ตัวแยกน้ำด้วยไฟฟ้า คืออะไร และมีประโยชน์อย่างไรครับอยากรู้ 55555555
Oxy-Hydrogen คือ อะไร?
เป็นก๊าซที่รวมกัน ระหว่าง Hydrogen จำนวน 2 โมล์x และ Oxygen จำนวน 1 โมลล์x ซึ่งก๊าซนี้ เรียกกันหลายชื่อ เช่น Brown's Gas, Egas, Hydroxy, HHO และ Oxy-Hydrogen.
Oxy-Hydrogen ได้มาอย่างไร?
เราสามารถแยกก๊าซ Oxygen และ Hydrogen จากน้ำด้วยไฟฟ้ากระแสตรง(DC) จากกระบวนการที่เรียกว่า "Electrolysis" ซึ่งสามารถทดลองด้วยวิธีง่าย ๆ ตามรูป ซึ่งคุณสมบัติของก๊าซที่ได้สามารถจุดติดไฟได้
ไฮโดรเจน(Hydrogen) เป็นก๊าซติดไฟ ไวไฟ
อ๊อกซิเจน(Oxygen) เป็นก๊าซช่วยให้ไฟติด

Oxy-Hydrogen นำมาใช้อย่างไร?
ก๊าซที่ได้จากการ แยก เราสามารถนำมาใช้กับเครื่องยนต์สันดาปภายในได้(ICE) ด้วยการจ่ายร่วมไปกับไอดีที่เครื่องยนต์ดึง เข้าสู่ห้องเผาไหม้ ซึ่งจะเข้าไปเสริมการเผาไหม้ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
เครื่องยนต์ดีเซล โดยปกติในแต่ละรอบการจุดระเบิด ก็จะมีน้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมด(ไม่สมบูรณ์) ซึ่งอาจจะอธิบายให้เข้าใจได้ง่ายกล่าวและเห็นภาพคือ ในน้ำมัน 100 ส่วน ที่ถูกจ่ายเข้าห้องเผาไหม้ เมื่อมีการจุดระเบิดแล้วก็ไม่ได้ถูกเอาไปใช้ให้เต็มประสิทธิภายทั้ง 100 ส่วน จะถูกใช้เพียง 80-85 ส่วน ส่วนที่เหลือก็ถูกผลักออกไปกับไอเสีย แต่เมื่อจ่าย Oxy-Hydrogen เพิ่มเติมเข้าไปกับไอดี ก็จะเข้าไปช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ทำให้ได้พลังงานจากน้ำมัน 100 ส่วนนั้นมากที่สุด
สรุปได้ว่า Oxy-Hydrogen ที่จ่ายให้เครื่องยนต์ ไม่ใช่พลังงานทดแทน แต่เป็นการเสริมประสิทธิภาพการเผาไหม้ ให้สมบูรณ์สูงสุด
Oxy-Hydrogen มีประโยชน์อย่างไร?
ประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้ Oxy-Hydrogen กับเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล คือ
1)ช่วยเพิ่มระยะทางวิ่งได้ตั้งแต่ 10-30%* ต่อน้ำมัน 1 ลิตร (ขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดเครื่องยนต์)
2)ช่วยลดมลพิษได้ โดยเฉพาะในเครื่องยนต์ดีเซล ที่สามารถลดควันดำได้อย่างชัดเจน
3)ไม่ต้องติดตั้งถังแก๊สเพิ่ม ไม่ต้องเข้าปั๊มเติมแก๊ส
*ทั้งนี้หากไม่มี การปรับแต่งปั๊มฯ อัตราประหยัดอยู่ระหว่าง 10-20% แต่หากมีการปรับแต่งร่วมด้วย จะสามารถเพิ่มอัตราประหยัดไปเป็น 20-30%
ต่างประเทศ
ในต่างประเทศ มีผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้อยู่มากมาย รวมถึงข้อมูลการใช้งานต่าง ๆ ซึ่งท่านสามารถศึกษา หาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากการเสริชผ่าน
www.google.com จาก Keyword เหล่านี้ เช่น Oxy-Hydrogen, Hydroxy, HHO, Water Fuel, Water Car, Hydrogen Car
ขอขอบคุณที่มาด้วยนะครับ
http://www.siamhho.com/knowledge.html