การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และการให้อาหารสายยาง การดูแลผู้ป่วยติดเตียงและการให้อาหารทางสายยางเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ ความใส่ใจ และความอดทนค่ะ การปฏิบัติที่ถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
เนื่องจากคุณได้ถามถึงทั้ง การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และ การให้อาหารทางสายยาง ดิฉันได้รวบรวมแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมมาให้เป็นสองส่วนหลักดังนี้ค่ะ
1. 🛌 การดูแลผู้ป่วยติดเตียง (Bedridden Patient Care)
การดูแลที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันแผลกดทับ (Bedsores/Pressure Ulcers) และการดูแลสุขอนามัย
1.1 การป้องกันแผลกดทับ (Pressure Sore Prevention)
แผลกดทับเกิดจากการที่ผิวหนังถูกกดทับเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นไม่สะดวก การป้องกันทำได้โดย:
พลิกตะแคงตัว (Repositioning): พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย ทุก 2 ชั่วโมง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกระจายแรงกดทับ
ใช้เครื่องมือช่วย: ใช้ เบาะลม (Air Mattress) หรือ ที่นอนน้ำ และหมอนนุ่ม ๆ หรือห่วงยางรองบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ เช่น ส้นเท้า, ก้นกบ, ปุ่มกระดูกต่าง ๆ
ดูแลผิวหนัง:
รักษาผิวหนังให้ แห้งและสะอาด เสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่เปียกชื้นจากปัสสาวะหรืออุจจาระ
ใช้โลชั่นทาบริเวณผิวหนังที่แห้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ ห้าม นวดบริเวณที่มีกระดูกยื่น เช่น ก้นกบ เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อข้างใต้เสียหายได้
1.2 การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล (Hygiene Care)
ทำความสะอาดร่างกาย: เช็ดตัว หรืออาบน้ำให้ผู้ป่วยอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง โดยเน้นบริเวณข้อพับและซอกต่าง ๆ
ดูแลช่องปาก: แปรงฟันหรือเช็ดทำความสะอาดช่องปากและลิ้น เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและฟันผุ
การขับถ่าย: ดูแลเรื่องการขับถ่ายให้เป็นปกติ ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ให้ทำความสะอาดทันทีที่เปรอะเปื้อนและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อยครั้ง
1.3 การทำกายภาพบำบัดเบื้องต้น (Passive Exercise)
ขยับข้อต่อ: ช่วยขยับแขนขาและข้อต่อของผู้ป่วยให้เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันข้อยึดติด (Contracture) ควรทำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อวัน
2. 🍲 การให้อาหารทางสายยาง (Tube Feeding)
การให้อาหารทางสายยางต้องทำด้วยความสะอาดและระมัดระวังสูงสุด เพื่อป้องกันการสำลักและอาหารเป็นพิษ
2.1 การเตรียมตัวและจัดท่า (Preparation and Positioning)
ล้างมือ: ล้างมือให้สะอาดก่อนจับอุปกรณ์และอาหาร
เตรียมอาหาร:
ตรวจสอบ วันหมดอายุ และ อุณหภูมิของอาหาร อาหารควรเป็นอุณหภูมิห้อง ไม่ควรเย็นหรือร้อนจัด
จัดท่าผู้ป่วย: จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า ศีรษะสูง 3045 องศา เสมอ และต้องคงท่านั้นไว้ อย่างน้อย 3060 นาที หลังให้อาหารเสร็จ
2.2 ขั้นตอนสำคัญก่อนให้อาหาร (Safety Checks)
ตรวจสอบตำแหน่งสาย: ตรวจสอบรอยขีดที่สายยางว่าอยู่ตำแหน่งเดิมหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าสายไม่ได้เลื่อนหลุดออกมา
วัดปริมาณอาหารค้าง (Residual Volume):
ใช้กระบอกฉีดยา ดูดของเหลวในกระเพาะอาหารออกมา ก่อนเริ่มให้อาหาร
หากปริมาณของเหลวค้างอยู่ในเกณฑ์ปกติ: ให้ใส่ของเหลวนั้นกลับเข้าไป แล้วให้อาหารต่อ
หากปริมาณค้างเกินกำหนด (ตามคำสั่งแพทย์): ห้ามให้อาหารมื้อนั้น แล้วปรึกษาพยาบาลหรือแพทย์ทันที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ
2.3 ขั้นตอนการให้อาหาร (Feeding Technique)
ล้างสายก่อน: ใช้น้ำสะอาด 10-20 มล. หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ฉีดเข้าไปในสายยางเพื่อล้างสิ่งตกค้างและตรวจสอบว่าสายไม่ตัน
ให้อาหาร:
เทอาหารใส่กระบอกให้อาหาร และปล่อยให้ อาหารไหลลงไปช้า ๆ ตามแรงโน้มถ่วง โดยยกกระบอกให้อาหารสูงประมาณ 1 ฟุตเหนือศีรษะผู้ป่วย
อย่าใช้ลูกสูบดันอาหาร เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวเร็วเกินไป (เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย)
ควรใช้เวลาให้อาหาร 1 มื้อ 1520 นาที
ล้างสายหลังให้เสร็จ: เมื่ออาหารใกล้หมด ให้เท น้ำสะอาดตามลงไปทันที (ประมาณ 3050 มล.) เพื่อล้างทำความสะอาดสายยาง ป้องกันการอุดตัน
2.4 การดูแลสายยาง (Tube Care)
ทำความสะอาด: ทำความสะอาดบริเวณที่สายยางสัมผัสกับผิวหนัง (เช่น รูจมูก/รอบรูเจาะ) ทุกวัน เพื่อป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อ
เปลี่ยนสาย: หากเป็นสายยางทางจมูก (NG Tube) ต้องเปลี่ยนสายตามกำหนดที่ทันตแพทย์หรือพยาบาลแนะนำ (ส่วนใหญ่มักเป็นทุก 2-4 สัปดาห์)
ข้อควรจำ: ต้องมีการสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดขณะให้อาหาร หากผู้ป่วยไอ, หายใจมีเสียงดัง, หรือมีอาการผิดปกติใด ๆ ให้หยุดให้อาหารและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทันทีค่ะ