AE. Racing Club
08 ธันวาคม 2568 20:50:12 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และการให้อาหารสายยาง  (อ่าน 3 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
siritidaporn
มือใหม่หัดขับ
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 39


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: วันนี้ เวลา 14:40:34 »

การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และการให้อาหารสายยาง

การดูแลผู้ป่วยติดเตียงและการให้อาหารทางสายยางเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ ความใส่ใจ และความอดทนค่ะ การปฏิบัติที่ถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

เนื่องจากคุณได้ถามถึงทั้ง การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และ การให้อาหารทางสายยาง ดิฉันได้รวบรวมแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมมาให้เป็นสองส่วนหลักดังนี้ค่ะ


1. 🛌 การดูแลผู้ป่วยติดเตียง (Bedridden Patient Care)

การดูแลที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันแผลกดทับ (Bedsores/Pressure Ulcers) และการดูแลสุขอนามัย

1.1 การป้องกันแผลกดทับ (Pressure Sore Prevention)
แผลกดทับเกิดจากการที่ผิวหนังถูกกดทับเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นไม่สะดวก การป้องกันทำได้โดย:

พลิกตะแคงตัว (Repositioning): พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย ทุก 2 ชั่วโมง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกระจายแรงกดทับ

ใช้เครื่องมือช่วย: ใช้ เบาะลม (Air Mattress) หรือ ที่นอนน้ำ และหมอนนุ่ม ๆ หรือห่วงยางรองบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ เช่น ส้นเท้า, ก้นกบ, ปุ่มกระดูกต่าง ๆ

ดูแลผิวหนัง:

รักษาผิวหนังให้ แห้งและสะอาด เสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่เปียกชื้นจากปัสสาวะหรืออุจจาระ

ใช้โลชั่นทาบริเวณผิวหนังที่แห้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ ห้าม นวดบริเวณที่มีกระดูกยื่น เช่น ก้นกบ เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อข้างใต้เสียหายได้


1.2 การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล (Hygiene Care)
ทำความสะอาดร่างกาย: เช็ดตัว หรืออาบน้ำให้ผู้ป่วยอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง โดยเน้นบริเวณข้อพับและซอกต่าง ๆ

ดูแลช่องปาก: แปรงฟันหรือเช็ดทำความสะอาดช่องปากและลิ้น เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและฟันผุ

การขับถ่าย: ดูแลเรื่องการขับถ่ายให้เป็นปกติ ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ให้ทำความสะอาดทันทีที่เปรอะเปื้อนและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อยครั้ง


1.3 การทำกายภาพบำบัดเบื้องต้น (Passive Exercise)
ขยับข้อต่อ: ช่วยขยับแขนขาและข้อต่อของผู้ป่วยให้เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันข้อยึดติด (Contracture) ควรทำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อวัน


2. 🍲 การให้อาหารทางสายยาง (Tube Feeding)

การให้อาหารทางสายยางต้องทำด้วยความสะอาดและระมัดระวังสูงสุด เพื่อป้องกันการสำลักและอาหารเป็นพิษ

2.1 การเตรียมตัวและจัดท่า (Preparation and Positioning)
ล้างมือ: ล้างมือให้สะอาดก่อนจับอุปกรณ์และอาหาร

เตรียมอาหาร:

ตรวจสอบ วันหมดอายุ และ อุณหภูมิของอาหาร อาหารควรเป็นอุณหภูมิห้อง ไม่ควรเย็นหรือร้อนจัด

จัดท่าผู้ป่วย: จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า ศีรษะสูง 30–45 องศา เสมอ และต้องคงท่านั้นไว้ อย่างน้อย 30–60 นาที หลังให้อาหารเสร็จ


2.2 ขั้นตอนสำคัญก่อนให้อาหาร (Safety Checks)

ตรวจสอบตำแหน่งสาย: ตรวจสอบรอยขีดที่สายยางว่าอยู่ตำแหน่งเดิมหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าสายไม่ได้เลื่อนหลุดออกมา

วัดปริมาณอาหารค้าง (Residual Volume):

ใช้กระบอกฉีดยา ดูดของเหลวในกระเพาะอาหารออกมา ก่อนเริ่มให้อาหาร

หากปริมาณของเหลวค้างอยู่ในเกณฑ์ปกติ: ให้ใส่ของเหลวนั้นกลับเข้าไป แล้วให้อาหารต่อ

หากปริมาณค้างเกินกำหนด (ตามคำสั่งแพทย์): ห้ามให้อาหารมื้อนั้น แล้วปรึกษาพยาบาลหรือแพทย์ทันที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ


2.3 ขั้นตอนการให้อาหาร (Feeding Technique)

ล้างสายก่อน: ใช้น้ำสะอาด 10-20 มล. หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ฉีดเข้าไปในสายยางเพื่อล้างสิ่งตกค้างและตรวจสอบว่าสายไม่ตัน

ให้อาหาร:

เทอาหารใส่กระบอกให้อาหาร และปล่อยให้ อาหารไหลลงไปช้า ๆ ตามแรงโน้มถ่วง โดยยกกระบอกให้อาหารสูงประมาณ 1 ฟุตเหนือศีรษะผู้ป่วย

อย่าใช้ลูกสูบดันอาหาร เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวเร็วเกินไป (เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย)

ควรใช้เวลาให้อาหาร 1 มื้อ 15–20 นาที

ล้างสายหลังให้เสร็จ: เมื่ออาหารใกล้หมด ให้เท น้ำสะอาดตามลงไปทันที (ประมาณ 30–50 มล.) เพื่อล้างทำความสะอาดสายยาง ป้องกันการอุดตัน


2.4 การดูแลสายยาง (Tube Care)

ทำความสะอาด: ทำความสะอาดบริเวณที่สายยางสัมผัสกับผิวหนัง (เช่น รูจมูก/รอบรูเจาะ) ทุกวัน เพื่อป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อ

เปลี่ยนสาย: หากเป็นสายยางทางจมูก (NG Tube) ต้องเปลี่ยนสายตามกำหนดที่ทันตแพทย์หรือพยาบาลแนะนำ (ส่วนใหญ่มักเป็นทุก 2-4 สัปดาห์)

ข้อควรจำ: ต้องมีการสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดขณะให้อาหาร หากผู้ป่วยไอ, หายใจมีเสียงดัง, หรือมีอาการผิดปกติใด ๆ ให้หยุดให้อาหารและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทันทีค่ะ

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!