AE. Racing Club
22 กรกฎาคม 2568 02:16:26 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า:  «  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: >> ขณะที่ใช้แก๊ส จะรู้ได้ยังไงว่า "มีน้ำมันเบนซินปนเข้าไปด้วย" ครับ. ???  (อ่าน 7861 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
moter11
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,026



ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 26 กรกฎาคม 2554 16:27:28 »

 
บันทึกการเข้า
.....ช.......อ้น...........
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,492


คนล้มอย่าข้าม ชีวิตคนเรามันไม่บ่ายโมงนะครับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 28 กรกฎาคม 2554 14:31:31 »

หลังจากที่อ่านมาหลายกระทู้เกี่ยวกับการตัด หรือไม่ตัด ปั้มติ๊ก ดี บ้างก็ว่ามีผลเสียอย่างโน้นอย่างนี้ ว่ากันไปต่างๆนาๆ บ้างก็จะเอารายได้กับการตัดปั้ม กันเลย ลองมาอ่านบทความนี้ดูนะครับ เผื่อจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจครับ
ข้อมูลจะเป็นของ TOYOTA ครับแต่หลักการหัวฉีด คงไม่ต่างกันมาก

1 เริ่มจากปั้มติ๊กครับ
ส่วนใหญ่ จะเป็นปั้มแบบ Turbine pump ชึ่งจะจุ่มอยู่ในถังน้ำมัน ที่ท่อทางออกจะมี วาวล์กันกลับ ครับ และก่อน วาวล์กันกลับจะมี ลิ้นระบายความดัน ชึ่งจะรักษาแรงดันอยู่ที่ประมาณ 2.5 บาร์ (Toyota 4A FE)



2 ตัวควบคุมความดัน (Pressure Regulator)
ตัวควบคุมความดัน เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมค่าความแตกต่างระหว่าง ความดันน้ำมันในกระบบ กับค่าความดันของอากาศในท่อร่วมไอดีให้คงที่ตลอดเวลาจากการที่ความดันของ อากาศในที่ร่วมไอดีมีการเปลี่ยนไปตามความเร็วรอบ และภาระของเครื่องยนต์ดังนั้นถ้าหากความดันของน้ำมันถูกควบคุมไห้คงที่เพียง ค่าเดียวจะทำให้ค่าความแตกต่างระหว่างความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศในท่อร่วมไอดีมีค่าไม่คงที่แน่นอนซึ่งเป็นเหตุให้น้ำมัน เชื้อเพลิงฉีดเข้าไปผสมกับอากาศในท่อไกดีมีปริมาณไม่เที่ยงตรง ตามระยะเวลาในการฉีดที่กำหนดโดยECU




กราฟแสดงความสัมพันธ์ของความดันน้ำมันเชื้อเพลิง กับความดันอากาศ ในท่อไอดี ซึ่งจะรักษา ความดัน น้ำมันให้มีค่าความแตกต่างเท่ากันตลอดเวลา( Differential pressure)
ถ้าไม่เหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะต่ำ(เป็นสูญญากาศมาก) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง ถ้าเหยียบคันเร่ง ความดันในท่อไอดีจะสูง(เป็นสูญญากาศน้อย) ความดันน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้สูงขึ้น


สรุปคือ
ความดันในท่อน้ำมันจะถูกรักษาให้มีความดันสูงๆ ต่ำๆ ตามความดันในท่อไอดี ซึ่งก็คือการเหยียบคันเร่งนั่นเอง ถ้ารถวิ่งเร็วๆ ความดันน้ำมันก็จะสูง (ซึ่งจะไม่เกิน 2.55 bar) ถ้ารถวิ่งช้า หรือเครื่องเดินเบา ความดันของน้ำมันก็จะถูกควบคุมให้ต่ำลง (น้อยกว่า 2 bar) ดังนั้น ขณะที่รถวิ่งด้วย GAS ถ้าไม่ตัดปั้มติ๊ก ตัวควบคุมความดัน(Pressure regulator) ก็จะยังทำงานอยู่เหมือนเดิม เพราะ เรายังเหยีบคันเร่งเหมือนเดิม และความดันในท่อไอดีก็ยังมีเหมือนเดิม น้ำมันจากปั้มถูกปั้มมา และจะถูกควบคุมให้สูงๆต่ำๆ เหมือนขณะที่ใช้น้ำมันทุกประการ ไม่ได้อยู่ที่ความดันสูงตลอดเวลาอย่างที่คิด น้ำมันก็จะไหลหมุนเวียนผ่าน ปั้มติ๊ก, ท่อ, รางหัวฉีดน้ำมัน และกลับถัง ถ้าตัดปั้มติ๊ก ปั้มจะหยุดทำงานแต่น้ำมันจะถูกกักไว้ด้วย วาวล์กันกลับที่ตัวปั้ม แต่ ตัวควบคุมความดันก็ยังทำหน้าที่ มันเหมือนเดิม คือเปิดให้น้ำมันไหลกลับถัง  ถ้าความดันในท่อไอดีเปลี่ยนไป ทำให้ความดันในรางหัวฉีดน้ำมันต่ำลง(เรื่อยๆ)เพราะปั้มถูกตัดไปแล้ว ถ้าวิ่งระยะทางไกลๆทำให้ความร้อนในห้องเครื่องสูงขึ้น รางหัวฉีดน้ำมัน ท่อน้ำมันในห้องเครื่อง(บางส่วน) มีความร้อนสูงขึ้น น้ำมันบางส่วนที่ค้างอยู่ในท่อ ก็จะถูกต้มให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น  เพราะน้ำมันหยุดไหลจากความดันที่ลดต่ำลง แต่จะไม่ทำให้ความดันสูงขึ้นได้ เพราะ ตัว ควบคุมความดันยังทำงานอยู่แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือความร้อนที่สะสมอยู่ กับรางหัวฉีด และท่อน้ำมันบางส่วน ซึ่งจะมีน้ำมันร้อนๆ ที่ค้างอยู่ข้างในนั่นเอง ซึ่งคงจะไม่ทำให้ท่ออ่อนแตกหรือแห้งกรอบได้ ดังนั้นไม่ว่าท่านใดจะตัดหรือไม่ตัดปั้มติ๊กก็ตาม คงไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเพลิงไหม้ได้ แต่ ถ้า ท่อน้ำมัน,สายอ่อนน้ำมันที่เสื่อมตามสภาพและอายุการใช้งาน และขาดการบำรุงรักษาที่ดี ขาการตรวจเช็ค(ด้วยตัวท่านเอง)อย่างสม่ำเสมอ นั่นแหละท่านกำลังทำให้เกิดความเสี่ยงแล้ว ท่านที่ตัดปั้มไปแล้วอย่างน้อยท่านก็ช่วยยืดอายุของปั้ม แต่อย่าตัดขาดครับ ต้องใช้งานบ้างครับ ถ้าไม่ใช้งานเลยก็เสียครับ ท่านที่ยังไม่ได้ตัดปั้ม อย่างน้อยท่านก็ยังไม่เสียเงินค่าแรงในการตัด ข้อมูลทั้งหมดนี้หวังว่าคงเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ ส่วนตัวผมเองไม่ตัดครับ ให้มันทำงานของมันไป ไม่กลัวปั้มจะพังเร็ว เพราะเชื่อการ design ว่าทำมาให้มั่นใจแล้วแต่ผมกลัวสิ่งที่คาดเดาได้ยากจากสิ่งที่นอกหนือการ design อย่างน้อยขณะที่เราเปลี่ยนจาก แก๊สเป็นน้ำมัน จะได้ smooth ครับ


ข้อมูล จากหนังสือ เครื่องยนต์หัวฉีด EFI โดย ....นพดล เวชวิฐาน

การตัดปั้มติ๊กนั้นที่ช่างส่วนใหญ่ไม่ได้ตัดกันก็เพราะว่าจะมีอาการกระตุกและสตาร์ทติดยากตามมาครับ เพราะว่าระบบecuของแก๊สไม่ได้ออกแบบมาครับถ้าเราไม่ตัดปั้มติ๊กการเปลี่ยนเชื้อเพลิงระหว่างแก๊สกับน้ำมันจะราบรื่นไม่กระตุกส่วนข้อเสียมันก็มีครับถ้าขณะขับขี่ในโหมดแก๊สแล้วปั้มติ๊กยังทำงานอยู่ถึงแม้ว่าจจะมีระบบระบายแรงดันและควบคุมแรงดันเกินถ้าเกิดสายน้ำมันแตกขึ้นมาในห้องเครื่องยนต์แล้วฟุ้งกระจายถ้าไม่มีประกายไฟก็ไม่เป็นไรครับแต่ถ้าเกิดมีประกายไฟมันก็ยุ่ง ถ้าเราใช้โหมดน้ำมันเมื่อท่อแตกเราก็จะรู้ครับเครื่องจะสั่นและดับเองหลังจากเครื่องยนต์ดับecuเครื่องยนต์ก็จะตัดการทำงานของปั้มติ๊ก แต่ถ้าเราอยู่ในโหมดแก๊สเครื่องมันไม่ดับนะครับท่อน้ำมันแตกเราก็ไม่รู้เรื่องครับนอกจากจะได้กลิ่นของน้ำมันเข้ามาห้องโดยสารครับ



ถ้าไม่ตัด ก็อย่าให้น้ำมันในถังเหลืออยูุ่น้อนจนเกินไปนานๆนะครับ เพราะคิดว่าปั้มติ๊กจะร้อน เพราะขณะที่มันดูดน้ำมันเข้าไป แต่น้ำมันที่มีอยู่น้อยอาจทำให้ไม่มีน้ำมันช่วยหล่อลื่นปั้มติ๊ก ทำให้ปั้มพังไวขึ้น คิดว่าพอไฟเตือนน้ำมันโชว์ก็ควรรีบเติมโดยเร็ว จะดี
ถ้าไม่ตัด น้ำมันก็อาจจะหายหรือรั่วที่หัวฉีด เข้าไปในเครื่องยนต์ได้

เครดิตเพิ่มเติม จากเวบไหนซักที่จำไม่ได้ ขออภัยด้วยครับ
บันทึกการเข้า
thirachot
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 292



ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 02 สิงหาคม 2554 10:08:19 »

จากที่ลองลงมือทำเองที่รถผมนะ.
       ขณะใช้แก๊ส ต้องตัดการทำงานของระบบน้ำมัน 2 ที่  คือ  ที่ปั๊มติ๊กน้ำมัน  และที่ หัวฉีด
1. ปั๊มติกน้ำมัน    ใช้รีเลย์ตัดการกทำงานของน้ำมันที่สายไฟ(สีแดง/ดำ) ที่จะไปปั๊มติ๊กน้ำมัน  ที่ออกจากกล่องฟิวส์ข้างเท้าคนขับ(AE101)  ไฟจากจุดนี้ยังสามารนำไปจ่ายให้ชุดควบคุม AUTO ของแก๊สได้ ข้อดีคือถ้าเครื่องไม่ติด  ติ๊กแก๊สจะไม่ทำงาน (เผื่อหลงเปิดสวิตช์กุญแจไปที่ ON ค้างไว้ แล้วแก๊สทำงาน)
   ข้อสังเกตุว่าปั๊มติ๊กไม่ทำงาน  ก็ต้องถอดสายน้ำมันดู (ตามที่เค้าว่ามาแล้ว)
2. ตัดการทำงานของหัวฉีด  ใช้รีเลย์ตัดที่สายไฟ(-) ก่อนเข้ากล่อง ECU รู้สึกว่าจะมี 2 เส้น  (ใครยังไปตัดที่สายไฟก่อนเข้าหัวฉีด เชยตายเลย)
    ข้อสังเกตุว่าหัวฉีดทำงานหรือไม่   คือเวลาใช้น้ำมัน จะได้ยินเสียงหัวฉีดทำงาน ดังติ๊ก ๆ ๆ ๆ ๆ (รถผมมันดังมากเป็นพิเศษเลยสังเกตุง่ายหน่อย) ถ้าตัดไปใช้แก๊สแล้วเสียงนี้จะหายไป
 
   ***ใครไม่ตัดการทำงานของหัวฉีด ก็ระวังหัวฉีดพังนะครับ  คิดดูละกันว่าหัวฉีดทำงานแต่ไม่มีน้ำมันมาจ่าย ผลจะเป็นไง

เป็นวิธีที่ดีมากๆเลยครับ ตัดติ๊กแก๊สด้วย  เพราะถ้าเปิดสวิตกุญแจไปที่ ON แล้วแก๊สจะทำงานทันที่ตั้งแต่เครื่องยังไม่ติด
บางที่เปืดเพลงฟันแล้วเลยไปตำแหน่ง ON ทำให้เปลืองแก๊สและเป็นอันตรายด้วย
บันทึกการเข้า

หน้า:  «  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!