กระจกนิรภัยที่ใช้กับรถยนต์ในปัจจุบัน มีด้วยกัน 2ชนิดคือ กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) และกระจกลามิเนต (Laminated Glass)  
ซึ่งเป็นกระจกที่แปรรูปมาจากกระจกเรียบ โดยจะต้องผ่านขบวนการต่าง ๆ  เพื่อให้ได้คุณสมบัติของกระจกนิรภัยคุณสมบัติของกระจกนิรภัย
1. ต้องมีความแข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา 3 ? 5 เท่า 
2. เมื่อเกิดการแตก จะต้องแตกเป็นชิ้นเล็กๆ ไม่แหลมคม และ ไม่กระจาย 
3. เมื่อเกิดการแตก จะต้องไม่ยอมให้วัสดุทะลุผ่านกระจกได้ง่ายกระจกนิรภัยทั้ง 2 ชนิดจะแตกต่างกันในเรื่องของคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานโดยแสดงดังรูปด้านล่าง
กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) กรรมวิธีการผลิตกระจกเทมเปอร์ที่ได้มาจากการแปรรูปกระจกเรียบ  มีด้วยกัน 2  วิธี 
คือ การใช้กรรมวิธี ทางความร้อน  (Heat Treatment )  และกรรมวิธีการใช้สารเคมี (Chemical Strengthening Process) 
โดยกรรมวิธีทั้ง 2 มี หลักการที่เหมือนกันคือ สร้างสภาวะ เค้นอัด (Compression) บริเวณผิวกระจกและสภาวะ  เค้นดึง (Tension) ด้านในเนื้อ กระจก 
เพราะปกติแล้ว แก้ว หรือ กระจกจะแตกด้วย แรงเค้นดึง (Tensile Stress) มากกว่า แรงเค้นอัด  
นอกจากนี้สภาวะ ความเค้นที่ต่างกัน ระหว่าง บริเวณผิวกระจก  และ บริเวณด้านในเนื้อกระจก ส่งผลให้ขนาดของชิ้นกระจกที่แตกมีขนาด เล็ก
กระจกโซนเทมเปอร์  ( ZoneTempered ) เป็นกระจกพิเศษทีผ่านขบวนการเทมเปอร์แบบพิเศษ โดยปรับให้เมื่อเกิดการแตกของกระจก  
บริเวณตรงด้านหน้าคนขับชิ้นกระจกที่แตกจะมีขนาดชิ้นใหญ่ กว่าการแตกของ กระจกเทมเปอร์แบบธรรมดา  
ข้อดีคือ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถมองผ่านไปได้  ส่วนบริเวณอื่น ขนาดชิ้นกระจกจะมีขนาดเล็ก
กระจกลามิเนต (Laminated Glass) กรรมวิธีการผลิตกระจกลามิเนต  คือ การนำเอากระจกเรียบแบบธรรมดา  หรือ กระจกเทมเปอร์ ตั้งแต่ 2 แผ่นขึ้นไปมาประกบติดกัน
โดยมีแผ่นฟิล์มพอลิเมอร์  ชนิดไพล์ไวนิลบิวทิรอล (Polyvinylbutyral PVB) ที่มีคุณสมบัติ การยึดเกาะสูง และนำไปผ่านขบวนการทางความร้อน 
ทำให้แผ่นฟิล์มพอลิเมอร์ มีลักษณะใส เมื่อกระจกแตกชิ้นกระจกจะ ไม่แตกกระจาย และรอยแตกจะมีขนาดเล็ก สามารถมองผ่านได้