AE. Racing Club
03 กันยายน 2568 20:07:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [«10] [«5]  «  1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 77  »  [5»] [10»]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่อVCEลิ้นแปรผันติดเพิ่มเฉยๆก็เร่งดีขึ้นไวตั้งแต่ออกตัวDynoครั้งที่1,2และ3  (อ่าน 197754 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #340 เมื่อ: 10 พฤศจิกายน 2555 23:27:04 »

BMW 525i 2500cc LPG ระบบท่อไอเสียเป็นท่อคู่ตลอด (มาจากเครื่องเลย) ต้องติดตั้งแยกเป็นสองท่อ (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ ช่วงหลังหม้อพักลูกแบนๆ)
 
 

BMW 525i (เกียร์ AT มีการดัดแปลงระบบไอเสียมาบ้างแล้ว โดยหม้อพักใบหลังได้ทำให้โล่งกว่าเดิมเล็กน้อย/น่าจะรวมทั้งแคทคู่ที่น่าจะโล่งขึ้นด้วย) ก่อนติดตั้ง ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จะไม่ค่อยพุ่งเท่าไหร่ (ถึงแม้คนขับจะบอกว่าเมื่อเร่งไปจากจุดหยุดนิ่งจะไม่เป็นปัญหาอะไร) สังเกตว่าที่ช่วงรอบเครื่องถ้าเลย 3000 รอบจะพุ่งมาก แต่ถ้าขับลอยๆ อยู่ที่ความเร็วซึ่งรอบเครื่องอยู่ที่ประมาณ 2000 รอบถ้าเร่งขึ้นไปกะทันหันที่รอบเครื่องนี้ (รอบจะพุ่งไปที่ 3000 รอบ) การทำอัตราเร่งจะดีพอใช้ได้เท่านั้น (เทียบกับการเร่งที่รถลอยตัวอยู่ที่ 3000 รอบแล้วเร่งไปจากรอบเครื่องดังกล่าวไม่ได้)

ถ้ามีการถอนคันเร่งมาที่รอบเครื่องใกล้ๆ 1500 รอบ แล้วเร่งเครื่องไปจากรอบเครื่อง 1500 รอบ หรือ 2000 รอบจะมีการรอรอบเล็กน้อย / การดึงจะไม่มาก




 เมื่อติดตั้งท่อ VCE ไปแล้ว เร่งขึ้นไปจากจุดหยุดนิ่งดีกว่า เร่งเครื่องไปจากรอบเครื่อง 1500 รอบ หรือ 2000 รอบจะมีการดึงหนักขึ้น การรอรอบจะน้อยกว่าเดิม ตอนนี้ถ้าขับลอยๆ อยู่ที่ความเร็วซึ่งรอบเครื่องอยู่ที่ประมาณ 2000 รอบถ้าเร่งขึ้นไปกะทันหันที่รอบเครื่องนี้ (รอบจะพุ่งไปที่มากกว่า 3000 รอบเล็กน้อย พุ่งไปแรงขึ้นและจัดกว่า) การทำอัตราเร่งดีกว่าดึงแรงกว่า) รายละเอียดเหล่านี้ผมไม่ได้ขับเองแต่นั่งไปข้างๆ ครับ/พี่พร

มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้ แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสีย)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่งไม่มีใครทำได้
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #341 เมื่อ: 11 พฤศจิกายน 2555 10:18:16 »

Yaris AT ระบบท่อไอเสียมีเปลี่ยนพักปลายให้โล่งขึ้นเป็นหม้อแต่ง (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ หลังหม้อพักกลางใบยาวซึ่งเปลี่ยนมาใหม่ที่บีบๆ กว่าเดิมเล็กน้อย)
 
 
 Yaris เดิมๆ ตั้งแต่รอบเครื่องต่ำๆ จะพุ่งมาก เมื่อระบบโล่งขึ้นการพุ่งในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ก็จะลดลง ก็ต้องการให้ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ พุ่งเร็วกว่านั้นโดยไม่ทำให้ช่วงรอบสูงที่จัดมากอย่างตอนนี้ลดด้อยลงก็ต้องติดตั้งท่อไอเสีย VCE เท่านั้น
 
ส่วนใหญ่ เจ้าของรถจะคิดแต่เพียงว่าระบบไอเสียมันคงจะเริ่มอั้น ก็อยากไปทำให้โล่งๆ ผมก็แนะนำไปว่า ถ้าความเร็วสูงยังพุ่งดีไม่มีปัญหา เพียงอยากได้ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ให้พุ่งมากขึ้นก็ให้ติดตั้งท่อ VCE เพิ่มเข้าไปเท่านั้นครับ



มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้ แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสีย)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่งไม่มีใครทำได้
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #342 เมื่อ: 12 พฤศจิกายน 2555 12:18:44 »


Pajerosport 2400cc ระบบท่อไอเสียเดิมๆ โรงงาน (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ ที่ปลายท่อ)
 

Pajerosport 2.4 เบนซิน MT เดิมๆ  (ปกติเขาจะออกตัวด้วยเกียร์ 2 ก็ออกได้สบาย ลองออกตัวแบบเดิมด้วยเกียร์ 3 มีการสั่นแล้วดับ แต่ถ้าให้ค่อยๆ เลียคลัชค่อยๆ ปล่อยไหลจะออกได้เกียร์ 4 ก็ได้) อย่างไรก็ตามก่อนติดตั้ง ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จะไม่ค่อยพุ่งเท่าไหร่ (ซึ่งก็ทดแทนด้วยการพุ่งดีที่รอบกลางไปทางสูง)



 เมื่อติดตั้งท่อ VCE ไปแล้ว (ไม่ได้ทดสอบเดี๋ยวนั้นว่าดีขึ้นแค่ไหนแต่มั่นใจได้เลยว่าที่ก่อนติดตั้งเกียร์ 3 ออกตัวต้องเลียคลัชต้องค่อยๆ ปล่อยไหลก็จะออกตัวได้แบบเกียร์ 2 เมื่อก่อน)   จะเร่งขึ้นไปจากจุดหยุดนิ่งได้ดีกว่าแน่นอน จะตอบสนองช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ไปถึงกลางดีขึ้น ซึ่งจะไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วในช่วงรอบกลางไปทางสูง การเร่งแซงในช่วงความเร็วต่ำๆ และกลางจะตอบสนองดีขึ้นมีเรี่ยวแรงขึ้น/พี่พร

มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้ แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสีย)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ไปถึงรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่งไม่มีใครทำได้ และทำให้แบนในแต่ละเกียร์กว้างขึ้นทั้งต้นที่ลงไปได้ต่ำกว่าและปลายที่ไปได้ยาวขึ้นจัดขึ้น

\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\

เอาคลิ๊ปการทดสอบ (ของเมืองนอกเขาครับ) หม้อพักแต่งที่ใช้กับ Porsche 991 Carrera

http://www.streetfire.net/video/porsche-991-carrera-exhaust-system-dyno-test-3-levels-of-amazing_2394497.htm

ท่านจะสังเกตว่าเมื่อรอบเครื่องจากกลางไปทางสูง ส่วนหนึ่งของฝากระโปรงท้ายจะค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นตามรอบเครื่องที่สูงขึ้น

ทีนี้ผมมานึกถึงการทำงานของลิ้นในท่อไอเสีย VCE ซึ่งก็จะมีลักษณะคล้ายๆ ฝากระโปรงที่เปิดได้แบบนี้ จะค่อยๆ เปิดกว้างออกตามรอบเครื่องที่สูงขึ้นแบบนี้ละครับ (ท่านจะได้นึกภาพออก) ช่วงรอบเดินเบาลิ้นจะเผยอหรี่ๆ ไว้ เมื่อรอบเครื่องสูงขึ้นเล็กน้อยลิ้นจะไม่เปิดทันทีจะค่อยๆ เปิด แรงดันสูงมากขึ้นก็จะดันให้ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ ครับ (ไม่ได้เปิดขึ้นเปิดลงเร็วถี่ยิบนะครับ/ที่จะทำให้สึกหรอได้ง่ายและอันจะมีผลให้เปิดหรือหรี่ไม่ทัน)
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #343 เมื่อ: 13 พฤศจิกายน 2555 16:00:13 »

กราฟ Dynotest จากเมืองนอกครับ (รถยนต์ Toyota Tundra 4700cc VVT-i)
 

จะเปรียบเทียบให้ดูว่า เมื่อทำระบบท่อไอเสียให้โล่งกว่า กลางและปลายจะดีกว่าแต่ต้นก็แย่กว่าครับ


ลองดูเส้นกราฟกลุ่มของทอร์ก (Torque) ที่ผมทำเป็นตัวทีไว้นะครับ ซึ่งมีเส้นสีน้ำตาล สีน้ำเงินและสีเขียว ที่ผมทำเป็นเส้นจุดๆ ไว้  จุดแรก ประมาณรอบเครื่องที่ใกล้ๆ 3495 รอบ จะเห็นว่าตั้งแต่รอบเครื่องดังกล่าวลงมา เส้นสีน้ำตาลให้ทอร์กหรือแรงบิดสูงกว่าเส้นสีน้ำเงิน พอรอบเครื่องสูงกว่านี้เส้นสีน้ำเงินจะให้แรงบิดสูงกว่า

มาดูระหว่างเส้นสีน้ำตาลกับเส้นสีเขียวบ้าง ที่รอบเครื่องใกล้ๆ 3651 รอบ ถ้ารอบเครื่องต่ำกว่านั้นลงไป เส้นสีน้ำตาลจะให้แรงบิดสูงกว่า แต่ถ้ารอบเครื่องสูงกว่านั้นขึ้นไปเส้นสีเขียวจะให้แรงบิดสูงกว่า

นี่จึงเป็นตัวอย่างว่า ถ้าทำให้รอบเครื่องช่วงต้นดี กลางกับปลายก็จะพอใช้ได้ ถ้าทำให้กลางกับปลายดีขึ้นช่วงรอบต้นก็จะแย่ลง

สำหรับกลุ่มของเส้นแรงม้าก็ไปพิจารณาที่เส้นสีม่วงสีส้มและสีแดงครับ (ที่่ผมทำเครื่องหมายเป็นตัว H ไว้) จะเห็นว่าผลก็ออกมาแบบเดียวกัน

////////////////////////////////////////



///////////////////////////////////////////////

Toyota 1.6AT ปลายแต่งไส้ตรง (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ ก่อนหม้อพักปลายครับ)
 

ก่อนติดตั้งเจ้าของรถบอกว่าเมื่อเทียบกับพักปลายเดิมๆ ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จะสู้ไม่ได้ แต่ถ้าช่วงความเร็ว 130-140-150 จะพุ่งดีกว่ามาก  อยากจะเปลี่ยนกลับไปใช้หม้อเดิมเหมือนกันแต่คงจะเสียดายช่วงความเร็วสูงๆ ก็เลยตัดสินใจติดตั้งท่อไอเสีย VCE เพิ่มเข้าไปครับ
 


เมื่อติดตั้งท่อ VCE ไปแล้ว ช่วงกำลังออกจากร้านน้องเขาบอกว่าแค่แตะคันเร่งเบาๆ ก็มีแรงพุ่งขึ้นจากเดิมแล้วครับ และรายงานต่อมาว่า ก็พุ่งขึ้นตั้งแต่รอบต่ำๆ บางจังหวะก็วี๊ดขึ้นไปเลย ช่วงต่ำกว่า 3000-3500 รอบลงมานอกจากพุ่งขึ้นแล้วเสียงจะเงียบลงด้วย เป็นของแถม

มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้ แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสีย)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่งไม่มีใครทำได้
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #344 เมื่อ: 14 พฤศจิกายน 2555 21:00:42 »

ทีนี้ให้ดูกราฟไดโน (จากเมืองนอกอีกเหมือนกัน) ระหว่าง (เส้นสีน้ำเงินเข้ม) ใช้ท่อไอเสียขนาด 3 นิ้วท่อเส้นเดียว กับ (เส้นสีแดง) ท่อ 3 นิ้วเหมือนกันแต่เป็นแบบออกเป็นสองท่อ

ตรงจุดที่ผมทำเครื่องหมายเลข 1 ซึ่งตรงกับจุดสีดำที่ผมทำเครื่องหมายไว้บนเส้นแรงบิด (เส้นแรงบิดคือเส้นที่ผมทำจุด 1,2 ไว้เส้นชุดบน) และบนเส้นแรงม้า (จุด 1,2 บนเส้นชุดล่าง) ซึ่งจุดที่ 1 คือจุดที่ประมาณรอบเครื่อง 1000 กว่าๆ ก่อน 2000 รอบ จะเห็นว่าเส้นสีน้ำเงินเข้ม (3 นิ้วท่อเดี่ยว) จะให้แรงบิดดีกว่าไปจนถึงประมาณรอบเครื่อง 2300 รอบ เส้นแรงบิดของท่อ 3 นิ้วสองท่อ (เส้นสีแดง) จึงจะขึ้นมาถึง (นั่้นแสดงว่า แรงบิดช่วงรอบต่ำของท่อ 3 นิ้วท่อเดี่ยว (ซึ่งบีบเล็กกว่า) จะดีกว่ามาเร็วกว่าท่อ3 นิ้วที่เป็นสองท่อ (ที่โล่งกว่าใหญ่กว่า)

เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด เส้นแรงบิดคือ กลุ่มของเส้นที่ผมแรงเงาดำๆ ไว้อย่างข้างล่างนี่แหละครับ


จากนั้นจะพอๆ กัน แต่แล้วประมาณใกล้ๆ 3000 รอบ เส้นแรงบิดของท่อ 3 นิ้วสองท่อจะพุ่งเหนือกว่าท่อ 3 นิ้วท่อเดี่ยวยาวไปโดยตลอด แต่ก็ไปไม่ตลอดรอดฝั่งเสียทีเดียวเพราะ พอไปที่รอบสูงมากอีก (จุด 3) ประมาณรอบเครื่องที่ 5600 ไปจนถึงรอบเครื่อง 6300 รอบ (จุดที่ 4) ท่อ 3 นิ้วท่อเดี่ยวกลับให้แรงบิดเหนือกว่าท่อ 3 นิ้วสองท่อ แต่เลยไปจากนั้นเส้นแรงบิดของท่อ 3 นิ้วสองท่อกลับพุ่งขึ้นมาเหนือกว่าเส้นแรงบิดของท่อ 3 นิ้วท่อเดี่ยวเล็กน้อย (บ่งบอกว่าถ้าท่อโล่งกว่าจะได้ช่วงกลางไปจนถึงช่วงความเร็วสูงที่ดีกว่า)

แต่เลยจากนั้นไปอีกนิดซึ่งเป็นช่วงปลายสุดกลับเป็นว่าแรงบิดของท่อ 3 นิ้วสองท่อจะไม่ขึ้นแล้ว (หายไปเลยที่จุดที่ 5) ต่างจากเส้นแรงบิดของท่อ 3 นิ้วท่อเดี่ยวที่ปลายยังไหลไปได้เรื่อยๆ (ถึงจุดที่ 6) ซึ่ง บ่งบอกว่าถ้าโล่งมากๆ ปลายจะอืดและหดหายครับ (ต่างจากที่ไม่ถึงกับโล่งจัดจะไหลปลายดีกว่า) /ดูจากกราฟนี้แล้วผม/พี่พร เลยเชื่อที่ลูกค้าที่ทำท่อยิงตรงลงหน้าเพลาบอกว่านอกจากต้นหาย ปลายยังอืดและหดด้วยครับ (อันนี้คือหลักฐานตัวอย่าง)

////////////////////////////////////////////////

Toyota Tiger D4D 2.5 4 Wheel ส่งให้ทางไปรษณีย์ EMS ครับ
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #345 เมื่อ: 15 พฤศจิกายน 2555 10:38:37 »

กราฟไดโน (จากเมืองนอกครับ) Suraru Impreza เปรียบเทียบให้เห็นว่าเมื่อทำระบบท่อไอเสียให้โล่งมากๆ ต้นจะหาย (ช่วงรอบเครื่องที่ต่ำกว่า 2300 รอบแรงบิดจะลดลง) ได้ช่วงกลางไปทางสูง (รอบเครื่อง 2400-5700) และปลายจะหาย (หมดที่ 6300 รอบเมื่อโล่งจัด) ในขณะที่ถ้าระบบท่อไอเสียไม่โล่งมาก ต้นจะดีกว่า (รอบเครื่องที่ต่ำกว่า 2300 รอบ) และปลายจะไหลกว่าครับ (รอบเครื่อง 6300-6400 รอบ)
 



เพื่อไม่ให้เข้าใจผิด จำไว้ เส้นลักษณะนี้ (ปลายหัวทิ่ม) คือเส้นแรงบิด (torque)
 


และเส้นที่ดูแรงม้า (Horse) หรือดูกำลัง (Power) จะมีลักษณะนี้ครับปลายมันจะเชิดขึ้นกว่า
 


\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\

ติดตั้งกับไฮทอร์คไปแล้วครับ  ได้ผลสรุปตามนี้ครับ (คันเขียวหัวเป็ดคันบนนั่นแหละครับ/ พีพร)

1. ได้แรงบิดเพิ่มขึ้นในช่วงต้นครับขับสนุกขึ้นไม่ต้องรอรอบเลย
2. ผมใส่ท่อ ……….(ไม่ได้ขึ้นกับว่าท่อแต่งอะไรถ้าใช้เทคนิคแบบเดียวกัน/พี่พร) ทำให้ช่วงออกตัวโล่งไป เจ้าท่อ vce มันช่วยให้ท่อไม่โล่ง อารมณ์เหมือนท่อ standard แต่พุ่งกว่า

ส่วนความเร็วปลายยังไม่ได้จับนะครับ แต่ช่วงต้นและกลางนั้น แรงไม่ตก เหมือนก่อนแล้วครับ แต่ก่อนนี่เวลาเร่งแล้วคันหน้าเบรค
แ้ล้วไปต่อไม่ไหวต้องออกซ้ายให้เค้าแซงไปก่อนแล้วค่อยไล่ความเร็วขึ้นปายครับ

สรุปคือพุ่งดีครับ รู้สึกว่ารอบเดินเบาสูงขึ้นจาก 600 - 700 กลายเป็น 1000 ก็เลยต้องคอยเบรคไว้ครับเพราะมานแรงขึ้นหุๆ ขอบคุณครับ พี่พร
 / AE_Oong   สมาชิก  www.corollaclubrace.com

ที่ลิงค์นี้ครับ http://www.corollaclubrace.com/forum/index.php?topic=14565.msg540313;topicseen

ขอบคุณ คุณ AE_Oong ครับ จากพี่พร VCE 0851423903

มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้ แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสีย)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่งไม่มีใครทำได้
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #346 เมื่อ: 16 พฤศจิกายน 2555 10:19:21 »

กราฟไดโน (จากเมืองนอก) ผมให้ดูเปรียบเทียบระหว่างระบบไอเสียที่โล่งขึ้นเล็กน้อย (เส้นสีแดง) กับระบบไอเสียเดิมที่อั้นกว่าเล็กน้อย (เส้นสีน้ำเงิน)
 
สังเกตเส้นที่เราใช้ดูแรงบิด (Torque) ที่ผมทำเครื่องหมายสีดำเป็นจุดกากะบาทไว้ซึ่งเป็นรอบเครื่องจุดที่มีการเปลี่ยนแปลง จะเห็นว่าประมาณรอบเครื่องทื่ 2700-2800 รอบตรงจุดนั้น ระบบไอเสียที่โล่งขึ้นจะให้แรงบิดดีกว่า (เส้นสีแดงอยู่เหนือเส้นสีน้ำเงิน) แต่ขณะเดียวกัน ระบบไอเสียเดิมที่อั้นกว่าตั้งแต่รอบเครื่องทื่ประมาณ 2700-2800 รอบตรงที่เดียวกันลงมาที่รอบต่ำลงไปกลับให้แรงบิดเหนือกว่า (เส้นสีน้ำเงินอยู่เหนือเส้นสีแดง)

นั่นคือ ถ้าคุณทำระบบท่อไอเสียให้โล่งขึ้นเล็กน้อยคุณจะได้ช่วงกลางไปทางสูง กลับกันถ้าคุณทำระบบไอเสียให้อั้นขึ้นคุณก็จะได้ช่วงต้นดีขึ้นแต่กลางกับความเร็วสูงๆ จะแย่ลง

แตกต่างจากระบบของท่อไอเสีย VCE ที่ช่วงต้นมันหรี่ได้ ท่อไอเสียเล็กลงไอเสียไหลได้เร็วกว่าแรงบิดจึงเพิ่มขึ้นจากเดิม พอรอบสูงขึ้นไอเสียมีแรงดันเพิ่มขึ้นดันให้ลิ้นในท่อ VCE เปิดกว้างขึ้นไอเสียจึงไหลได้ด้วยปริมาณมากๆ ในรอบสูงจึงไม่ขวางกั้นทางเดินไอเสียความเร็วสูงจึงไม่ด้อยลง แตกต่างจากระบบท่อไอเสียอื่นๆ ทั้งหมดที่ต้องอาศัยค่าเฉลี่ยและเป็นค่าคงที่ทั้งนั้นไม่ว่าท่อแต่งในนี้หรือของนอกที่ไม่ได้ใช้ระบบลิ้นที่หรี่และเปิดได้ ก็ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์กราฟไดโนด้านบนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

//////////////////////////////////////////////
 
Ford Fiesta 1.4 AT
ส่งให้ทางไปรษณีย์ EMS (วันเดียวหรือสองวันถึงแล้วแต่จังหวัดใกล้ไกล)
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #347 เมื่อ: 17 พฤศจิกายน 2555 17:45:52 »

Pajerosport 2.5 GT ส่งให้ทางไปรษณีย์ EMS จังหวัดสงขลา จนท. บอกว่าถึงวันจันทร์นี้ครับ
หมายเลข EJ 5930 8731 0 TH


กราฟไดโนจากของเมืองนอกอีกเช่นกัน

ให้ดูว่า ของเดิม (Stock) เส้นสีแดง ช่วงต้นจะดีกว่า (ช่วงที่ต่ำกว่าประมาณ 2200 รอบลงมา หมายถึงจากจุดที่ผมทำเครื่องหมาย x ลงมาทางซ้าย) แต่ที่เปลี่ยนท่อหลังแคทให้โล่งขึ้น (CAT Back) เส้นสีเขียว ช่วงต้นจะแย่ลงแต่กลางไปทางสูงจะดีกว่า (ช่วงต้นแย่ก็จะขับความเร็วต่ำๆ ไม่ดีจะไม่ค่อยมีแรง เหยียบคันเร่งก็จะไม่ตอบสนองทันทีจะค่อยๆ ขึ้นทำให้เร่งแซงลำบากและต้องใช้รอบเครื่องสูงๆ)


////////////////////////////////////////////

ทีนี้ รถที่ใช้ระบบท่อไอเสียจากโรงงานซึ่งเขาออกแบบมาในลักษณะที่ขนาดท่อรวมทั้งระบบไอเสียจะไม่โล่งเกินไปสำหรับรอบต่ำ (แต่ก็ยังโล่งอยู่) และไม่อั้นเกินไปที่รอบสูง (แต่ก็อั้นอยู่เล็กน้อย)

ตรงจุดที่ไม่โล่งเกินไปที่รอบต่ำ หมายความว่าจริงๆ แล้วทางโรงงานจะทำให้โล่งพอดีก็ได้แต่ที่ไม่ทำเพราะจะเป็นปัญหาว่ารอบกลางและสูงจะโล่งไม่พอ ตรงนี้ติดตั้ง VCE ก็จะได้ประโยชน์ เพราะลิ้นภายในท่อ VCE จะปรับขนาดรูท่อให้เหมาะสมตามรอบเครื่องได้พอดี (คือ สามารถจะลดขนาดรูท่อได้อีกเรื่อยตามรอบเครื่องที่ต่ำลง และขยายขนาดรูท่อขึ้นไปได้เมื่อรอบเครื่องสูงขึ้น)

จึงทำให้ขนาดรูท่อโล่งพอดีได้จากรอบต่ำไปรอบกลาง และในขณะเดียวกันก็สามารถเปิดกว้างขึ้นไปได้เรื่อยๆ จึงโล่งพอดีไปได้เรื่อยๆ ไม่ว่าอยู่ในรอบกลางหรือรอบสูง (จะรับรู้ถึงแรงบิดที่เพิ่มขึ้นชัดเจนที่รอบกลางไปทางต่ำ ส่วนในรอบสูงจะรับรู้ได้ชัดเมื่ออยู่ในช่วงรอบสูงมากๆ /การรับรู้ถึงแรงบิดที่เพิ่มขึ้นยิ่งเห็นได้ชัดขึ้นเมื่อรถมีภาระมากขึ้น เช่น กำลังวิ่งขึ้นเนินทางเกือกม้ากลับรถ)
 
เพราะฉะนั้นจึงมั่นใจได้ว่า มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น (ในไทย) คือ ท่อไอเสีย VCE ที่ติดตั้งแล้วแรงบิดเพิ่มได้จากรอบเครื่องต่ำมากๆ ไปจนถึงรอบกลางในขณะที่ไม่ลดทอนช่วงรอบกลางไปทางสูง
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #348 เมื่อ: 18 พฤศจิกายน 2555 14:15:09 »

ให้ดูผลการทดสอบหม้อพักของนอกที่ใช้ลิ้นปีกผีเสื้อควบคุมขนาดรูท่อ (ดูเหมือนจะควบคุมด้วยสปริง)
ระหว่างให้ลิ้นเปิดสุด (เส้นสีแดง)
ให้ลิ้นเปิดประมาณกลางๆ หรือ ครึ่งหนึ่ง (เส้นสีเขียว)
ให้ลิ้นปิด (เส้นสีชมพู)
 
 
ขออธิบายที่เส้นแรงบิด (ที่แรเงาสีดำครับ)
[/URL]โดยให้ดูจุดที่ผมทำเครื่องหมาย x ไว้ ซึ่งรอบเครื่องอยู่ที่ประมาณ 3000 รอบ

จะเห็นว่า เส้นสีชมพูจะอยู่เหนือเส้นสีเขียวและสีแดงเมื่อนับจากรอบเครื่องที่ประมาณ 3000 รอบลงมา หมายถึงตั้งแต่ช่วงรอบต่ำถึงกลางรูท่อที่บีบเล็กจะให้แรงบิดมากกว่า
(สมมุติว่าท่อเดิมของคุณเป็นเส้นเขียวโล่งปานกลางของโรงงาน ช่วง 3000 รอบขึ้นไปดีพอใช้แต่ 3000 รอบลงมาก็ดีพอใช้ ทีนี้เมื่อติดตั้งท่อ VCE เสริมเข้าไป มันหรี่รูท่อให้เล็กลงตามรอบเครื่องที่ต่ำลงได้จึงได้แรงบิดในช่วงต่ำกว่า 3000  รอบลงมาเพิ่มขึ้น ในขณะที่รอบเครื่องที่สูงกว่า 3000 ขึ้นไปลิ้นที่เปิดกว้างได้เรื่อยๆ ก็จะไม่เป็นปัญหากับรอบเครื่องที่สูงกว่านั้น)
 

 
\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\
Isuzu Dragoneye 2.5 หาดใหญ่ ส่งไปกับรถทัวร์ครับ
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #349 เมื่อ: 19 พฤศจิกายน 2555 11:29:36 »


Nissan Big M 2.5 ผ่านการลองท่อไอเสียมาหลายแบบแล้ว รู้ดีเรื่องโล่งได้ปลายแต่ต้นหาย (หม้อพักโล่งๆ เลียนแบบของนอก) พอทำให้อั้นขึ้นต้นได้ปลายก็หายอีก (ที่ทำเป็นขดๆ วนไปวนมาที่ว่ากันว่าช่วยต้นได้) ไม่เรียกว่าเสียรู้หรือถูกหลอกหรอกครับแต่เสียเงินและเสียเวลาไปหลายครั้งแล้ว (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ หน้าหม้อพัก)
 

ส่วนใหญ่ เจ้าของรถจะคิดแต่เพียงว่าระบบไอเสียแบบที่มากับรถมันคงจะอั้นไปหน่อยก็คิดจะไปทำให้อั้นน้อยที่สุด (รู้ไหมว่าทำแบบนั้นจะบานปลายแล้วจะไม่ได้อย่างที่หวังหรือคิดไว้หรอกครับ จะไม่ได้ช่วงต้น ลองสังเกตดูได้เวลาออกตัวจะต้องใช้รอบเครื่องสูงขึ้น รอบเครื่องต่ำๆ จะไม่ค่อยมีแรง จะได้ช่วงรอบสูง (ที่ดีอยู่แล้ว) ดีมากขึ้นแต่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จะแย่ลง (จากที่พอใช้ได้หรือไม่ดีอยู่แล้วก็จะแย่ลงไปอีก) ดังนั้น ถ้าหากช่วงความเร็วสูงพุ่งดี เพียงอยากได้ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ (และกลางด้วย) ให้พุ่งมากขึ้นและทุกช่วงความเร็วเวลาถอนคันเร่งรถยังไหลได้ดีรอบเครื่องจะตกช้าลงความเร็วตกช้าลง ก็ให้ติดตั้งท่อไอเสีย VCE เพิ่มเข้าไปเท่านั้นครับ


การติดตั้งท่อ VCE (เพิ่มเข้าไปเฉยๆ ไม่ต้องทะลวงแคทไม่ต้องเปลี่ยนหม้อพัก) จะลบจุดด้อยที่รอรอบที่ออกตัวอืดๆ ก็จะพุ่งขึ้นไม่ต้องกดคันเร่งเยอะ ความเร็วช่วงต่ำๆ และกลางจะจัดจ้านมากยิ่งขึ้น และ ลากรอบได้ยาวกว่าก่อนทำ

\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\

มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้ แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสีย)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม.ขึ้นไป ซึ่งไม่มีใครทำได้ครับ
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #350 เมื่อ: 20 พฤศจิกายน 2555 10:57:13 »

Jeep 4.0 เห็นพรรคพวกกันใช้รถรุ่นเดียวกันแถมใส่ยางขนาดใหญ่กว่า (ซึ่งได้ติดตั้งท่อ VCE) แต่ออกตัวได้พุ่งกว่าและเร่งแซงรถล้อเดิมของเขาได้ฉิวๆ ก็สนใจมาติดตั้งบ้างครับ
 
ติดตั้งท่อ VCE หลังหม้อพักครับ
 

 Jeep 4.0 เดิมๆ แม้เครื่องจะใหญ่แรงบิดดีมากแต่มาในรอบสูง ในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แรงบิดจะยังไม่เยอะเพราะนั้นช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ความเร็วต่ำๆ จะไม่ค่อยพุ่ง

  รถที่ออกมาจากโรงงานขนาดท่อไอเสียเขาจะเฉลี่ยๆ ให้แรงบิดช่วงรอบต่ำๆ ไม่น้อยเกินไปนักแต่ในขณะเดียวกันก็สามารถให้แรงม้าในรอบสูงที่เต็มที่ด้วยเหมือนกัน แต่โชคไม่ดีที่เครื่องยนต์มักจะให้แรงบิดในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ไม่มากเท่าที่ควรก็เลยทำให้ช่วงรอบต่ำมักจะเป็นปัญหาเร่งไม่ได้ดั่งใจ แรงไม่ดี อืด และมักจะบริโภคน้ำมันค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับที่ใช้งานในรอบเครื่องและความเร็วปานกลาง ในรถเกือบจะทุกๆ รุ่นทุกๆ คัน ดังนั้น ถ้าสามารถหาทางทำให้แรงบิดในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ความเร็วต่ำๆ ดีขึ้นได้ (ให้เต็มที่ที่สุด) ก็นับว่ามาถูกทางที่สุดแล้ว มีหนทางเดียวถ้าอยากได้ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ให้พุ่งมากขึ้นให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ก็ให้ติดตั้งท่อไอเสีย VCE เพิ่มเข้าไปเท่านั้นครับ


จากการที่ติดตั้งท่อ VCE ไปแล้วเจ้าของรถรายงานว่า ตอนนี้พุ่งดีขึ้นตั้งแต่รอบต่ำมากๆ รับรู้ถึงแรงบิดที่มากขึ้นในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ความเร็วต่ำๆ

มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองอย่างท่อไอเสียอื่นๆ ว่ามันต้องโล่งขึ้นได้ในขณะที่ในความเป็นจริงมันก็ยังอั้นอยู่เท่าเดิมคงที่ แต่ด้วยลิ้นในท่อไอเสีย VCE ที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสียจึงทำให้ท่อโล่งขึ้นได้เรื่อยๆ ตามรอบเครื่องที่สูงขึ้น)

จึงให้แรงบิดมากขึ้น มีเรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. และทุกเกียร์จะลากได้ยาวกว่าเดิมและเวลาถอนคันเร่งความเร็วและรอบเครื่องจะตกช้ากว่าซึ่งไม่มีใครทำได้แม้จะให้เทียบเท่า
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #351 เมื่อ: 21 พฤศจิกายน 2555 10:20:05 »

Seat 1.9 Diesel Van ระบบท่อไอเสียไม่มีแคท (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ หลังตำแหน่งแคทเดิม)
 
 Seat 1.9 Diesel เดิมๆ ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จะไม่ค่อยพุ่ง ก็ต้องการให้พุ่งขึ้นครับ

  ส่วนใหญ่ เจ้าของรถจะคิดแต่เพียงว่าระบบไอเสียมันคงจะเริ่มอั้น ก็อยากไปทำให้โล่งๆ เมื่อเจอปัญหาว่าเมื่อทำเช่นนั้นแล้วจะทำให้ช่วงความเร็วต่ำๆ แย่กว่าเดิม ก็จะกลับไปทำให้อั้นขึ้น ก็จะพบว่าช่วงความเร็วกลางไปทางปลายก็จะแย่ลงอีก นั้นคือ ทำอย่างหนึ่งแต่ไปมีผลกระทบกับอีกอย่างหนึ่ง

จริงๆ แล้ว ถ้าความเร็วสูงยังพุ่งดีไม่มีปัญหา เพียงอยากได้ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ ให้พุ่งมากขึ้น (โดยช่วงความเร็วสูงๆ ไม่ด้อยลงจากเดิม) ก็ให้ติดตั้งท่อ VCE เพิ่มเข้าไปเท่านั้นครับ



 

มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็สามารถเปิดโล่งขึ้นได้เรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้อย่างท่อไอเสียอื่นๆ ซึ่งจริงๆ แล้วก็จะอั้นคงที่ แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสีย)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งดีขึ้นดีกว่าเดิมตั้งแต่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. นั่นคือไม่กระทบช่วงความเร็วสูง ซึ่งไม่มีใครทำได้แม้จะให้เทียบเท่า
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #352 เมื่อ: 22 พฤศจิกายน 2555 20:53:28 »

จากลิงค์ http://www.wemotor.com/blog/2011/07/mercedes-benz-presents-new-m152-v8-engine-from-amg/
Mercedes-Benz Presents New M152 V8 Engine From AMG!
 
 

The M152 now comes with a variable exhaust system, where under low revs, the exhaust flaps are closed, but from 2,000rpm they start to open in increments of 15%, 30%, 50% and finally 100% at full throttle.
From 3,600rpm, the other four dormant cylinders begin to fire up, allowing the driver full access and feel of the power and the “oh-so desireable” exhaust note that’s pretty much synonymous with a V8, whilst respecting the already damaged environment of today.

M152 ตอนนี้ มาพร้อมระบบท่อไอเสียที่ปรับขนาดรูท่อได้ โดย ในรอบเครื่องต่ำๆ แฟลบที่เปิด/ปิดได้มันจะอยู่ในสภาวะปิด มันจะเริ่มจาก 2000 รอบ แฟลบหรือลิ้นจึงจะเริ่มเปิดจาก 15% เป็น 30%, 50% และเปิดเต็มที่ 100% ในรอบเครื่องที่สูงขึ้นๆ……….


//////////////////////////////////////////////////////////////////////

Vigo 2.7 VVT-i (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ หน้าหม้อพัก)


  ไมว่ารถอะไรยี่ห้อไหน ไม่ว่าเครื่องยนต์เบนซิน หรือ ดีเซล ถ้าไปทำให้โล่งขึ้นช่วงต้นก็จะแย่ลง (หมายถึงต้องใช้รอบเครื่องสูงขึ้นและจะพุ่งขึ้นช้ากว่าเดิม) แต่ช่วงรอบกลางไปทางสูงจะดีขึ้น ระบบท่อไอเสียติดรถความจริงสามารถทำให้ช่วงต้นดีกว่าเดิมได้โดยทำให้ท่อไอเสียเล็กลงในรอบต่ำ แต่จะเป็นปัญหาได้ในช่วงที่รอบเครื่องสูงขึ้นถ้าขนาดท่อยังเล็กเท่าเก่า


ดังนั้น ท่อไอเสียที่ไม่ได้ใช้ลิ้นที่ปิด/เปิดได้ก็จะมีปัญหานี้ทั้งนั้น คือ ถ้าทำให้ได้ช่วงต้นขึ้นมาเล็กน้อย (ที่ได้มาเล็กน้อย เพราะไม่สามารถหรี่รูท่อให้เล็กมากกว่านั้นได้ด้วยจะยิ่งมีปัญหาในช่วงรอบเครื่องสูงๆ มากยิ่งขึ้น) ก็จะมีปัญหาว่าตั้งแต่ช่วงรอบกลางขึ้นไปจะแย่ลง (เริ่มจะอืดมากขึ้นตั้งแต่ความเร็วประมาณ 80 ขึ้นไป) ความเร็วปลายก็จะไม่ได้เท่าเก่าด้วย


มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นได้เรื่อยๆ (ไม่ใช่ให้จินตนาการเอาเองว่ามันต้องโล่งขึ้นได้เมื่อรอบเครื่องสูงขึ้น แต่ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นได้ตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นด้วยแรงดันไอเสียที่มากขึ้น) ดังนั้น ช่วงรอบเครื่องสูงๆ จึงไม่มีการอั้นไอเสีย ไอเสียยังคงสามารถไหลออกด้วยปริมาณมากๆ ได้ แตกต่างจากท่ออื่นๆ ที่เมื่อทำให้ช่วงต้นดีขึ้นก็จะมีปัญหาในช่วงรอบสูง (เพราะการอั้นมีเท่าเดิมไม่สามารถขยายขนาดรูท่อได้)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปได้เรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่งไม่มีใครทำได้แม้จะให้เทียบเท่า
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #353 เมื่อ: 23 พฤศจิกายน 2555 13:00:24 »


จากลิงค์ นี้     http://forums.pelicanparts.com/porsche-911-technical-forum/397077-value-back-pressure-exhaust.html


The value of back pressure in exhaust
Here you can see a couple of dyno runs comparing some different exhausts, you can see the effects on a V8 but a flat 6 will be similarly affected / Bill Verburg



ดูความแตกต่างของแรงบิด/เส้นสีแดง (Torque) และแรงม้า/เส้นสีดำ (Horse Power) ระหว่างท่อที่สั้น (เส้นที่ไม่มีรอยประ) กับท่อที่ยาว (เส้นประ)



และดูความแตกต่างระหว่างท่อที่ขนาดรูท่อเล็ก (เส้นทีไม่มีรอยประ) กับ ท่อที่มีขนาดรูท่อใหญ่ (เส้นประ) ว่าให้แรงบิด/เส้นสีแดง (Torque) และแรงม้า/เส้นสีดำ (Horse Power) แตกต่างกันอย่างไร


นี่เป็นวิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นสัจธรรมในเรื่องระบบท่อไอเสียครับ
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #354 เมื่อ: 24 พฤศจิกายน 2555 12:53:55 »

ทีนี้มาดูผลที่ได้จากการติดตั้งท่อไอเสีย VCE เพิ่มเข้าไปเฉยๆ กับรถที่ยังใช้ระบบท่อไอเสียของโรงงานอยู่ทั้งหมด ให้ดูจากกราฟเดิมแต่ผมได้ลบเส้นแรงบิดออกไปให้เหลือแต่เฉพาะเส้นแรงม้า และเขียนตัวเลขรอบเครื่องขึ้นใหม่ให้ตรงกับการใช้งานจริง (เพราะจะมีผลตั้งแต่รอบต่ำขึ้นไปถึงรอบกลาง/และช่วงปลายเล็กน้อย)
 
(เส้นดำหนาเป็นเส้นแรงม้าของท่อรูเล็ก ในที่นี้สมมุติให้เป็นท่อจากโรงงาน เส้นดำประคือเส้นแรงม้าของท่อขนาดใหญ่ จะเห็นว่าถ้าขยายท่อให้ใหญ่ขึ้นหรือทำให้โล่งขึ้น ต้นจะแย่ลงแต่กลางไปทางปลายจะดีขึ้น)


สมมุติให้ท่อของโรงงานมีขนาดเท่ากับท่อขนาดเล็กก็แล้วกัน จากความจริงที่ว่าถ้าใช้ท่อขนาดเล็กลงแรงบิด (และแรงม้า) ในช่วงรอบต่ำจะดีขึ้น แต่ท่อ VCE สามารถหรี่ขนาดรูท่อได้เล็กกว่านั้นได้อีก (ซึ่งจะได้แรงบิด/และแรงม้าในช่วงรอบเครื่องต่ำมากๆ ได้ดีขึ้นอีก) ดั้งนั้นเมื่อติดตั้งท่อ VCE เพิ่มเข้าไปก็จะได้แรงบิดและแรงม้าดีที่สุดแบบนี้ (สมมุติ VCE คือเส้นแรงม้าสีเหลือง)



รูปกราฟ ได้จากแรงบิดและแรงม้าที่เพิ่มมาก่อนประมาณ 400-500 รอบ และให้ผลดีเริ่มจากรอบเดินเบาเลยทีเดียว จากนั้นพอเข้าช่วงกลางที่ลิ้นเปิดกว้างไปมากๆ แล้วก็จะได้แรงบิดแรงม้าใกล้เคียงเดิม จากนั้น ในช่วงความเร็วสูงบางช่วงจะดีขึ้นเล็กน้อย พอถึงช่วงปลายยังได้แรงม้าเพิ่มด้วยเล็กน้อยได้ความเร็วปลายเพิ่มเล็กน้อยด้วย เพราะปลายเกียร์สามารถลากได้ยาวขึ้น



ทีนี้ ถ้าใช้ท่อที่พยายามบีบให้มีการอั้นมากขึ้นเพื่อให้ต้นดีขึ้น

นี่คือตัวอย่างท่อแบบนั้น (ซึ่งอั้นกว่าท่อเป็นรูโล่งๆ แล้วทำให้รูนั้นบีบเป็นเกลียว) โดยภายในเขาจะให้ไอเสียดันให้หมุนวนออกไปในแนวเส้นลูกศรสีขาว (เส้นที่โค้ง) ส่วนหนึ่งก็ให้พุ่งออกไปตรงๆ ผ่านทางรูท่อเล็กๆ บริเวณกึ่งกลางท่อ (เส้นลูกศรเส้นตรงกลาง)

ท่อแบบนี้มีการอั้นที่ช่วงรอบต่ำรอบกลางและรอบสูง ไอเสียไหลดีขึ้นที่รอบต่ำ (แต่ไม่ใช่ดีที่สุดด้วยเขาทำเผื่อไว้ไม่ให้ช่วงรอบสูงแย่กว่านี้) แต่พอเข้าช่วงรอบกลางและรอบสูงการไหลของไอเสียจะลดลง (ลากเกียร์ได้ไม่เต็มที่ ความเร็วช่วงปลายลดลง) 
ลองส่องดูภายในก่อนติดตั้งอย่าดูแต่เพียงความสวยงามแต่ภายนอก





กราฟแรงบิด/และแรงม้าก็จะออกมาในลักษณะนี้ คือ มาเร็วขึ้นประมาณ 200-300 รอบเครื่องแต่เริ่มจากช่วงรอบกลางขึ้นไปจะแย่ลง ต้องใช้รอบเครื่องสูงขึ้นและความเร็วปลายจะลดลงจากเดิม
 
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #355 เมื่อ: 25 พฤศจิกายน 2555 22:52:46 »


ข้างบนนั่นผมพล็อตขึ้นเพื่อใช้อธิบายครับ

ถ้ากราฟขึ้นไดโนจริงๆ ของท่อ VCE ต้องเปิดไปหน้าต้นๆ ครับ


///////////////////////////////////////

ตัวอย่างการใช้ระบบช่องทางไอดีแบบแปรผัน Variable intake กับระบบช่องทางไอเสียแบบแปรผัน Variable exhaust
 
 
จาก Supercars Ferrari F50
 
Engine
      Type: Tipo 040-derived, model SFE 4.7 VJGAEA
      Position: mid-engine, rear-wheel drive
      Configuration: longitudinal 60-valve 65° V12, derived from F1 unit
 
……………….
      ECU: Bosch Motronic 2.7 (controls the fuel feed, ignition timing, and variable length intake and exhaust systems)
      Fuel feed: Sequential injection
      Ignition: Bosch static electronic distributor-less ignition
      Lubrication: dry sump, tank incorporated within the final drive housing, 3 scavenger pumps
      Variable intake: butterfly valve in carbon fiber intake manifold closed at low rpm, open at high rpm
      Variable exhaust: butterfly valve in upper tailpipes closed at low rpm, open at high rpm
 
////////////////////////////////////


//////////////////////////////////////////////////


เฉพาะตรงระบบช่องทางไอดีไอเสีย
 
ระบบช่องทางไอดีแบบแปรผัน Variable intake: butterfly valve in carbon fiber intake manifold closed at low rpm, open at high rpm
 
ระบบช่องทางไอเสียแบบแปรผัน Variable exhaust: butterfly valve in upper tailpipes closed at low rpm, open at high rpm
 
 
จะเห็นว่าไม่ว่าระบบช่องทางไอดีหรือไอเสีย ถ้าเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ต้องทำให้เป็นระบบแปรผันครับ และต่างต้องการช่องทาง (ทั้งไอดีและไอเสีย) ที่เหมือนกัน คือ รอบต่ำจะให้โล่งมากไม่ได้ (ตัวอย่างเช่นถ้าทำให้ปะเก็นท่อทางไอดีหลุดจะถึงขนาดเครื่องสตาร์ทไม่ติด หรือถ้าติดได้ก็สะดุดเร่งไม่ขึ้นไม่มีแรง หรือ ถ้าท่อไอเสียขาดที่เขาควายระบบไอเสียจะโล่งมากๆ ออกตัวก็จะไม่มีแรง) ส่วนในรอบสูงต้องโล่งๆ  (ตัวอย่างเช่น ถ้าใช้กรองอากาศแต่งโล่งๆ ก็วิ่งดีที่รอบสูงๆ หรือ ถ้าเปลี่ยนหม้อพักให้โล่งขึ้นก็วิ่งดีขึ้นที่รอบสูงเช่นกัน)
 
 
 
ทีนี้ อย่างที่บอกไปหลายครั้งแล้วว่า ระบบไอเสียที่มาจากโรงงาน ไม่ว่าเครื่องยนต์เบนซินหรือดีเซล เขาก็จำเป็นต้องออกแบบระบบไอเสียของเขามาแบบเฉลี่ย
 
คือ ให้โล่งมากพอเพื่อสามารถให้แรงม้าได้สูง (น่าพอใจ) ใช้งานรอบสูงได้ดี ในขณะเดียวกันก็ออกแบบมาเผื่อสำหรับช่วงรอบต่ำและกลางด้วยโดยไม่ให้โล่งเกินไป (เพื่อให้มีแรงบิดดีพอที่รอบต่ำและกลาง เวลารถออกตัวจะได้ไม่ต้องใช้รอบเครื่องสูงมากนักที่จะขับยากและเปลืองเชื้อเพลิง)
 
นั่นคือ ท่านสามารถปรับปรุงให้รถของท่านมีสมรรถนะที่สูงกว่าโรงงานทำมาให้ได้ในช่วงรอบสูง โดยการทำให้ระบบไอเสียของรถท่านโล่งขึ้น (แต่จะให้โล่งขึ้นแค่ไหนท่านต้องทดสอบดู) แต่ ท่านก็ต้องแลกกับช่วงรอบต่ำในเวลารถออกตัวมันจะแย่ลง ต้องใช้รอบเครื่องสูงขึ้น กดคันเร่งลึกขึ้น และใช้เวลานานขึ้นกว่ารถจะลอยตัว ก็ส่งผลให้บริโภคเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น การเร่งแซงในช่วงความเร็วต่ำๆ และกลางๆ จะแย่ลงด้วยเพราะแรงบิดลดลงในช่วงนี้
 
 
และ ท่านสามารถปรับปรุงให้รถของท่านมีสมรรถนะที่สูงกว่าโรงงานทำมาให้ได้ในช่วงรอบต่ำด้วยเช่นกัน โดยการทำให้ระบบไอเสียของรถท่านอั้นมากขึ้น ทำแบบนี้ แรงบิดจะเพิ่มขึ้นในช่วงรอบต่ำมารอบกลางแต่จากรอบกลางไปรอบสูงจะแย่ลง รถจะเร่งไม่ค่อยขึ้นแรงบิดและแรงม้าจะลดลง
 
 
สำหรับท่อไอเสีย VCE ซึ่งเป็นระบบแปรผัน Variable ตามรอบเครื่อง (ใช้แรงดันไอเสียดันให้ลิ้นเปิดได้กว้างมากน้อยตามแรงดันไอเสียที่เพิ่ม/ลด) ไอเสียจึงไหลเร็วขึ้นในรอบต่ำมารอบกลาง (จะไหลเร็วกว่าท่อเล็กๆ ซึ่งมีขนาดคงที่ นี่จึงเป็นคำตอบว่าทำไมท่อที่พยายามทำให้อั้นๆ จึงไม่สามารถให้แรงบิดได้ดีตลอดรอบเครื่องได้แบบ VCE ที่เปิดและหรี่รูท่อได้โดยตรง) เมื่อไอเสียไหลเร็วขึ้นจึงให้แรงบิดสูงกว่าเดิม
 
 
จึงใช้งานได้ผลที่สุดแล้วในการเพิ่มแรงบิด (ที่มีผลต่ออัตราเร่ง) จากตั้งแต่รอบเดินเบาขึ้นไปถึงรอบกลาง ดังนั้น คำพูดที่ว่า เมื่อติดตั้งท่อ VCE เวลารถออกตัวรถจะมีกำลังไหลลื่นกว่าก่อนจึงเป็นความจริงครับ (และคำพูดที่ว่าใช้งานไม่ได้ผล หรือ ไม่มีผลต่ออัตราเร่งจึงไม่เป็นความจริงครับ)

หรือ คำพูดที่ว่า ท่ออื่นๆ ที่เป็นระบบอั้นคงที่ที่ไม่สามารถเปลี่ยนขนาดรูท่อได้สามารถให้อัตราเร่งได้ดีกว่าท่อ VCE จึงไม่เป็นความจริง จากเหตุผลข้างบนครับ / ไม่อย่างนั้น Supercars Ferrari F50 และอื่นๆ ก็คงจะใช้ระบบท่อไอเสียแบบเดิมอยู่ที่เป็นแบบ Fix ดังเช่นรถทั่วๆ ไป ไม่มาใช้เป็นระบบ Variable Exhaust ซึ่งดีกว่าหรอกครับ)
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #356 เมื่อ: 26 พฤศจิกายน 2555 11:23:03 »

ท่อไอเสีย VCE เมื่อติดตั้งไปแล้ว ไม่มีคำว่าเสียเงินเปล่าไม่มีประโยชน์ หรือ ได้ต้นมาเล็กน้อยแต่กลางไปทางสูงอั้นๆ วิ่งไม่ดีปลายลดอย่างท่ออื่นๆ ที่พยามยามทำให้ต้นดีขึ้นแต่มีปัญหาช่วงกลางและปลายให้ต้องตามแก้ (สุดท้ายก็ได้ตรงนี้ไปเสียตรงโน้นไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้)

ท่อไอเสีย VCE ช่วยต้นได้แน่นอน (จากหลักการท่อไอเสียขนาดเล็กไอเสียไหลเร็วขึ้นจึงได้แรงบิดเพิ่ม) และให้ผลดีขึ้นตั้งแต่รอบเครื่องต่ำมากๆ (แถวๆ รอบเดินเบาขึ้นไป) ซึ่งไม่มีท่ออื่นๆ ช่วยได้มากเท่าที่รอบต่ำขนาดนี้และได้แรงบิดขนาดนี้ (เพราะเขายังต้องใช้ค่าเฉลี่ยระหว่างรอบต่ำ
กับรอบสูงอยู่)

นอกจากช่วยให้รถพุ่งดีขึ้นตั้งแต่รอบต่ำๆ (ใช้รอบเครื่องต่ำกว่าเดิมในการทำความเร็วในช่วงความเร็วต่ำแต่รถพุ่งเร็วกว่า) ซึ่งทำให้ขับง่ายกว่า ยังทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นด้วย เพราะ การกดคันเร่งจะกดน้อยลงไม่ต้องกดลึกอย่างเก่า (ของเดิมต้องกดลึกกว่าเพราะต้องใช้รอบเครื่องสูงกว่า ถ้าใช้รอบต่ำๆ จะไม่มีแรง แรงไม่พอ) และไม่ต้องกดคันเร่งนานอย่างเก่า (ของเก่าที่ต้องกดนานเพราะมีการรอรอบ)


ข้อเสีย ท่อไอเสีย VCE จะไม่ค่อยสวยงาม ดูจากงานฝีมือประกอบดูไม่ค่อยสมราคา ดูเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไร (แต่ก็ดีกว่าท่อที่ดูเหมือนจะมีอะไรแต่แล้วก็ทำให้อะไรๆ จากของเดิมที่ดีอยู่แล้วเสียไป)

และเมื่อก่อนส่วนที่เป็นเหล็กมีการเป็นสนิม แต่ปัจจุบันเราได้มีการเคลือบกัลวาไนซ์ภายในป้องกันการเป็นสนิมแล้ว

และเมื่อก่อนเมื่อใช้งานกับรถบางคันที่ท่อไอเสียร้อนจัดมากๆ จนแม่เหล็ก (ที่ใช้ดึงลิ้นไว้ในรอบเดินเบาไม่ให้มีเสียงดัง) ที่อยู่ด้านนอกท่อก็อาจจะเสียหาย เราปรับปรุงในเรื่องตัวแม่เหล็กนี้มานาน (ประมาณ 3 ปี) เป็นเรื่องเดียวที่เราปรับปรุงแก้ไข จากแม่เหล็กนีโอไดเมี่ยมขนาดเล็กก็ใช้ขนาดที่ใหญ่ขึ้น มีการใช้ผ้ากันความร้อน จากที่กันได้ 3-400 องศาก็เลือกชนิดที่กันได้สูงขึ้นเป็น 6-700 องศา และชนิดกันได้ถึง 900 องศา มาจนถึงแบบที่กันได้ถึง 1200 องศาอย่างในปัจจุบัน

จากแบบที่พันไว้ 2 ชั้น ก็พัฒนาขึ้นเป็น 3 ชั้น จนมาถึงปัจจุบันที่เป็นแบบ 4 ชั้น (แบบ 4 ชั้นที่ใช้อยู่ตอนนี้นับว่าป้องกันปัญหาแม่เหล็กเสียหายได้เรียบร้อยแล้วครับ/ผ่านการทดสอบกับรถที่ท่อร้อนจัดมากๆ ซึ่งเคยเป็นปัญหา) 


เราจึงรับประกันว่า ช่วงรอบต่ำท่อไอเสีย VCE ให้แรงบิดดีกว่ามากกว่า (แล้วคุณจะหาท่อที่ให้แรงบิดมากได้เท่าของเราได้อย่างไรในเมื่อไม่ได้ใช้ระบบแปรผัน)

รับประกันว่าพุ่งขึ้นจากรอบเครื่องต่ำๆ (ทดสอบแรงบิดที่รอบต่ำได้ง่ายๆ)

รับประกันว่ารอบเครื่องตกช้ากว่า (ของท่ออื่นตกช้าได้เราตกช้ามากกว่า) เวลาถอนคันเร่ง

รับประกันว่าลากรอบได้สูงขึ้นกว่าของเดิมกว่าจะหมดแรง (พิสูจน์ได้ง่ายอีกเหมือนกัน จำรอบเครื่องเดิมไว้ก่อนติดตั้งว่าลากได้เท่าไหร่แล้วรถตื้อไม่ขึ้นแล้วต้องเปลี่ยนเกียร์ ตัวอย่างเช่น Mitsubishi Strada 2.8 ดีเซลเกียร์ธรรมดาเดิมๆ ไม่โบ ไม่ได้ทำอะไร เกียร์ 2 (ลูกค้าบอกมา) เดิมลากได้ประมาณ 2000 กว่าๆ ก็หมดแล้ว ติดตั้งท่อ VCE เพิ่มเข้าไปเฉยๆ แค่นั้นลากได้ 3500 รอบหรือจะมากกว่านั้นด้วย/ อีกตัวอย่างหนึ่งรถผมเองเกียร์ธรรมดามาสด้าสอง อันนี้เทียบบนไดโนเลย ที่เกียร์สอง ของเดิมลากได้ประมาณ 2500 รอบหมด ใช้งานท่อไอเสีย VCE ลากได้ 4400 รอบ)

และสุดท้าย รับประกันว่าจะไม่มีเสียงรบกวนในท่อในรอบเดินเบาในรุ่นปัจจุบันนี้แล้วครับ

รับประกันแล้วต้องทำได้ซิ ไม่ต้องลุ้นว่ารถคันไหน ยี่ห้ออะไร (ยกเว้นรถไฮบริดที่ใช้ระบบไฟฟ้าในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ)




\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\\

Pajerosport 2.4 MT แก๊ส LPG (ติดตั้งท่อ VCE เข้าไปเฉยๆ หน้าหม้อพัก)


คันนี้ระบบไอเสียยังเป็นของโรงงานมีแคท แต่ถึงจะตัดแคทไปแล้วก็ติดตั้งได้




  เมื่อติดตั้งท่อ VCE เพิ่มเข้าไปแล้ว ลิ้นในท่อ VCE จะปรับขนาดท่อให้เล็กใหญ่ได้ตามรอบเครื่องโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องต่อสายไฟ ไม่ต้องต่อสายสลิง (อย่างของเมืองนอก) เวลาลิ้นในท่อ VCE หรี่ลงมามากๆ ก็ยังมีช่องว่างอยู่รอบๆ ลิ้น (แตกต่างจากของนอกซึ่งปิดสนิท /แบบปิดสนิทแบบนี้ต้องใช้งานกับระบบสองท่อไอเสียซึ่งต้องรอให้ถึงรอบก่อนจึงค่อยเปิด ต่างจาก VCE ซึ่งเปิดหรี่ไว้แล้วในรอบเดินเบาและเริ่มเปิดทำงานเหนือรอบเดินเบาขึ้นไป)



มีเพียงท่อ VCE เท่านั้นที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ แทนที่จะให้โล่งมากๆ (ที่เรี่ยวแรงลด) ก็ทำให้เป็นตรงกันข้าม รอบเครื่องสูงขึ้นก็ทำให้โล่งขึ้นเรื่อยๆ (ด้วยลิ้นที่เปิดกว้างขึ้นตามรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยแรงดันไอเสียที่มีแรงดันมากขึ้นๆ)

จึงให้เรี่ยวแรงพุ่งขึ้นดีกว่าเดิมในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ (ซึ่งถ้ามีประสบการณ์มาทุกรูปแบบก็จะพบว่าทำยากมากแรงบิดช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จูนกล่องก็ได้ไม่เท่าไหร่ คันเร่งไฟฟ้าก็ยังไม่ได้ขับยากด้วย) และในรอบเครื่องกลางๆ (ที่ลิ้นเปิดกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ) จนไปสัมพันธ์กับของเดิมที่ดีอยู่แล้วที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. (พอความเร็วเลย 100 กม./ชม.  ขึ้นไปจะเหมือนเดิม) แต่ยังมีความแตกต่างอีก เพราะทุกๆ เกียร์จะลากได้ยาวกว่าเดิม (ทำให้ปลายเกียร์จัดขึ้น แรงขึ้น ลากรอบได้สูงกว่าเดิมกว่าจะหมดกำลัง) และเวลาถอนคันเร่งความเร็วและรอบเครื่องจะตกช้ากว่าซึ่งไม่มีใครทำได้แม้จะให้ใกล้เคียง
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #357 เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2555 11:22:12 »

 Vigo 2.7 LPG ระบบท่อไอเสียเดิมๆ (ติดตั้งท่อ VCE เพิ่่มเข้าไปเฉยๆ หน้าหม้อพัก)
 

 Vigo 2.7 เดิมๆ ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จะไม่ค่อยพุ่งต่างจากตัวดีเซล 3.0 ที่พุ่งอยู่แล้ว อยากให้พุ่งดีกว่าเดิมเริ่มจากรอบเครื่องต่ำๆ เลยมีวิธีเดียวเท่านั้นครับ (ดีกว่ากล่องหลอกคันเร่งเพราะไม่ได้พุ่งจากรอบต่ำแต่หลอกโดยให้ปีกผีเสื้อเปิดเยอะในขณะเหยียบคันเร่งนิดเดียว แบบนี้ก็เปลืองมากขึ้นซิครับง่ายๆ) คือ ต้องติดตั้งท่อไอเสีย VCE เพิ่มเข้าไปเท่านั้นครับ (ไปติดตั้งท่ออื่นๆ ที่จะช่วยต้นก็ไม่ได้ดั่งใจหรอกครับ มีแต่กลางไปทางสูงจะแย่ลงและได้ต้นก็ไม่ลงมาที่รอบต่ำกว่าเดิมเท่าไหร่ด้วย)


  ส่วนใหญ่เจ้าของรถมักจะเข้าใจผิด จะคิดแต่เพียงว่าที่ช่วงรอบครื่องเต่ำๆ ไม่ค่อยพุ่งเป็นเพราะระบบไอเสียมันคงจะเริ่มอั้นหรือโล่งไม่พอ ก็เลยไปทำให้โล่งๆ (อาจจะโดยการทะลวงแคทหรือเปลี่ยนหม้อพักให้โล่งขึ้น) จนมาพบกับปัญหาในภายหลังว่าเมื่อทำเช่นนั้นแทนที่ช่วงรอบเครื่องต่ำๆ จะดีขึ้นกลับแย่ลง หรืออีกรณีหนึ่ง เมื่อทะลวงแคทไปแล้วได้ช่วงกลางที่เคยอั้นๆ ดีขึ้นแต่ช่วงรอบเครื่องที่ต่ำกว่านั้นจะอืดมากขึ้นรอรอบมากขึ้นไม่มีแรง


ผมก็แนะนำไปว่า เพียงให้ติดตั้งท่อ VCE เพิ่มเข้าไปเท่านั้นครับ รถจะพุ่งดีขึ้นเลยตั้งแต่รอบเครื่องต่ำๆ และช่วงกลาง นอกจากนั้น ความเร็วสูงบางช่วงจะดีขึ้นด้วย และ ช่วงปลายจะไหลลื่นกว่า (ที่หมดแล้วก็จะไปได้อีกเล็กน้อย



สนใจท่อไอเสีย VCE ติดต่อล่วงหน้าที่พี่พร 0851423903 ราคาท่อ VCE แบบทางเข้า/ออกเป็นเหล็ก (ภายในเคลือบกัลวาไนซ์ป้องกันสนิม) 3600 บาท ถ้าให้ติดตั้งให้ด้วยเพิ่ม 300 บาท ร้านที่ติดตั้งประจำมีที่ พุทธมณฑลสายสี่ ลำลูกกาคลองสอง


หรือ ท่านสามารถสั่งซื้อไปติดตั้งเองก็ได้ (ให้ร้านท่อไอเสียใกล้บ้านท่านติดตั้งให้) โดยส่งไปให้ทางไปรษณีย์ EMS รถตู้หรือ รถทัวร์ (แล้วแต่สะดวก) หรือ ไปส่งให้ถึงที่ถ้ามีเวลาไปส่งได้ (เฉพาะในเส้นทางกทม.ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา)

การติดตั้งท่อไอเสีย VCE ติดตั้งไม่ยาก มีคู่มือพร้อมรูปประกอบ และที่ตัวท่อจะเขียนบอกรายละเอียดไว้ ไม่ว่า ทางเข้า ทางออก และด้านล่างของท่อ (เส้นลูกศรให้อยู่ด้านล่างสุด หัวลูกศรชี้ไปทางหัวรถ) กล่องตัวควบคุม(ซึ่งเป็นแม่เหล็ก) จะอยู่ด้านขวามือของท่อเท่านั้น (ก่อนนี้จะติดตั้งให้อยู่ด้านขวาของท่อบ้างด้านซ้ายบ้างแต่ปัจจุบันจะอยู่ด้านขวาทั้งหมดเพื่อตัดปัญหาการเข้าใจผิด โดยจะอยู่ทางด้านขวาค่อนมาทางด้านล่าง) ไม่เคยมีปัญหาจากการติดตั้ง เพราะทดสอบได้ง่ายมาก เพราะเมื่อถูกต้องรถจะพุ่งตลอดพุ่งเร็วต่อเนื่องขึ้นไป เพราะนั้นที่ว่าสามารถแซงรถคันอื่นได้แต่คิดว่าติดตั้งผิดนั้นก็ไม่เป็นความจริงครับ
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #358 เมื่อ: 28 พฤศจิกายน 2555 20:53:18 »

 สั่งไปให้เพื่อนๆ ของเขาครับ (จันทบุรี)

///////////////////////////////////////////

วันนี้เป็นวันลอยกระทงครับ ขับรถโปรดใช้ความระมัดระวังให้เป็นพิเศษกว่าวันธรรมดานะครับอย่าลืม (เพราะน่าจะมีคนที่เมาสุราขับรถมากกว่าวันปกติครับ)

อันคนเมาขับรถนี่หนักพอๆ กับคนขับรถไม่เป็นนั่นแหละครับ (ผมให้คนขับรถหลับในอันตรายที่สุด) ซึ่งคนเมาขับรถก็อาจจะมีหลับๆ ตื่นๆ ผสมปนเปกันไปด้วย (เพิ่มอัตราอันตรายเข้าไปอีก)

วันนี้เช้าๆ ควรจะตักบาตรทำบุญ (อุทิศให้แก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว) หรือ ไม่ก็ตักบาตรทำบุญเฉยๆ ก็ได้

ผลบุญนั้นก็จะตกแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วที่เราทำบุญอุทิศไปให้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้นั้นในปรโลก หรือ ถ้าเราไม่ได้อุทิศให้ใคร ก็จะเป็นทุนรอนของเราต่อไปในปรโลกต่อไป

ผมเชื่อในคำตรัสสอนของพระพุทธเจ้า ที่ให้สาธุชนทำแต่ความดีละเว้นความชั่ว หรือ กรรมชั่ว ให้ประกอบแต่สัมมาอาชีพที่สุจริตเท่านั้น (ถูกกฎหมายไม่พอต้องถูกทำนองคลองธรรมด้วย ซึ่งประการหลังสำคัญที่สุด)

ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ยึดถือและปฏิบัติอย่างน้อยๆ ในศีลห้าประการ
คือ ไม่ฆ่าสัตว์ (ฆ่าเฉยๆ เพื่อสะใจ หรือ เป็นการฆ่าที่ไม่ใช่เพื่อบริโภค /ผมเข้าใจว่าอย่างนั้นนะ)
ห้ามลักเล็กขโมยน้อยเอาของผู้อื่นที่เขาไม่ได้ให้เรา
ไม่พูดโกหกมดเท็จ (พูดส่อเสียดให้ร้ายผู้อื่นโดยไม่เป็นธรรม)
ไม่ผิดลูกผิดเมียหรือทำการพลัดพรากผู้อื่น
ไม่ดื่มสุรายาเมา (อันจะทำให้เสียการควบคุมสติที่จะทำให้ทำความชั่วโดยไม่ทันยั้งคิด หรือทำความผิดพลาดได้ง่าย) 

มันเป็นการยากที่จะให้เราสมบูรณ์ไปหมดทุกข้อ เช่น ไม่ฆ่าสัตว์ก็คงจะยากเพราะต้องบริโภค แต่เอาเป็นว่าเมื่อเรารู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้ว สัตว์ที่ยังไม่ตายเราก็อย่านำไปฆ่าเพื่อบริโภคก็แล้วกัน

ขโมย ตอนเราอายุน้อยๆ ไม่รู้แน่ชัดว่าทำอะไรไปบ้างหัวข้อนี้ผิดพลาดได้ง่ายถ้าเรายังเยาว์วัยอยู่ โตขึ้นรู้ว่าอะไรแล้วปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติกันทุกคนได้ไม่น่าจะมีปัญหา

โกหก บางกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โตขึ้นก็อาจจะมีนะ (แต่ถ้าไม่ใช่เบียดเบียนหรือให้โทษแก่ผู้อื่นก็น่าจะโทษน้อยลง) เช่น ถ้าแฟนถามว่าทำไมเราไปร้านหนังสือนาน เราก็ตอบว่าไม่หรอกไปแป๊บเดียวเองแต่ทั้งที่จริงเราอาจจะไปนานกว่าแป๊บสักเล็กน้อยอย่างนี้เป็นต้น /เพื่อความสบายใจจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน/ แต่ อย่าพูดโกหกโดยเจตนาให้ผู้อื่นเสียหาย ให้ร้ายโดยไม่มีมูลความจริง หรือ ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดหลงผิด (ขึ้นอยู่กับเจตนานะผมว่า)

ประพฤติผิดลูกผิดเมียก็คงจะไม่มี
 ดื่มของมึนเมาก็อาจจะเลี่ยงยาก ขอให้หลีกเลี่ยงได้เป็นดีครับ


ทำได้อย่างนี้ ตายไปแล้วก็น่าจะไปเกิดใหม่ในที่ดีๆ ที่สมควรนะครับ ผมเชื่อให้บาปบุญคุณโทษซึ่งจะมีผลทั้งโลกปัจจุบันและในโลกหน้าครับ (อย่าคิดเพียงสั้นๆ จงคิดให้ยาวๆ ครับ)
บันทึกการเข้า
phorn
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,513


ดูรายละเอียด
« ตอบ #359 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2555 11:25:47 »

มาอธิบายเพิ่มเติม
จากลิงค์ http://www.wemotor.com/blog/2011/07/mercedes-benz-presents-new-m152-v8-engine-from-amg/
Mercedes-Benz Presents New M152 V8 Engine From AMG!
 
 

The M152 now comes with a variable exhaust system, where under low revs, the exhaust flaps are closed, but from 2,000rpm they start to open in increments of 15%, 30%, 50% and finally 100% at full throttle.


ขอเท้าความนิดหนึ่ง ปกติถ้าเป็นเบนซ์รุ่นเก่าเจ้าของรถจะพบว่า ช่วงความเร็วสูงจะวิ่งดีมากแต่ช่วงความเร็วต่ำๆ จะวิ่งไม่ค่อยดีจะไม่มีแรง (เจ้าของรถเบนซ์เล่าให้ฟัง มาติดตั้งท่อ VCE ก็จะช่วยได้ตรงจุดประสงค์พอดี เพราะได้ช่วงต้นแรงขึ้นมาจากท่อที่หรี่เป็นช่องเล็กๆ ได้ พอรอบเครื่องสูงขึ้นแรงดันไอเสียก็ดันให้ลิ้นเปิดกว้างไปได้ไอเสียก็ไม่อั้นรอบสูงก็ยังวิ่งดีต่างจากการไปทำให้อั้นด้วยท่ออื่นๆ ซึ่งจะอั้นแล้วอั้นเลยรอบสูงก็จะแย่)

ทีนี้ รถสปอร์ตหลายคันเขาก็พยายามแก้ปัญหาตรงนี้ ตรงที่รถมีแรงม้าสูงความเร็วสูงจัดแต่ช่วงต้นจะยังไม่ดีเท่ารอบสูง รถหลายคันต่างแก้ปัญหาด้วยวิธีการทำเป็นสองท่อ ช่วงรอบต้นไปถึงกลางจะให้ไอเสียออกท่อเดียวก่อน (เท่ากับลดขนาดท่อลงไปครึ่งหนึ่งแรงบิดในช่วงรอบต่ำก็ดีขึ้น) พอรอบสูงขึ้นมาถึงช่วงที่ต้องการขนาดรูท่อใหญ่ขึ้น ลิ้นซึ่งได้รับคำสั่งจาก ECU ก็จะสั่งให้เปิดรูท่อที่สอง ไอเสียก็ไหลได้ปริมาณมากๆ แรงม้าก็ออกมาเต็มที่ในรอบสูง

ทีแรกจะเป็นแบบนี้ก่อน จากนั้นมีการพัฒนาเพิ่มเติมขึ้นอีก โดยการใช้ขนาดท่อในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ มารอบกลางที่เล็กมากขึ้น พอถึงรอบเครื่องที่สูงขึ้นมาเลยขนาดรูท่อขนาดเล็กนั้นจะรับได้แล้วก็สั่งให้ลิ้นในท่อที่สองเปิดออก แต่การเปิดออกของลิ้นดังกล่าวนี้จะไม่ใช่เปิดพรวดให้ใหญ่เต็มขนาดความจุท่อนั้นในทันที แต่จะค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นตามรอบเครื่องที่สูงขึ้นไป

ขอให้ดูที่หม้อพักปลายซึ่งเป็นแบบออกสองท่อของเบนซ์รุ่นนี้ ในช่วงรอบเครื่องต่ำๆ (เดินเบาถึง 2000 รอบ) ไอเสียไม่ได้ออกมาทางสองท่อแต่จะออกไปทางท่อด้านบนเท่านั้น ท่อด้านบนเขาคำนวณแล้วว่าให้แรงบิดได้ดีสุดตั้งแต่รอบเครื่องประมาณ 2000 รอบลงมา แน่นอนว่าดีสุดแถวๆ ใกล้ 2000 รอบ แต่ช่วงที่ใกล้รอบเดินเบาก็คงจะไม่เต็มที่นักแต่ก็ดีกว่าขนาดท่อที่ใหญ่กว่านี้

ท่อด้านล่างจะมีลิ้นปิดกั้นไว้ไอเสียออกไม่ได้ พอรอบเครื่องขึ้นมาถึง 2000 รอบคำสั่งจาก ECU จะสั่งให้ลิ้นในท่อด้านล่างค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นตามรอบเครื่อง
(ทำแบบนี้แรงบิดและแรงม้าตั้งแต่ 2000 รอบขึ้นไปจะออกมาเต็มที่ มากกว่าเอาสองท่อมารวมกันแล้วไม่มีลิ้น แน่นอนว่า ถ้าไม่ดีกว่าเขาก็จะไปทำให้มันซับซ้อนไปทำไมให้ยุ่งยากและสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ) มีรถสปอร์ตใช้เทคนิคนี้กับรถยนต์ของเขา

 ส่วนท่อสูตรของเรา VCE ยกการหรี่และเปิดลิ้นเอามาให้ทำงานตั้งแต่รอบเดินเบาขึ้นไป (จะเห็นว่าต่างจากที่ใช้อยู่ในรถสปอร์ตเหล่านั้น ที่ให้ทำงานตั้งแต่ก่อนรอบกลางเล็กน้อยไปจนจรดรอบสูงสุด) ในท่อซึ่งคำนวณมาให้ครอบคลุมตั้งแต่รอบต่ำสุดไปจนจรดรอบสูงสุดอยู่แล้ว

จึงให้แรงบิดดีขึ้นตั้งแต่รอบเดินเบาขึ้นไปเลย (ให้ผลตั้งแต่รอบเดินเบาขึ้นไปถึงประมาณ 3000 รอบ ในที่นี้ก็จะต่างกับที่ใช้อยู่ในเบนซ์รุ่นนั้นที่จะให้ผลตั้งแต่ 2000 รอบขึ้นไป )

เพราะฉะนั้น ไม่ว่ารถรุ่นไหน ไม่ว่าใช้เชื้อเพลิงอะไร และไม่ว่ามีหรือไม่มีเทอร์โบ ถ้าต้องการให้แรงบิดดีขึ้นตั้งแต่รอบต่ำๆ ขึ้นไปถึงรอบกลาง โดยช่วงรอบกลางขึ้นไปไม่ด้อยลงไปจากเดิม และช่วงปลายจัดจ้านยิ่งกว่าเดิม (ตรงนี้ยังหาคำอธิบายไม่ได้ว่าทำได้อย่างไรแต่มันทำได้)

และไม่ว่าใช้ระบบท่อไอเสียเดิมหรือมีการดัดแปลงระบบไอเสียไปแล้ว (เช่นทะลวงแคทหรือทำหม้อพักให้โล่งมากขึ้น หรือเป็นเพียงท่อยิงตรง) ท่อสูตร VCE ก็ใช้งานได้ผลดีขึ้นทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้นและไม่ขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถหรือรุ่นเก่ารุ่นใหม่
บันทึกการเข้า
หน้า: [«10] [«5]  «  1 ... 16 17 [18] 19 20 ... 77  »  [5»] [10»]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!