AE. Racing Club
02 สิงหาคม 2568 03:20:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอความรู้เรื่องเบรคหน่อยครับ  (อ่าน 8620 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Of_nice125
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 187



ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 26 มกราคม 2554 00:04:21 »

โดยปกติแล้วรถเดิมๆ(AE101)เบรคจะเป็นกี่พอตอ่ะครับ จานขนาดเท่าไหร่ และที่ว่าดิสเบรค 2 พอต มันคืออะไรอ่ะครับแล้วมันมีข้อแตกต่างกับตัวเดิมยังไงอ่ะครับ แล้วการเปลี่ยนมาใช้จานเบรคที่มันใหญ่กว่ามันมีประโยขน์อย่างไรบ้างครับ โดยแยกออกเป็นข้อๆดังนี้ครับ
1.ถ้าเราเพิ่มขนาดจานเบรคและใช้คาลิปเปอร์เดิมการเบรคจะดีขึ้นป่าวครับและถ้าอยากใส่จะเอาจานเบรคของอะไรมาใส่อ่ะครับแล้วต้องแปลงอะไรป่าวครับแล้วมีตัวไหนบ้างที่ไม่ต้องแปลง
2.ถ้าเราใส่เบรค2พอตต้องเปลี่ยนจานป่ะครับและโดยปกติเอาของอะไรมาใส่ครับและต้องแปลงอะไรรึป่าว
3.จานเบรคเซาะร่องและเจาะรู(Run stop)ขนาดเดิมถ้าเอามาใส่กับคาลิปเปอร์เดิมจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงป่ะครับ

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่อะไรนะครับ พอดีว่าสนใจอยู่แต่ไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลยครับ

ขอบคุณมากๆครับ
บันทึกการเข้า
MR_C_ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,620


ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปัน น้ำใจ ใช้ไม่เคยหมด


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 00:39:59 »

เรื่องมันยาวครับ
เอาความเห็นส่วนตัวผมนะครับ ความรู้ชัดๆรอพี่ๆเพื่อนๆนะครับ
ประสิทธิภาพของการเบรคแบบจานเบรคขึ้นอยู่กับ
- หน้าสัมผัสของผ้าเบรคกับจานเบรค (หน้าสัมผัสกว้างมีพื้นที่เยอะก็จะห้ามล้อได้เร็วขึ้น เพราะมีหน้าสัมผัสให้แรงเสียดทานของผ้าเบรคทำงานได้มากขึ้น)
- อุณหภูมิของจานเบรคและผ้าเบรค (อุณหภูมิสูงๆจะทำให้ประสิทธิภาพการห้ามล้อลดลง เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิสูงคุณสมบัติของผ้าเบรคจะเปลี่ยนแปลงทำให้ความเสียดทานระหว่างผ้าเบรคกับจานเบรคลดน้อยลง : ใช้ระยะทางในการเบรคมากขึ้น)
- ขนาดของลูกสูบคาริบเบอร์ที่กดผ้าเบรคให้แนบและเสียดทานการเคลื่อนที่ของจานเบรค(ลูกสูบใหญ่ก็มีพื้นที่กดผ้าเบรคมากกว่าลูกสูบเล็ก)
ตอบข้อ 1 ครับ
เพิ่มขนาดจาน ใช้คาลิบเบอร์เดิม
ตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงคือจานใหญ่ขึ้น พื้นที่กว้างขึ้น ความสามารถในการระบายความร้อนก็จะมากขึ้น
ส่วนตัวแปรอื่น เช่นขนาดของผ้าเบรค ขนาดของลูกสูบคาลิบเบอร์เป็นตัวเดิม ก็จะได้ปริสิทธิภาพในการระบายความร้อนของจานเบรคที่ดีขึ้น แม้อุณหภูมิสูงก็จะเบรคอยู่ดีกว่าจานเล็กครับ
ตอบข้อ 2 ครับ
อันนี้เรื่องย๊าวยาวรอพี่ๆเพื่อนๆผู้รู้และชำนาญมาแชร์นะครับ
ตอบข้อ 3 ครับ
อันนี้ใช้เองอยู่ จานรันสตอป 10.2นิ้ว(จานรันสตอปขนาดเท่าจานเดิมติดรถที่มีขนาด 9 นิ้ว(ไม่แน่ใจขนาดแต่ประมาณนี้ล่ะครับ)ไม่น่าจะมีนะครับ)
เท่าที่สังเกตุเองจากการใช้เองผมว่ามันก็เบรคดีขึ้นนะครับ ระบายความร้อนเพิ่มขึ้นจากร่องและรูที่จานเบรค เพราะผมใช้คาริบเบอร์เดิม(1สูบ)ผ้าเบรคเดิม เบรคดีขึ้นครับ หยุดเร็วขึ้น
ผมใช้หม้อลมชั้นครึ่ง ดิสก์ 4 ล้อครับ
  แต่ขอบอกว่าใส่จานรันสตอป 10.2 นิ้ว สวยๆเลย ชอบๆ 

บันทึกการเข้า

MR_C_ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,620


ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปัน น้ำใจ ใช้ไม่เคยหมด


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 00:48:32 »

หามาฝากครับ

ลองมาดูกันว่าส่วนไหนทำหน้าที่อะไรยังไงกันบ้าง
แม่ปั๊มเบรก
ทำ หน้าที่สร้างแรงดันน้ำมันเบรกเมื่อมีการสั่งจากผู้ขับ ส่วนใหญ่ติดตั้งรวมกับหม้อลมเบรก ภายในประกอบด้วยลูกยางหลายลูก และสปริงโดยจะคืนตัวเองเมื่อไม่มีการกดแป้นเบรก
อาการการเสีย คือ ไม่สามารถสร้างแรงดันได้จากลูกยางที่หมดสภาพ ไม่สามารถดัน รีดน้ำมันได้ หรือรั่วย้อนออกมา หรือเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางพร้อมชุดซ่อม หรือเปลี่ยนทั้งตัว

หม้อลมเบรก
เป็น เพียงอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงกดแป้นเบรกให้เบาเท้าขึ้น กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ของรถยนต์ยุคใหม่ไปแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำมันเบรก โดยใช้แรงดูดสุญญากาศ จากท่อร่วมไอดีของเครื่องยนต์มาช่วยดันแผ่นยางไดอะเฟรมและแกนแม่ปั๊มตัวบน เมื่อมีการกดแป้นเบรก โดยที่ประสิทธิภาพที่แท้จริงของระบบเบรกยังขึ้นอยู่กับ อุปกรณ์อื่นไม่ใช่เฉพาะที่ตัวหม้อลม ขนาดของหม้อลมต้องพอเหมาะ ขนาดเล็กไป ก็หนักเท้าเหมือนเบรกไม่ค่อยอยู่ ขนาดใหญ่ไปก็เบาเท้า แต่แรงกดที่มากเกินไป ในขณะที่อุปกรณ์อื่นยังเหมือนเดิม ก็อาจทำให้ล้อล็อกได้ง่ายเมื่อเบรกบนถนนลื่น หรือกะทันหัน
อาการเสีย ที่พบบ่อยคือ ผ้ายางไดอะเฟรมภายในรั่ว เมื่อกดแป้นเบรกจะแข็งขึ้น และเครื่องยนต์จะสั่นเหมือนอาการท่อไอดีรั่ว ทดสอบโดยกดแป้นเบรกในขณะจอด และติดเครื่องยนต์เดินเบาไว้ หม้อลมเบรกนรั่วแต่แม่ปั๊มตัวบนดี ยังสามารถใช้ระบบเบรก ตามปกติได้ แต่จะหนักเท้าในการกดแป้นเบรกเท่านั้น การซ่อมหม้อลมบางรุ่นมีอะไหล่ ให้เปลี่ยนเฉพาะผ้ายางไดอะเฟรมพร้อมชุดซ่อมแต่ส่วนใหญ่มักต้องเปลี่ยนทั้ง ลูก ซึ่งมี 2 ทางเลือก ทั้งของใหม่และเก่าเชียงกง

ท่อน้ำมันเบรก
ประกอบ ด้วยท่อโลหะ (เหล็ก-ทองแดง) ขนาดเล็กในเกือบทุกจุดต่อ แล้วมีท่ออ่อน ที่ให้ตัวได้ต่อจากท่อโลหะบนตัวถังไปยังล้อที่ขยับตลอดเวลาที่ขับ
อาการ เสีย คือ ท่ออ่อนบวมหรือรั่ว ส่วนท่อโลหะนั้นแทบไม่พบว่าเสียเลย ท่ออ่อนทั่วไป ผลิตจากยางทนแรงดันสูงทนทานเพียงพอสำหรับการใช้งานปกติ แต่ก็มีแบบพิเศษ ที่นิยมใช้ในรถแข่งมาจำหน่ายเป็นแบบท่อหุ้มสเตนเลสถักซึ่งทนทั้งการฉีกขาด จากภายนอกหรือแตกด้วยแรงดันจากภายใน ซึ่งไม่จำเป็นนัก แต่ถ้าอยากจะใส่ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย และอาจลดอาการหยุ่นเท้าให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย ถ้าท่ออ่อนเดิมขยายตัวได้บ้างเมื่อกดเบรก

กระบอกเบรกที่ล้อ
ทำ หน้าที่รับแรงดันน้ำมันเบรกที่ถูกดันมาเพื่อดันลูกสูบเบรกภายในกระบอกแล้วไป กด ผ้าเบรก มีอย่างน้อย 1 กระบอก 1 ลูกสูบ (POT) ต่อ 1 ล้อ ภายในประกอบด้วยลูกสูบ พร้อมลูกยาง หรืออาจมีสปริงด้วย การมีขนาดของกระบอกเบรกใหญ่หรือจำนวน กระบอกเบรก ต่อ 1 ล้อมาก ๆ (2-4 POT) จะทำให้มีแรงกดไปสู่ผ้าเบรกมากขึ้น แต่ก็ต้องใช้แม่ปั๊มตัวบนที่รองรับกันได้ดีด้วย
อาการเสีย คือ ไม่สามารถรับแรงดันจากลูกยางหมดสภาพได้ จนไม่สามารถดันลูกสูบเบรก ออกไปได้เต็มที่ หรือน้ำมันเบรกรั่วซึมออกมา และเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางและชุดซ่อมหรือเปลี่ยนทั้งตัว

ดิสก์ / ดรัม
เป็น ชุดเบรกที่ล้อ คือ อุปกรณ์ชิ้นที่หมุนพร้อมล้อ และรับแรงกดผ้าเบรกผลิตจากวัสดุ เนื้อแข็งเรียบแต่ไม่ลื่นเพื่อให้ผ้าเบรกกดอยู่ได้ ทนความร้อนสูง และไม่สึกหรอง่าย

ดิสก์ / ดรัม มีจุดเด่นและด้อยต่างกัน
พื้น ฐานดั้งเดิมของรถยนต์ส่วนใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อนนิยมใช้แบบดรัม-DRUM หรือแบบดุมครอบ ต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้แบบดิสก์-DISC หรือแบบจาน เพราะความเหนือชั้น ในประสิทธิภาพ แล้วก็ยังพัฒนาตัวดิสก์และอุปกรณ์อื่นให้ดีขึ้นไปอีก
ดรัมเบรก มีลักษณะเป็นฝาครอบทรงกลมมีผ้าเบรกโค้งแบนเป็นรูปเกือบครึ่งวงกลม ติดตั้งภายใน ตัวดรัม ถ้ามองจากภายนอกทะลุกระทะล้อเข้าไปจะเห็นฝาครอบโลหะทรงทึบ โดยไม่เห็นหน้าสัมผัสและชุดเบรกที่ถูกครอบไว้ เมื่อมีการเบรก จะมีการแบ่งผ้าเบรก ออกไปดันกับด้านในของตัวดรัม โดยเปรียบเทียบง่าย ๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรก ยืดแขนออกไปแล้วมีผ้าเบรกติดอยู่ที่ฝ่ามือ มีฝาครอบหมุนอยู่ เมื่อมีการเบรกก็ยืดแขน ดันฝ่ามือออกไปให้ฝาครอบหมุนช้าลง
      ดรัมเบรกมีจุดเด่น คือ ต้นทุนต่ำ ทนทาน มีพื้นที่ของผ้าเบรกมาก แต่มีจุดด้อยคือ กำจัดฝุ่นออกจากตัวเองได้ไม่ดี อมความร้อน เพราะเป็นเสมือนฝาครอบอยู่ ซึ่งจะทำให้ แรงเสียดทานของผ้าเบรกลดลงหรือผ้าเบรกไหม้ และเมื่อใช้งานไปสักพัก หน้าสัมผัสกับผ้าเบรกหรือดรัมอาจไม่แนบสนิทกัน ต้องตั้งระยะห่างบ่อย หรือแม้แต่มีการปรับตั้งโดยอัตโนมัติก็อาจยังไม่สนิทกันนัก จนขาดความฉับไวในการทำงาน มีผ้าเบรกให้เลือกน้อยรุ่นน้อยยี่ห้อ และเมื่อลุยน้ำจะไล่น้ำออกจากดรัมและผ้าเบรกได้ช้า

ดิสก์เบรก
มี ลัษณะเป็นจานแบนกลม มีผ้าเบรกแผ่นแบนติดตั้งอยู่รวมกับชุดก้านเบรก (คาลิเปอร์) แล้วเสียบคร่อมประกบจานเบรกซ้าย-ขวา ถ้ามองจากภายนอกทะลุ กระทะล้อเข้าไป จะเห็นป็นจานโลหะเงาเพราะถูกผ้าเบรกถูทุกครั้งที่เบรก และมีชุดก้านเบรกคร่อมอยู่ ด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อเบรกจะมีการบีบผ้าเบรกเข้าหากัน ดันเข้ากับตัวดิสก์ ต่างจากแบบดรัมที่เเบ่งตัวผ้าเบรกออกโดยเปรียบเทียบง่าย ๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรก มีผ้าเบรกอยู่ที่ฝ่ามือ ทำแขนเหมือนกำลังยกมือไหว้แต่ไม่ชิดสนิทกันมีแผ่นกลม หมุนแทรกอยู่ระหว่างมือเมื่อมีการเบรกก็ประกบฝ่ามือเข้าหากัน

ดิสก์เบรก มีจุดเด่นคือ ประสิทธิภาพสูงแม้จะมีพื้นที่สัมผัสของผ้าเบรกแคบกว่าแบบดรัมในขนาดเส้นผ่า ศูนย์กลาง เท่ากัน ทำงานฉับไว ควบคุมระยะห่างและหน้าสัมผัสของผ้าเบรกกับตัวดิสก์ได้ดี โดยไม่ต้องปรับตั้ง ไม่อมฝุ่นเพราะทำความสะอาดตัวเองได้ดี ไล่น้ำออกจากตัวดิสก์ และผ้าเบรกได้เร็ว แต่มีจุดด้อยที่ไม่สามารถนับเป็นจุดด้อยได้เต็มที่นัก เพราะได้ใช้กัน แพร่หลายไปแล้ว คือ ต้นทุนสูง ผ้าเบรกหมดเร็วโดยมีรายละเอียดย่อยออกไปอีกเช่น มีการพัฒนาการระบายความร้อน เพราะยิ่งผ้าเบรกหรือตัวดิสก์ร้อนก็ยิ่งมีแรงเสียดทาน ต่ำลง หรือผ้าเบรกไหม้ ด้วยการทำให้พื้นที่ของจานเบรกสัมผัสกับอากาศมีการถ่ายเทกันมากขึ้น โดยการผลิตเป็นจานหนา แล้วมีร่องระบายความร้อนแทรกอยู่ตรงกลาง เสมือนมีจาน 2 ชิ้น มาประกบไว้ห่าง ๆ กัน โดยรถยนต์ในสายการผลิตส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบดิสก์แบบ มีครีบระบายล้อหน้า เพราะเบรกหน้ารับภาระในการเบรกมากกว่า ส่วนการเจาะรู และเซาะร่อง มักนิยมในกลุ่มรถยนต์ตกแต่งหรือรถแข่ง เพราะสร้างแรงเสียดทานได้สูง แต่กินผ้าเบรกและแค่มีครีบระบายก็เพียงพอแล้ว

ส่วนการขยายขนาดของ ดิสก์เบรกให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการเบรก เพราะสามารถเพิ่มพื้นที่ของผ้าเบรกพร้อมใช้ก้ามเบรกให้ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งมีการระบายความร้อนดีขึ้นจากพื้นที่สัมผัสอากาศที่มากขึ้น นับเป็นหลักการที่เป็นจริง แต่ในการใช้งาน มักมีขีดจำกัดที่ตัวดิสก์และก้ามเบรกต้องไม่ติดกับวงในของกระทะล้อ
    รถแข่ง หรือรถยนต์ที่ใช้กระทะล้อใหญ่ ๆ จึงจะเลือกใช้วิธีขยายขนาดของดิสก์เบรกนี้ได้

นับ เป็นเรื่องปกติที่ระบบดิสก์เบรกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใกล้เคียงกับระบบดรัม เบรก ทั้งที่มีพื้นที่หน้าสัมผัสของผ้าเบรกน้อยกว่า ด้วยจุดเด่นข้างต้น ระบบดิสก์เบรกจะให้ ประสิทธิภาพในการเบรกสูงกว่าดรัมเบรก ตัวดิสก์และดรัมเบรกผลิตจากวัสดุเนื้อแข็งกว่า ผ้าเบรกเพื่อความทนทาน แต่ก็ยังมีการสึกหรอจนไม่เรียบขึ้นได้ เพราะผ้าเบรกก็มีความแข็ง พอสมควร จึงกัดกร่อนตัวดิสก์หรือดรัมเบรกได้ เมื่อผ้าเบรกหมด ไม่ใช่สูตรสำเร็จว่า ต้องเจียร์เรียบตัวดิสก์หรือดรัมเบรกทุกครั้งตามสไตล์ช่างไทยที่ต้องการเงิน เพิ่ม เพราะต้องดูว่ายังเรียบร้อยพอไหม ถ้าเป็นรอยมากค่อยเจียร์เพราะดิสก์หรือดรัมเบรก มีขีดจำกัดในแต่ละรุ่นว่าต้องไม่บางเกินกำหนดเจียร์มาก ๆ ก็เปลืองและถ้าไม่เรียบ ก็จะทำให้ผ้าเบรกสัมผัสได้ไม่สนิท

การเลือก ติดตั้งระบบเบรกของผู้ผลิตรถยนต์ในแต่ละล้อ มีหลักการพื้นฐาน คือ ประสิทธิภาพของระบบเบรกล้อคู่หน้าต้องดีกว่าล้อหลังเสมอ เพราะเมื่อมีการเบรก น้ำหนักจะถ่ายลงด้านหน้า ล้อหลังจะมีน้ำหนักกดลงน้อยกว่า ระบบเบรกหน้าจึงต้อง ทำงานได้ดีกว่า มิฉะนั้น เมื่อกดเบรกแรง ๆ หรือเบรกบนถนนลื่น อาจจะเกิดการปัดเป๋ หรือหมุนได้เสมือนเป็นการดึงเบรกมือ ดังนั้น ถ้าอยากจะตกแต่งระบบเบรกเพิ่มเติม ก็ต้องเน้นว่าประสิทธิภาพของเบรกหลังต้องไม่ดีกว่าเบรกหน้า กลุ่มที่เปลี่ยนเฉพาะ จากดรัมเบรกหลังเป็นดิสก์ โดยไม่ยุ่งกับดิสก์เบรกหน้าเดิม ต้องระวังไว้ด้วย

รถยนต์ในอดีตเลือก ติดตั้งระบบดรัมเบรกทั้ง 4 ล้อ แล้วจึงพัฒนามาสู่ดิสก์เบรกหน้า ดรัมเบรกหลัง และสูงสุดที่ดิสก์เบรก 4 ล้อแต่ก็ยังยึดพื้นฐานเดิมคือ เบรกหน้าต้องดีกว่า เบรกหลังเสมอ แม้จะเป็นดิสก์เบรกทั้งหมดแต่ดิสก์เบรกหน้ามักมีขนาดใหญ่กว่า มีครีบระบายความร้อน มีผ้าเบรกขนาดใหญ่ และมีแรงกดมาก ๆ จากกระบอกเบรก ขนาดใหญ่ โดยดิสก์เบรกหลังมักจะเป็นแค่ขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่มีครีบระบาย มีผ้าเบรกขนาดไม่ใหญ่ และมีแรงกดไม่มากจากกระบอกเบรกขนาดเล็กเพื่อมิให้มีประสิทธิภาพสูงเกินเบรก หน้า

จาก http://www.welovemazda.com/board/index.php?topic=86.0
ขอบคุณท่าน admin ครับ 
  ยาวเลย
บันทึกการเข้า

kamana
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 01:23:37 »

ถามเพิ่มนิดนึง
อยากใส่ดิสหลังกับตัวกระจายแรงดันเบรคอ่ะครับ มีร้านไหนที่คุ้นกับ AE แนะนำมั้ยครับ หรือร้านไหนก็ทำได้ครับ

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า


hiriotappa.multiply.com
AE_111_20BT
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 01:32:06 »

ร้านทำช่วงล่างทำได้หมดครับ
บันทึกการเข้า
Of_nice125
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 187



ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 02:08:55 »

เรื่องมันยาวครับ
เอาความเห็นส่วนตัวผมนะครับ ความรู้ชัดๆรอพี่ๆเพื่อนๆนะครับ
ประสิทธิภาพของการเบรคแบบจานเบรคขึ้นอยู่กับ
- หน้าสัมผัสของผ้าเบรคกับจานเบรค (หน้าสัมผัสกว้างมีพื้นที่เยอะก็จะห้ามล้อได้เร็วขึ้น เพราะมีหน้าสัมผัสให้แรงเสียดทานของผ้าเบรคทำงานได้มากขึ้น)
- อุณหภูมิของจานเบรคและผ้าเบรค (อุณหภูมิสูงๆจะทำให้ประสิทธิภาพการห้ามล้อลดลง เนื่องจากเมื่ออุณหภูมิสูงคุณสมบัติของผ้าเบรคจะเปลี่ยนแปลงทำให้ความเสียดทานระหว่างผ้าเบรคกับจานเบรคลดน้อยลง : ใช้ระยะทางในการเบรคมากขึ้น)
- ขนาดของลูกสูบคาริบเบอร์ที่กดผ้าเบรคให้แนบและเสียดทานการเคลื่อนที่ของจานเบรค(ลูกสูบใหญ่ก็มีพื้นที่กดผ้าเบรคมากกว่าลูกสูบเล็ก)
ตอบข้อ 1 ครับ
เพิ่มขนาดจาน ใช้คาลิบเบอร์เดิม
ตัวแปรที่เปลี่ยนแปลงคือจานใหญ่ขึ้น พื้นที่กว้างขึ้น ความสามารถในการระบายความร้อนก็จะมากขึ้น
ส่วนตัวแปรอื่น เช่นขนาดของผ้าเบรค ขนาดของลูกสูบคาลิบเบอร์เป็นตัวเดิม ก็จะได้ปริสิทธิภาพในการระบายความร้อนของจานเบรคที่ดีขึ้น แม้อุณหภูมิสูงก็จะเบรคอยู่ดีกว่าจานเล็กครับ
ตอบข้อ 2 ครับ
อันนี้เรื่องย๊าวยาวรอพี่ๆเพื่อนๆผู้รู้และชำนาญมาแชร์นะครับ
ตอบข้อ 3 ครับ
อันนี้ใช้เองอยู่ จานรันสตอป 10.2นิ้ว(จานรันสตอปขนาดเท่าจานเดิมติดรถที่มีขนาด 9 นิ้ว(ไม่แน่ใจขนาดแต่ประมาณนี้ล่ะครับ)ไม่น่าจะมีนะครับ)
เท่าที่สังเกตุเองจากการใช้เองผมว่ามันก็เบรคดีขึ้นนะครับ ระบายความร้อนเพิ่มขึ้นจากร่องและรูที่จานเบรค เพราะผมใช้คาริบเบอร์เดิม(1สูบ)ผ้าเบรคเดิม เบรคดีขึ้นครับ หยุดเร็วขึ้น
ผมใช้หม้อลมชั้นครึ่ง ดิสก์ 4 ล้อครับ
  แต่ขอบอกว่าใส่จานรันสตอป 10.2 นิ้ว สวยๆเลย ชอบๆ 


ขอบคุณมากๆครับ
ตอนงานมอเตอร์เอ๊กโปที่ผ่านมาผมเข้าไปที่ซุ้มrun stopเค้าบอกว่าเค้ามีตรงรุ่นขนาดเดิมไม่มีจานขยายอ่ะครับเลยงงงงแล้วพวกจานโตเลวินอ่ะครับมันเป็นยังไงอ่ะครับขนาดเท่าไหร่กัน
บันทึกการเข้า
kamana
มือใหม่หัดซิ่ง
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 64



ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 02:31:56 »

ร้านทำช่วงล่างทำได้หมดครับ

ขอบคุณมากครับ 
บันทึกการเข้า


hiriotappa.multiply.com
wasabi
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #7 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 08:37:24 »

แนะนำให้ ไปมิตติ้ง ครับ  จะได้ เห็นของจริง ตั้งแต่ จานเล็ก 9 นิ้ว 1 พอท  จานธรรมดา 10.2 นิ้ว 1 พอท  และก็ จานโต 11 นิ้ว 2 พอท ครับ  Smiley
บันทึกการเข้า
DARKSTAR
Moderator
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2,369



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 08:49:31 »

รูปเก่า เอามาให้ดูใหม่อีกรอบ  



ส่วน 2 พอร์ตที่ว่า หน้าตามันเป็นแบบนี้ครับ(2 ลูกสูบ)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 มกราคม 2554 08:51:41 โดย DARKSTAR_X » บันทึกการเข้า

ae 101
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,485



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 08:50:31 »

 

รูปเก่า เอามาให้ดูใหม่อีกรอบ 


หามาฝากครับ

ลองมาดูกันว่าส่วนไหนทำหน้าที่อะไรยังไงกันบ้าง
แม่ปั๊มเบรก
ทำ หน้าที่สร้างแรงดันน้ำมันเบรกเมื่อมีการสั่งจากผู้ขับ ส่วนใหญ่ติดตั้งรวมกับหม้อลมเบรก ภายในประกอบด้วยลูกยางหลายลูก และสปริงโดยจะคืนตัวเองเมื่อไม่มีการกดแป้นเบรก
อาการการเสีย คือ ไม่สามารถสร้างแรงดันได้จากลูกยางที่หมดสภาพ ไม่สามารถดัน รีดน้ำมันได้ หรือรั่วย้อนออกมา หรือเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางพร้อมชุดซ่อม หรือเปลี่ยนทั้งตัว

หม้อลมเบรก
เป็น เพียงอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงกดแป้นเบรกให้เบาเท้าขึ้น กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ของรถยนต์ยุคใหม่ไปแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำมันเบรก โดยใช้แรงดูดสุญญากาศ จากท่อร่วมไอดีของเครื่องยนต์มาช่วยดันแผ่นยางไดอะเฟรมและแกนแม่ปั๊มตัวบน เมื่อมีการกดแป้นเบรก โดยที่ประสิทธิภาพที่แท้จริงของระบบเบรกยังขึ้นอยู่กับ อุปกรณ์อื่นไม่ใช่เฉพาะที่ตัวหม้อลม ขนาดของหม้อลมต้องพอเหมาะ ขนาดเล็กไป ก็หนักเท้าเหมือนเบรกไม่ค่อยอยู่ ขนาดใหญ่ไปก็เบาเท้า แต่แรงกดที่มากเกินไป ในขณะที่อุปกรณ์อื่นยังเหมือนเดิม ก็อาจทำให้ล้อล็อกได้ง่ายเมื่อเบรกบนถนนลื่น หรือกะทันหัน
อาการเสีย ที่พบบ่อยคือ ผ้ายางไดอะเฟรมภายในรั่ว เมื่อกดแป้นเบรกจะแข็งขึ้น และเครื่องยนต์จะสั่นเหมือนอาการท่อไอดีรั่ว ทดสอบโดยกดแป้นเบรกในขณะจอด และติดเครื่องยนต์เดินเบาไว้ หม้อลมเบรกนรั่วแต่แม่ปั๊มตัวบนดี ยังสามารถใช้ระบบเบรก ตามปกติได้ แต่จะหนักเท้าในการกดแป้นเบรกเท่านั้น การซ่อมหม้อลมบางรุ่นมีอะไหล่ ให้เปลี่ยนเฉพาะผ้ายางไดอะเฟรมพร้อมชุดซ่อมแต่ส่วนใหญ่มักต้องเปลี่ยนทั้ง ลูก ซึ่งมี 2 ทางเลือก ทั้งของใหม่และเก่าเชียงกง

ท่อน้ำมันเบรก
ประกอบ ด้วยท่อโลหะ (เหล็ก-ทองแดง) ขนาดเล็กในเกือบทุกจุดต่อ แล้วมีท่ออ่อน ที่ให้ตัวได้ต่อจากท่อโลหะบนตัวถังไปยังล้อที่ขยับตลอดเวลาที่ขับ
อาการ เสีย คือ ท่ออ่อนบวมหรือรั่ว ส่วนท่อโลหะนั้นแทบไม่พบว่าเสียเลย ท่ออ่อนทั่วไป ผลิตจากยางทนแรงดันสูงทนทานเพียงพอสำหรับการใช้งานปกติ แต่ก็มีแบบพิเศษ ที่นิยมใช้ในรถแข่งมาจำหน่ายเป็นแบบท่อหุ้มสเตนเลสถักซึ่งทนทั้งการฉีกขาด จากภายนอกหรือแตกด้วยแรงดันจากภายใน ซึ่งไม่จำเป็นนัก แต่ถ้าอยากจะใส่ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย และอาจลดอาการหยุ่นเท้าให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย ถ้าท่ออ่อนเดิมขยายตัวได้บ้างเมื่อกดเบรก

กระบอกเบรกที่ล้อ
ทำ หน้าที่รับแรงดันน้ำมันเบรกที่ถูกดันมาเพื่อดันลูกสูบเบรกภายในกระบอกแล้วไป กด ผ้าเบรก มีอย่างน้อย 1 กระบอก 1 ลูกสูบ (POT) ต่อ 1 ล้อ ภายในประกอบด้วยลูกสูบ พร้อมลูกยาง หรืออาจมีสปริงด้วย การมีขนาดของกระบอกเบรกใหญ่หรือจำนวน กระบอกเบรก ต่อ 1 ล้อมาก ๆ (2-4 POT) จะทำให้มีแรงกดไปสู่ผ้าเบรกมากขึ้น แต่ก็ต้องใช้แม่ปั๊มตัวบนที่รองรับกันได้ดีด้วย
อาการเสีย คือ ไม่สามารถรับแรงดันจากลูกยางหมดสภาพได้ จนไม่สามารถดันลูกสูบเบรก ออกไปได้เต็มที่ หรือน้ำมันเบรกรั่วซึมออกมา และเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางและชุดซ่อมหรือเปลี่ยนทั้งตัว

ดิสก์ / ดรัม
เป็น ชุดเบรกที่ล้อ คือ อุปกรณ์ชิ้นที่หมุนพร้อมล้อ และรับแรงกดผ้าเบรกผลิตจากวัสดุ เนื้อแข็งเรียบแต่ไม่ลื่นเพื่อให้ผ้าเบรกกดอยู่ได้ ทนความร้อนสูง และไม่สึกหรอง่าย

ดิสก์ / ดรัม มีจุดเด่นและด้อยต่างกัน
พื้น ฐานดั้งเดิมของรถยนต์ส่วนใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อนนิยมใช้แบบดรัม-DRUM หรือแบบดุมครอบ ต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้แบบดิสก์-DISC หรือแบบจาน เพราะความเหนือชั้น ในประสิทธิภาพ แล้วก็ยังพัฒนาตัวดิสก์และอุปกรณ์อื่นให้ดีขึ้นไปอีก
ดรัมเบรก มีลักษณะเป็นฝาครอบทรงกลมมีผ้าเบรกโค้งแบนเป็นรูปเกือบครึ่งวงกลม ติดตั้งภายใน ตัวดรัม ถ้ามองจากภายนอกทะลุกระทะล้อเข้าไปจะเห็นฝาครอบโลหะทรงทึบ โดยไม่เห็นหน้าสัมผัสและชุดเบรกที่ถูกครอบไว้ เมื่อมีการเบรก จะมีการแบ่งผ้าเบรก ออกไปดันกับด้านในของตัวดรัม โดยเปรียบเทียบง่าย ๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรก ยืดแขนออกไปแล้วมีผ้าเบรกติดอยู่ที่ฝ่ามือ มีฝาครอบหมุนอยู่ เมื่อมีการเบรกก็ยืดแขน ดันฝ่ามือออกไปให้ฝาครอบหมุนช้าลง
      ดรัมเบรกมีจุดเด่น คือ ต้นทุนต่ำ ทนทาน มีพื้นที่ของผ้าเบรกมาก แต่มีจุดด้อยคือ กำจัดฝุ่นออกจากตัวเองได้ไม่ดี อมความร้อน เพราะเป็นเสมือนฝาครอบอยู่ ซึ่งจะทำให้ แรงเสียดทานของผ้าเบรกลดลงหรือผ้าเบรกไหม้ และเมื่อใช้งานไปสักพัก หน้าสัมผัสกับผ้าเบรกหรือดรัมอาจไม่แนบสนิทกัน ต้องตั้งระยะห่างบ่อย หรือแม้แต่มีการปรับตั้งโดยอัตโนมัติก็อาจยังไม่สนิทกันนัก จนขาดความฉับไวในการทำงาน มีผ้าเบรกให้เลือกน้อยรุ่นน้อยยี่ห้อ และเมื่อลุยน้ำจะไล่น้ำออกจากดรัมและผ้าเบรกได้ช้า

ดิสก์เบรก
มี ลัษณะเป็นจานแบนกลม มีผ้าเบรกแผ่นแบนติดตั้งอยู่รวมกับชุดก้านเบรก (คาลิเปอร์) แล้วเสียบคร่อมประกบจานเบรกซ้าย-ขวา ถ้ามองจากภายนอกทะลุ กระทะล้อเข้าไป จะเห็นป็นจานโลหะเงาเพราะถูกผ้าเบรกถูทุกครั้งที่เบรก และมีชุดก้านเบรกคร่อมอยู่ ด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อเบรกจะมีการบีบผ้าเบรกเข้าหากัน ดันเข้ากับตัวดิสก์ ต่างจากแบบดรัมที่เเบ่งตัวผ้าเบรกออกโดยเปรียบเทียบง่าย ๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรก มีผ้าเบรกอยู่ที่ฝ่ามือ ทำแขนเหมือนกำลังยกมือไหว้แต่ไม่ชิดสนิทกันมีแผ่นกลม หมุนแทรกอยู่ระหว่างมือเมื่อมีการเบรกก็ประกบฝ่ามือเข้าหากัน

ดิสก์เบรก มีจุดเด่นคือ ประสิทธิภาพสูงแม้จะมีพื้นที่สัมผัสของผ้าเบรกแคบกว่าแบบดรัมในขนาดเส้นผ่า ศูนย์กลาง เท่ากัน ทำงานฉับไว ควบคุมระยะห่างและหน้าสัมผัสของผ้าเบรกกับตัวดิสก์ได้ดี โดยไม่ต้องปรับตั้ง ไม่อมฝุ่นเพราะทำความสะอาดตัวเองได้ดี ไล่น้ำออกจากตัวดิสก์ และผ้าเบรกได้เร็ว แต่มีจุดด้อยที่ไม่สามารถนับเป็นจุดด้อยได้เต็มที่นัก เพราะได้ใช้กัน แพร่หลายไปแล้ว คือ ต้นทุนสูง ผ้าเบรกหมดเร็วโดยมีรายละเอียดย่อยออกไปอีกเช่น มีการพัฒนาการระบายความร้อน เพราะยิ่งผ้าเบรกหรือตัวดิสก์ร้อนก็ยิ่งมีแรงเสียดทาน ต่ำลง หรือผ้าเบรกไหม้ ด้วยการทำให้พื้นที่ของจานเบรกสัมผัสกับอากาศมีการถ่ายเทกันมากขึ้น โดยการผลิตเป็นจานหนา แล้วมีร่องระบายความร้อนแทรกอยู่ตรงกลาง เสมือนมีจาน 2 ชิ้น มาประกบไว้ห่าง ๆ กัน โดยรถยนต์ในสายการผลิตส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบดิสก์แบบ มีครีบระบายล้อหน้า เพราะเบรกหน้ารับภาระในการเบรกมากกว่า ส่วนการเจาะรู และเซาะร่อง มักนิยมในกลุ่มรถยนต์ตกแต่งหรือรถแข่ง เพราะสร้างแรงเสียดทานได้สูง แต่กินผ้าเบรกและแค่มีครีบระบายก็เพียงพอแล้ว

ส่วนการขยายขนาดของ ดิสก์เบรกให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการเบรก เพราะสามารถเพิ่มพื้นที่ของผ้าเบรกพร้อมใช้ก้ามเบรกให้ใหญ่ขึ้นได้ ซึ่งมีการระบายความร้อนดีขึ้นจากพื้นที่สัมผัสอากาศที่มากขึ้น นับเป็นหลักการที่เป็นจริง แต่ในการใช้งาน มักมีขีดจำกัดที่ตัวดิสก์และก้ามเบรกต้องไม่ติดกับวงในของกระทะล้อ
    รถแข่ง หรือรถยนต์ที่ใช้กระทะล้อใหญ่ ๆ จึงจะเลือกใช้วิธีขยายขนาดของดิสก์เบรกนี้ได้

นับ เป็นเรื่องปกติที่ระบบดิสก์เบรกมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใกล้เคียงกับระบบดรัม เบรก ทั้งที่มีพื้นที่หน้าสัมผัสของผ้าเบรกน้อยกว่า ด้วยจุดเด่นข้างต้น ระบบดิสก์เบรกจะให้ ประสิทธิภาพในการเบรกสูงกว่าดรัมเบรก ตัวดิสก์และดรัมเบรกผลิตจากวัสดุเนื้อแข็งกว่า ผ้าเบรกเพื่อความทนทาน แต่ก็ยังมีการสึกหรอจนไม่เรียบขึ้นได้ เพราะผ้าเบรกก็มีความแข็ง พอสมควร จึงกัดกร่อนตัวดิสก์หรือดรัมเบรกได้ เมื่อผ้าเบรกหมด ไม่ใช่สูตรสำเร็จว่า ต้องเจียร์เรียบตัวดิสก์หรือดรัมเบรกทุกครั้งตามสไตล์ช่างไทยที่ต้องการเงิน เพิ่ม เพราะต้องดูว่ายังเรียบร้อยพอไหม ถ้าเป็นรอยมากค่อยเจียร์เพราะดิสก์หรือดรัมเบรก มีขีดจำกัดในแต่ละรุ่นว่าต้องไม่บางเกินกำหนดเจียร์มาก ๆ ก็เปลืองและถ้าไม่เรียบ ก็จะทำให้ผ้าเบรกสัมผัสได้ไม่สนิท

การเลือก ติดตั้งระบบเบรกของผู้ผลิตรถยนต์ในแต่ละล้อ มีหลักการพื้นฐาน คือ ประสิทธิภาพของระบบเบรกล้อคู่หน้าต้องดีกว่าล้อหลังเสมอ เพราะเมื่อมีการเบรก น้ำหนักจะถ่ายลงด้านหน้า ล้อหลังจะมีน้ำหนักกดลงน้อยกว่า ระบบเบรกหน้าจึงต้อง ทำงานได้ดีกว่า มิฉะนั้น เมื่อกดเบรกแรง ๆ หรือเบรกบนถนนลื่น อาจจะเกิดการปัดเป๋ หรือหมุนได้เสมือนเป็นการดึงเบรกมือ ดังนั้น ถ้าอยากจะตกแต่งระบบเบรกเพิ่มเติม ก็ต้องเน้นว่าประสิทธิภาพของเบรกหลังต้องไม่ดีกว่าเบรกหน้า กลุ่มที่เปลี่ยนเฉพาะ จากดรัมเบรกหลังเป็นดิสก์ โดยไม่ยุ่งกับดิสก์เบรกหน้าเดิม ต้องระวังไว้ด้วย

รถยนต์ในอดีตเลือก ติดตั้งระบบดรัมเบรกทั้ง 4 ล้อ แล้วจึงพัฒนามาสู่ดิสก์เบรกหน้า ดรัมเบรกหลัง และสูงสุดที่ดิสก์เบรก 4 ล้อแต่ก็ยังยึดพื้นฐานเดิมคือ เบรกหน้าต้องดีกว่า เบรกหลังเสมอ แม้จะเป็นดิสก์เบรกทั้งหมดแต่ดิสก์เบรกหน้ามักมีขนาดใหญ่กว่า มีครีบระบายความร้อน มีผ้าเบรกขนาดใหญ่ และมีแรงกดมาก ๆ จากกระบอกเบรก ขนาดใหญ่ โดยดิสก์เบรกหลังมักจะเป็นแค่ขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่มีครีบระบาย มีผ้าเบรกขนาดไม่ใหญ่ และมีแรงกดไม่มากจากกระบอกเบรกขนาดเล็กเพื่อมิให้มีประสิทธิภาพสูงเกินเบรก หน้า

จาก http://www.welovemazda.com/board/index.php?topic=86.0
ขอบคุณท่าน admin ครับ 
  ยาวเลย
บันทึกการเข้า
Louis Todo Juku <RZ>
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 7,419


PANDA 101 อดีตเพื่อนรักของผม..


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 08:52:59 »

ใส่2พอตร์ เลวินจ้าาาา
บันทึกการเข้า

GE-DA-ke ช่างติ สนามบินน้ำ
มือจูนระดับเทพ by พี่อุบ วายริ่ง
AE_111_20BT
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #11 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 12:04:44 »

ผมไส่พอร์ทเดียว ปั้ม 63 จาน 11 จ้า (ผ้าเบรคถูกกว่าหาง่ายกว่า 2 พอร์ท)
บันทึกการเข้า
MR_C_ รักในหลวง
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 10,620


ร่วมสร้างสรรค์ ร่วมแบ่งปัน น้ำใจ ใช้ไม่เคยหมด


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 22:35:53 »

http://www.aeracingclub.net/forums/index.php?topic=14928.0

ไปหาข้อมูลมาเพิ่มครับ
จากกระทู้ของพี่ oougy ขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า

~'Ball_Skyline'~
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 3,667


I'm not perfect but I'm limited edition.


ดูรายละเอียด
« ตอบ #13 เมื่อ: 26 มกราคม 2554 22:44:55 »


เอามาให้ชมคับ เผื่อสนใจ
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!