AE. Racing Club
07 สิงหาคม 2568 13:29:39 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: แรงม้ากับแรงบิด...ต่างกันอย่างไร ใครก็ได้ช่วยอธิบายให้ผมหน่อยครับ  (อ่าน 13268 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สลิ่ม..เซมเบ้
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,323


สงสารหมามัน.....ที่มันมีท่าเดียว 555+


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2553 19:59:26 »

อยากรู้ว่า   แรงม้ามันคืออะไร......?
            แรงบิดคืออะไร.....?

ช่วยอธิบายให้หน่อยครับ จะเก็บเป็นความรู้......
บันทึกการเข้า

ไม่นิยมร่ำสุรา แต่ที่เห็นตามผับตามบาร์นั้น มันเป็นเพราะ...     "โคโยตี้....นำพา"
Nong55
นักแข่งมือสมัครเล่น
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 281



ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2553 21:38:17 »

เท่าที่ทราบไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า

แรงม้า = จำนวนแรงที่ทำให้สามารถวิ่งไปได้สูงสุดที่กำลังของม้าตามจำนวนที่มี วิ่งได้ เช่น ความเร็วสูงสุด 200 km/h ที่ 150 แรงม้า
แรงบิด = จำนวนแรงที่ทำให้ไปถึงความเร็วสูงสุดที่แรงม้าของเครื่องยนต์ตัวนั้นทำได้ เช่น แรงบิด 16 n/m ที่ 3000 รอบ

ผล = แรงบิดเยอะ ก็ไปได้ถึง top speed ของเครื่องยนต์นั้น ๆ ได้ดี แต่ต้องสัมพันธ์กับรอบเครื่องที่แรงบิดนั้นทำงานด้วย เช่นแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำ ก็เท่ากับว่าตีนต้นดี แรงบิดมารอบสูง เช่น 20 n/m ที่ 5000 รอบ ก็แสดงว่าเครื่องนั้นเป็นเครื่องแรงปลาย

(ตามที่ได้เคยฟังมา ผิดถูกประการใดขออภัยด้วยครับ)
บันทึกการเข้า
BUT_AE101 ~Lx~
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,796



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2553 21:40:11 »

ผมชอบรถที่มีแรงบิดเยอะๆ และมารอบต่ำๆ ขับสนุดี
แรงม้าไม่รู้ใช้ตอนไหนครับ เหอๆๆๆ

รอผู้รู้มาแจ้งทราบให้กระจ่างอีกที
บันทึกการเข้า

ไปทุกที่.. ที่อยากจะไป
Tree 20V
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 579


เก็บตังมีลูกคร้าบบบ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2553 22:18:26 »

ถ้าตามที่ผมเข้าใจนะครับแรงบิดจะทำไห้มีอัตราเร่งที่ดีเช่น 0-100 รถที่มีแรงบิดเยอะกว่าจะไปถึง 100 ได้เร็วกว่า ส่วนแรงม้าจะเป็นตัวกำหนดความเร็วสูงสุด แต่ถ้าช่วงที่แรงบิดถึงจุดสูงสุดและตามมาด้วยแรงม้าบอกได้เลยว่าสุดยอดครับ
บันทึกการเข้า

ajmoo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2553 22:22:16 »

ลองอ่านดูครับ ยาวนิดนึง


......................................

แรงบิดและแรงม้า

                บทความนี้ ผมจะกล่าวถึง แรงบิด (Torque) และแรงม้า (Horse Power) ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว ท่านจะได้เข้าใจ ถึงความหมายของศัพท์ดังกล่าวและสามารถนำไปใช้ ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบเครื่องยนต์แต่ละรุ่นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการพิจารณาเลือกรถ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของท่านครับ

                แรงบิด (Torque) คือ แรงหมุนของเพลาเครื่องยนต์ เป็นแรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุนเกียร์ เพลา และ ล้อรถ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แรงบิดจะมีค่า แตกต่างกันไปที่ความเร็วรอบเครื่องยนตต่างๆ ซึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตว่าต้องการให้มีแรงบิด สูงสุดอยู่ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ ปานกลาง หรือ สูง รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงก็จะมีอัตราเร่ง ดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่าพูดง่ายๆก็คือ แรงบิดจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารถคันใดวิ่งเร็วกว่าอีกคันครับ ยกตัวอย่าง รถคันแรกมี 115 แรงม้าที่6500รอบ แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่4500รอบ คันที่สองมี100แรงม้า แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่ 2750 รอบ ถามว่ารถคันแรกหรือคันที่สองวิ่งกว่ากันคำตอบก็คือ รถคันที่สองจะวิ่งเร็วกว่าคันแรกครับ เพราะแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำกว่า 2750 รอบแม้ว่าจะ14กก/เมตรเท่ากันทั้งสองคันก็ตาม แรงม้าเกินกันอีก15แรงก็ตาม รถคันแรกไม่มีทางไล่รถคันที่สองทันทุกกรณี อัตตราเร่ง0-100 คันที่สองก็ใช้เวลาน้อยกว่า จับมาอัดกัน0-400เมตร คันที่สองก็อยู่หน้าคันแรกอยู่ดี ทำไมรถแข่งในสนามจึงเอามาวิ่งใช้งานปรกติไม่ได้ ก็เพราะเหตุนี้ล่ะครับแรงบิดสูงสุดมันมาที่เป็นหมื่นๆรอบ แค่ออกตัวก็ต้องออกที่รอบ4000-6000รอบ ไม่มีทางทุกกรณีที่จะเอามาวิ่งในถนนปรกติได้เลย วิธีสังเกตุหรือดูง่ายๆก็คือว่ารถคันไหนแรงบิดมันมาที่รอบต่ำกว่าคันนั้นล่ะวิ่งกว่าครับ

           รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องต่ำ หรือปานกลาง จะออกตัวได้ดีกว่าและให้อัตราเร่งที่ดีกว่า ในช่วงความเร็วต่ำหรือความเร็วปานกลาง ในขณะที่ รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องสูง จะให้อัตราเร่งที่ดีกว่าในช่วงความเร็วสูง และมีแนวโน้ม ที่จะให้ความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า (ดูในเรื่องแรงม้า) แต่ในการออกตัวหรือในช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำสมรรถนะ จะด้อยกว่า หรือ ที่มักเรียกกันว่า "ต้องรอรอบ" เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องต่ำมักเหมาะกับรถเก๋งที่ใช้งานในเมือง รถบรรทุก รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้งานในป่าหรือที่ทุรกันดาร ส่วนเครื่องยนต์ที่มีแรงบิด สูงสุดที่ความเร็วรอบสูงจะเหมาะกับรถที่ใช้เดินทางไกล บ่อยๆ ต้องการอัตราเร่งที่ดีที่ความเร็วสูง หน่วยของแรงบิดที่นิยมใช้กัน คือ Kg-m, Nm และ Ft-lbs   แรงม้า (Horse Power) คือ หน่วยอันหนึ่งสำหรับ ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ หน่วยวัดกำลังที่นิยมใช้กัน คือ แรงม้า (HP),แรงม้า (PS) และ กิโลวัตต์ (KW)นอกจากนี้ ในบางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ BHP ซึ่งย่อมาจาก Brake Horse Power หมายถึง กำลังของเครื่องยนต์ที่ได้รับจากเพลาเครื่อง ซึ่งเท่ากับกำลังที่เครื่องยนต์ผลิตได้หักออก ด้วยแรงเสียดทานภายเครื่องยนต์ ดัง สูตร BHP = IHP - FHP โดยที่ IHP คือ Indicated Horse Power หมายถึงกำลัง ที่เครื่องยนต์ผลิตได้ และ FHP คือ Friction Horse Power ซึ่งหมายถึงแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ กำลังของเครื่องยนต์สามารถคำนวณได้จากสูตร HP = K x Torque x RPM โดยที่ K คือ ค่าคงที่ T คือแรงบิด และ RPM คือความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบจะอยู่ที่ ความเร็วรอบเครื่องยนต์แตกต่างกันไปแล้วแต่การ ออกแบบของผู้ผลิต แล้วแรงม้าเห็นกันในหนังสือ หรือใน specification ต่างๆ นั้นเป็น BHP หรือ IHP คำตอบน่าจะเป็นBHP เพราะเป็นแรงม้าที่ได้มาจากการทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดจะอยู่ที่ความเร็วรอบสูงกว่าความเร็วรอบที่มี แรงบิดสูงสุดเสมอจากที่แรงบิดของเครื่องยนต์จะแสดงถึงอัตราเร่ง แรงม้าของเครื่องยนต์ก็จะแสดงถึงความเร็วสูงสุดของรถ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการเอาชนะแรงเสียดทาน และ แรงต้านของอากาศ ที่จะมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ (อัตราความเร็วยกกำลังสอง)เมื่อความเร็วสูงขึ้น จากสูตรคำนวณแรงม้าจะเห็นได้ว่า สำหรับเครื่องยนต์ที่มี ขนาดเท่าๆ กัน เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำจะมี

แนวโน้มที่จะมีแรงม้าสูงสุด ต่ำกว่า เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบสูงกว่า แต่ถ้าต้องการให้มีทั้งแรงบิดและ แรงม้ามากขึ้น ก็จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า

หรือ เป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือ มีการติดตั้ง อุปกรณ์อื่นเพิ่ม เช่น turbocharger supercharger ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าราคาของเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ค่าใช้จ่าย ในการซ่อมบำรุงก็จะสูงขึ้น และ มักจะต้องจ่ายค่าน้ำมัน เชื้อเพลิงมากขึ้นอีกด้วย

                อันความรู้เรื่องแรงบิดและแรงม้านั้น ไม่ใช่รู้เพื่อความเท่ห์เฉยๆ แต่มันมีประโยชน์ต่อการใช้งานรถด้วย อย่างเช่น เรารู้แรงบิดสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรเปลี่ยนเกียร์(ให้สูงขึ้น)ที่ความเร็วรอบไม่เกินนั้น(อย่างเช่นอยู่ที่ 3000 รอบ เราก็ควรเปลี่ยนเกียร์ที่ 2500-3000 รอบ เพราะไปเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงกว่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทำร้ายเครื่องเราปล่าวๆ) เรารู้แรงม้าสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกินที่เขากำหนดรอบมา (มาตรวัดรอบเขาก็ทำมาให้ดูแล้ว - คงไม่ใช่เพื่อความเท่ห์อย่างเดียว) รถจะได้อยู่คู่เราไปตราบนานเท่านานครับ
บันทึกการเข้า
Naibas Sudlor
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 199


รถคันนี้ยังรอเก็บงานอยู่เลยคับ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 29 พฤศจิกายน 2553 23:35:12 »

ได้ความรู้ ขอบคุณคร๊าบ...
บันทึกการเข้า
MR_C_ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,620


ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปัน น้ำใจ ใช้ไม่เคยหมด


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 00:07:45 »

ขอบคุณจารย์หมูคร๊าบบ
บันทึกการเข้า

smilegames
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 6,978



ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 00:11:06 »

เข้าใจขึ้นเยอะเลย
บันทึกการเข้า

สลิ่ม..เซมเบ้
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,323


สงสารหมามัน.....ที่มันมีท่าเดียว 555+


ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 30 พฤศจิกายน 2553 08:53:26 »

ขอบคุณครับ...ได้ความรู้มากมาย
บันทึกการเข้า

ไม่นิยมร่ำสุรา แต่ที่เห็นตามผับตามบาร์นั้น มันเป็นเพราะ...     "โคโยตี้....นำพา"
coolgrep2
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,223


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 20:03:31 »

ลองอ่านดูครับ ยาวนิดนึง


......................................

แรงบิดและแรงม้า

                บทความนี้ ผมจะกล่าวถึง แรงบิด (Torque) และแรงม้า (Horse Power) ซึ่งเมื่อท่านได้อ่านบทความนี้แล้ว ท่านจะได้เข้าใจ ถึงความหมายของศัพท์ดังกล่าวและสามารถนำไปใช้ ในการวิเคราะห์เปรียบเทียบเครื่องยนต์แต่ละรุ่นได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการพิจารณาเลือกรถ ที่เหมาะสมกับการใช้งานของท่านครับ

                แรงบิด (Torque) คือ แรงหมุนของเพลาเครื่องยนต์ เป็นแรงที่ใช้เพื่อส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุนเกียร์ เพลา และ ล้อรถ เพื่อให้รถเคลื่อนที่ไปได้ แรงบิดจะมีค่า แตกต่างกันไปที่ความเร็วรอบเครื่องยนตต่างๆ ซึ่ง ขึ้นอยู่กับการออกแบบของผู้ผลิตว่าต้องการให้มีแรงบิด สูงสุดอยู่ที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ ปานกลาง หรือ สูง รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงก็จะมีอัตราเร่ง ดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่าพูดง่ายๆก็คือ แรงบิดจะเป็นตัวบ่งชี้ว่ารถคันใดวิ่งเร็วกว่าอีกคันครับ ยกตัวอย่าง รถคันแรกมี 115 แรงม้าที่6500รอบ แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่4500รอบ คันที่สองมี100แรงม้า แรงบิด 14 ก.ก./เมตรที่ 2750 รอบ ถามว่ารถคันแรกหรือคันที่สองวิ่งกว่ากันคำตอบก็คือ รถคันที่สองจะวิ่งเร็วกว่าคันแรกครับ เพราะแรงบิดสูงสุดมาที่รอบต่ำกว่า 2750 รอบแม้ว่าจะ14กก/เมตรเท่ากันทั้งสองคันก็ตาม แรงม้าเกินกันอีก15แรงก็ตาม รถคันแรกไม่มีทางไล่รถคันที่สองทันทุกกรณี อัตตราเร่ง0-100 คันที่สองก็ใช้เวลาน้อยกว่า จับมาอัดกัน0-400เมตร คันที่สองก็อยู่หน้าคันแรกอยู่ดี ทำไมรถแข่งในสนามจึงเอามาวิ่งใช้งานปรกติไม่ได้ ก็เพราะเหตุนี้ล่ะครับแรงบิดสูงสุดมันมาที่เป็นหมื่นๆรอบ แค่ออกตัวก็ต้องออกที่รอบ4000-6000รอบ ไม่มีทางทุกกรณีที่จะเอามาวิ่งในถนนปรกติได้เลย วิธีสังเกตุหรือดูง่ายๆก็คือว่ารถคันไหนแรงบิดมันมาที่รอบต่ำกว่าคันนั้นล่ะวิ่งกว่าครับ

           รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องต่ำ หรือปานกลาง จะออกตัวได้ดีกว่าและให้อัตราเร่งที่ดีกว่า ในช่วงความเร็วต่ำหรือความเร็วปานกลาง ในขณะที่ รถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดในรอบเครื่องสูง จะให้อัตราเร่งที่ดีกว่าในช่วงความเร็วสูง และมีแนวโน้ม ที่จะให้ความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า (ดูในเรื่องแรงม้า) แต่ในการออกตัวหรือในช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำสมรรถนะ จะด้อยกว่า หรือ ที่มักเรียกกันว่า "ต้องรอรอบ" เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบเครื่องต่ำมักเหมาะกับรถเก๋งที่ใช้งานในเมือง รถบรรทุก รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้งานในป่าหรือที่ทุรกันดาร ส่วนเครื่องยนต์ที่มีแรงบิด สูงสุดที่ความเร็วรอบสูงจะเหมาะกับรถที่ใช้เดินทางไกล บ่อยๆ ต้องการอัตราเร่งที่ดีที่ความเร็วสูง หน่วยของแรงบิดที่นิยมใช้กัน คือ Kg-m, Nm และ Ft-lbs   แรงม้า (Horse Power) คือ หน่วยอันหนึ่งสำหรับ ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ หน่วยวัดกำลังที่นิยมใช้กัน คือ แรงม้า (HP),แรงม้า (PS) และ กิโลวัตต์ (KW)นอกจากนี้ ในบางครั้งเราจะเห็นตัวย่อ BHP ซึ่งย่อมาจาก Brake Horse Power หมายถึง กำลังของเครื่องยนต์ที่ได้รับจากเพลาเครื่อง ซึ่งเท่ากับกำลังที่เครื่องยนต์ผลิตได้หักออก ด้วยแรงเสียดทานภายเครื่องยนต์ ดัง สูตร BHP = IHP - FHP โดยที่ IHP คือ Indicated Horse Power หมายถึงกำลัง ที่เครื่องยนต์ผลิตได้ และ FHP คือ Friction Horse Power ซึ่งหมายถึงแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ กำลังของเครื่องยนต์สามารถคำนวณได้จากสูตร HP = K x Torque x RPM โดยที่ K คือ ค่าคงที่ T คือแรงบิด และ RPM คือความเร็วรอบของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดของเครื่องยนต์แต่ละรุ่นแต่ละแบบจะอยู่ที่ ความเร็วรอบเครื่องยนต์แตกต่างกันไปแล้วแต่การ ออกแบบของผู้ผลิต แล้วแรงม้าเห็นกันในหนังสือ หรือใน specification ต่างๆ นั้นเป็น BHP หรือ IHP คำตอบน่าจะเป็นBHP เพราะเป็นแรงม้าที่ได้มาจากการทดสอบสมรรถนะของเครื่องยนต์ แรงม้าสูงสุดจะอยู่ที่ความเร็วรอบสูงกว่าความเร็วรอบที่มี แรงบิดสูงสุดเสมอจากที่แรงบิดของเครื่องยนต์จะแสดงถึงอัตราเร่ง แรงม้าของเครื่องยนต์ก็จะแสดงถึงความเร็วสูงสุดของรถ ซึ่งหมายถึงความสามารถในการเอาชนะแรงเสียดทาน และ แรงต้านของอากาศ ที่จะมีมากขึ้นเป็นทวีคูณ (อัตราความเร็วยกกำลังสอง)เมื่อความเร็วสูงขึ้น จากสูตรคำนวณแรงม้าจะเห็นได้ว่า สำหรับเครื่องยนต์ที่มี ขนาดเท่าๆ กัน เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบต่ำจะมี

แนวโน้มที่จะมีแรงม้าสูงสุด ต่ำกว่า เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดที่รอบสูงกว่า แต่ถ้าต้องการให้มีทั้งแรงบิดและ แรงม้ามากขึ้น ก็จะต้องเป็นเครื่องยนต์ที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า

หรือ เป็นเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือ มีการติดตั้ง อุปกรณ์อื่นเพิ่ม เช่น turbocharger supercharger ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่าราคาของเครื่องยนต์จะสูงขึ้น ค่าใช้จ่าย ในการซ่อมบำรุงก็จะสูงขึ้น และ มักจะต้องจ่ายค่าน้ำมัน เชื้อเพลิงมากขึ้นอีกด้วย

                อันความรู้เรื่องแรงบิดและแรงม้านั้น ไม่ใช่รู้เพื่อความเท่ห์เฉยๆ แต่มันมีประโยชน์ต่อการใช้งานรถด้วย อย่างเช่น เรารู้แรงบิดสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรเปลี่ยนเกียร์(ให้สูงขึ้น)ที่ความเร็วรอบไม่เกินนั้น(อย่างเช่นอยู่ที่ 3000 รอบ เราก็ควรเปลี่ยนเกียร์ที่ 2500-3000 รอบ เพราะไปเปลี่ยนเกียร์ที่รอบสูงกว่านี้ก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร ทำร้ายเครื่องเราปล่าวๆ) เรารู้แรงม้าสูงสุดว่าอยู่ที่กี่รอบ ก็ควรใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกินที่เขากำหนดรอบมา (มาตรวัดรอบเขาก็ทำมาให้ดูแล้ว - คงไม่ใช่เพื่อความเท่ห์อย่างเดียว) รถจะได้อยู่คู่เราไปตราบนานเท่านานครับ

อธิบายได้ระเอียดดีครับ
แต่เรื่องที่ผมสงสัยอยู่นิดหน่อยคือ เรื่องรถสองที่ที่ว่า เรื่องแรงบิดอยู่ต่ำกว่าแรงม้าน้อยกว่า จะแรงกว่า
ในความเข้าใจผม ผมว่า รถเวลาอัดกันแรงม้าเยอะกว่าน่าจะชนะต่อให้แรงบิดอยู๋lสูงกว่า
 รถคันที่แรงบิดอยู่สูงกว่า แรงม้ามากกว่า 15 ถ้าได้เกียร์ที่แม๊ต คือจัดจ้าน เรียกแรงม้าได้เร็วน่าจะชนะ
เหมือน เครื่อง 4A-GZE ที่แรงบิดในรอบต่ำสูงกว่า 4a-ge20v แต่ไม่ได้แรงกว่า 20v เลยเวลาอัดกัน
ไม่ก็เหมือน vigo ที่แรงบิดรอบต่ำมหาสานมาก กับ k20 ที่แรงบิดน้อยกว่าแต่อยู่ในรอบสูง
**** อันนี้คือที่ผมเข้าใจนะครับ ****
ถ้ายังไง ช่วยออกความเห็นกันได้ครับเพื่อความรู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01 ธันวาคม 2553 20:07:30 โดย coolgrep2 » บันทึกการเข้า

NU.NA.Kz.
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,115


งด...แข่งขันชั่วคราว.


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 20:37:10 »

  งง
บันทึกการเข้า
montri
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,011


รถบ้านๆ


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 01 ธันวาคม 2553 20:55:31 »

อ่านตาลายเลย 
บันทึกการเข้า

มันไม่พังแค่สีมันลอก
autorerun
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 123



ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553 04:09:03 »

 
บันทึกการเข้า
AE_111_20BT
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #13 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553 10:34:12 »

ผมคิดเองนะครับความคิดของผมถูกผิดไม่รู้เหมือนกัน 1.เเรงบิดต่ำ....เทียบกับสะเตอร์หลังมอเตอร์ไชค์ โตๆ ฟันเฟือง ใหญ๋ๆ ทำให้ออกตัวได้ดี ยกล้อเลยก็ได้ เเรงดึง ลาก จูง ดีกว่า รอบก็เลยต่ำ
                                                         2. ก็ เฟืองเล็กลง (สะเตอเล็กๆ) ออกตัวรอบต่ำๆไม่ได้ถ้า ลาก จูง เเรงดึงน้อยนิด เเต่ปลายมันจะไหล ดีกว่า
                                     (ตอบเเบบลูกทุ่งครับ เข้าใจง่ายๆ) เข้าใจถูกรึว่าผิดขออภัยด้วยนะครับ รอท่านอื่นมาตอบอีกที
                                                       
บันทึกการเข้า
สลิ่ม..เซมเบ้
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,323


สงสารหมามัน.....ที่มันมีท่าเดียว 555+


ดูรายละเอียด
« ตอบ #14 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553 11:38:48 »

ผมคิดเองนะครับความคิดของผมถูกผิดไม่รู้เหมือนกัน 1.เเรงบิดต่ำ....เทียบกับสะเตอร์หลังมอเตอร์ไชค์ โตๆ ฟันเฟือง ใหญ๋ๆ ทำให้ออกตัวได้ดี ยกล้อเลยก็ได้ เเรงดึง ลาก จูง ดีกว่า รอบก็เลยต่ำ
                                                         2. ก็ เฟืองเล็กลง (สะเตอเล็กๆ) ออกตัวรอบต่ำๆไม่ได้ถ้า ลาก จูง เเรงดึงน้อยนิด เเต่ปลายมันจะไหล ดีกว่า
                                     (ตอบเเบบลูกทุ่งครับ เข้าใจง่ายๆ) เข้าใจถูกรึว่าผิดขออภัยด้วยนะครับ รอท่านอื่นมาตอบอีกที
                                                       
บันทึกการเข้า

ไม่นิยมร่ำสุรา แต่ที่เห็นตามผับตามบาร์นั้น มันเป็นเพราะ...     "โคโยตี้....นำพา"
coolgrep2
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,223


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #15 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553 18:31:48 »

ผมคิดเองนะครับความคิดของผมถูกผิดไม่รู้เหมือนกัน 1.เเรงบิดต่ำ....เทียบกับสะเตอร์หลังมอเตอร์ไชค์ โตๆ ฟันเฟือง ใหญ๋ๆ ทำให้ออกตัวได้ดี ยกล้อเลยก็ได้ เเรงดึง ลาก จูง ดีกว่า รอบก็เลยต่ำ
                                                         2. ก็ เฟืองเล็กลง (สะเตอเล็กๆ) ออกตัวรอบต่ำๆไม่ได้ถ้า ลาก จูง เเรงดึงน้อยนิด เเต่ปลายมันจะไหล ดีกว่า
                                     (ตอบเเบบลูกทุ่งครับ เข้าใจง่ายๆ) เข้าใจถูกรึว่าผิดขออภัยด้วยนะครับ รอท่านอื่นมาตอบอีกที
                                                        
อืม...สเตอร์น่าจะออกแนว ระบบส่งกำลังอ่ะครับ เหมือน เฟืองท้าย เกียร์ ว่าเราอยากได้ฟิวในการขับขี่แบบใหน

แต่ถ้าพูดถึงแรงม้าแรงบิด มันน่าจะคือ profile ของเครื่องตัวนั้น ๆ อ่ะครับ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!