AE. Racing Club
03 สิงหาคม 2568 12:35:26 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: News Update: ราคาน้ำมันขายปลีกมีแนวโน้มปรับขึ้น 1-2 วันนี้  (อ่าน 828 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
noohnu
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,857


ค่อยๆ กลับมาหล่ออย่างต่อเนื่อง


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 04 ตุลาคม 2553 13:02:17 »



       นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ยอมรับว่า แนวโน้มราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ 1-2 วัน มีโอกาสจะปรับขึ้น หลังจากราคาตลาดโลกสูงกว่า 81 ดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าการตลาดน้ำมันของผู้ค้าต่ำกว่า 1 บาทต่อลิตร
          อย่างไรก็ตาม คาดว่าราคาน้ำมันไตรมาส 4 จะอยู่ในภาวะผันผวน โดยเมื่อราคาน้ำมันขยับขึ้นระดับสูงกว่า 80 ดอลลาร์แล้ว จะปรับลดลงมา เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีแนวโน้มไม่ชัดเจน
          ส่วนราคาก๊าซหุงต้มตลาดโลก ล่าสุดขยับขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยสูงถึง 690 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน มีผลให้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง จะต้องจ่ายส่วนต่างการนำเข้าให้ ปตท.มากขึ้น แต่ยังไม่ต้องเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่ม เพราะว่ายังมีเงินไหลเข้า 700-800 ล้านบาทต่อเดือน


Credit: ASTVผู้จัดการออนไลน์   4 ตุลาคม 2553 12:46 น.

ปล. ทีราคาตลอดโลกลงมา 3$ กว่าๆ แมร๊งงงงง เจือกอ้างดื้อๆ ว่า "ค่าการตลาดยังต่ำ" .....เลวซามสุดๆ 
บันทึกการเข้า

ajmoo
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2553 13:09:23 »

อะไร ฟ่ะ น้ำมันโลกลงมาตั้งเยอะ ก้อไม่เห็นลง แต่พออย่างนี้จะขึ้น


เจริญล่ะคร๊าบ...........   
บันทึกการเข้า
noohnu
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 1,857


ค่อยๆ กลับมาหล่ออย่างต่อเนื่อง


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2553 13:14:35 »

อันนี้แถม...


       จับตาไทยอาจต้องนำเข้าแอลพีจีถาวร หากไม่มีการบริหารจัดการที่ดีพอ แม้โรงแยกก๊าซฯ 6 เกิด แต่การใช้ยังคงขยับเพิ่มขึ้น ขณะที่โรงแยกฯ 7 เกิดยาก เหตุก๊าซฯ เหลือน้อย แถมเจอมาตรการตรึงราคา ธพ.ถกประเมินแผนนำเข้าสัปดาห์นี้ แย้มราคาภาคครัวเรือนอาจได้เฮ แต่ภาคขนส่งและอุตสาหกรรมจุก ด้านผู้ค้าแอลพีจีจ่อขอขยับราคา 3-4 บาทต่อถัง 15 กิโล หลังสิ้นมาตรการตรึงราคาก.พ.54
       
       นายพีระพล สาครินทร์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้จะเรียกประชุมโรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซธรรมชาติ และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อประเมินภาพรวมความจำเป็นในการนำเข้าแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ว่าจะมีปริมาณมากน้อยเพียงใด หลังโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 ของบมจ.ปตท. เตรียมจะผลิตได้ในช่วง 1-2 เดือนข้างหน้านี้ โดยคาดว่าไทยคงยังต้องนำเข้าแอลพีจีระดับหนึ่ง นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังจะนำมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการพิจารณาปรับโครงสร้างราคาแอลพีจีภายหลังหมดมาตรการตรึงราคาช่วงสิ้นก.พ.2554
       
       ”รัฐบาลย้ำเสมอว่าจะยังต้องให้ความสำคัญในการดูแลแอลพีจีในภาคครัวเรือน โดยให้แยกราคาเฉพาะภาคขนส่งและอุตสาหกรรม เมื่อมีโรงแยกก๊าซ 6 ก็ยิ่งง่ายขึ้นที่จะดู เพราะนำเข้าจะลดลงอยู่แล้ว แต่ท้ายสุดโครงสร้างราคาจะออกมาแบบใดคงอยู่กับนโยบายการเมืองด้วย”นายพีระพลกล่าว
       
       นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันการนำเข้าแอลพีจี (ก๊าซหุงต้ม) ของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 แสนตันต่อเดือน ขณะที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 6 ของบมจ.ปตท. มีกำลังผลิตเพียง 1 แสนตันต่อเดือน ดังนั้น เบื้องต้นไทยยังต้องนำเข้าแอลพีจี 5หมื่นตันต่อเดือน และหากรัฐบาลไม่มีการปรับโครงสร้างราคา หลังหมดมาตรการตรึงราคาแอลพีจีก.พ.2554 ก็จะยิ่งส่งเสริมการใช้ให้สิ้นเปลือง และท้ายสุดการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกลายเป็นปัญหาหนักในระยะยาว โดยส่วนตัวเห็นว่าควรจะปรับขึ้นทุกภาคส่วนเพื่อไม่ให้กิดการลักลั่น
       
       สำหรับการเกิดโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 7 ในอนาคต คงจะเป็นเรื่องลำบาก เนื่องจากการลงทุนจะไม่คุ้มค่า หากรัฐบาลยังกำหนดเพดานราคาหน้าโรงแยกฯ ไม่ให้เกินระดับ 330 เหรียญต่อตัน ขณะเดียวกันปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่พิสูจน์แล้วจะสามารถใช้ได้เฉลี่ยเพียง 17 ปีเท่านั้น ประกอบกับการจะเกิดขึ้นจะต้องมีความต้องการที่มากพอ คือ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่จะมารองรับ ซึ่งมีปัญหาว่าจะเกิดในพื้นที่ใด เพราะพื้นที่แถบมาบตาพุดคงจะเกิดลำบาก
       
       นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีมา ผู้ค้ามาตรา 7 ได้พิจารณาลดการอุดหนุนค่าขนส่งแก่โรงบรรจุก๊าซธรรมชาติ เนื่องจากมีภาระในการดูแลค่าซ่อมบำรุงถังและต้นทุนต่างๆ เพิ่มขึ้น
       
       เช่นเดียวกันโรงบรรจุและร้านจำหน่ายที่มีต้นทุนทั้งค่าขนส่งและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น แต่ค่าการตลาดแอลพีจียังคงเท่าเดิม เนื่องจากรัฐบาลประกาศตรึงราคาจนถึงก.พ.2554 โดยภาพรวมขณะนี้มีการแบกรับภาระรวมกันแล้วไม่น้อยกว่า 3-4 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ดังนั้น สมาคมฯ จึงอยู่ระหว่างรวบรวมเพื่อที่จะเสนอรัฐบาลพิจารณาปรับราคาให้ผู้ประกอบการในส่วนนี้หลังหมดมาตรการตรึงราคา
บันทึกการเข้า

soda
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: 04 ตุลาคม 2553 13:25:30 »

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!