ปกติ ยางรถยนต์ ที่ใช้งานกันอยู่เป็นประจำจะมีทั้งหมด 4 เส้น ซึ่งทำหน้าที่นำพารถยนต์ให้เคลื่อนไปบนพื้นถนน แต่จะมีอยู่อีก 1 เส้น เป็นยางสำรองสำหรับเมื่อเกิดเหตุณการณ์ที่ได้คาดคิดระหว่างทาง จนทำให้ยางเส้นหลักไม่สามารถใช้งานได้ หรือใช้งานแล้วอันตราย อย่างเช่นกรณียางรั่วซึม ยางแตก หรือยางบวม เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้จะทำให้ไม่สามารถขับรถต่อไปได้เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือทำให้รถยนต์เสียหาย จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ยางอะไหล่ก่อนเดินทางต่อไปที่อู่เท่านั้น
ยางอะไหล่สามารถติดท้ายรถไว้สำรองกรณีฉุกเฉินได้กี่ปี?
ปกติแล้วหากไม่ได้ใช้งานยางอะไหล่สำรองจะมีระยะใช้งานประมาณ 5 - 6 ปี แต่ระหว่างนี้ต้องได้รับการตรวจเช็กสภาพอยู่เป็นระยะ ๆ ให้มีความพร้อมอยู่เสมอเพื่อที่เวลาเกิดปัญหาจะได้นำใช้งานได้ทันที โดยวิธีการตรวจเช็กสภาพยางอะไหล่ก็คือ
ใช้เล็บจิกที่ดอกยาง แล้วไม่แข็งกระด้างเกินไปจนกลายเป็นยางเสื่อมสภาพ
การเติมลม ถ้ายังเก็บลมได้ดีไม่รั่วไม่ซึมก็สามารถใช้งานได้
สังเกตที่
ยางรถ ว่าต้องไม่มีลักษณะแตกลายงา บวม และปริแตก
หากพบว่ายางมีอายุนานมากและหมดสภาพแล้วควรเปลี่ยนยางอะไหล่เส้นใหม่ จะทำให้มีความปลอดภัยและมั่นใจในการเดินทางมากกว่า
ใส่ยางอะไหล่แล้วขับไกลเหมือนล้อเดิมหรือไม่?
ยางอะไหล่ นั้นสามาถใช้งานได้เพียงในเส้นทางสั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ยางอะไหล่บางเส้นจะมีสติ๊กเกอร์สีเหลืองระบุเป็นตัวเลขอย่างชัดเจนว่าสามารถใช้วิ่งได้ในระยะทางเท่าไร เช่น MAX 60 หมายความว่าเมื่อเปลี่ยนเป็นยางอะไหล่เส้นนี้จะสามารถวิ่งต่อไปได้ไกลสุด 60 กิโลเมตร ดังนั้นไม่ควรขับไปไกลเกินกว่าที่กำหนด แต่ถ้าไม่มีสติ๊กเกอร์ติดไว้สามารถตรวจสอบได้จากคู่มือผู้ผลิตรถรุ่นนั้น ๆ ได้ แต่หากไม่มีอู่ใกล้ๆ เลยแนะำให้ขอความช่วยเหลือจากรถสไลด์จะดีที่สุด
เมื่อใส่ยางอะไหล่แล้วจะขับด้วยความเร็วเหมือนปกติได้หรือไม่?
บนยางอะไหล่จะมีสติ๊กเกอร์สีเหลืองระบุความเร็วสูงสุดที่ยางรับได้กำกับเอาไว้อยู่ แต่ถ้าไม่มีสามารถศึกษาได้จากคู่มือรถ อย่างไรก็ดีเมื่อเปลี่ยนไปใช้ยางอะไหล่แล้วควรขับรถช้า ๆ เพื่อความปลอดภัย เพราะยางอะไหล่จะไม่สามารถรับความเร็วได้เท่ายางปกติ
ควรเติมแรงดันลมให้ยางอะไหล่เท่าไรถึงจะเหมาะสม?
ยางอะไหล่ แม้ไม่ได้ถูกนำมาใช้งานแต่มีสิทธิ์ที่แรงดันลมจะอ่อนลงได้ ดังนั้นควรหมั่นตรวจเช็กระดับแรงดันลมให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอพอ ๆ กับยางทั่วไป สำหรับการเติมลมยางอะไหล่แนะนำให้เติมมากกว่ายางที่ใช้งานเป็นประจำสัก 5 ปอนด์ เผื่อเอาไว้ในกรณีที่ไม่ได้ตรวจเช็กบ่อย ๆ หรือนาน ๆ จะตรวจดูสักครั้ง
ความแตกต่างระหว่างยางอะไหล่กับยางรถยนต์ทั่วไปนั้นสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ คือยางอะไหล่ส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งไว้ที่ท้ายรถ มักจะเป็นยี่ห้อ รุ่น และขนาดที่แตกต่างไปจากยางรถยนต์ทั่วไปทั้ง 4 เส้น โดยมีขนาดเล็กกว่า น้ำหนักที่เบากว่า ราคาไม่แพง บางกว่า และส่วนมากมาคู่กับล้อกระทะ แต่ก็อาจมีรถยนต์บางรุ่นที่ใส่ยางอะไหล่ที่เป็นรุ่น ขนาด และยี่ห้อเดียวกันมาให้ อย่างไรก็ตามยางอะไหล่ยังเป็นยางที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานชั่วคราวเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น จึงไม่สามารถนำไปใช้ทดแทนยางทั่วไปได้
เมื่อยางรถยนต์เกิดความเสียหายระหว่างการเดินทาง เช่น ยางแตก ยางบวม ยางรั่วจากการโดนวัสดุแหลมคมทิ่มตำทำให้ไม่สามารถขับต่อได้ จำเป็นต้องเปลี่ยนไปใช้ยางอะไหล่ในการขับประคองรถเข้าอู่ที่อยู่ใกล้ ๆ ดังนั้นผู้ใช้จึงควรศึกษาวิธีการเปลี่ยนยางอะไหล่เบื้องต้นเอาไว้เผื่อได้ใช้ในนาทีคับขัน โดยเริ่มจากการตรวจเช็กอุปกรณ์ให้พร้อม ได้แก่ ล้ออะไหล่ ชุดปั๊มลม แม่แรง และบล็อกถอดน็อตล้อ เมื่อพบว่ามีอุปกรณ์ครบแล้วก็สามารถเริ่มทำการเปลี่ยนยางอะไหล่ได้เลย โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
จอดรถบนพื้นที่ที่มีความราบเรียบไม่ลาดเอียง
ทำการเช็กยางอะไหล่ว่ามีความพร้อมในการทำหน้าที่หรือไม่ ถ้ายังอยู่ในสภาพใช้งานได้ก็ให้นำออกมาวางไว้ข้าง ๆ ได้เลย
ใส่เบรกมือไว้เพื่อป้องกันอันตรายจากรถไหล
ทำการคลายน็อตล้อให้พอหลวม ๆ ขณะที่ล้อยังติดอยู่กับพื้น
วางตำแหน่งแม่แรงไว้ที่ขอบชายน้ำใต้ท้องรถ แล้วหมุนแม่แรงยกเพิ่มระดับความสูงที่ไม่ต้องมากมายนัก เอาแค่พอให้สามารถถอดล้อออกมาได้ จากนั้นถอดน็อตล้อที่คลายจนหลวมแล้วออกให้หมด
ถอดล้อแล้วให้นำล้อที่ถอดออกมานั้นไปวางไว้ใต้รถข้าง ๆ แม่แรง ป้องไว้เผื่อกรณีแม่แรงหลุดจากจุดที่ค้ำ
ตรวจเช็กลมยางอะไหล่พร้อมกับเติมลมให้อยู่ระดับมาตรฐาน
เมื่อเสร็จแล้วให้นำล้ออะไหล่ใส่แทนล้อเดิม พร้อมกับขันน็อตล้อกลับเข้าไปทั้งหมดแบบไม่ต้องแน่นมากเอาแค่ตึงมือก็พอ
หมุนแม่แรงย้อนกลับคืนมาเพื่อลดระดับรถลงจนล้อติดพื้น แล้วนำแม่แรงออก
จากนั้นให้ใช้บล็อกไขน็อตจนแน่นทุกตัวเป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย
นอกจากยางรถยนต์ที่เราใช้งานแล้ว ยางอะไหล่ก็เป็นอีกส่วนที่เราต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะความอุ่นใจ หากเกิดเหตุฉุกเฉินกับยางเส้นใดเส้นหนึ่งขึ้นมาระหว่างทางก็ยังมียางอีกหนึ่งเส้นที่จะช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ ดังนั้นจึงสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลยางสำรองเส้นนี้ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ