
พระมหากษัตริย์ของเรา
มีเรื่องที่จะเล่าให้ฟัง อยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์ เกิดที่ จังหวัดตาก เมื่อ พระเทพทรง เสด็จไปเยี่ยมราษฏรตามที่ต่างๆ และได้ทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนในตลาดสดและ ถาม ความ เป็นอยู่กับบรรดาแม่ค้าในตลาด แต่ก็ มาถึงแม่ค้าปลา ซึ่งพระองค์ทรงตรัสถามว่า 'ปลาพวกนี้ขายอย่างไงจ๊ะ'แม่ค้าตอบว่า 'ที่ สวรรคตแล้ว กิโลละ 40 บาทและที่เสด็จ ไป เสด็จมากิโลละ 80 บาทจ๊ะ' เหตุการณ์นี้
ทำให้ข้าราชบริพาร ที่ตามเสด็จหัวเราะกันทุกคน
***********************************************
เช้าวันหนึ่ง เวลาประมาณ 7 โมงเช้านางสนองพระโอษฐ์ของฟ้าหญิง องค์เล็ก ได้รับโทรศัพท์เป็นเสียง ผู้ชายขอพูดสายกับฟ้าหญิง ทางนางสนองพระโอษฐ์ ก็สอบถามว่าใครจะพูดสายด้วย ก็มี เสียงตอบกลับมา ว่า คนที่แบงค์นางสนองพระโอฐก็ งง...งง ว่าคนที่แบงค์ทำไมโทรมาแต่ เช้าแบงค์ก็ยังไม่เปิดนี่หว่า แต่พอฟ้าหญิงรับ โทรศัพท์แล้ว ถึงได้รู้ว่า คนที่แบงค์น่ะก็ที่แบงค์ จริงๆนะ ไม่เชื่อเปิดกระเป๋าตังค์ แล้วหยิบแบงค์มาดูสิ ...
ขนลุกเลย ทรงตรัสกับ ในหลวงท่านอยู่นั่นเอง
***********************************************
อีกครั้งหนึ่งที่ภาคอีสาน เมื่อเสด็จขึ้นไปทรงเยี่ยมบนบ้านของราษฎรผู้ หนึ่ง ที่คณะผู้ตามเสด็จทั้ง
หลายออกแปลกใจในการกราบบังคมทูลที่ คล่องแคล่วและใช้ราชาศัพท์ได้อย่างน่าฉงน
เมื่อ ในหลวงมีพระราชปฏิสันถารถึงการใช้ราชาศัพท์ได้ดีนี้ จึงมีคำกราบทูล ว่า 'ข้าพระพุทธเจ้าเป็นโต้โผลิเกเก่าบัดนี้มีอายุมากจึงเลิก รามาทำนาทำสวนพระพุทธเจ้า..' มาถึงตอนสำคัญที่ ทรงพบนกในกรงที่เลี้ยง ไว้ที่ชานเรือน ก็ทรงตรัสถามว่า เป็นนกอะไรและมีกี่ ตัว. . พ่อ ลิเกเก่ากราบบังคมทูลว่ามีทั้งหมดสามตัว พระมเหสีมันบินหนีไปทิ้งพระ โอรสไว้สองตัวตัวหนึ่ง ที่ยังเล็ก ตรัสอ้อแอ้อยู่เลยและทิ้ง ให้พระบิดาเลี้ยงดูแต่ผู้เดียว' เรื่องนี้ ดร.สุเมธเล่าว่าเป็น ที่ต้องสะกดกลั้นหัวเราะกันทั้งคณะไม่ยกเว้นแม้ในหลวง
***********************************************
เมื่อครั้งท่านพระชนม์มายุ 72 พรรษา มีการผลิตเหรียญที่ระลึกออกมาหลาย รุ่นเจ้า ของกิจการนาฬิกายี่ห้อหนึ่งได้ยื่นเรื่องขออนุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ของท่านมาประดับที่หน้าปัดนาฬิกาเป็นรุ่นพิเศษท่านทราบเรื่อง แล้วตรัสกับเจ้า หน้าที่ว่า 'ไปบอกเค้านะเราไม่ใช่มิกกี้เมาส์' เรื่องการใช้ราชาศัพท์ กับในหลวงดูจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ใครต่อใครเกร็งกันทั้งแผ่นดิน และไม่เว้นแม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ได้เข้าเฝ้าทูล ละออง ธุลีพระบาทถวายรายงานครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนมีข้า ราชการระดับ สูงผู้หนึ่งกราบบังคมทูลรายงานว่า 'ขอ เดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อมข้าพระพุทธเจ้าพลตรีภูมิพลอดุลยเดช ขอพระราช ทานพระบรมราชานุญาตกราบบังคมทูลรายงาน ฯลฯ' เมื่อสิ้นคำกราบบังคมทูล ชื่อในหลวงทรงแย้มพระสรวลอย่างมีพระอารมณ์ดีและไม่ถือสาว่า ' เออ ดี เรา ชื่อเดียวกัน...' ข่าวว่าวันนั้นผู้เข้าเฝ้าต้องซ่อนหัวเราะขำขันกันทั้งศาลาดุสิดาลัยเพราะ ผู้รายงาน ตื่นเต้นจนจำชื่อตนเองไม่ได้
***********************************************
มีอยู่ครั้งหนึ่งทรงเสด็จไปพระราชทานปริญญาบัตรให้กับ นักศึกษา ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ในระหว่างที่ทรง เปลี่ยนในครุย ทรง โปรดสูบมวนพระโอสถ แต่ว่าทรงหาที่ จุดไม่ได้ ทางอธิการบดีซึ่ง เฝ้าอยู่ก็จุดไฟให้พร้อมทูลว่า 'ถวายพระเพลิงพระเจ้าข้า' ในหลวงทรง ชะงัก ก่อนจะแย้มสรวลน้อยๆ กับ อธิการบดีว่า
'เรายังไม่ตายถวายพระเพลิงไม่ได้หรอก'
* **********************************************
เคยมีเรื่องเล่าให้ฟังว่า ในหลวงเสด็จไปในถิ่นทุรกันดารเพื่อเยี่ยม เยียนราษฎรอยู่ครั้งหนึ่งพระองค์ ท่านทรงแจกพระเครื่องให้กับราษฎรจนหมดแล้วแต่ ราษฎร ผู้หนึ่งกราบบังคมทูลขอรับพระราชทานพระ เครื่องว่า 'ขอเดชะ ขอพระหนึ่งองค์' ในหลวง ทรงตรัสว่า 'ขอเดชะ พระหมด แล้ววันหนึ่งพระองค์ ท่านเสด็จ เยี่ยมเยียนพสกนิกรของท่านตามปกติที่ต่างจังหวัดก็มี ชาวบ้านมาต้อนรับในหลวงมากมายพระองค์ท่านเสด็จพระราชดำเนินมาตามลาดพระ บาท ที่ แถวหน้าก็มีหญิงชราแก่คนหนึ่งได้ก้มลงกราบแทบพระบาท แล้วก็เอามือของแกมาจับพระหัตถ์ของในหลวง แล้วก็ พูดว่า 'ยายดีใจเหลือ เกินที่ได้เจอในหลวง' แล้วก็พูด ว่า ยายอย่างโน้น ยายอย่างนี้ อีกตั้งมากมาย แต่ ในหลวงก็ทรงเฉยๆ มิได้ตรัสรับสั่งตอบว่ากระไร แต่ พวก ข้าราชบริพารก็มองหน้ากันใหญ่ กลัวว่าพระองค์จะทรงพอพระราชหฤหัยหรือไม่แต่พอพวกเราได้ยินพระองค์รับสั่ง ตอบว่ากับ หญิงชราคนนั้นทำให้เราถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ ไม่ไหว เพราะ พระองค์ทรงตรัสว่า ' เรียกว่ายายได้อย่าง ไร
อายุอ่อนกว่าแม่ ฉันตั้งเยอะต้องเรียกน้าซิถึงจะ ถูก'
***********************************************
ครั้งหนึ่งหลายๆ ปีมาแล้วพระเจ้าอยู่หัวทรงประชวรนิด หน่อยเกี่ยวกับพระฉวี มีพระอาการคัน
มีหมอโรคผิวหนังคณะหนึ่งไป เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายการรักษาคุณหมอเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโรคผิวหนัง แต่ไม่ได้เชี่ยวชาญทางราชาศัพท์ก็กราบบังคมทูลว่า 'เอ้อ - ทรง... อ้า-ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ อ้า- ทรงพระคันมานานแล้วหรือยังพะยะค่ะ' พระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระ สรวล ตรัสว่า 'ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนี่จะท้องได้ยังไง' แล้วคงจะ ทรงพระกรุณาว่า หมอคงจะไม่รู้ราชา ศัพท์ทางด้านอวัยวะร่าง กายจริงๆ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า เอ้า พูด ภาษาอังกฤษกันเถอะ
เป็นอันว่าก็กราบ บังคมทูลซักพระอาการกันเป็น ภาษาอังกฤษไป
***********************************************
เรื่องนี้ รุ่นพี่ที่จุฬาฯเล่าให้ฟังว่ามี อยู่ปีนึงที่ในหลวงทรงเสด็จพระราช ทาน ปริญญาบัตรอธิการบดีอ่านรายชื่อบัณฑิตแล้ว บังเอิญว่ามีเหตุขัดข้องบางประการทำให้อ่านขาดตอน ก็ต้อง รีบหาว่าอ่านรายชื่อไปถึงไหนแล้ว ปรากฏ ว่า ในหลวงท่านทรง จำได้ ท่านเลยตรัสกับอธิการไป ว่า'เมื่อกี้ นี้ (ชื่อ....) เค้ารับไปแล้ว'
********************************************************************
และมีอีก ปีนึงขณะที่พระราชทานปริญญาบัตรอยู่ ดีๆ ไฟดับไปชั่วขณะ....ทำให้บัณฑิตคน หนึ่ง พลาดโอกาส ครั้งสำคัญในการถ่ายรูปพอในหลวงทรงพระราชทานปริญญาบัตรเรียบ ร้อยแล้วก่อนที่จะให้พระบรมราโชวาทท่านทรง ให้อธิการบดีเรียกบัณฑิต คนนั้นมารับพระราชทาน อีกครั้ง เพื่อจะได้มีรูป ไว้เป็นที่ระลึก ตื้นตันกันถ้วนทั่วทั้ง หอประชุมขอ จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
