แล้วไง๋ขับเบนซิลธรรมดามันได้ระยะทางมากกว่าอ่ะคับ ทั้งที่ค่าความร้อนโซฮอร์มากก่า งง?

เหลือมากกว่า ไม่ได้แปลว่าใช้ได้นานกว่านะครับ เพราะการใช้ฉีดจ่ายในเครื่องยนต์ ไม่ได้ fix ค่าการฉีดจ่าย ที่จะ
มาวัดได้ด้วยปริมาณที่เหลือมากกว่า แต่การสิ้นเปลืองมากน้อย ขึ้นอยู่กับการประมวลผลขณะเผาไหม้เชื้อเพลิง
ด้วยว่า Gasohal นั้น ให้พลังงานต่ำกว่า Gasoline ล้วนๆ ในการฉีดจ่ายในเครื่องยนต์เดิมให้ได้ค่า AFR ที่เหมาะสม
รวมถึงการชดเลยเพื่อให้เกิดการ knock ที่ต่ำลงในภาวะการขับขี่ ทำให้ต้องฉีดจ่ายในปริมาณที่มากกว่า ดังนั้นแม้ว่า
การเหลือปริมาณที่มากกว่า แต่มันก็ใช้มากกว่าในการขับเคลื่อนรถยนต์
และปริมาณที่เหลือไว้นั้น ก็มีปริมาณส่วนที่เป็นน้ำ และ เอธานอล มากกว่าตัวเบนซิล เพราะส่วนที่ระเหยออกไปเป็นเบนซิล
การทดลองที่อ้างผลทางวิทยาศาสตร์ เพื่อการพิสูจน์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ได้ให้ข้อมูลครบทุกด้านครับ ดีที่ทาง Thai Driver
เขียนไว้แล้วว่า จุดประสงค์ เพื่อวัดการระเหยอย่างเดียว ไม่งั้นเดี๋ยวมีเถียงกันตายว่า ทำไมอย่างนั้น ทำไมอย่างนี้
ที่ เอธานอล เผาไหม้แล้วไม่เหลืออะไรเลย เพราะมันไม่มีส่วนประกอบของ คาร์บอน ไงครับ เนื่องจากมันไม่ได้มาจากฟอสซิล
หรือสิ่งมีชีวิต แต่ถ้าการทดลองนี้เอา V power มาเผา อาจจะให้ผลเป็นอย่างอื่น ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่อยากให้เห็นก็ได้
ผมเคยดูรายการ Discovery ในรายการของ Mythbluster ทำการทดลองว่า ถ้ามีน้ำมันรั่วแล้วเกิดมีไฟติดและลามมา
มีผลจากปริมาณที่รั่วหรือไม่ และน้ำมันชนิดใดมีความเร็วในการลุกลามมากกว่ากัน
ให้ผลสรุปได้ว่า น้ำมันเบนซิลที่มี octain สูง ยิ่งลามเร็ว และไม่เกี่ยวข้องกับปริมาณทีรั่ว (คือแถบกว้างของสายน้ำมัน)
เขาใช้น้ำมันเครื่องบิน, เบนซิล และ ดีเซล และ ดีเซล ไม่ติดไฟ ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร และเบนซิลธรรมดานี่ติดไฟ
ทันรถยนต์ที่วิ่งอยู่ ด้วยความเร็วประมาณ 60km/hr ดังนั้น ถ้าวิ่งเร็วกว่านี้มันก็ตามไม่ทัน
ถ้าเห็นฉากในหนัง คล้ายๆ แบบนี้แล้วรถระเบิด แสดงว่า จงใจมากๆ เพราะพวกที่ขับหนี คงไม่ได้ขับต่ำกว่า 60 แล้ว
ไฟจะตามไปทันไม่ได้ แต่น้ำมันเครื่องบินตามได้เร็วกว่านั้น แต่ผิดธรรมชาติ ที่จะเติมกัน นอกจากหนังโหดๆ รถซิ่งๆ
ใส่เชื้อเพลิงอย่างอื่นเช่น ไนโตรมีเธน เป็นต้น และถ้าตัวร้าย ใช้รถดีเซล turbo คงไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย
คุณได้ไอเดียในการขับรถหนีตำรวจหรือยัง ว่าน่าใช้ ford TDI ตัวใหม่จริงๆ อิอิ เพราะมันแรง แล้วก็ใช้ดีเซลด้วย