวกล่อง บาบีคิวคนละสองไม้ ขนมปังแบบฝรั่งเศส 1 ชิ้น กล้วยน้ำว้า 2 ใบ เมื่อทานเสร็จไกด์ก็เรียกนักท่องเที่ยวบอกเราจะไปถ้ำช้างกัน ช่วงนี้เองเริ่มมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น
เรื่องผิดปกติคือเมื่อไกด์เรียกนักท่องเที่ยวไปต่อ ผมเดินขึ้นไปก่อน ส่วนคนอื่นๆก็เก็บข้าวของทยอยตามมา ช่วงที่รอคนอื่นผมก็ยืนคุยกับไกด์ชาวลาว สะดุดตรงคำพูดที่ว่า
"ไกด์ : พี่มาคนเดียวหรือ กลับพรุ่งนี้หรือป่าว ค่ำนี้ค้างแถวสไลด์เดอร์เช้าเขาจะไปส่งที่พัก ผม : มีอะไรหรือ ถึงให้ค้างที่นั่น ไกด์ : ผู้หญิงญี่ปุ่น 4 คน ไม่มีผู้ชายมาด้วย เดี๋ยวผมจัดให้พี่หนึ่งคน (สาวญี่ปุ่นมากันสี่คนยังเด็กทั้งหมดเรียนหนังสืออยู่ เพราะได้ทักทายกันบ้างนิดหน่อย) ผม : พยักหน้า แต่ไม่พูดอะไร (ในตอนนั้นรู้สึกได้ทันทีว่าผิดปกติ ไกด์มีสิทธิ มีอำนาจสั่งคนญี่ปุ่นได้ขนาดนั้นหรือ และ"จัดให้" ที่ว่าหมายถึงอะไร)"
พอนักท่องเที่ยวอื่นๆเดินมาถึงก็หยุดคุยกันและเดินต่อไปถ้ำช้าง ไปถึงผมก็เข้าไปไหว้พระ ไกด์ก็อธิบายให้นักท่องเที่ยวคนอื่นฟังเกี่ยวกับพระพุทธรูปและเรื่องราวทางศาสนา ผมไหว้พระเสร็จก็ออกมายืนฟัง
เสร็จจากถ้ำช้างไกด์ก็เรียกขึ้นรถ รถขับพากลับไปทางที่จะเข้าวังเวียงประมาณ 5 กิโลฯ เพื่อเอาเรือคะยัคลงลำน้ำชอง ไกด์ก็อธิบายการพายเรือให้นักท่องเที่ยวฟัง แล้วก็จัดให้นักท่องเที่ยว ใครจะพายคนเดียว ใครจะพายสองคน ช่วงนี้ไกด์จัดให้คนญี่ปุ่นหนึ่งคนลงเรือคะยัคไปกับผม ผมปฏิเสธบอกพายเรือไม่เป็น ขอไปกับไกด์ดีกว่า
เมื่อเรือคะยัคพายมาได้ช่วงหนึ่ง ถึงตรงกระโดดน้ำก็หยุด แวะให้นักท่องเที่ยวกระโดดน้ำ ผมโดดไปสองหนก็สนุกเที่ยวแรก เที่ยวหลังเริ่มไม่หวาดเสียวก็เลยพอ ยืนดูดีกว่า ฝรั่งสนุกสนานมากกินเหล้ากินเบียร์กัน ผมหันไป-มามองคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย หันไปเจอกลุ่มไกด์กำลังก่อไฟในเตาถ่านปิ้งปลาที่จับในลำน้ำชองกินกับข้าวเหนียว ไกด์กวักมือเรียกผม ผมก็เดินเข้าไป ไกด์ชวนให้กินด้วย ผมบอกอิ่มกินไม่ไหว ไกด์จึงล้วงขวดเหล้าออกมา ยี่ห้อเหล้าไม่คุ้น เข้าใจเองว่าเป็นเหล้าท้องถิ่นของลาวชวนผมกินด้วย ผมบอกกินเหล้าไม่เป็น
ผมนั่งคุยกับไกด์ได้สักพัก เหล้าเหลือครึ่งขวด ไกด์ล้วงกระเป๋าสะพายดึงของออกมาสองซอง ฉีกแล้วเทลงขวดเหล้าที่เหลือครึ่งขวด (ผมเห็นแบบนั้นนึกย้อนกลับไปถึงคำพูดของไกด์ทันที "ผู้หญิงญี่ปุ่นสวยด้วย"ตอนเพิ่งขึ้นรถในวังเวียง กับ "พี่มาคนเดียว ค่ำนี้พักที่นี่ เดี๋ยวผมจัดคนญี่ปุ่นให้หนึ่งคน") ซองแบบนั้นผมเคยเห็นเมื่อตอนที่ไปแม่สายข้ามไปท่าขี้เหล็ก คนที่เคยไปคงนึกภาพออกถึงคนพม่าสะพายตะกร้าห้อยคอขายไวอะกร้าและสินค้าอื่นๆ รวมทั้งซองแบบนี้ด้วย บนซองจะมีภาพพิมพ์รูปผู้หญิง ผมบอกไกด์ปวดถ่ายเบาลุกเดินออกมา แล้วเดินไปหาที่ถ่ายเบา ในความคิดตอนนั้นเริ่มแน่ใจแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่มันอาชญากรรมแล้ว ผมจะจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างไร
เมื่อถ่ายเบาเสร็จ ผมเดินไปดูตรงที่กระโดดน้ำ ซึ่งคนญี่ปุ่นสี่คนกระโดดน้ำแล้วมายืนอยู่แถวนั้น ผมยืนและครุ่นคิดในใจจะเอาไงดี จะบอกคนญี่ปุ่นดีหรือไม่ ผมมายืนตรงนี้หลังจากถ่ายเบาประมาณไม่ถึงนาที หนึ่งคนในคณะไกด์ก็เดินมาพร้อมขวดเหล้า ผมไม่ได้หันไปมอง ตาน่ะมองคนกระโดดน้ำ แต่หางตามองไปทั่ว สมองก็คิดเริ่มเครียด
ไกด์ รินเหล้าใส่แก้วใสใบเล็กๆให้คนญี่ปุ่นกิน เขาก็กินแฮะ ชิมนิดหน่อย ไกด์กวักมือแสดงท่ากินให้หมด คนญี่ปุ่นก็ว่าง่ายกินหมดแก้ว จนครบ 4 คน
ผมเข้าใจว่า คนญี่ปุ่นคงนึกว่านั่นเป็นส่วนหนึ่งของบริการใน trip อาจจะประกอบกับอาการสนุกสนาน ตื่นเต้น เหนื่อย ระคนกันไป ที่สำคัญยังเด็กด้วย
ผมยืนอยู่ข้างๆห่างไม่เกินสองเมตรเห็นเหตุการณ์นั้น ไม่สบายใจเลย
สักพักหลังจากคนญี่ปุ่นกินเหล้าครบทั้ง 4 คน ไกด์เรียกกลับแล้ว (เร็วกว่าเวลาตาม trip หนึ่งชั่วโมง) ร ะหว่างทางเดินจากที่กระโดดน้ำถึงเรือคะยัค ไกด์เดินมาคุยกับผมบอก จะแยกกรุ๊ปทัวร์ออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกเขากับเพื่อนอีกคนจะพานักท่องเที่ยวพายเรือคะยัคกลับเข้าวังเวียงจบ trip แล้วแยกคนญี่ปุ่น 4 คนกับผมออกไปที่สไลด์เดอร์ โดยมีหนุ่มเกาหลีกับสาวกลางคืนชาวลาวและคณะไกด์ที่เหลืออีก 4 คนอยู่ด้วย โดยไกด์บอกผมว่าไปส่งนักท่องเที่ยวกลับแล้วเดี๋ยวจะกลับมา
ตามโปรแกรมทัวร์ สไลด์เดอร์ไม่อยู่ในรายการ trip นี้ และคนที่เคยไปคงนึกภาพออกแถวสไลด์เดอร์มีร้านขายเหล้าเบียร์มีดนตรี และละแวกนั้นมีบังกะโลหรือจะเรียกกระท่อมเป็นหลังๆ ก็แล้วแต่จะเรียก คนไม่เยอะ ไม่เหมือนแถวกระโดดน้ำ ระหว่างพายเรือคะยัคจากจุดกระโดดน้ำถึงสไลด์เดอร์น่าจะประมาณไม่เกิน 10 นาที ผมนั่งมาในเรือกับไกด์เหมือนเดิม ถึงไลด์เดอร์ ไกด์พายเรือจะเข้าฝั่งส่งผม แล้วค่อยพานักท่องเที่ยวฝรั่งอื่นๆกลับวังเวียง พอเรือใกล้ฝั่งผมหันไปบอกไกด์ผมเหนื่อยมาก เพลียและเจ็บตัวจากที่ขาผมขูดกับเตียงนอนของที่พักเป็นแผล เมื่อโดนน้ำแล้วผมกลัวไม่สะอาดจะรีบกลับไปทำแผล แล้วผมไม่ชอบคนญี่ปุ่นชอบคนไทยมากกว่า เขาตอบกลับมาว่าเที่ยวนี้ไม่มีคนไทย อาทิตย์ที่แล้วสิคนไทย ผมได้ยินแบบนั้นก็ทำเฉยๆ บอก ไปอีกว่าผมกลับดีกว่า (ช่วงนั้นผมไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องอื่น คิดอยู่แต่เรื่องจะทำอย่างไรดี เอาไงดี รวมเวลาตั้งแต่ที่แน่ใจว่าจะเกิดเหตุอะไรคือเห็นฉีกซองใส่ขวดเหล้าจนถึง สไลด์เดอร์น่าจะประมาณ 15-20 นาที ) ไกด์จึงตะโกนบอกเพื่อนให้ชวนหนุ่มอินโดฯอยู่ด้วย หนุ่มอินโดฯก็เลือกที่จะอยู่
ที่ผมตัดสินใจกลับเข้าวังเวียง นึกอยู่ว่า นี่ต่างถิ่น ไกด์ 6 คนและอาจมากกว่า ส่วนผมคนเดียว เครื่องมือสื่อสารก็ไม่มี ผมตัดสินใจนิ่งเฉยปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไร ฉีกตัวเองออกจากเหตุการณ์
เมื่อ กลับถึงที่พักก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมานั่งสั่งข้าวกินที่รีสอร์ท ระหว่างกินไปก็ย้อนนึกถึงเหตุการณ์ ลำดับเหตุการณ์ ยิ่งนึกก็ยิ่งไม่สบายใจ ใจอยากกลับเมืองไทยเดี๋ยวนั้น แต่ความจริงกลับไม่ได้หรอก ไปไม่ทันด่านปิดแน่ คืนนั้นผมนอนไม่หลับเกือบตลอดคืน ทั้งๆที่เหนื่อย เพลีย ปวดเมื่อยไปหมด นึกถึงแต่เหตุการณ์และการตัดสินใจของตนเอง ผมยอมรับนอนน้ำตาไหลบนที่นอน ทั้งๆที่เด็กสาวชาวญี่ปุ่นไม่เกี่ยวข้องกับผม ไม่ใช่ญาติพี่น้องผมเลย
เช้าวันรุ่งขึ้นผม หารถ minivan (รถตู้เล็กฮุนได) กลับเข้าเวียงจันทน์ เช้าวันนั้น 6 กพ. ที่วังเวียงฝนตกหนักด้วย ถึงเวียงจันทน์ที่ตลาดเช้า ผมซื้อตั๋วขึ้นรถเที่ยวบ่ายสองกลับไทยโดยไม่แวะเที่ยวที่เวียงจันทน์แล้ว
พูดถึงระยะเวลาของเหตุการณ์สั้นๆ 15-20 นาที ตอนนั้น แต่ในความรู้สึกผมมันช่างยาวนานมากเหลือเกิน คิด เลือกที่จะตัดสินใจกลับไป-มาหลายตลบเสมือนหนึ่งสับสนด้วย เครียดด้วย แล้วกับเด็กสาวชาวญี่ปุ่นทั้ง 4 คน คืนนั้นคงเป็นคืนที่ยาวนานมากกว่าผมหลายร้อยหลายพันเท่า
ตอนที่คิดกลับไป-มาหลายตลบนั้นมีหลายหนทางเหลือเกิน -ชนเลยดีไม๊ -เลือกอยู่ต่อที่สไลด์เดอร์ดีไม๊ -เจรจากับไกด์ดีไม๊ -สุดท้ายผมตัดสินใจก่อนเรือถึงฝั่งที่สไลด์เดอร์ว่ากลับเมืองวังเวียง พร้อมทั้งนึกในใจพี่ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ช่วยน้องเลย ที่ ผมตัดสินใจกลับวังเวียง เนื่องจากคิดว่าผมไม่ใช่ตัวละครในไดฮาร์ดหรือแรมโบ้ อยู่กลางเขาสายน้ำชอง ต่างถิ่น ใกล้ค่ำแล้ว เครื่องมือสื่อสารก็ไม่มี หากชนผมคงไม่ได้กลับเมืองไทย
อย่างหนึ่งคือ ตอนนั้นผมนึกถึงข้อความที่คุณป้อมโพสไว้ในนี้ว่า "ที่ลาวให้ระวังคนดีมากกว่าคนร้าย"
ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่สบายใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้ แม้เหตุการณ์ไม่ได้เกิดผลร้ายต่อผม เพียงถูกไกด์พยายามดึงให้เข้าไปมีส่วนร่วม
ทำไมผมไม่โวยวายตรงกระโดดน้ำ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวฝรั่งเป็นร้อยเต็มไปหมด ทำไมผมกลับถึงเมืองวังเวียงไม่เล่าให้เจ้าของรีสอร์ตฟัง ทำไมผมไม่ไปแจ้งความกับตำรวจลาว ทั้งสามกรณีผมบอกได้เลยว่าตอนนั้นนึกไม่ออก ผม ไปลาวเที่ยวนี้ ตั้งใจไปไหว้พระทำบุญ ตักบาตรข้าวเหนียว แต่กลับมาด้วยความไม่สบายใจ พบเห็นเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ไม่รู้ว่าตัวเองไปได้บุญหรือได้บาปกลับมา ไม่รู้ว่าตนเองเลือกหนทางถูกหรือไม่ ไม่รู้ว่าตนเองตัดสินใจถูกหรือไม่ ผมนิ่งเฉยไม่ทำอะไรทั้งๆที่คาดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กสาวชาวญี่ปุ่น ทั้ง 4 คน
ผมได้แต่กลับมาเตือนคนไทยด้วยกัน ไปเที่ยวลาว ผู้หญิงไปกันเอง ใช่ว่าปลอดภัย หากแต่อันตรายมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
oilnarit
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:04:18 » |
|
น้าเบิ้ลคือเจ้าของร้านใช่ปะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:06:27 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:24:04 » |
|
ภรรยาผู้ประเสริฐ
น่าอ่านมาก ๆ เลย แหละ
เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคู่แต่งงานใหม่หวานแหวว
ที่เพิ่งผ่านพิธีมาได้สองอาทิตย์
! ถึงแม้ว่าจะอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน
แต่ฝ่ายสามี
ก็อดรนทนไม่ได้ที่จะนัด สหายหาญทั้งหลาย
เพื่อไปสังสรรค์ด้วยกันในตัวเมือง
สามีจึงเอ่ยกับภรรยาใหม่ว่า
'ที่รักจ๋า ผมไปข้างนอกสักครู่นะ
เดี๋ยวกลับมาจ๊ะ'
ภรรยาถามสามีว่า ' สุดที่รักจะออกไปไหนเหรอคะ'
คนสวยของผม ขอผมไปที่บาร์หน่อยนะ ไปดื่มเบียร์สักแก้วสองแก้วเดี๋ยว
เสร็จแล้วก็กลับจ๊ะ
สามีส่งเสียงอ้อนวอนภรรยา
ที่รักอยากได้เบียร์ทำไมไม่บอกล่ะคะ
ว่าแล้วก็เปิดประตูตู้เย็นค้างไว้
ให้สามีเห็นว่า เธอได้เตรียมเบียร์ไว้ให้มากกว่า 25 ชนิด
จาก 12 ประเทศ :เยอรมัน ฮฮลแลนด์ ญี่ปุ่น อินเดีย และอื่นๆ
สามีได้ยินดังนั้น ก็อึ้งไป ก่อนจะเอ่ยกับภรรยาว่า เยอะจังเลย
ที่รักน่ารักที่สุดในโลกเลย รู้มั๊ย....แต่ว่า...ที่บาร์เค้ามีแก้วแช่แข็งด้วยนะ..
ก่อนที่สามีจะพูดจบประโยค
ภรรยาก็ได้ขัดจังหวะสามี 'โถ น่าเอ็นดูจริง อยากได้แก้วแช่แข็งก็ไม่บอก นี่คะชั้นเตรียมไว้แล้ว '
ภรรยาพูดพลางหยิบแก้วที่แช่แข็งออกมาจากตู้เย็น แก้วเย็นมากขนาดที่เธอรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที
ฝ่ายสามีเริ่มหน้าซีด ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า ' ที่รักจ๋าที่บาร์มีออร์เดิร์ฟอร่อยๆให้เลือกเยอะเลย ผมคง
ไปไม่นานหรอกเสร็จแล้วจะรีบกลับทันทีเลย ดีมั๊ยจ๊ะ '
' แหมอยากได้ออร์เดิร์ฟก็ไม่บอกกันแต่แรก
ชั้นเตรียมไว้ให้คุณแล้วค่ะ '
ภรรยาเดินไปเปิดเตาอบและนำ
ออร์เดิร์ฟ 5 อย่างออกมาวางตรงหน้าสามี อันได้แก่ ปีกไก่ หมูห่อผัก เห็ดยัดไส้ และหมูแดดเดียว สามีพยายามอ้อนวอนภรรยาต่อไป
'แต่ว่า ที่บาร์มีอย่างอื่นนะ อย่างเวลาคุยกันกับเพื่อนๆ ที่นั่นเราใช้คำไม่สุภาพหรือคำหยาบบ้าง มันก็ได้บรรยากาศดีนะคนดี' อ๋อ อยากได้บรรยากาศก็ไม่บอกแต่แรก ฟังให้ดีนะ
ไอ้ควาย ..คุณ..เอาเบียร์ไปใส่แก้ว
แช่แข็งห่าเหวไรเนี่ยกระแทกปาก..คุณ..ซะ แล้วก็..หม่ำ..ๆ ไปซะไอ้ออร์เดิร์ฟ..น่ารัก..ๆเนี่ย
แล้ว..คุณ..ก็จำไว้ให้ดีนะ ว่าคืนนี้... ..คุณ..ต้องไม่ไปไหน เป็นอันขาด ....เข้าใจมั๊ย ไอ้สาดดดดดด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:47:35 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ป้านู๋อ้อ_TZ#051
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:51:04 » |
|
นึกถึงตอนตัวเองไปวังเวียงเลย แต่ไม่เห็นมีใครให้กินไร 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--- อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน อยากถึงฝันต้องอดทน ---
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:52:53 » |
|
นึกถึงตอนตัวเองไปวังเวียงเลย แต่ไม่เห็นมีใครให้กินไร  วังเวียน ? ที่ไหนอะป้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ป้านู๋อ้อ_TZ#051
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:53:48 » |
|
นึกถึงตอนตัวเองไปวังเวียงเลย แต่ไม่เห็นมีใครให้กินไร  วังเวียน ? ที่ไหนอะป้า อย่าบอกนะว่าโพสต์ แต่ไม่ได้อ่านเลย 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--- อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน อยากถึงฝันต้องอดทน ---
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 18:54:28 » |
|
ไม่ได้อ่าน ใครจะไปอ่าน ยาวซะขนาดนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pencom.CZ 49
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 19:23:29 » |
|
ใครจะอ่านเนี้ย 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
** 35ํ vol. ** ** 4ทุ่มท่าพระ **
|
|
|
ป้านู๋อ้อ_TZ#051
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 19:27:24 » |
|
ใครจะอ่านเนี้ย  เค้าอ่านนะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--- อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน อยากถึงฝันต้องอดทน ---
|
|
|
Pencom.CZ 49
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 19:34:35 » |
|
ใครจะอ่านเนี้ย  เค้าอ่านนะ  เหลาให้ฟังหน่อยสิป้า 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
** 35ํ vol. ** ** 4ทุ่มท่าพระ **
|
|
|
ป้านู๋อ้อ_TZ#051
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2552 19:43:59 » |
|
ใครจะอ่านเนี้ย  เค้าอ่านนะ  เหลาให้ฟังหน่อยสิป้า  อ่านไปก็บ่นไป ทำไมมันยาวอย่างงี้เนี้ย 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
--- อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน อยากถึงฝันต้องอดทน ---
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552 08:15:46 » |
|
อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pencom.CZ 49
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552 08:35:29 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
** 35ํ vol. ** ** 4ทุ่มท่าพระ **
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552 08:47:48 » |
|
อาวๆ บอกแล้วว่ายังไม่ได้อ่านเหมือนกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pencom.CZ 49
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552 08:55:23 » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
** 35ํ vol. ** ** 4ทุ่มท่าพระ **
|
|
|
nuvo3816
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552 08:55:49 » |
|
เอ็งอ่านแล้วสรุปสิ นายไผ่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Pencom.CZ 49
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 09 พฤศจิกายน 2552 09:11:52 » |
|
ไม่อ่านอ่า ยาวสุดๆ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
** 35ํ vol. ** ** 4ทุ่มท่าพระ **
|
|
|
|