พอได้ทั้ง 3 ส่วนนี้มาแล้ว แก๊งโจรกรรมก็จะใช้กระดาษขูดลอกเลขเครื่องยนต์ออกมาแล้วก็เอามาแปะที่รถที่ขโมยมา แล้วก็ปาดเลขแชสซีออกมาอ็อกเชื่อมติดกับรถดังกล่าว พร้อมกับเอาป้ายทะเบียนจากรถที่ประมูลมาติด จากนั้นแก๊งพวกนี้ก็เอารถที่สวมทะเบียนมาขายตามเต็นท์รถ ชาวบ้านไม่รู้ก็ซื้อมาเพราะเห็นว่าเอกสารทุกอย่างเป็นตัวจริงหมด รถก็เข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง ทั้งที่ตัวรถนั้นจริงๆ แล้วเป็นรถที่ถูกขโมยมา วันดีคืนดีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเห็นภาพรถคันที่เกิดอุบัติเหตุปรากฏว่าเลขทะเบียนไปตรงกับรถที่ขโมยเอามาสวมทะเบียน ก็ไปตามยึดรถมาตรวจพิสูจน์และพบว่าเป็นรถที่ขโมยมา ก็เรียกเจ้าของเดิมมารับ แล้วก็ขยายผลเพื่อติดตามตัวคนร้ายต่อไป
คือจริงๆ ทางศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์เราก็ขอร้องบริษัทประกันภัยว่าให้ทำลายรถที่พังเสียหายและยกเลิกทะเบียนเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำรถพวกนี้มาสวมทะเบียน บริษัทประกันก็ไม่ยอม เขาบอกว่าเขาต้องรักษาผลประโยชน์ของเขา ขบวนการสวมซากสวมทะเบียนมันก็เลยปราบไม่หมดสักที พ.ต.ท.อรรถพร กล่าวถึงวิธีการของกลุ่มมิจฉาชีพ และอุปสรรคในการทำงาน
วิธีสังเกต ป้ายภาษี-ทะเบียนปลอม
นอกจากนั้น ยังมีการสวมทะเบียนอีกลักษณะหนึ่ง คือการปลอมเอกสารและเลขทะเบียนหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์ แผ่นป้ายทะเบียน แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี ซึ่ง พ.ต.ท.อรรถพร ขยายความให้ฟัง ว่า
วิธีการนี้เมื่อคนร้ายได้รถที่โจรกรรมมาแล้วก็จะจ้างคนทำเอกสารปลอมขึ้นมาสวมแล้วนำรถไปขายต่อ ซึ่งเอกสารปลอมที่เขาขายกันก็ไม่แพง แผ่นป้ายทะเบียน 2,000 บาท แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี กับ พ.ร.บ.รถยนต์ คู่ละ 2,000 บาท ถ้าชุดใหญ่เลยมีสมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์ด้วย ก็ราคา 20,000 บาท แต่เอกสารปลอมเหล่านี้ก็ทำไม่เหมือนนะ อย่างแผ่นป้ายทะเบียนที่ติดอยู่ท้ายรถ ถ้าเป็นของจริงด้านหน้าจะมีตัวเลข 10 หลัก ซึ่งกรมการขนส่งจะยิงด้วยเลเซอร์ อยู่ด้านล่างแผ่นป้าย สามารถมองเห็นได้ชัดเจน และมีพรายน้ำสัญลักษณ์ตราขนส่งทางบกระยิบระยับอยู่บนแผ่นป้าย ถ้าเอาไฟฉายส่องหรือมองกลางแดดจะเห็นได้ชัด รวมทั้งจะมีตัวอักษร ขส.ปั๊มอยู่ด้านหลังแผ่นป้ายด้วย แต่ของปลอมจะไม่มีตัวเลขหรือสัญลักษณ์เหล่านี้เพราะมิจฉาชีพไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่มีเทคโนโลยีขนาดนี้
ส่วนแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี จะมีวงกลมสีเงินเล็กๆ ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ของขนส่งทางบกอยู่ และถ้าเอียงดูก็จะเห็นประกายสีรุ้ง แต่ถ้าเป็นของปลอมจะไม่มีสัญลักษณ์ดังกล่าว เพราะเทคโนโลยีเขาไม่ถึง บางทีก็ไปตัดฟลอยด์จากซองบุหรี่มาแปะ ถ้าลองลูบดูของจริงจะลื่นมือ แต่ของปลอมจะด้านๆ ส่วนตัวอักษรถ้าเป็นของปลอมเส้นขอบจะไม่ชัดเจน ขูดลอกได้ง่าย เพราะส่วนใหญ่จะใช้วิธีเอาแผ่นตัวอักษรแบบขูดมาลอกติด หรือไม่ก็ตัดตัวอักษรจากแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีของปีที่ผ่านๆมาแล้วเอากาวแปะติด ซึ่งถ้าใช้มือลูบตรงขอบตัวอักษรก็จะรู้เลย บางทีก็ใช้หมึกดำเขียนทับก็มี ซึ่งถ้าสังเกตจะเห็นความแตกต่างชัดเจน บางทีชุ่ยถึงขนาดเอาแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีของปีก่อนมาขูดขีดดัดแปลงโดยที่ไม่แก้เลขปีด้วยซ้ำ
บางรายซื้อรถไปเป็นปีแล้วเพิ่งมารู้ว่าซื้อรถขโมยตอนไปต่อทะเบียนภาษีเพราะดันไปเจอรถยี่ห้อเดียวกัน สีเดียวกัน เลขทะเบียนอะไรเหมือนกันทุกอย่าง ซึ่งขึ้นทะเบียนไว้ที่กรมการขนส่งทางบก ซึ่งกรณีนี้เรียกกันว่า รถแฝด ดังนั้นเวลาซื้อรถ โดยเฉพาะรถมือสองนั้นผู้ซื้อควรตรวจสอบจากกรมการขนส่งทางบกว่ารายละเอียดในคู่มือทะเบียนรถ เลขทะเบียนรถยนต์ เลขแชสซี เลขเครื่องยนต์ สีและยี่ห้อตรงกับรถที่ตนเองซื้อหรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบเอกสารต่างๆ ที่ได้จากผู้ขายด้วยว่ามีความผิดปกติอะไรหรือไม่
แก๊งดาวน์รถ-แชร์รถ
จากข้อมูลพบว่าเครือข่ายการโจรกรรมรถยนต์นั้นมักทำกันเป็นขบวนการ โดยมีกลุ่มนายทุนให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งการขโมยรถโดยกลุ่มแก๊งต่างๆนั้น วิธีการหนึ่งที่กำลังแพร่ระบาดอย่างมาก็คือ แก๊งดาวน์รถ และ แชร์รถยนต์ ซึ่ง พ.ต.ท.อรรถพร ได้เปิดเผยถึงวิธีการของขบวนการดังกล่าว ว่า
จริงๆแล้วตัวเลขรถหายที่ทางเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งนั้น เราพบว่ามีรถที่ไม่ได้หายจริงถึง 30% แต่เป็นการทำรถให้หายไปจากระบบโดยฝีมือของแก๊งอาชญากรรมที่เรียกกันว่า แก๊งดาวน์รถ โดยแก๊งพวกนี้จะจ้างชาวบ้านในชุมชนไปดาวน์รถ โดยจ้างคนดาวน์รถ 3,000 บาท คนค้ำประกัน 2,000 บาท ที่พบมากคือรถจักรยานยนต์เพราะดาวน์ง่าย ใช้เงินดาวน์น้อย บางร้านให้ดาวน์ 999 บาท หรือบางร้านไม่เรียกเงินดาวน์เลย แค่เอาสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้ซื้อไว้ เมื่อได้รถมาแล้วแก๊งดาวน์รถก็เอารถส่งไปขายที่กัมพูชา ส่วนร้านขายรถจักรยานยนต์เขามีประกันภัย เขาก็ไปแจ้งหาย ประกันภัยก็ไปจ่ายไฟแนนซ์ ซึ่งแก๊งพวกนี้จะมีนายทุนที่เป็นหัวหน้าแก๊งตัวจริง นายทุนเอารถไปขายได้ 30,000 บาท แต่ลงทุนจ้างชาวบ้านแค่ 5,000 บาท ทำอย่างนี้สัก 10 คัน ก็ได้เงินตั้งหลายแสน มันก็เลยเกิดขบวนการอย่างนี้ขึ้นมา
อย่างคดีที่ดังๆ แถวย่านบางปู แก๊งดาวน์รถมันเอาใบปลิวไปติดในสลัมว่าถ้าร้อนเงินให้ติดต่อที่เบอร์นี้ พอชาวบ้านมาติดต่อมันก็บอกว่าจะให้กู้เงิน 12,000 บาท โดยให้ชาวบ้านไปดาวน์รถจักรยานยนต์มาเพื่อเอามาค้ำประกันเงินกู้ แก๊งพวกนี้ก็ส่งรถไปขายชายแดน แต่ยังให้ชาวบ้านผ่อนชำระเงินกู้อยู่เพื่อหลอกว่าผ่อนชำระครบจะได้รถคืน ก็หลอกไปเรื่อยๆ
พ.ต.ท.อรรถพร กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังมีกรณีที่คล้ายๆ กันคือ แชร์รถยนต์ ซึ่งแพร่ระบาดอย่างหนักในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา
เมื่อปีที่แล้ว (2551) คดีที่ดังมากคือแชร์รถยนต์ ซึ่งแก๊งนี้สามารถขโมยหรือฉ้อโกงรถไปถึง 1,2000 คัน โดยใช้เวลาแค่ 2 เดือนเท่านั้น เขาใช้วิธีตั้งบริษัทหลอกระดมรถเช่าจากชาวบ้าน คือให้ชาวบ้านเอารถยนต์มาให้เช่าโดยให้ค่าเช่าราคาสูงถึงเดือนละ 30,000 บาท ชาวบ้านที่ไม่มีรถก็จะไปดาวน์รถมาให้เช่า สมมุติดาวน์ 100,000 บาท ผ่อนค่างวดเดือนละ 13,000 บาท แต่ได้ค่าเช่าถึงเดือนละ 30,000 บาท ชาวบ้านก็มองว่าคุ้มเพราะให้เช่าแค่ 3 เดือนก็ได้เงินดาวน์คืนแล้ว หักค่างวดแล้วก็ยังเหลืออีกเดือนละ 17,000 บาท ชาวบ้านบางคนก็ลงทุนดาวน์รถออกมา 2 คัน ไปกู้เงินมาดาวน์รถก็มี เพื่อเอารถมาให้บริษัทดังกล่าวเช่า พวกนี้ก็เอารถไปขายตามแนวชายแดนหรือเอาไปจำนำ มีทั้งจำนำกับเต็นท์รถ จำนำตามบ่อนในกรุงเทพฯ จำนำกับพวกนายทุนใต้ดินซึ่งเป็นพวกที่มีเงินเหลือ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็เอาเงินมาปล่อยกู้
แก๊งจำนำรถ
ทั้งนี้จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันนี้เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯมีนายทุนใต้ดินที่รับจำนำรถในลักษณะดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 500 ราย ซึ่งในวงการจะรู้กันว่าใครรับจำนำรถบ้าง โดยนายทุนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกหน้าทำธุรกิจเอง แต่ให้ลูกน้องออกหน้าแทน แต่บางรายก็เปิดเป็นบริษัทรับจำนำรถบังหน้า แต่ธุรกิจจริงๆ คือรับซื้อรถที่ได้จากการโจรกรรม
พวกนายทุนใต้ดินมีเยอะมาก เพราะเขามองว่ามันหาเงินง่าย คือสมมุติว่ารับจำนำรถโดยคิดดอกร้อย 10 และยึดรถไว้เป็นหลักประกัน ถ้าให้กู้รวมแล้วสัก 1 ล้านบาท แต่ละเดือนก็จะมีรายได้ 1 แสน ถ้าไม่ส่งเงินต้นก็เอารถไปขายได้ แต่ถ้าปล่อยกู้แบบทั่วๆ ไปก็ได้แค่สัญญาเงินกู้เป็นกระดาษแผ่นเดียว ซึ่งคนที่เอารถมาจำนำกับนายทุนใต้ดินพวกนี้มีไม่น้อยที่เป็นรถที่ขโมยมา เช่น ไปเช่ารถที่ภูเก็ตแล้วก็ขับมาจำนำที่กรุงเทพฯ โดยอาจจะไม่มีเอกสารคู่มือทะเบียนรถ ทิ้งแค่รถและกุญแจไว้ให้ หรืออาจจะใช้เอกสารปลอมในการจำนำ ซึ่งนายทุนที่รับจำนำก็ไม่สนใจเพราะคิดว่ารับจำนำไว้กินดอก ถ้าไม่มาไถ่รถคืนก็เอาไปขาย
แต่ส่วนมากคนรับจำนำก็จะตรวจสอบทะเบียนประวัติของรถก่อน ว่ารถมี อ.ย. คือเป็นรถที่ ถูกอายัด ไว้หรือเปล่า ถ้าเป็นรถที่มี อ.ย. ซึ่งแปลว่า เป็นรถที่ขโมยมาก็อาจจะไม่เอา หรือให้ราคาที่ต่ำมาก สมมุติฟอร์จูนเนอร์ราคา 250,000 เขาให้แค่ 100,000 พวกที่ขโมยรถมาก็เอาเพราะเขาไม่ต้องลงทุนอะไร แล้วตามกฎของพวกนี้จำนำไว้แล้วขาดส่งดอกเกิน 2 เดือน เขาก็เอารถไปขาย รถคันนี้ก็จะเข้าสู่ขบวนการสวมซากต่อไป โดยคนรับจำนำจะขายรถต่อให้แก๊งสวมซากทะเบียนรถ แก๊งนี้ก็จะเอาซากรถที่ซื้อมาจากแก๊งประมูลรถ ซึ่งเขาไปประมูลซากรถที่เกิดอุบัติเหตุ ซ่อมไม่ได้แล้วจากบริษัทประกันมา เสร็จแล้วก็ทำการสวมซากดังที่กล่าวมาข้างต้น แล้วก็นำออกมาขายเป็นรถมือสอง ส่วนคนที่เอารถมาจำนำพอได้เงินเสร็จก็ไปแจ้งความว่ารถหาย แต่ก็มีอีกพวกหนึ่งคือคนที่เข้าไปเล่นพนันในบ่อนแล้วไม่มีเงินจ่ายก็เอารถจำนำไว้ แต่ไม่มีเงินไปไถ่ ก็ไปแจ้งความว่ารถหาย สุดท้ายรถก็เข้าสู่กระบวนการสวมซากเหมือนกัน พ.ต.ท.อรรถพร เล่าถึงธุรกิจซื้อขายรถผิดกฎหมาย
นอกจากนั้น การขโมยรถไปผ่าแยกก็เป็นวิธีหนึ่งที่คนร้ายนิยมมาก เพราะเมืองไทยมีปัญหาเรื่องอะไหล่แพง โดยเฉพาะอะไหล่จากศูนย์ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ ดังนั้นจึงมีแก๊งลักรถบางแก๊งที่ตระเวนลักรถเพื่อนำอะไหล่ไปขายให้พ่อค้าตามตลาดเชียงกง (ตลาดขายอะไหล่มือสอง) โดยอู่รถต่างๆ ก็จะมาซื้ออะไหล่ที่เชียงกงโดยไม่รู้ว่าเป็นของที่ขโมยมา ซึ่งสาเหตุที่แก๊งพวกนี้เลือกที่จะแยกอะไหล่ขายแทนที่จะขายรถทั้งคันก็เพราะรถที่ขโมยมานั้นผู้ซื้อจะให้ราคาต่ำมาก อีกทั้งการถอดอะไหล่ขายยังเป็นวิธีที่สามารถหลบเลี่ยงการจับกุมได้ง่ายกว่า
ชน ตอ นายทุนใหญ่
อย่างไรก็ดี การขจัดขบวนการโจรกรรมรถยนต์ให้หมดไปนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะตราบใดที่ยังมีนายทุนใหญ่คอยรับซื้อรถที่ได้จากการโจรกรรม ก็ยังมีกลุ่มแก๊งต่างๆ ที่พร้อมจะขโมยรถไปขาย อีกทั้งการจะเอาผิดกับกลุ่มนายทุนที่อยู่เบื้องหลังแก๊งโจรกรรมรถนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เนื่องจากการทำงานของเครือข่ายแก๊งโจรกรรมรถในแต่ละขั้นแต่ละตอนนั้นจะทำงานแบบแยกกลุ่มและตัดตอนกันหมด เช่น คนที่ขโมยรถจะรู้จักแค่คนรับซื้อ แต่ไม่รู้จักนายทุน หรือคนที่ขับรถไปส่งขายตามแนวชายแดนก็รู้จักแค่คนที่มาติดต่อ แต่ไม่รู้จักตัวคนขาย
แก๊งพวกนี้ส่วนใหญ่จะทำธุรกิจในลักษณะตัดตอนกันหมด คือแก๊งประมูลก็แก๊งหนึ่ง แก๊งโจรกรรมรถก็แก๊งหนึ่ง แก๊งรับจำนำก็เป็นอีกแก๊ง แก๊งสวมซากก็อีกแก๊ง หรือคนที่เอารถไปส่งชายแดนก็แค่รับจ้างขับรถไปส่งอย่างเดียว ติดต่อผ่านคนกลางโดยไม่รู้จักกับแก๊งสวมซากเลย เวลาไปจับรถที่สวมซากได้เราก็ตามไปสอบสวนคนที่ประมูลซากรถ พวกนี้ก็บอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายเพราะเขาประมูลรถจากบริษัทประกันอย่างถูกต้องทุกอย่าง ส่วนคนที่ซื้อซากรถจะรถไปทำอะไรเขาไม่รู้ เขาก็บอกอย่างเดียวว่าเขาเป็นคนดี ผมล่ะงงประเทศชาติ (หัวเราะ)
บางรายเราก็มีประวัติอาชญากรรมอยู่ บางคนรับจำนำไว้ เจ้าของรถขาดส่ง 2 เดือน พวกนี้ก็เอารถไปขายทิ้ง โดยปลอมเอกสารไปหลอกขายชาวบ้าน มาประกาศขายทางเว็บไซต์ก็มี ฮอนด้า แจ๊ส ขายถูกแสนเดียว คนก็ซื้อกัน วันดีคืนดีคนซื้อก็ถูกจับเพราะติดป้ายทะเบียนปลอม คนซื้อก็ซัดทอดไปที่คนขาย เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าไปสอบสวนและออกหมายจับ แต่ที่ยากคือเราสาวไม่ถึงตัวขายทุนเพราะส่วนใหญ่พวกนี้ไม่ออกหน้าเองแต่สร้างลิ่วล้อขึ้นมาเป็นนายหน้าทำธุรกิจแทน นายหน้าก็ไปป่าวประกาศในวงการว่าใครมีรถอะไรบ้างเขารับซื้อ ส่วนตัวนายทุนก็ออกเงินอย่างเดียว ผลประโยชน์แบ่งคนละครึ่ง อย่างลงทุนปล่อยกู้ 1,000,000 บาท เก็บดอกร้อยละ 10 ก็ได้มา 100,000 นายทุนก็เอาแค่ 50,000 อีก 50,000 ก็ให้นายหน้าเอาไปบริหารกันในกลุ่ม เวลานายหน้าถูกออกหมายจับก็หนีไป ถ้ายังจับไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นนายทุน หรือบางทีนายหน้าก็อาจจะไม่ซัดทอด พอลิ่วล้อคนนี้ถูกจับ นายทุนก็หาคนอื่นมาเป็นนายหน้าแทน หรือแก๊งขโมยรถแก๊งนี้ถูกจับ มันก็มีแก๊งใหม่ขึ้นมา เพราะมันมีคนซื้อ มันก็มีคนที่พร้อมจะขโมย มันก็ปราบไม่หมดเสียที พ.ต.ท.อรรถพร กล่าวถึงอุปสรรคในการปราบปรามขบวนการโจรกรรมรถ
พฤติการณ์แก๊งขโมยรถ
ว่ากันว่า แก๊งโจรกรรมรถแต่ละแก๊งนั้นจะมีความถนัดที่แตกต่างกันไป และแต่ละรายมักจะเลือกโจรกรรมรถตามออเดอร์และโจรกรรมเฉพาะยี่ห้อที่ตนเชี่ยวชาญ โดยวิธีการโจรกรรมของแต่ละแก๊งก็จะมีวิธีการและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน
แต่ละแก๊งจะใช้วิธีการไม่เหมือนกัน ยี่ห้อรถที่ขโมยก็ไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าเจอวิธีโจรกรรมแบบนี้ รถยี่ห้อนี้ เราก็สันนิษฐานได้เลยว่าฝีมือแก๊งไหน อย่าง แก๊งหรั่งเป๋ หรือ นายสรกิจ บุญประดิษฐ์ ซึ่งถูกจับกุมเมื่อต้นปีนี้ เรายึดรถฮอนด้า แจ๊ส ได้ 50 คัน ช่วงนั้นฮอนด้า แจ๊ส หายบ่อยมาก คือตอนแรกเรายึดรถฮอนด้า แจ๊ส ที่ติดป้ายทะเบียนปลอมได้ 4 คัน เราก็ขยายผลออกไปจนรู้ว่าเป็นรถที่แก๊งหรั่งเป๋โจรกรรมมา ทีมตำรวจก็ออกตามล่า ไปค้นบ้านก็พบคอมพิวเตอร์ที่ใช้พิมพ์เอกสารปลอม ซึ่งชื่อในเอกสารตรงกับชื่อเจ้าของรถที่แจ้งหายไว้ทั้งนั้นเลย วิธีการของแก๊งนี้คือถ้าไปเจอรถฮอนด้า แจ๊ส จอดอยู่ก็จะทุบกระจก แล้วล้วงมือเข้าไปเปิดประตูรถ พอเข้าไปในตัวรถได้ก็จะต่อสายตรงเพื่อสตาร์ทเครื่อง
อีกแก๊งหนึ่งที่เพิ่งผมเพิ่งจับไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้วคือ แก๊งไอ้เหม็น ที่บางละมุง จ.ชลบุรี ไอ้เหม็นนี่เข้าไปงัดบ้านฝรั่งย่านบางละมุง ขโมยเฉพาะรถฟอร์ด ฟอร์จูนเนอร์ ได้ไปทั้งหมด 17 คัน วิธีการคือปืนรั้วบ้านแล้วงัดเข้าไปเอากุญแจรถ จากนั้นก็ใช้กุญแจสตาร์ทรถที่จอดอยู่หน้าบ้านออกมา เพราะรถรุ่นนี้ใช้กุญแจชิป กุญแจดอกอื่นหรือพวกกุญแจปั๊มเนี่ยไขไม่ได้ ต้องใช้กุญแจของมันเลย จากการสอบปากคำไอ้เหม็นจะไม่สนใจว่าเจ้าของจะอยู่บ้านหรือเปล่า ปีนเข้าไปกลางดึกแล้วก็ใช้ไฟฉายส่องหากุญแจ ซึ่งส่วนมากเจ้าของบ้านมักจะวางกุญแจไว้บนโต๊ะทำงานบ้าง หลังตู้เย็นบ้าง ผมก็ถามว่าถ้าเข้าไปเจอเจ้าของบ้านนอนหลับอยู่จะทำยังไง มันก็บอกมันก็เดินข้ามหัวไปหยิบกุญแจ (หัวเราะ)
เคสที่อึ้งมากคือที่ จ.ชัยนาท มีอยู่หมู่บ้านหนึ่งมีอาชีพโจรกรรมรถกันทั้งหมู่บ้าน มีเครือข่ายทั้งหมดประมาณ 100 คน จนมีเรื่องเล่าว่าลูกบ้านไหนยังไม่ไปเข้าแก๊งโจรกรรมรถ แม่ก็จะด่าว่า..คุณ..ยังไม่ไปลักรถกับเขาเหรอ ... เขาไปกันทั้งหมู่บ้านแล้ว (หัวเราะ) แก๊งนี้จะเลือกขโมยแต่รถกระบะดีแม็กซ์ วีโก้ หัวหน้าเครือข่ายที่เป็นอาจารย์ในการลักรถของแก๊งนี้คือ ไอ้เจิด ตาเดียว ซึ่งฝีมือร้ายกาจมาก เพราะรถกระบะ วีโก้ ไม่ได้โจรกรรมกันง่ายๆ นะ แต่สุดท้ายไอ้เจิดก็เพิ่งถูกวิสามัญฆาตกรรมไปเมื่อปีที่แล้ว เพราะยิงต่อสู้ตำรวจขณะเข้าจับกุม คดีนี้ ท่าน พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงไปดูแลคดีเองเลย คือก่อนหน้านี้ไอ้เจิดมันไปยิงตำรวจทางหลวงกับตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ตายที่น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ มันขับรถที่โจรกรรมมาเจอด่านตำรวจ ตำรวจจะขอตรวจค้น มันไม่ยอมแล้วก็ชักปืนออกมายิงตำรวจตาย แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด พ.ต.ท.อรรถพร เล่าถึงพฤติการณ์ของบรรดาแก๊งขโมยระดับแนวหน้า
ทั้งนี้ พ.ต.ท.อรรถพร ยังได้ฝากถึงบรรดาเจ้าของรถว่าหากประสบปัญหารถหายหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ก็สามารถคลิกเข้าไปแจ้งรถหาย หรือเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันการโจรกรรมรถได้ที่
www.rodhai.com ที่จัดทำโดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ ซึ่งจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ใช้รถมากมาย
อยากฝากว่าช่วงนี้เป็นช่วงหน้าฝนซึ่งตามสถิติจะมีเหตุรถหายเยอะมาก เนื่องจากเจ้าของรถส่วนใหญ่คิดว่าคงไม่มีใครมาขโมยรถตอนฝนตกหรอก แต่ความจริงแก๊งลักรถมักจะออกอาละวาดตอนฝนตก โดยขี่มอเตอร์ไซค์ออกตระเวนหา รถที่ถูกขโมยกันเยอะในช่วงฝนตกคือรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เพระเวลาก่อเหตุเสียงฝนจะกลบหมด เจ้าของบ้านก็ไม่ได้ยิน นอกจากนั้นตำรวจสายตรวจก็มักจะไม่ออกตรวจในช่วงฝนตกด้วย จึงเป็นช่วงจังหวะเหมาะที่พวกนี้จะออกก่อเหตุ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ กล่าวทิ้งท้าย