ขอบคุณมากๆเลยครับ คุณ Handyman และก็ขออภัยด้วยครับ พอดีรถผมใช้แก๊ส เห็นว่าเป็นหัวข้อแก๊สก็เลยเข้ามาเลย 555555+
เรื่องที่ว่าวัดโวลท์ผมมันขยับตามคันเร่งนั้นมันเป็นมานานแล้วครับก่อนหน้านี้ ผมเคยใช้ Xenon 2 คู่ ตรงไฟตัดหมอกด้วย แล้วพวกไปเลี้ยว+หรี่ต่างๆ (มีไฟแก้ม + ไฟตัดหมอกหลัง) ก็ใช้หลอดธรรมดา (ไม่ใช่ LED)
เลยมีปัญหาไฟตกบ่อย เปลี่ยนไดกะแบตไปหลายลูกจนมาเพิ่มเป็นแบต 75 amp กะ ได 65 amp ผมก็ใช้รถมาเรื่อยแบบที่ขยับตามคันเร่งมานานแล้ว จนมาเปลี่ยนเป็นหลอด LED และใช้ได้นานประมาณ 3 เดือน จนในที่สุดมามีปัญหาดังกล่าว
ผมก็เลยคิดว่าแบตมันอาจจะเสื่อมสะสมมาตั้งแต่นั้นรึเปล่า แต่ว่าตอนนี้วัดโวลท์นิ่งและครับ ไม่ต่ำกว่า 13 ตอนดับเครื่องใหม่ๆจอดนิ่งๆ Volt Stabilizer บริเวณห้องเครื่องก็วัดได้ตั้ง 13 กว่าๆ ต่างจาก เมื่อก่อนที่ได้ประมาณ 12 นิดๆ เอง
ก็หวังเล็กๆรถผมคงจะไม่มีปัญหาอะไรเรื่องไฟอีกแล้วนะครับ 5555555555+
^.^  

วันนี้มีเรื่องสงสัยอยากจะถามครับ
คือเรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันเสาร์ผมจอดรถและลืมเปิดไฟหรี่+ผ่าหมากทิ้งไว้
มีไฟแก้มข้าง ไฟสปอร์ตไลท์ ไฟท้าย ไฟเลี้ยวหน้า คู่ล่าง-บน เป็น ไฟ LED หมดเลย
ส่วนไฟเลี้ยวหลังใช้หลอดไฟธรรมดา (เพราะเคยติด LED แล้วไฟน้อยไป ไฟจะเลี้ยวค้าง)
และไฟวงแหวนของ Transformer ใช้บัลลาต์ครับ
ประมาณครึ่งวันมาที่รถก็พบว่า start ไม่ติดแซะล่ะ
ก็เลยให้พนง.ที่โรงแรมที่เราจอดไว้มาพ่วงแบตให้
และขับรถวอร์มประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะนำมาจอด
และเข้าห้องสัมมนาต่อ พอตกเย็นก็มา start ก็ไม่ติดอีก
เลยต้องให้เค้ามาช่วยพ่วงแบตอีกที แล้วขับออกไปได้ประมาณ 400 เมตร
กำลังจะเลี้ยวออกจากซอยก็ดับอีก คราวนี้มีรถเพื่อนตามหลังพอดีเลยให้พ่วงให้
จากนั้นก็ขับได้ยาวเลยครับ แถมจอดซื้อของแล้วมา start อีกก็ติด
และก็ขับพาแม่ไปธุระที่ห้วยขวาง ประมาณ ชม.กว่า ได้ที่ไม่ได้ดับเครื่อง
(แต่เปิดหมดทั้งเพลง (Bass box) + ไฟ + แอร์) แต่พอถึงแยกห้วยขวาง
ไฟหน้าก็เริ่มกระพริบ รู้ตัวแล้วว่าไฟไม่พอเลยรีบดับไฟ และขับไปให้ถึงที่หมาย
และก็เป็นตามคาดครับ พอจอดแล้วก็ start ไม่ติดเหมือนเคย
จากนั้นก็เลยให้ช่างแถวนั้นมาพ่วงและปิดแอร์+เพลง เปิดกระจก ขับกลับ
คิดว่าน่าจะ ok แล้ว เพราะไฟหน้าไม่กระพริบ รอบไม่ตกแล้ว
ก็เลยจอดซื้อของโลตัสประมาณ 30 นาที แล้วก็มา start ขับกลับบ้านได้
คราวนี้ก็เลยเปิดหมดครับ ทั้งเพลง (Bas box) + ไฟ + แอร์
พอถึงบ้านก็จอดทิ้งไว้ประมาณ 1 ชม. ลองมา start แล้วขับวนรอบหมู่บ้าน 1 รอบ
กลับมาลอง start ใหม่ และก็ แชะ ๆ ๆ ๆ.........
(ที่เล่ามาทั้งหมด เวลาเร่งเครื่องวัดโวลท์ ก็ขึ้นตามตลอด ประมาณ 13 เลยคิดว่าแบตเสื่อมแน่นอน)

รุ่งเช้าก็เลยให้ช่างมาเปลี่ยนแบต ก็ start ได้ตามคาด แต่ขับไปตจว.ประมาณ 60 โลได้
ไฟโชว์รูปแบตก็ขึ้นที่หน้าจอ วัดโวลท์ก็ค้างที่ 12 ดับและ start ใหม่หลายรอบก็ยังเป็น
ก็เลยคิดว่าไดร์ชาร์จเสียอีก ไปเชคร้านไดแถวนั้นช่างบอกไดโอดไหม้ทั้งแผง
ก็เลยเปลี่ยนไดโอด ตอนนี้รถเป็นปกติ รูปแบตหายไป แต่ที่เปลี่ยนไปจากเดิมก็คือ
เหมือนรอบจะตกหน่อยๆ และวัดโวลท์จะหยุดนิ่งที่ประมาณ 13.5 (ไม่เพิ่มตามเร่งเหมือนเก่า)
และค่อยๆลดลงทีละนิดๆ เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ แต่ไม่ต่ำกว่า 13
ปล.แต่ดูเปิดแบตฯตลอดตอนกลับบ้าน วันนี้ไปทำงานกลับมาก็ดู
ก็ยังเป็นสีฟ้า (กึ่งแห้ง) แสดงให้รู้ว่าแบตยังเต็ม....

คำถาม :-
1) สรุปว่าผมเสียตังเปลี่ยนแบตฟรีรึเปล่าครับ
2) มีโอกาสที่แบตจะเสื่อมก่อนจึงทำให้ไดโอดของไดชาร์จไหม้ตามมั๊ยครับ
3) อาการที่เราผมเป็นขณะนี้คือ วัดโวลท์นิ่งๆนี่ผิดปกติป่ะครับ กลัวไดฯจะเสียอีก
4) แค่ลืมปิดไฟหรี่+ผ่าหมาก แค่นี้ทำให้มันบานปลายถึงขนาดนี้เลยหรอครับ หรือว่าแบตมันเสื่อมสะสมมาก่อน...

ขอบคุณมากๆสำหรับคำตอบครับ
หวังว่าเรื่องของผมคงเป็นอุทาหรณ์สอนใจคนหลายๆคนนะครับ
ก่อนลงจากรถ อย่าลืมหล่ะครับ ดูให้ชัวร์ว่าไม่ได้เปิดอะไรทิ้งไว้
โชคดีครับ ทุกๆคน...

^.^

ตอนนี้ ตัดสินใจติดตั้ง MA Audio Bass Box 8" ใช้ได้ประมาณเดือนกว่าๆและครับ ไม่มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น เพราะกินไฟน้อย ส่วนไฟตัดหมอดคู่ล่าง รู้สึกว่าน้ำจะเข้า Ballast จะเสียบ่อยครั้ง ขี้เกียจไปเคลมหลายรอบเลยหาไส้หลอด LED H3 มาติดแทน และให้ช่างโมใหม่ไม่ให้น้ำเข้า (วงแหวนตรงไฟตัดหมอกพังแล้วครับแตกไปข้างนึง เลยเอาออกให้เหมือนกัน) ตอนนี้น่าจะอยู่ตัวแล้วครับ ขับชิวๆไม่มีปัญหาไฟตก เปิดแอร์แรงได้ เครื่องเสียงอยู่ตัว เพลงเพราะเบสนุ่มฟังสบาย.........
^.^

หลังจากที่เปลี่ยนไดร์ชาร์จมือ 1 มาได้ซักพัก ผมก็ลองเปลี่ยนไฟเลี้ยวหน้า ไฟเลี้ยวในกันชน และไฟตัดหมอกหลัง(ใช้เป็นไฟเบรค) เป็นหลอด LED ทั้งหมด
ปรากฎว่าเข็ม VOLT ส่ายน้อยมากครับเวลาเลี้ยว และอาการไฟตกก็เหมือนจะลดน้อยลง (หลอดไฟตัดหมอกหลังของเดิมเห็นมันเขียนว่า E2 ต่างจากหลอดไฟเลี่้ยวที่เขียนว่า E4
ทั้งที่ขนาดเท่ากัน แต่ไม่รู้ว่าหลอด E2 นั้นกินไฟมากกว่ารึเปล่าไม่แน่ใจ) โดยก่อนหน้านี้ไม่นานผมได้ไปติดตั้งไฟ 2.5" Transformer Bi-Xenon เพิ่มเติม
พร้อมกับเอา Projector ลูกเก่าขนาด 1.8" ที่อยู่บนไฟหน้าที่เพิ่งมารู้ที่หลังว่า มันใช้สำหรับเป็นไฟตัดหมอก มาใส่แทนไฟตัดหมอกสีเหลือง สรุปว่าใช้บัลลาสต์ 2 คู่เลย
ซึ่งช่วงแรกที่ยังไม่ได้เปลี่ยนไฟเป็น หลอด LED ก็รู้สึกว่าไฟจะไม่ค่อยพอ แต่หลังจากเปลี่ยนหลอดเป็น LED แล้ว มีสิ่งที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างเห็นได้ชัด เช่น
วัดโวลท์สามารถไปถึง 13.8 ได้ ในตอนที่วิ่งไม่เปิดแอร์ตอนเช้า (ไม่เปิดไฟใดๆ) เดิมจากที่แค่ประมาณ 13 และถ้าเปิดไฟหรี่ไปถึง 13.2 ได้ จากเดิมประมาณ 12.5
ส่วนถ้าเปิดไฟทั้งหมด ยกเว้นแค่ Xenon ในไฟตัดหมอก จะได้ที่ประมาณ 12.7 และสุดท้ายถ้าจัดเต็มเปิดหมดจะอยู่ที่ 12.2 (ส่วนใหญ่เลยจะไม่ได้เปิด Xenon ในไฟตัดหมอก เพราะกลัวไฟจะไม่พอ)
ตอนนี้กำลังจะติดไฟเบรค(หรี่)หลังเป็นหลอด LED อีก (ไฟเลี้ยวหลังเปลี่ยนเป็น LED ไม่ได้ เพราะไฟมันค้างกำลังไฟน้อยเกินไป ถ้าไม่ได้ติดรีเลย์) คิดว่าคงจะช่วยได้อีกเยอะ ในความรู้สึกผมว่ามันทำให้ไดร์ชาร์จ
ชาร์จแบตได้เต็มที่มากขึ้นรึเปล่า เพราะเวลาเลี้ยววัด VOLT แทบไม่ขยับ (แต่ยังมะได้ติดรีเลย์ ก็เลยยังกระพริบไวอยู่) ถ้าเพื่อนๆมีปัญหาไฟตกก็ลองดูนะครับ อาจจะทำให้อะไรดีขึ้นมาแบบผมก็ได้ ขอให้โชคดีครับ....
ปล.ตอนนี้วางแผนจะลง SUB บาซูก้า เพราะงบน้อย และต้องการแค่ Bass เพิ่มอีกนิด ไม่รู้ว่าจะกินไฟเยอะรึเปล่าครับ ได้ผลเป็นไงเด๋วจะมารายงาน....
^.^

อาการแบบนี้มะเคยเป็นเลยครับ และก็ไม่เคยไปยุ่งกะเกียร์เลย จะมีก็แต่เข้าเกียร์ 2 เพื่อแซงเป็นบางครั้งครับ

ปล.แต่ว่าตอนนี้ซ่อมเรียบร้อยแล้วน่ะครับ สาเหตุมาจาก"เพลาขับหน้ารูด"ครับ ต้องเปลี่ยน...
ขอบคุณทุกคนมากๆนะครับ สำหรับคำแนะนำดีๆ ถ้ารถมีปัญหา คราวหน้าจะมา"แชร์"อีกครั้งครับ....

^.^

เหตุเกิดที่บริเวณหน้าซอยสายหยุด...
วันนี้ (11 ก.ค. 2555) เวลาประมาณ 18.30 น.
ระหว่างที่ผมกำลังขับรถเพื่อที่จะไปออกกำลังกายด้วยการเตะบอลที่"สนามตุงตาข่าย"
หลังจากหยุดรอรถเมล์รับผู้โดยสาร แต่รอไม่ไหวเลยตัดสินใจเปลี่ยนเลนไปทางขวา
ปรากฎว่าพอกำลังจะเขยื้อนรถ (เกียร์ D) ก็เกิดเสียงดังปัง! บริเวณข้างในฝากระโปรงหน้า
และรถก็ไม่ขยับ เมื่อเข้าเกียร์ D และเป็นเช่นเดียวกันเมื่อเข้าเกียร์ R โดยมีเสียงดังแอ๊ดยาวๆขณะเข้าเกียร์
เหมือนเฟืองหรือน๊อตมันหลุด ผมคิดว่าคงมีวัตถุอะไรบางอย่างอยู่ใต้รถผมเป็นแน่แท้
แต่เมื่อลงรถไปดูก็ไม่พบอะไรอยู่่ใต้รถทั้งสิ้น ก็เลยให้ตำรวจและพลเมืองดีช่วยเอารถเข้าขางทางก่อน
แล้วให้คนที่พอซ่อมรถเป็นเข้าดูให้เบื้องต้น เค้าบอกว่าน่าจะเป็นเพราะเพลาหลวมหรือเฟืองแตก
ผมเลยตัดสินใจ เดินหาอู่แถวนั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ปิดแล้ว ไปเจออู่นึงเค้าบอกว่าให้จ้าง Taxi ลากรถมาจอดที่อู่ก่อน
แล้วค่อยมาดูพรุ่งนี้ กรณีแย่สุดคืออาจต้องยกเกียร์ (หมื่นกว่าบาท) ผมก็ลองโบก Taxi ซัก 2-3 คัน ปรากฎว่า
ไม่มีใครมีที่พ่วงรถ ก็เลยกะว่าจะจอดทิ้งไว้ข้างๆร้านทำฟันถึงเช้าก่อน แต่มีลุงแก่ๆที่เป็นยามเฝ้าร้านทำฟัน
แกบอกว่ามีร้านเครื่องเสียงรถยนต์ถัดไปไม่กี่คูหานี้เค้ารู้จักช่าง ผมก็เลยลองไปถามดู ปรากฎว่าไปเจอลุงอีกคนอัธยาศัยดีมาก
เค้าโทรตามลูกน้องที่เคยรู้จักที่เป็นช่างซ่อมรถให้ลองมาดูอาการ รอไม่นานนักช่างก็มา และเช็คดู พร้อมกับสันนิษฐานว่า
"ไฟบิน" (มะรู้นะ ผมได้ยินแบบนั้น) เค้าบอกประมาณว่าน่าจะเป็นเพราะน๊อตมันหลุด แต่ต้องยกรถดูอีกที ทีแรก
ผมกะว่าจะให้เค้าลากรถไปที่อู่เค้า แต่เค้าบอกต้องรอ 4 ทุ่ม ให้รถน้อยๆก่อน สุดท้ายสรุปคือเค้าให้เราทิ้งรถไว้หน้าร้านนี่
แล้วนัดเจอพุ่งนี้ 8 โมงเช้า เค้าจะเอาอุปกรณ์มาดูให้เลย ให้ผมเก็บของมีค่าล๊อครถให้เรียบร้อย แล้วให้ผมเก็บกุญแจไว้....
.....ก็ไม่รู้ว่าพุ่งจะเสียอีกกี่บาท แต่ก็ขอให้อย่าบานปลายเลย รถเก่าก็เงี๊ยแหละครับ เฮ้อ! แล้วเพื่อนๆว่าที่รถของผมเป็นแบบนี้
เนื่องมาจากสาเหตุใด และต้องแก้ที่ตรงไหนครับ (ยกเว้นเปลี่ยนรถนะ 555555+) ขอบคุณสำหรับทุกๆคำแนะนำล่วงหน้านะครับ....
ปล.แต่ว่าสตาร์ทติดปกตินะครับ....
(http://www.facebook.com/photo.php?fbid=453838004635431&set=a.213723875313513.61949.100000277059969)
^.^

ตอนนี้รู้สึกว่าวัดโวลต์เริ่มต่ำลงๆอีกและครับ แรกๆที่ออกจากอู่ยังอยู่ที่ระดับประมาณ 13.5
แล้วหลายๆวันเข้ารู้สึกว่ามันก็ค่อยๆลดทีละ .1 จนวันนี้อยู่ที่ประมาณ 12.5 ครับ
กลัวจะมีปัญหาอีกอ่าซิ เด๋วลองใช้ไปอีกนานก็คงรู้ ถ้าลดลงกว่านี้ คงต้องไปปรึกษาอู่ที่เปลี่ยนไดร์ชาร์จมาให้ล่าสุด....
^.^

ตอนที่ช่างร้านล่าสุดทำให้ผมเขาบอกว่า ของเก่าช่างเอาวัดโวลต์ต่อเข้ากะไฟเลี้ยว เลยมะรู้ว่าเกี่ยวด้วยเปล่า....
ปล.ตอนนี้ใช้ไดร์ชาร์จใหม่มาประมาณ 4 วัน อาการยังดีมากอยู่ครับไฟไม่วูบเลย เวลาเปิดไฟเลี้ยว-ผ่าหมาก ถึงแม้ว่าถ้าเปิดแอร์วัดโวลท์จะชี้ไปที่ 13v เท่านั้น ก็ขอให้เป็นอย่างนี้ไปนานและกันครับ ขอบคุณมากๆครับ...
^.^

ย้อนกลับไปครั้งแรกที่ผมเคยติดตั้งเกี่ยวกะไฟเลย แล้วเริ่มมีปัญหาเลย ก็คือ เครื่องเสียง (อย่างแรกที่ติดแต่ยังมะมีปัญหานี่คือ Spotlight)
วันแรกนี่จำได้เลย ขับรถกลับมาบ้าน ไม่รู้ว่าเรามัวแต่ Set เสียง ตอนดับเครื่อง รึเปล่า batt ก็เลยหมด
แล้วเครื่องเสียง(ไม่รวมถึงamp) กะ Spotlight และ Xenon นี่อะไรกินไฟมากสุดครับจากน้อยไปมาก...
ปล.วันนี้เปลี่ยนไดร์ชาร์จเป็นของมือหนึ่ง Nippon Denso 80amp แล้ว แต่วัดvoltในรถยังอยู่ประมาณ 13v น้อยไปปะครับ!
(แต่ว่าตอนเปิดไฟเลี้ยวหรือผ่าหมากไฟก็ยังวูบนะครับ แต่วูบน้อยมาก)
>.<"

และแล้ววันนี้ก็มาถึง(อีกครั้ง) เช้าวันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2555 เวลาประมาณ 7.45 น.
ผมออกจากบ้านแล้วมุ่งหน้าไปที่รถเหมือนที่เคยทำเป็นประจำทุกวันจันทร์ถึงศุกร์
แล้วกดปุ่มปลดล็อคที่รีโมทเพื่อที่จะเปิดประตูไปสตาร์ทรถ ปรากฎว่าทำไมมันมีแต่เสียงกะไฟฟร่ะ
"แต่ล็อคมันไม่ปลดให้" คงรวนมั้ง เราก็เลยใช้กุญแจไข และเข้าไปสตาร์ท ปรากฎว่าสตาร์ทไม่ติดและครับ
เลยให้พ่อมาช่วยจั๊มแบตให้ (มีรถพ่ออีกคัน) แล้ววางแผนว่าจะเอารถไปทิ้งไว้แถวที่ทำงานเลย ให้เค้าเช็คเลยว่าเป็นอะไรกันแน่
จะอธิบายหมดเหมือนที่อธิบายไว้ที่กระทู้นี่แหละครับ โดยคิดว่า"ต้องไฟรั่วแน่ๆ คงต้องทิ้งรถไว้ยาวๆ"
เมื่อไปถึงอู่ดับเครื่อง แล้วก็สตาร์ทไม่ติดและครับตามคาด จั้มแบตแล้วเอาเครื่องวัดมาวัดก็"ชาร์จไม่พอ"ตามเคย
ก็เลยช่างอธิบายเค้าอย่่างที่บอกและทิ้งรถไว้ โดยย้ำเรื่องไม่อยากเปลี่ยนอีกแล้วไดชาร์จกะแบต เพราะเพิ่งเปลี่ยนมา 2 อาทิตย์
และเปลี่ยนมาหลายครั้งแล้วในระยะเวลา ปีกว่าๆที่ผ่านมานี้ จากนั้นพอเวลาประมาณ 10.00 น. ช่างที่ร้านก็โทรมาบอกว่า
เด๋วจะเช็คไฟรั่วให้ และเสนอไดชาร์จ"มือ1" ยี่ห้อ Nippon Denso 80amp ราคาประมาณ 4,000 กว่าบาท รวมค่าบริการ
(อันเดิมที่ติดอยู่ของเชียงกง 65 amp) เราก็เลยบอกว่าถ้าปัญหาเกิดที่นั่นจริงก็เปลี่ยน เพราะที่เราเคยเปลี่ยนมา
ก็ราคาประมาณ 1000-2000 (มีเฉพาะเชียงกงกะไดบิ้วเท่านั้น) แต่ก็ย้ำว่าไม่อยากให้มีปัญหาอีกหลังจากซ่อมครั้งนี้แล้ว
จากนั้นประมาณ 15.00 น. ช่างโทรมาอีกบอกว่ารถเสดแล้วต้องเปลี่ยนไดชาร์จ และบอกว่าไฟรั่วที่"ไดร์ชาร์จ"
(กรรมโม้รึเปล่าฟร่ะเนี่ย อาไรมันจาบังเอิญขนาดนั้น) สรุปก็คือต้องยอมเปลี่ยน และเสียตังค์อีกตามเคย (ไม่รู้จะเป็น"ค่าโง่"อีกรึเปล่า).....
ปล.ตอนนี้ผมก็แกล้งคิดปลอบใจตัวเองว่าปัญหาของรถผมคือใช้ไฟเยอะ ไดร์ชาร์จลูกเล็กคงไม่พอ
แล้วถ้ามันเสียอีก จาลองเปลี่ยนเป็น Battกะไดชาร์จ 100 amp ให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย 55555555+
ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ เด๋วใช้ได้นานหรือเสียอีกยังไงจะมาแจ้งคร๊าบบ....
^.^

สรุปว่าการเช็คว่าไฟ"รั่วหรือไม่"นั้น ไม่นานใช่มั๊ยครับ
แต่การเช็คว่ารั่วที่"ตรงไหน"คงจะนานน่าดู....
^.^

วันนี้ขอเล่าเรื่องยาวนิดนึงนะครับ เพราะอยากรู้จริงๆ ปัญหานี้แก้ไม่ตกซะที (ตอนนี้เริ่มออกอาการอีกแล้ว)
เรื่องมันมีอยู่ว่า รถผมในรอบเกือบ 2 ปีมานี่ เปลี่ยนแบตไป 3 ลูก และไดร์ชาร์จประมาณ 6 ลูก แล้วครับ
เนื่องจากไฟรถผมชอบวูบ เหมือนไฟจะไม่พอ (ยิ่งเวลาเปิดไฟผ่าหมาก) บางทีก็สตาร์ทไม่ติด ต้องพ่วงแบต
พอไปร้านช่างบอกว่าต้องเปลี่ยนไอ้ 2 อย่างข้างบน (อย่างใดอย่างหนึ่ง) ก็จะใช้ได้ต่อประมาณไม่เกิน 3 เดือน
ก็อาการออกอีกต้องเปลี่ยนอีก สำหรับตัวผม ผมว่ารถผมใช้ไฟเยอะนะ แต่ไม่ว่าไปร้านไหนช่างที่ร้านก็บอกว่าพอๆ ใช้ไม่เยอะ
โดย..."ไม่เคยมีใครเช็คไฟรั่วให้ผมเลย!"...
นี่คือข้อมูลรถผมนะครับ
(ภาพประกอบ : http://www.facebook.com/media/set/?set=a.213723875313513.61949.100000277059969)
- Toyota Corolla 3 ห่วง GXi 1300cc ติดอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆดังนี้
1.ไฟ Projector Bi-Xenon ขนาดประมาณ 3"
2.ไฟแก้ม ทำเป็นไฟหรี่ (ใช้หลอด LED)
3.ไฟเลี้ยวในกันชน + ไฟเลี้ยวโคมข้าง
4.ไฟเบรคบนสปอยเลอร์
5.ไฟข้างด้านหลัง 2 ข้าง (LED)
6.ไฟตัดหมอกหลังของ Stanley ทำเป็นไฟเบรค
7.ไฟ Spotlight ปลายดาบสีเหลือง (มี Relay)
8.ไฟเลี้ยว LED ในกระจกข้าง
9.เครื่องเล่น MP3 ของ Pioneer (มีลำโพง คู่หน้า 1 คู่หลังอีก 1 ไม่มี Amp)
10.ไฟบอกระยะ Sensor ในกระจกมองหลัง
11.เกจ์วัด 3 อย่าง (อุณหภูมิ, Volt, Vacumm)
12.ไฟเพดานรถ LED
13.ไฟส่องเท้า LED (ติดเมื่อเปิดประตู)
14.ไฟหรี่ LED เส้นเล็กๆ 2 เส้นๆละประมาณ 20 ซม. ติดตรงบริเวณแผ่นทับทิมหลัง
15.ไฟ LED ติดไว้ด้านในทั้ง 4 ประตู ทำงานเวลาเปิดประตู (เปิดบานเดียว ทำงานทั้ง 4 อัน)
16.ไฟ Day Light (มีสวิทแยก เปิดเฉพาะตอนเช้า-เย็น)
17.ไฟ LED ส่องพระในรถ (เป็นเส้นขนาดประมาณ 20 ซม.)
18.ไฟผ่าหมากทำงานอัตโนมัติ เมื่อเปิดประตูตอนยังไม่ดับเครื่อง มาพร้อมตอนติดสัญญาณกันขโมย
สำหรับอาการที่เป็นก่อนที่เครื่องยนต์จะดับ มีดังนี้ (จะเป็นน้อยๆก่อน แล้วค่อยรุ่นแรงขึ้น)
1.ไฟทั้งหมด จะวูบเป็นจังหว่ะ เวลาไฟผ่าหมากหรือไฟเลี้ยวทำงาน (ยิ่งแรงยิ่งวูบมาก)
แต่ถ้าเปิดประตูให้ไฟในรถและไฟผ่าหมากอัตโนมัติของสัญญาณกันขโมยทำงาน จะยิ่งกระพริบมากกว่า
2.วัด Volt ปกติ เวลาเปิดไฟเลี้ยว จะอยู่ประมาณ 11-13 Volt
แต่ถ้าอาการออก จะแกว่งมาก อยู่ที่ประมาณ 8-12 Volt (ขึ้นลงเป็นจังหวะเช่นกัน)
3.ไฟหน้าจะกระพริบๆ ก่อนจะดับไปข้างนึง (ด้านที่ดับ จะเหลือแต่ไฟวงแหวน(ไฟหรี่))
4.เวลาเหยียบเบรค เหมือนวัด Volt มันจะลดลง แล้วเด้งกลับมา ยิ่งอาการหนักเท่าไหร่ ยิ่งลดมากเท่านั้น
5.รถผมติดแก๊สระบบหัวฉีดนะครับ แล้วเวลาอาการออก มาตรวัดแก๊สมันจะเพิ่มเองได้ อยู่ดีๆเต็มเฉยเลย
6.ถ้าเป็นน้อยๆดับแล้วสตาร์ทได้ แต่ถ้าเป็นมากๆต้องพ่วงแบต
ทั้งหมดก็มีเท่านี้หล่ะครับ ผมว่าไฟน่าจะรั่วรึเปล่าครับ ผมไม่อยากเปลี่ยนแบตหรือไดร์ชาร์จอีกแล้วนะครับ
และถ้าใครมีช่างไฟเก่งๆและซื่อสัตย์ โปรดกรุณาแนะนำผมด้วยครับ ผมอยู่แถวลาดพร้าวครับ ถ้าได้ใกล้ๆจะดีมาก
ปล.แบตตอนนี้ใช้ Boliden 70 Amp ครับ ส่วนไดร์ชาร์จทุกครั้งที่เปลี่ยนก็ราคาประมาณ 1500 - 2500 บาท
(คนละร้านนะครับ) ไม่รู้ว่าซื้อถูก หรือ Amp น้อยไปเปล่า (แบตและไดร์ชาร์จเพิ่งเปลี่ยนมาประมาณ 2 อาทิตย์ครับ)...
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำล่วงหน้านะครับ ไม่อยากเสีย"ค่าโง่"อีกต่อไป อยากแก้ปัญหาให้มันตรงจุดซะที...
^.^