AE. Racing Club
24 กรกฎาคม 2568 02:08:58 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 2 [3] 4 5 ... 8  »  [5»]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่อง มหัศจรรย์ ที่เราไม่รู้(แต่ควรจะรู้ไว้เป็นความรู้) เอะยังไง  (อ่าน 27409 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
poohpooh
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #40 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 12:56:36 »

ทำไมลิงถึงก้นแดง


ถ้าเราสังเกตุเห็นว่าลิงจะมีก้นเป็นสีแดง นั่นก็เพราะว่า ที่ก้นของลิงนั้นมีเส้นเลือดฝอยมาก อีกทั้งในส่วนของก้นลิงไม่มีขน เลยทำให้เราเห็นก้นล้งเป็นสีแดง

ประกอบกับก้นของลิงมีเมนลานีน น้อยด้วยจึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเห็นเช่นนั้น

เมนลานีน คือ ส่วนหนึ่งของผิวหนังถ้าคนเรามีเมนลานีนน้อยผิวหนังก็จะเป็นสีขาว ส่วนคนที่มีเมนลานีนมากผิวก็จะเป็นสีดำ

ส่วนลิงที่มีก้นเป็นสีอื่นๆนั้นก็เป็นเพราะเมนลานีนนั่นเอง เช่น ล้งชิมแปนซีมีก้นเป็นสีดำนั่นเอง


ที่มา www.eduzones.com
บันทึกการเข้า
<"เป็นคนเลวซํกพักนะ">
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,722


<"เหตุผลของเราใครจะเข้าใจ ไม่ลืมครับคำว่าบุญคุญ">


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #41 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 12:56:54 »

                                                                    เอาเรื่องในบ้านเรานี่ล่ะ"บั้งไฟพญานาค"
บั้งไฟพญานาค ลูกไฟประหลาดที่พวยพุ่งขึ้นกลางลำน้ำโขงบั้งไฟพญานาค หรือ บั้งไฟผี เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ยังไม่สามารถหาคำอธิบายที่ชัดเจนได้ โดยมีลักษณะเป็นลูกไฟสีชมพู ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง พุ่งขึ้นเหนือลำน้ำโขง มีตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร แล้วพุ่งขึ้นไปในอากาศสูงประมาณ 50-150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที โดยจะเกิดปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ในช่วงวันออกพรรษา หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตามปฏิทินลาว ซึ่งอาจตรงกับวันแรม 1 ค่ำ หรือ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ของไทย โดยแต่ละปีจะปรากฏขึ้นประมาณ 3-7 วัน

มากกว่า 90% ของจำนวนลูกบั้งไฟพญานาคในแต่ละปี จะพบที่จังหวัดหนองคาย หน้าวัดไทย และบ้านน้ำเป อำเภอโพนพิสัย วัดอาฮง อำเภอบึงกาฬ วัดหินหมากเป้ง และอ่างปลาบึก อำเภอสังคม

ผู้ศึกษาปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคหลายกลุ่ม พยายามอธิบายที่มาของปรากฏการณ์นี้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่น คาดว่าอาจจะเป็นก๊าซมีเทน-ไนโตรเจน หรือ ฟอสฟอรัส ที่เกิดจากการย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์ใต้น้ำ

นอกจากประเทศไทยแล้ว ที่อื่น ๆ ในโลกก็มีรายงานการพบปรากฏการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน เช่นที่ มลรัฐมิสซูรี และ มลรัฐเท็กซัส ของสหรัฐอเมริกา โดยเรียกกันว่า แสงมาร์ฟา (Marfa lights) นอกจากนี้ยังพบที่เมืองเจดด้าห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ริมฝั่งทะเลแ
 
ตำนานและความเชื่อ
เรื่องของพญานาคในทางพุทธศาสนา ได้กล่าวไว้ว่า เดิมทีพญานาคที่อาศัยอยู่ในเมืองบาดาลนั้นมีนิสัยดุร้าย แต่พอพระพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนา เลิกนิสัยดุร้าย และคิดจะหันมาออกบวช แต่ก็ติดที่เป็นสัตว์ไม่สามารถบวชได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาคจึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ

เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพระมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จนครบ 1 พรรษา ( 3 เดือน) และเสด็จกลับโลกมนุษย์ในวันขึ้น15 ค่ำ เดือน 11 ด้วยบันไดแก้ว บันไดเงินและบันไดทอง ที่เหล่าเทวดาทำถวาย ส่วนมนุษย์โลกก็จะทำบุญตักบาตร นำดอกไม้ธูปเทียนไปกราบไหว้บูชา ความนี้เมื่อรู้ถึงพญานาคที่อยู่เมืองบาดาล จึงได้จัดทำ “บั้งไฟพญานาค” และจุดเฉลิมฉลองเช่นกัน และได้กลายมาเป็นประเพณีมาจนทุกวันนี้

การปรากฏตัวของพญานาค
 
ร่องรอยของพญานาคที่ฝากไว้บนกระโปรงรถพญานาค นอกจากปรากฏในรูปของบั้งไฟพญานาคแล้ว ยังมีหลักฐาน ร่องรอยและเรื่องเล่าต่างๆ อย่างเช่น บุญจันทร์ คำมุงคุณ ผู้ใหญ่บ้านและประธานโฮมสเตย์บ้านน้ำเป กิ่งอำเภอรัตนภูมิ จังหวัดหนองคาย เล่าให้ฟังว่า ขณะที่กำลังลงเรือหาปลาอยู่ในบริเวณปากห้วยน้ำเปตอนประมาณสองทุ่ม ก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่ง มีลักษณะคล้ายงูอยู่ในน้ำ คือตรงส่วนหัวนั้นไม่เหมือนงูทั่วๆ ไป คือมีลักษณะคล้ายหงอน และดวงตามีขนาดเท่าไข่ไก่เห็นเป็นสีแดง งูนั้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 เซนติเมตร

แอร์ ชาวอุดรธานี และเป็นคนที่มีสัมผัสที่หก ไปดูบั้งไฟพญานาคที่ริมแม่น้ำโขง จนประมาณ 3 ทุ่ม ที่บั้งไฟพญานาคลูกแรกขึ้น แอร์ก็รู้สึกวูบไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีในอีก 2 ชั่วโมงถัดมา ในลักษณะที่เท้าเหยียบอยู่ในแม่น้ำโขง มีคนหิ้วปีกอยู่ทั้งสองข้าง และรู้สึกว่าหน้าร้อนมาก ตอนที่แอร์วูบไป แม่ของแอร์เล่าว่า แอร์ก็มีท่าทีแปลกๆ เริ่มพูดไม่เหมือนตามปกติ ใช้ภาษาแบบคนโบราณ เช่น ข้ากับเจ้า และนั่งชันขาเหมือนคนโบราณแล้วบอกว่า เราเป็นพญานาคชื่อสีดา ดูแลน้ำโขงช่วงนี้อยู่ ที่มานี่เพื่อมาเตือน เพราะเห็นว่าในกลุ่มนี้มีคนที่ไม่เชื่อและพูดลบหลู่อยู่ พร้อมทั้งยังบอกว่าตนอยู่ที่นี่มาเป็นพันๆ ปีแล้ว และบั้งไฟนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ จน 2 ชั่วโมงผ่านไป ถึงเวลาเกือบ 5 ทุ่ม พญานาคที่ชื่อสีดาก็บอกว่าจะกลับแล้ว ให้ช่วยไปส่งที่ริมแม่น้ำหน่อย จากนั้นแอร์ก็รู้สึกตัวขึ้น

จุมพล สายแวว นายช่างไฟฟ้าสื่อสาร 5 ได้ไปทำข่าวมา ก็ได้เห็นเป็นรอยเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน เป็นรอยขนาดใหญ่ขึ้นทั่วหลังคารถเลย หรือบางรอยก็เห็นขึ้นริมโขง และได้เกิดเหตุการณ์ ที่เขาได้เห็นกับตาและได้ถ่ายภาพวีดีโอไว้ เขาได้เห็นภาพของสิ่งมีชีวิตลักษณะลำตัวยาวๆ ที่คาดว่ามีหลายตัว เล่นน้ำอยู่กลางลำน้ำโขง ใกล้ๆ กับพระธาตุกลางน้ำ ซึ่งเหตุการณ์เป็นข่าวครึกโครม มีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก และเชื่อกันว่า เป็นเหตุการณ์ที่พญานาคขึ้นมานมัสการพระธาตุ

 ลักษณะ
การเกิดบั้งไฟพญานาค ลูกไฟจะเอนเข้าหาฝั่ง หากขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่หากขึ้นริมฝั่ง ลูกไฟจะเอนออกไปกลางโขง ลักษณะเป็นดวงไฟขนาดเล็กเท่าหัวแม่มือ ไปจนถึงขนาดเท่าไข่ห่านหรือผลส้ม มีสีแดงอมชมพูออกสีบานเย็น หรือสีแดงทับทิม ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า ไม่มีเปลว ไม่มีเสียง ไม่มีกลิ่น

โดยบั้งไฟพญานาคจะเริ่มปรากฏจากเหนือผิวน้ำ ตั้งแต่ระดับ 1-30 เมตร พุ่งสูงขึ้นไปประมาณระดับ 50-150 เมตร เป็นเวลาประมาณ 5-10 วินาที แล้วจะดับหายวับไปในอากาศ ทั้งๆ ที่ดวงไฟยังโตอยู่ มิได้หรี่เล็กลงแล้วค่อยๆ ดับ และไม่มีลักษณะโค้งตกลงมาเหมือนดอกไม้ไฟ ซึ่งปรากฏการณ์การเกิดบั้งไฟพญานาคนี้ได้มีนักวิทยาศาสตร์ศึกษาวิจัยหลายต่อหลายท่าน แต่ก็ยังไม่พบข้อสรุปที่ชัดเจน

 ทฤษฎีและข้อสมมติฐาน
ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ณ วันนี้ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้อย่างชัดแจ้งว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็มีทฤษฎีและข้อสมมติฐานอยู่หลายทฤษฏี เช่น

นพ.มนัส กนกศิลป์ แห่งโรงพยาบาลหนองคาย อธิบายว่า บั้งไฟพญานาค เกิดจากก๊าซร้อน คือ ก๊าซที่มีส่วนผสมของก๊าซมีเทนและก๊าซไนโตรเจน เป็นส่วนผสมสำคัญ ซึ่งก๊าซร้อนชนิดนี้ ก็คือก๊าซชีวภาพที่ระเบิดจากหล่มอินทรียวัตถุใต้ท้องน้ำหรือในดินที่เปียก โดยมีแบคทีเรียกลุ่มมีเทนฟอร์มเมอร์ซึ่งดำรงชีวิตได้ในสภาพไร้ออกซิเจนเท่านั้น ณ ความลึกของแม่น้ำโขงและแหล่งน้ำข้างเคียง เป็นตัวช่วยผลิตก๊าซ แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง หลังจากนั้นก็จะได้ก๊าชมีเทนในปริมาณมากพอที่จะก่อให้เกิดความดันก๊าชในผิวทรายอย่างน้อย 1.45 เท่า ของความดันบรรยากาศ เมื่อไปเจอความกดดันของน้ำ ความกดดันของอากาศในตอนพลบค่ำ หล่มทรายก็จะไม่สามารถรับแรงดันได้ ก๊าซจะหลุดออกมาและพุ่งขึ้นเมื่อโผล่พ้นน้ำ และมีการฟุ้งกระจายไปบางส่วน โดยเหลือแกนในของก๊าซซึ่งลอยตัวขึ้นสูง เมื่อไปกระทบกับอนุภาพออกซิเจนอะตอมที่มีประจุ ที่มีพลังงานสูง ก็จะเกิดการสันดาปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นดวงไฟหลายสี แต่ 95% จะเป็นดวงไฟสีแดงอำพัน พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วก็หายไป และทุกตำแหน่งที่เกิดบั้งไฟพญานาคจะอยู่ในระดับ 5-13 เมตรทั้งสิ้น

นอกจากนี้ยังพบอีกว่าความเป็นกรดและด่างของน้ำในแม่น้ำโขงก็จะสอดคล้องกับระบบนิเวศน์ที่จะเกิดการหมักก๊าซมีเทน ซึ่งคุณหมอได้เคยไปวางทุ่นดักก๊าซในแม่น้ำโขง และค้นพบว่าก๊าซที่ดักได้ในแม่น้ำโขงสามารถนำไปจุดติดไฟ จะเกิดการพุ่งวูบขึ้นมีสีออกเป็นแดงอมชมพู ส่วนคำถามที่ว่าทำไมบั้งไฟพญานาคถึงเกิดขึ้นในคืนวันออกพรรษา คุณหมอมนัสบอกว่าในคืนวันนั้นจะมีอ็อกซิเจน ก๊าซที่ช่วยให้ติดไฟสูงสุดในรอบปี ซึ่งก็เกิดจากอิทธิพลของแรงโน้มถ่วงพลังงานรังสีของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์และโลก

ส่วนอีกสมมติฐานนึงคือ เกิดจากการกระทำของมนุษย์เอง โดยสมชาติ วิทยารุ่งเรือง ปริญญาวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต ได้หาวิธีการทำบั้งไฟพญานาคในแบบฉบับของเขามาได้ 8 วิธี โดยนพ.มนัส กนกศิลป์ ได้ออกมาถึงเหตุผลที่ว่า บั้งไฟพญานาคไม่น่าที่จะเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ ได้ตั้งข้อสมมติฐานแย้งเช่น

คนที่กระทำต้องแข็งแรงมากเพราะกระแสน้ำมันแรงมาก ในขณะที่คนธรรมดากอดเสาอยู่ในน้ำยังทรงตัวไม่อยู่
นพ.มนัส กนกศิลป์ ได้เริ่มศึกษาเมื่อปี 2522 ก็มีบั้งไฟพญานาคขึ้นมาแล้ว 120 ปี ซึ่งจริง ๆ แล้ว ต้องเกิดขึ้นนานกว่านี้อีก เนื่องจากคนที่ทำคนนี้ต้องมีอายุมากกว่า 104 ปีแล้วต้องทำด้วยตัวเองจึงตัวเองจึงจะคุมความลับได้
การเกิดของบั้งไฟ เกิดขึ้น 52 ตำแหน่งประมาณ 1,500 – 2,500 ลูก คนที่ทำต้องมีเงินจ้างคนไปประดาน้ำทำเรื่องนี้
ทานกระแสน้ำที่ลึกมากและกลัวที่จะโดนเอ็ม 16 ของหน่วย นปข.ซึ่งเขาก็บอกอีกว่ามันขึ้นเฉียดเรือเขาเลย
เป็นต้น

จุดชมบั้งไฟพญานาค
การชมบั้งไฟพญานาคนั้นนอกจากจะรู้วันแล้ว ยังต้องรู้เวลา รู้สถานที่ ที่มีแนวโน้มการเกิดบั้งไฟพญานาคอีกด้วย ตำแหน่งที่บั้งไฟพญานาคมักจะปรากฏให้เห็นว่า ทั่วทั้ง จ.หนองคาย มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 20 จุด โดยในจ.หนองคายเกิดขึ้นหลายจุด แต่จุดที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีผู้พบเห็นบ่อยครั้งเริ่มจากที่ อ.สังคม บริเวณ "อ่างปลาบึก" บ้านผาตั้ง บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสังคม ต่อมาที่บริเวณ "วัดหินหมากเป้ง" อ.ศรีเชียงใหม่

ถัดจากนั้นก็จะพบในเขตอำเภอเมืองบ้านหินโงม ต.หินโงม อ.เมือง หน้าสถานีตำรวจภูธรตำบลบ้านเดื่อ ต.บ้านเดื่อ อ.เมือง พอเข้าสู่เขต อ.โพนพิสัยก็จะพบแทบจะตลอดลำน้ำโขง ตั้งแต่ปากห้วยหลวง ต.ห้วยหลวง อ.โพนพิสัย ในเขตเทศบาล ต.จุมพล หน้าวัดไทย วัดจุมพล วัดจอมนาง หนองสรวง เวินพระสุก ท่าทรายรวมโชค ต.กุดบง บ้านหนองกุ้ง ซึ่งที่ อ.โพนพิสัยจะพบมากที่สุด แล้วมาพบอีก ที่กิ่งอ.รัตนวาปี บริเวณ ปากห้วยเป บ้านน้ำเป วัดเปงจาเหนือ บ้านหนองแก้ว ในเขตอ.ปากคาด บ้านปากคาดมวลชล ห้วยคาด อ.ปากคาด และที่ อ.บึงกาฬ บริเวณวัดอาฮง ตำบลหอคำ อ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวหนองคายเชื่อกันว่าเป็นสะดือแม่น้ำโขง เป็นเมืองหลวงของเมืองบาดาล ก็ปรากฏบั้งไฟพญานาคให้เห็นเช่นกัน

ทางด้านจังหวัดอุบลราชธานี มีชาวบ้านพบเห็นมา 2-3 ปี แล้วและทางอ.โขงเจียมก็ได้พิสูจน์มาแล้วว่ามีจริง โดยการเข้าชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค อ.โขงเจียมปีนี้ กำหนดจุดชมไว้ 3 แห่ง คือ บ้านกุ่ม บ้านท่าล้ง และบ้านตามุย

สำหรับระยะเวลาในการขึ้นของบั้งไฟพญานาคนั้นจะขึ้น ระหว่างตะวันตกดินถึงประมาณ 23.00 น.ก็จะหมดไป

 บั้งไฟพญานาคในวัฒนธรรมสมัยนิยม
มีการนำเรื่องข้องสงสัยที่ของบั้งไฟพญานาค มาทำเป็นภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 โดย จิระ มะลิกุล ออกฉายเมื่อ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2545 ภาสกร อินทุมาร จากเว็บไซต์ประชาไท ตั้งข้อสังเกต ประเด็นเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า "ถึงแม้วิธีคิดของภาพยนตร์จะตอบสนองต่อความรู้สึกร่วมสมัย แต่ชนชั้นดูหนังยอมรับได้หรือไม่ว่า พญานาคและศรัทธา เป็น “ ความจริง ”
ที่มา/จากวิกิพีเดีย
บันทึกการเข้า

RINSA
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #42 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 13:06:47 »

โห ตามอ่าน 3 วันจะจบไหมเนี่ย

สาระทั้งนั้นคับ พี่น้อง
บันทึกการเข้า
จิ๊กโก๋..โรแมนติก <RZ>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,635


เข้าป่าพอไหว..ขับไวเค้ากัววว


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #43 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 14:00:31 »

มาแล้ว...แจ๋วจิง..ตามที่คุยกานไว้เมื่อคืนเลยอ่ะ...ชอบๆๆๆ   


บีลีฟ อิศ  ออร์ น๊อท 

กร๊ากกกกกกก
บันทึกการเข้า

หันมาเล่นออฟโรดดีกว่า

ไม่ได้เหลือ..แค่เบื่ออะไรเดิมๆ
N u T 7 a_9 0 ™
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,121


New Doraemon Verion


ดูรายละเอียด
« ตอบ #44 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 14:11:33 »

หิมะตกที่เมืองไทย ! เป็นเรื่องมหัศจรรย์ หรือ สัญญาณเตือนภัยกันแน่ ??

รู้กันรึเปล่าหิมะตกที่ดอยช้างกันนะจ๊ะ ปรากฎการณ์ลูกเห็บตกที่ดอยช้างแบบไม่น่าเชื่อกันเลยละค่ะ จังหวัดเชียงรายเองค่ะ เมื่อวันสงกรานต์ 13 เมษายน 2551 นานกว่า 30 นาทีสามารถมองไกลๆได้ชัดเลยละค่ะ ทำให้ดอยช้างขาวโพลนเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งที่ดูไกล ๆกันเลยค่ะ เหมือนหิมะ ส่งผลให้พืชไร่ อาทิ ฟักแม้ว กาแฟ ได้รับความเสียหายมากพอสมควรค่ะ เพราะกว่าลูกเห็บจะละลายใช้เวลา 2 วัน นานมากเลยนะค่ะซึ่งไปตรงกับคำทำนายโหรปีเป็นปีอาเพศและจะมีหิมะตกเมืองไทยด้วยค่ะ หิมะตกเมืองไทยฤาอาเพศจะเป็นจริงไหมค่ะหากใครเคยอ่านทำนายของโหรปี 2551 ว่าจะเกิด หิมะตก ในเมืองไทย ไม่มีใครเชื่อกันเลยค่ะ แต่พอได้ยินว่าหิมะตกที่ดอยช้างกัน ก็ประหลาดใจค่ะว่าคำทำนายเป้นจริงหรือ ? ปรากฏการณ์ลูกเห็บขนาดเล็กตกประมาณกว่า 30 นาทีนานเหมือนกันนะค่ะว่าไหม เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา เป็นวันสงกรานต์ที่ถือว่าอากาศร้อนที่สุดเลยค่ะ ครอบคลุมพื้นที่ค่อนข้างกว้างค่ะ ทำให้คอยช้างขาวโพลนคล้าย ๆ หิมะ ดอยช้างอยู่ในจังหวัดเชียงรายสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1.200-11.800เมตรค่ะ ชาวบ้านเล่าว่ากว่าลูกเห็บละลายใช้เวลา 2 วัน ทำให้พืชไร่ที่ปลูกไว้ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะชาโยเต้ หรือที่ชาวล่างเรียกว่ายอดฟักแม้วตายหมดแต่ละปีผลผลิตจากชาโยเต้ให้ชาวดอยช้างมีรายได้ปีละ 70-80 ล้านบาท รวมทั้งกาแฟคอยช้างที่ที่ชื่อดังไปทั่วโลกตายไปพอสมควร ส่งผลให้ผลผลิตกาแฟอาจจะลดลง นั้นคือปรากฎการหิมะตกที่เมืองไทย พี่น้องชาวดอยช้างดอยช้างบอกกว่าไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน เป็นเรืองที่น่าแปลกใจและยอมรับว่าเป็นสัญยาณเตือนภัยที่ดีว่าภาวะโลกร้อนมาเยือนแล้ว และจะหาทางตั้งรับอย่างไร แต่ถ้าย้อนไปดูทำนายโหร โสรัจจะ นวลอยู่ ได้ทำนายไว้ในหนังสือ ศาสตร์แห่งโหร ปี 2551 ของสำนักพิมพ์ติชน ตอนหนึ่งระบุว่า ส่วนสยามประเทศ ปีชวด2551 นี้ จะเกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่น่าแปลกมหัศจรรย์ จะเกิดหิมะตก ในเมืองไทยไปทั้วทุกภาคเหนือและอีสานบางส่วน ประชาชน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติและทั้วโลกตื่นตกใจแทบช๊อกเพราะไม่คอยปรากฎการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย แต่จริง ๆ แล้ว ในทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเป็นอาเพศ เป็นหย่อน ทั้งธรรมชาติ บุคคลการเมืองการปกครอง วัฒนธรรม ประเพณี ความป็นอยู่แบบไทย ๆ เราก็จะเปลี่ยนแปลงไป


       ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่มีอุณหภูมิค่อนข้างอบอ่น ไม่ร้อนเกินไป ไม่หนาวเกินไป ไม่ค่อยมีภัยธรรมชาติที่หนัก แต่เพราะธรรมชาติกำลังถูกทำลาย จนแทบจะบอกว่า ไม่มีพื้นที่ไหนที่จะไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือการทำลายของมนุษย์เลย ไม่ว่าจะทางน้ำก็ยังปล่อยน้ำเสียลงไปทำลาย อากาศก็ปล่อยควันพิษต่าง ๆ ทำลายชั้นบรรยากาศ มีการขุดดินชั้นในมาใช้ ต้นไม้ ป่าไม้ก็ถูกทำลาย โค่นล้มเอามาทำบ้าน เฟอร์นิเจอร์ และวิธีทำลายธรรมชาติอื่น ๆ อีกมากมายที่ล้วนแล้วเป็นกิจกรรมของมนุษย์ที่ทำขึ้นเพื่อทำลายธรรมชาติทั้งนั้น  จึงเป็นสาเหตุทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนแปลง มีปรากฎการณ์ธรรมชาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายสร้างความเสียหาย ความสูญเสียไปอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ดังที่ผ่านมาคือ สึนามิ ฝนตกนิดหน่อยก็น้ำท่วมหนัก ดินถล่ม สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

      กรณีจะมีหิมะตกที่เมืองไทยนี้ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่หมายถึงความผิดธรรมชาติ และความน่ากลัวที่กำลังจะเยือน แต่กลับเห็นเป็นเรื่องตื่นเต้น เรื่องมหัศจรรย์ เรื่องแปลกที่ทุกคนอยากมีโอกาสจะไปดู ไปเห็น ตื่นเต้นกันใหญ่ และอยากให้มีตกทั่วทุกพื้นที่ในไทย ไม่มีใครกลัว ไม่มีใครคิดว่าเพราะอะไรถึงเกิดปรากฎการณ์นี้ ไม่มีใครคิดหาวิธีป้องกันไม่ให้มันเกิด  

      ไม่ว่าจะเกิดมหัศจรรย์อะไรขึ้นกับบ้านเราล้วนแล้วเป็นสัญญาณเตือนถึงภัยธรรมชาติที่มันกำลังจะเกิด และผิดแปลกไปจากเดิม มันถึงเวลาแล้วหรือยังมนุษย์ที่จะช่วยกันคืนึความเป็นธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์ดังเดิม เพื่อให้ลูกหลานได้ดำรงชีวิตสืบต่อไปตราบนานเท่านาน....

เมื่อวันที่ 24 กันยายน ที่ผ่านมา ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา อดีตนักวิทยาศาสตร์นาซา และผู้เชี่ยวชาญเรื่องภาวะโลกร้อนเปิดเผยถึงความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศของประเทศ ที่ส่งสัญญาณมาทางพายุหมุนทอร์นาโดขนาดเล็ก ณ บึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ และพัทยา ว่า ปกติแล้วพายุทอร์นาโดมีให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดาในต่างประเทศ แต่ประเทศไทยไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสาเหตุมาจากอุณหภูมิสูงขึ้น และขณะนี้ทั่วโลกอุณหภูมิสูงขึ้นเกือบ 1 องศาแล้ว แม้ภาพรวมจะไม่เห็นชัดเจนนัก แต่ที่ผ่านมาก็ส่งผลให้ประชากรในยุโรปเสียชีวิตแล้ว 20,000 คน จากความร้อนที่สูงขึ้นมีผลกระทบโดยตรง ประเทศที่อยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตร มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเยอะ ที่ผ่านมามีหิมะตกครั้งแรกในเวียดนาม เคนยา และมีความเป็นไปได้ที่ในเดือนมกราคม 2552 นี้จะมีหิมะตกในภาคเหนือของประเทศไทย  

          ดร.อาจอง กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ภาวะโลกร้อนยังส่งผลให้ภาวะน้ำแข็งในขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ละลายเร็วกว่าที่คิด ขณะนี้มีก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่เท่ากับเมืองนิวยอร์กไหลสู่ทะเล หมายความว่าน้ำในทะเลจะค่อยๆ กินชายฝั่งทะเลบ้านเราไปเรื่อย ตอนนี้เราสูญเสียแผ่นดิน 1 กิโลเมตร ที่ชายทะเลบางขุนเทียน และทั่วโลกเจอปัญหาเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกาออกมาพูดแล้วว่าต่อไปเมืองไมอามี่ ซึ่งเป็นเมืองติดทะเลจะไม่เหลือ
ทั้งนี้กรุงเทพฯ สูงกว่าระดับน้ำทะเลไม่ถึง 1 เมตร เมื่อระดับน้ำทะเลขึ้นมาเกินกว่า 1 เมตร กรุงเทพฯ พร้อมกับจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นนทบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี และลพบุรี ครึ่งจังหวัดจะจมอยู่ใต้น้ำ และนั่นหมายความว่าพื้นที่ผลิตข้าวในภาคกลางจะหมด ราคาข้าวในตลาดโลกจะสูงเป็นประวัติการณ์ เพราะแหล่งปลูกข้าวในภาคกลางเลี้ยงคนเกือบทั้งโลก ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของแผนที่นาซาว่า ภายใน 30 ปี น้ำทะเลจะสูงขึ้น 6 เมตร  

          ดร.อาจอง กล่าวอีกว่า เพื่อรับมือกับปัญหานี้จำเป็นต้องย้ายเมืองหลวงตั้งแต่เดี๋ยวนี้เพราะต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ในการย้ายเมือง และภายใน 6 ปีจะเริ่มเห็นระดับน้ำทะเลสูงขึ้นในระดับท่วมขังแล้ว จะสูบออกได้ยาก นอกจากสร้างเขื่อนกั้นน้ำเหมือนกับประเทศเนเธอร์แลนด์ จะป้องกันได้ แต่ล่าสุดตนไปประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อเดือนที่แล้ว เขาบอกว่าจะรับไม่ไหวแล้วเพราะระดับน้ำทะเลสูงขึ้น การสูบน้ำออกจากเขื่อนทำได้ลำบาก สถาปนิกของประเทศเริ่มออกแบบบ้านอยู่บนแพกันแล้ว อย่างไรก็ตาม การย้ายเมืองใหม่อันดับแรกต้องย้ายรัฐสภาไปก่อน เพราะเป็นศูนย์กลางของเมืองใหม่ เมื่อย้ายไปหน่วยราชการต่าง ๆ จะตามไป จุดเหมาะสมที่จะย้ายเมืองหลวงคือ อีสานตอนใต้ ขณะที่ภาคใต้จะเจอพายุรุนแรงมากขึ้น จะเกิดสตอม เซอจมาถึงกรุงเทพฯ อย่างที่ ดร.สมิทธ บอกไว้ ส่วนภาคตะวันตกจะมีพายุไซโคลนเข้ามา โชคดีที่ผ่านมาพายุนาร์กีสเข้าไปที่พม่ายังมาไม่ถึง ประเทศไทย  

          อดีตนักวิทยาศาสตร์นาซา กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเตือนแล้วว่าเขื่อนใหญ่ 2 เขื่อน ในจังหวัดกาญจนบุรี อยู่ใต้รอยร้าวของเปลือกโลก แต่วิศวกรแย้งว่าได้ออกแบบการก่อสร้างเขื่อนให้ทนต่อแผ่นดินไหวได้ 8 ริคเตอร์ แม้ว่าที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง อย่างไรก็ตาม ถ้าเอาเขื่อนมาเขย่าในความแรง 8 ริคเตอร์ เขื่อนก็สามารถทนได้ แต่ถ้ารอยร้าวเคลื่อนที่สลับกันจะทำให้เขื่อนแตก และน้ำจะไหลลงมาท่วมจังหวัดกาญจนบุรี ที่อยู่ใต้เขื่อน และจะทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลต้องให้นักธรณีวิทยาไปศึกษาดู เบื้องต้นต้องรีบปล่อยน้ำออกจากเขื่อนให้เหลือน้อยลง แม้ว่าเขื่อนแห่งนี้จะเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าสำคัญของพื้นที่ภาคกลางก็ตามที จำเป็นต้องเสียสละไฟฟ้าเพื่อช่วยชีวิตมนุษย์ และต่อไปการสร้างบ้าน สร้างอาคารในแนวที่มีรอยร้าวแผ่นดินไหวไม่ว่าจะเป็นเชียงใหม่ กรุงเทพฯ อีสานตอนเหนือ ต้องออกฎหมายรับรอง การทนทานต่อแผ่นดินไหวอย่างน้อย 6 ริคเตอร์  

          ส่วน นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดี กรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวถึงกรณีที่มีผู้กล่าวว่าในช่วงเดือนมกราคม 2552 จะมีหิมะตกในประเทศไทย ว่า การที่จะมีหิมะตกหรือไม่ขึ้นอยู่กับมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่เข้าปกคลุมในประเทศไทยช่วงนั้นว่ามีความหนาวเย็นมากแค่ไหน โดยต้องดูเรื่องระดับความสูงของพื้นที่ในไทยด้วย ซึ่งโดยรวมคิดว่าน่าจะเกิดแม่คะนิ้งตามภูเขาและดอยในเชียงใหม่ และเชียงรายมากกว่า ไม่ใช่หิมะ  

          ขณะที่ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผอ.ศูนย์วิจัยภัยธรรมชาติ ม.รังสิต กล่าวว่า เรื่องที่จะเกิดหิมะตกในเมืองไทยถือเป็นเรื่องที่ไกลตัวและมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมาก เนื่องจากลักษณะภูมิศาสตร์ของประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตอากาศร้อนชื้นและไม่ได้อยู่ติดกับประเทศจีนเหมือนพื้นที่ภาคเหนือของเวียดนาม ที่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้การเกิดหิมะตกอุณหภูมิต้องติดลบ แต่ลักษณะภูมิอากาศของไทยยังไม่ถึงขั้นติดลบ โอกาสที่จะเกิดหิมะตกจึงเป็นไปได้ยาก คงมีแต่โอกาสที่จะเกิดลูกเห็บตกและเกิดแม่คะนิ้งบน ดอยสูงมากกว่า  

          "สำหรับในเรื่องอีก 30 ปี จะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ เรื่องนี้มีโอกาสเป็นไปได้สูง หากดูจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปี 2538 ซึ่งหากมีปริมาณฝนตกหนักเหมือนปี 2538 ประกอบกับแผ่นดินที่ทรุดตัวลงทุกๆ ปี รวมกับน้ำเหนือที่ไหลลงมา และเกิดน้ำทะเลหนุนขึ้น หากปัจจัยต่างๆ เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ก็อาจจะใช้เวลาไม่ถึง 30 ปี โดยพื้นที่ที่จะเกิดน้ำท่วมก่อนคือจังหวัดสมุทรปราการ แต่การท่วมจะเป็นไปในลักษณะเหมือนน้ำขึ้น-น้ำลงตามระดับ จึงเป็นเรื่องที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องหาทางรับมือตั้งแต่ตอนนี้เพื่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหายน้อยที่สุด" รศ.ดร.เสรี กล่าว
บันทึกการเข้า

ไปเรื่อยๆ... กูไม่รีบ
จิ๊กโก๋..โรแมนติก <RZ>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,635


เข้าป่าพอไหว..ขับไวเค้ากัววว


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #45 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 14:52:27 »

น่ากัวแฮะ น้ำท่วมนี่
บันทึกการเข้า

หันมาเล่นออฟโรดดีกว่า

ไม่ได้เหลือ..แค่เบื่ออะไรเดิมๆ
yuirider
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,860


{เลิกคบ jic เพราะมีกิ๊กเป็น tein}


ดูรายละเอียด
« ตอบ #46 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 15:03:55 »

เมืองไทยเกิดอาเพศแน่นอนล่ะครับ...ตั้งแต่ที่มีบุคคลคนหนึ่งโดนลอบสังหาร

กระสุนปืนทะลุกระจกเข้าที่หัว....แต่..............ไม่ตาย

ไอนี่ล่ะอาเพศ...
บันทึกการเข้า

landslots รัก ในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,048


- ก็ได้แค่นั้นแหละ -


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #47 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 15:10:00 »

โอย....ไปหาคำว่า วันสิ้นโลก ใน Google อ่านซะไ ม่ทำการทำงานเลยครับ

มีอะไรแปลก ๆ เยอะดี

เรื่องที่คุยกับบังนะก็มี สุดยอด....
บันทึกการเข้า

กลับมาแล้ว

Jigging man
[/center]
landslots รัก ในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,048


- ก็ได้แค่นั้นแหละ -


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #48 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 15:20:15 »

http://th.wikipedia.org/wiki/นาซีเยอรมนี

เข้าไปอ่านตามหัวข้อย่อย ๆ ได้ครับสนุกดี มีความรู้
บันทึกการเข้า

กลับมาแล้ว

Jigging man
[/center]
จิ๊กโก๋..โรแมนติก <RZ>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,635


เข้าป่าพอไหว..ขับไวเค้ากัววว


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #49 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 15:40:48 »

มันส์มาก....

ความรู้ท่วมหัว
บันทึกการเข้า

หันมาเล่นออฟโรดดีกว่า

ไม่ได้เหลือ..แค่เบื่ออะไรเดิมๆ
yuirider
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,860


{เลิกคบ jic เพราะมีกิ๊กเป็น tein}


ดูรายละเอียด
« ตอบ #50 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 15:43:18 »

โอย....ไปหาคำว่า วันสิ้นโลก ใน Google อ่านซะไ ม่ทำการทำงานเลยครับ

มีอะไรแปลก ๆ เยอะดี

เรื่องที่คุยกับบังนะก็มี สุดยอด....
มีหนังเร่องใหม่จะเข้าอะครับ 2012 อะไรนี่ล่ะ...สมจริงมั่กมั่ก...
บันทึกการเข้า

Tatum + Apple
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,899


ปิดตำนาน น้องส้มแห่งโซนศรีฯ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #51 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 15:51:30 »

น้ำหนักวิญญาณ

เชื่อหรือไม่ ว่าวิญญาณของพวกเราก็มีน้ำหนักด้วยเหมือนกันนักวิทยาศาสตร์ทดลองชั่งน้ำหนักของวิญญาณโดยชั่งน้ำหนักของคนในขณะที่มีชีวิตอยู่เปรียบเทียบกับน้ำหนักหลังจากเสียชีวิตทันทีพบว่าน้ำหนักหายไป 21 กรัม จึงสรุปว่าดวงวิญญาณของพวกเรามีน้ำหนัก 21 กรัมด้วย

สารฆ่าความเจ็บปวด

เคยสังเกตไหมว่าทำไมบางครั้งนักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บในระหว่างการแข่งขันยังสามารถลงแข่งขันได้จนจบหรือทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสนามรบยังคงทนต่อสู้ข้าศึกอยู่ได้พวกเขาไม่เจ็บกันหรือนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าเมื่อมนุษย์เผชิญสถานการณ์ที่ตึงเครียดสมองจะปล่อยสารออกมายับยั้งความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ทำให้มนุษย์ต่อสู้กับความเจ็บปวดได้

ไม่มีน้ำตา

รู้หรือปล่าวว่าตอนที่เราอายุ 4-5 เดือน เราร้องไห้ไม่มีน้ำตากันหรอก แม้จะร้องเสียงดังแค่ไหนก็ตามที่เป็นเช่นนี้เพราะต่อมน้ำตาของคนเราจะพัฒนาขึ้นหลังจากเกิดมาแล้ว 4 -5 เดือนตอนนี้พวกเราคงจะร้องไห้มีน้ำตากันทุกคนแล้วนะ

หิวเพราะกลิ่น

พอกลิ่นหอมของอาหารลอยมาพวกเราคงเคยรู้สึกหิวตามกลิ่นนั้นไปด้วยใช่ไหมล่ะก็กลิ่นอาหารเข้าไปกระตุ้นระบบการย่อยอาหารของเราน่ะสิคะทำให้น้ำย่อยในปากและท้องทำงานเราจึงรู้สึกหิวทั้งๆที่บางครั้งเราไม่ต้องการกินอีกแล้ว

กระเพาะแข็งแกร่ง

ในกระเพาะอาหารของเรามีน้ำย่อยที่มีฤทธิ์เป็นกรดสูงมาก จนสามารถละลายสังกะสีได้แต่กรดเหล่านี้ไม่สามารถละลายผนังกระเพาะของเราได้เนื่องจากทุกนาทีเซลล์ผนังกระเพาะเก่า 5000 เซลล์จะถูกเซลล์ใหม่แทนที่และเปลี่ยนเป็นเซลล์ใหม่ทั้งหมดทุกๆ 3 วัน

ท้องร้องจ๊อกๆ

เราเคยได้ยินเสียงท้องร้องเมื่อรู้สึกหิวบ้างไหมสาเหตุที่ท้องร้องก็เพราะสมองซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมความรู้สึกหิวของเราจะคอยจัดลำดับการทำงานของกระเพาะอาหารและลำไส้ ถ้าในเลือดมีสารอาหารพอเพียงสมองก็จะสั่งให้ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลงแต่เมื่อใดที่มีสารอาหารในเลือดน้อยระบบย่อยอาหารจะทำงานเร็วขึ้นเราจึงได้ยินเสียงท้องร้อง




อาวไปอ่านเล่นๆ แค่นี้ก่อนนะ..
บันทึกการเข้า

landslots รัก ในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,048


- ก็ได้แค่นั้นแหละ -


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #52 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 15:58:56 »

สายตาจะสั้นลงกว่าเดิมแน่นอนถ้ายังเป็นตาแก่ขี้สงสัย

555+++
บันทึกการเข้า

กลับมาแล้ว

Jigging man
[/center]
Tatum + Apple
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,899


ปิดตำนาน น้องส้มแห่งโซนศรีฯ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #53 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 16:05:34 »

สายตาจะสั้นลงกว่าเดิมแน่นอนถ้ายังเป็นตาแก่ขี้สงสัย

555+++

ทำไมน้าอิศ ไปว่าน้าแมวแกอย่างนั้นหล่ะ  กร๊ากกกกกกกๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

landslots รัก ในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,048


- ก็ได้แค่นั้นแหละ -


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #54 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 16:09:07 »

ยิ่งกว่าอ่านหนังสือสอบอีกครับ น้าตั๊ม
บันทึกการเข้า

กลับมาแล้ว

Jigging man
[/center]
DRAFF_MAN
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #55 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 16:20:18 »

มันส์มาก....

ความรู้ท่วมหัว

เอาตัวไม่รอดอะป่าววว อิอิ
บันทึกการเข้า
Tatum + Apple
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,899


ปิดตำนาน น้องส้มแห่งโซนศรีฯ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #56 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 16:23:28 »

อาวไปอ่านอีกนะ..

ตกใจจนหน้าซีด

เมื่อเราตกใจหน้าจะซีดเนื่องจากเลือดบริเวณแก้มจะไหลย้อนกลับอย่างรวดเร็วเพื่อทำหน้าที่ฉุกเฉินคือให้สารอาหารและออกซิเจนแก่กล้ามเนื้อส่วนอื่นเนื่องจากร่างกายไม่ได้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องเผชิญความตกใจเมื่อเลือดจากแก้มไหลออกไป หน้าเราจึงซีด

เขินอาย

เมื่อเรารู้สึกเชินอายหน้าเราก็จะแดง โดยเฉพาะบริเวณแก้มและลำคอเพราะขณะที่เราเขินอาย เซลล์ประสาทจะถูกกระตุ้นให้ปล่อยสารเคมีที่พลังงานสูงชื่อว่าเปปไตด์ (peptide) ออกมา ทำให้เส้นเลือดที่แก้มและลำคอขยายตัวหน้าของเราจึงแดงมากกว่าปกติ

มาจากดวงดาว

ร่างกายของเราประกอบด้วยอะตอมจำนวนมาก อะตอมเหล่านี้มาจากไหนนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มเชื่อว่าอะตอมเกิดมาจากดวงดาวที่ดับแล้วเมื่อ 5000 ล้านปีก่อนที่จะมีพระอาทิตย์เกิดขึ้นและดวงดวงนี้เคยมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ก่อนเมื่อโลกเกิดขึ้นเซลล์ของสิ่งมีชีวิตนี้ก็ได้พัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นคน

สารพัดสาร

เชื่อหรือไม่ว่าในร่างกายของเรามีสารอยู่มากมาย เช่นมีฟอสฟอรัสในปริมาณที่มากพอจะทำหัวไม้ขีดไฟ 2,000 ก้าน มีไขมันพอที่จะทำสบู่ได้ 7 ก้อน มีเหล็กมากพอที่จะทำตะปูได้ 1 ตัวมีปูนขาวที่สามารถละลายน้ำแล้วนำไปทาห้องเล็ก ๆ ได้ 1 ห้อง มีซัลเฟอร์ 1 ช้อนชาและโลหะอีกประมาณ 30 กรัม

นอนแล้วสูง

การนอนช่วยให้เราสูงขึ้นได้เพราะเมื่อเรายืนหรือนั่ง แผ่นกระดูกอ่อนที่กระดูกสันหลังจะถูกแรงดึงดูดของโลกกดลงการนอนช่วยให้แรงกดนี้หายไป แผ่นกระดูกอ่อนที่ถูกกดก็จะพองตัวทำให้เราสูงขึ้นได้อีก 8 มิลลิเมตรแต่เมื่อตื่นมาเราก็จะสูงเท่าเดิม

พลังกาย

ร่างกายของคนเราแข็งแกร่งมากกว่าที่เราคิดเสียอีกโดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการยกน้ำหนัก เช่น ถ้าเรานอนหลับโดยห่มผ้าหนัก 2.5 กิโลกรัม หายใจโดยเฉลี่ย 16 ครั้งต่อนาที และนอนนานประมาณ 8 ชั่วโมงทรวงอกของเราสามารถยกน้ำหนักได้ถึง 20 ตัน

ฉันทำไม่ได้

สิ่งที่ร่างกายของคนเราไม่สามารถทำได้ คือหายใจและกลืนอาหารไปพร้อม ๆ กันเพราะกระบวนการกลืนจะไปรบกวนกระบวนการหายใจด้วยการปิดกั้นอากาศไม่ให้ผ่านเข้าไปขณะที่อาหารเคลื่อนจากปากไปยังคอหอยและผ่านไปที่กระเพาะอาหาร

มนุษย์พลังงาน

เชื่อหรือไม่ว่าร่างกายของคนผลิตกระแสไฟฟ้าได้คนแต่ละคนจะมีพลังงานเทียบเท่ากับการเปิดหลอดไฟฟ้าขนาด 120 วัตต์เพราะคนที่กินอาหารเข้าไปปริมาณ 2,500 แคลอรีในแต่ละวันจะให้พลังงานความร้อน 104 แคลอรีต่อชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากระแสไฟฟ้าที่มีพลังงาน 120 วัตต์

กระพริบตา

ตลอดชีวิตของคนเรานั้นเราต้องกระพริบตาถึง 250 ล้านครั้งทีเดียว เพราะเราจะต้องกระพริบตาทุก ๆ 6 วินาทีทำให้กล้ามเนื้อตาเคลื่อนไหวประมาณ 10,000 ครั้งต่อวันถ้าเปรียบกับการทำงานของกล้ามเนื้อขาแล้ว จะเท่ากับวิ่งระยะทาง 80 กิโลเมตรต่อวัน

สมองบริโภค

เชื่อหรือไม่ว่าตอนแรกเกิดสมองของเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักตัวเท่านั้น แต่เมื่ออายุได้ประมาณ 15 ปี สมองจะหนักถึง 1.4 กิโลกรัมและจะมีขนาดคงที่ สมองเติบโตได้เพราะใช้พลังงานจากอากาศที่เราหายใจเข้าไป 20% และใช้เลือดหล่อเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมดในร่างกาย

กระบวนการคิด

นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่า อิริยาบถต่าง ๆมีผลต่อการคิดและการตัดสินใจของมนุษย์ การนอนคิดจะทำให้ความคิดกว้างไกลการยืนทำให้ความคิดแคบลงสามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นส่วนการนั่งเป็นอิริยาบถที่เหมาะกับการตัดสินใจที่ไม่รีบร้อนเท่าใดนัก

ผมงอก
โดยปกติ ใน 1 สัปดาห์ผมจะงอกออกมา 2 มิลลิเมตรใน 1 วัน จะมีช่วงที่ผมงอกได้ดี 2 ช่วง คือ ระหว่างเวลา 10.00 11.00 น.และ 16.00 18.00 น. แต่ไม่ต้องเอากระจกไปส่องดูการงอกของเส้นผมหรอกนะเพราะมันแทบจะมองไม่เห็นเลย

 



บันทึกการเข้า

DRAFF_MAN
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #57 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 16:25:33 »

อ้างถึง
ผมงอก
โดย ปกติ ใน 1 สัปดาห์ผมจะงอกออกมา 2 มิลลิเมตรใน 1 วัน จะมีช่วงที่ผมงอกได้ดี 2 ช่วง คือ ระหว่างเวลา 10.00 11.00 น.และ 16.00 18.00 น. แต่ไม่ต้องเอากระจกไปส่องดูการงอกของเส้นผมหรอกนะเพราะมันแทบจะมองไม่เห็น เลย

แสดงว่าตาอิศไม่ปกติอะดิ ยังงี้แหละ ทำตอนกลางวันบ่อย ออิอิ
บันทึกการเข้า
จิ๊กโก๋..โรแมนติก <RZ>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,635


เข้าป่าพอไหว..ขับไวเค้ากัววว


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #58 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 16:32:26 »

อ้างถึง
ผมงอก
โดย ปกติ ใน 1 สัปดาห์ผมจะงอกออกมา 2 มิลลิเมตรใน 1 วัน จะมีช่วงที่ผมงอกได้ดี 2 ช่วง คือ ระหว่างเวลา 10.00 11.00 น.และ 16.00 18.00 น. แต่ไม่ต้องเอากระจกไปส่องดูการงอกของเส้นผมหรอกนะเพราะมันแทบจะมองไม่เห็น เลย

แสดงว่าตาอิศไม่ปกติอะดิ ยังงี้แหละ ทำตอนกลางวันบ่อย ออิอิ

ผมงอก..มะช่ายผมหงอกนะ
บันทึกการเข้า

หันมาเล่นออฟโรดดีกว่า

ไม่ได้เหลือ..แค่เบื่ออะไรเดิมๆ
landslots รัก ในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,048


- ก็ได้แค่นั้นแหละ -


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #59 เมื่อ: 21 ตุลาคม 2552 16:35:30 »

อ้างถึง
ผมงอก
โดย ปกติ ใน 1 สัปดาห์ผมจะงอกออกมา 2 มิลลิเมตรใน 1 วัน จะมีช่วงที่ผมงอกได้ดี 2 ช่วง คือ ระหว่างเวลา 10.00 11.00 น.และ 16.00 18.00 น. แต่ไม่ต้องเอากระจกไปส่องดูการงอกของเส้นผมหรอกนะเพราะมันแทบจะมองไม่เห็น เลย

แสดงว่าตาอิศไม่ปกติอะดิ ยังงี้แหละ ทำตอนกลางวันบ่อย ออิอิ

ผมงอก..มะช่ายผมหงอกนะ

ตามันลายอ่ะตาแมว  ไม่ค่อยได้ทำก็เงี้ยยย...555+++
บันทึกการเข้า

กลับมาแล้ว

Jigging man
[/center]
หน้า:  «  1 2 [3] 4 5 ... 8  »  [5»]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!