โดยอี85 ลดจาก 22.72 บาทต่อลิตร เป็น 18.62 บาทต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ปชช.ใช้อี85 เพิ่ม พร้อมอนุมัติงบ 12.4 ล้าน ทำลายซากแอลพีจีหลังแท็กซี่เปลี่ยนเป็นเอ็นจีวี
วันนี้ (24 ก.ย.) นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการส่งเสริมพลังงานทดแทน รวมทั้งช่วยเหลือชาวประมงชายฝั่งทะเลที่ใช้น้ำมันม่วง โดยกบง. เห็นชอบให้ปรับลดราคาถูกกว่าราคาไบโอดีเซลบี  5 จำนวน 2  บาทต่อลิตร  หรือถูกกว่าบี 2 จำนวน 3.40  บาทต่อลิตร  มีผลตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน 2552  โดยชาวประมงชายฝั่งส่วนใหญ่อยู่ภาคใต้ คาดว่าจะใช้ประมาณ  15  ล้านลิตรต่อเดือน การลดราคาดังกล่าวจะช่วยให้ลดต้นทุนแก่ชาวประมงชายฝั่ง 
รมว.พลังงาน กล่าวถึงการส่งเสริมอี 85 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการปรับลดราคาขายปลีกจาก 22.72  บาทต่อลิตร  เป็น  18.62  บาทต่อลิตร  เพื่อจูงใจให้เกิดการใช้อี 85  มากขึ้น  การลดราคาดังกล่าวเป็นการใช้กลไกเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุน เพิ่มขึ้นจากเดิมชดเชย  7.13  บาท เป็น  10.30  บาทต่อลิตร  หรือใช้เงินอุดหนุนประมาณ 5 แสนบาทต่อเดือน  จากยอดใช้ประมาณ  1.8 หมื่นลิตรต่อวัน  ซึ่งคาดว่าจะจูงใจให้เกิดการใช้อี 85  มากขึ้น 
นพ.วรรณรัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้นอกจากวอลโว่จะนำเข้ารถยนต์อี 85  มาจำหน่าย ค่ายมิตซูบิชิก็จะเริ่มผลิตออกมาจำหน่ายปริมาณ 4,000 คันต่อปี โดยราคาจะอยู่ที่ประมาณ  8 แสนบาท  นอกจากนี้  ยังมีผู้ประกอบการภาคเอกชนนำเข้าคอนเวอร์ชั่นคิดหรืออุปกรณ์ปรับเปลี่ยนการ ใช้น้ำมันให้ใช้อี 85 ได้  แม้จะเป็นรถยนต์เก่าก็ตาม  ซึ่งประเด็นนี้กระทรวงพลังงานร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กำลังศึกษาวิจัยว่าสามารถใช้ได้อย่างไม่มีปัญหาต่อเครื่องยนต์หรือไม่  โดยภาพรวมหากใช้ได้ก็จะเป็นการทำให้ยอดใช้อี 85  สูงขึ้นเป็นผลดีต่อเกษตรกรของไทยและลดการนำเข้าน้ำมันของประเทศ
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า การส่งเสริมให้รถแท็กซี่ที่ใช้แอลพีจีปรับเปลี่ยนเป็นเอ็นจีวีฟรี  ที่ประชุม กบง. มีมติให้กระทรวงพลังงาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสหกรณ์แท็กซี่ ร่วมกันศึกษาบัญชีรายชื่ออู่มาตรฐานที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์  และยังกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติม  โดยรถแอลพีจี ที่เข้าโครงการหากเป็นรถใหม่ที่อายุไม่เกิน 1  ปี  หรือเป็นรถเก่าที่มีใบทะเบียนต่ออายุแท็กซี่เหลือไม่ถึง 1  ปี จะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการเปลี่ยนอุปกรณ์ฟรีได้  เพราะกรณีแท็กซี่อายุเหลือไม่ถึง 1  ปี ภาครัฐจะไม่คุ้มทุนในการเข้าไปส่งเสริม เพราะแต่ละคันจะต้องใช้เงินเพื่อการติดตั้งประมาณ  4 หมื่นบาท  โดยการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ดังกล่าวใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง คาดว่าจะมีแท็กซี่เข้าเปลี่ยนอุปกรณ์  3 หมื่นคัน  ใช้งบประมาณ  1,200  ล้านบาท  
กบง. ยังอนุมัติงบประมาณ  12.4  ล้านบาท เพื่อทำลายซากอุปกรณ์แอลพีจีเก่าเหล่านี้หลังมีการปรับเปลี่ยนเสร็จเพื่อไม่ ให้มีการนำกลับไปใช้ใหม่  โดยโครงการนี้คาดว่าจะใช้เวลา 9 เดือนนับจากเดือนกันยายนจะปรับเปลี่ยนแล้วเสร็จ ส่วนค่าการตลาด น้ำมัน  ที่ประชุมไม่ได้มีการหารือแต่อย่างใด  โดยนพ.วรรณรัตน์ ระบุว่าค่าการตลาดในอัตราปัจจุบันที่เฉลี่ยประมาณ 1.50  บาทต่อลิตร  เป็นอัตราที่เหมาะสมแล้ว นพ.วรรณรัตน์ กล่าว
อ้างอิง : 
http://www.thairath.co.th/content/eco/35199