ระบบส่งกำลังหรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่าเกียร์ ในรถยนต์นั้น ก็มีด้วยกันสองแบบหลักๆ คือเกียร์แบบธรรมดา (Manual Transmission) และ เกียร์ออโต้ (Automatic Transmission)
เราใช้เกียร์ทั้งสองแบบกันมานาน แต่เมื่อเครื่องยนต์พัฒนามากขึ้นทั้งความเร็วและความสะดวกสบาย ระบบส่งกำลังทั้งสองแบบจึงพัฒนาตามเครื่องยนต์และเพื่อตอบสนองผู้ใช้รถที่มีความต้องการที่หลากหลายเพิ่มขึ้น เกียร์ออโตเมติกพัฒนามาถึงปัจจุบันในแบบที่เรียกว่า เกียร์ซีวีที (Continuous Variables Transmission) และเป็นที่ใช้กันแพร่หลายในรถยนต์แทบจะทุกขนาดตั้งแต่เล็กสุดจนถึงใหญ่สุด
ส่วนเกียร์ธรรมดาก็มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน การพัฒนาของเกียร์ธรรมดานั้นก็เพื่อตอบสนองความต้องการของคนใช้รถที่ชอบจะขับรถที่แรงและเร็ว แต่ก็ยังต้องการความสะดวกสบายในการใช้งาน
ที่ผ่านมาเกียร์แบบ แมนนวลหรือเกียร์ธรรมดา ตอบสนองผู้ใช้ในเรื่องของพละกำลังได้ดีกว่าเกียร์ออโต้ในรูปแบบเดิมๆ แต่ข้อด้อยของเกียร์ธรรมดาคือ การเสียเวลาในการเปลี่ยนเกียร์จากเกียร์หนึ่งไปยังอีกเกียร์หนึ่ง ต้องใช้เวลาในการผ่อนคันเร่ง เหยียบคลัตช์ โยกคันเกียร์ ปล่อยคลัตช์ และกดคันเร่งเป็นเวลาที่เสียไปไม่ใช่น้อยเมื่อเทียบกับเกียร์ออโต้
รูปแบบ ของเกียร์ธรรมดาที่จะลดขั้นตอนการเปลี่ยนเกียร์ให้เหลือน้อยที่สุดจึงถูกพัฒนาขึ้น แรกนั้นใช้กับรถสปอร์ตแรงสูงประเภทซุปเปอร์คาร์ เกียร์แบบนั้นถูกเรียกว่า เกียร์ SMT (Sequential Manual Transmission) ซึ่งมีรูปแบบคล้ายกับเกียร์ธรรมดามีชุดคลัตช์แต่ไม่มีแป้นคลัตช์ให้เหยียบเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ การเปลี่ยนเกียร์ขึ้นหรือลงชุดผ้าคลัตช์จะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (คล้ายกับการเปลี่ยนเกียร์ในระบบเกียร์ออโต้)
การควบคุมการจับหรือปล่อยคลัตช์ด้วยคอมพิวเตอร์พร้อมกับการเปลี่ยนอัตราทดเกียร์ตามที่ผู้ใช้ต้องการนี้ บางครั้งเกียร์แบบนี้ก็จะถูกเรียกว่า Automated Manual Transmission เกียร์ SMT ได้รับความนิยมนำไปใช้งานกับรถสปอร์ตแรงสูงหลายๆ ค่ายเพราะให้อัตราเร่งที่ดี การถ่ายทอดกำลังจากเครื่องเข้าสู่เกียร์ออกสู่ล้อได้รับกำลังเกือบเต็มร้อย ต่างจากเกียร์ออโต้ที่กำลังงานส่วนหนึ่งจากเครื่องยนต์จะเสียไปกับ ทอร์คคอนเวอร์เตอร์ (Torque Converter)
แม้ว่าการถ่ายทอดกำลังจะดีกว่าเกียร์ออโต้แต่ระยะเวลาในการเปลี่ยนจากเกียร์หนึ่งไปสู่อีกเกียร์หนึ่งนั้นยังคงใช้เวลามากพอสมควร เกียร์ SMT จึงได้รับการพัฒนาจากคลัตช์ชุดเดียวมาเป็น คลัตช์สองชุดที่เรียกว่า ทวินคลัตช์ (Twin Clutch/Dual Clutch) จนเกิดคำเรียกของเกียร์ชนิดนี้ว่า เกียร์แบบคลัตช์คู่หรือ DSG (Direct Shift Gearbox)
DSG หรือ ทวินคลัตช์ ถูกพัฒนามาเพื่อแก้ข้อบกพร่องของเกียร์แบบ SMT ในเรื่องของจังหวะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ โครงสร้างหลักก็คือมีห้องเกียร์แบบเกียร์ธรรมดา (ใช้เฟืองเกียร์ที่มีอัตราทดตายตัวในแต่ละเกียร์) ส่วนใหญ่แล้วจะมีเกียร์เดินหน้าหกเกียร์และเกียร์ถอยหลังอีกหนึ่งเกียร์ในชุดคลัตช์ก็จะเพิ่มชุดคลัตช์ขึ้นมาอีกหนึ่งชุด
ถ้ากล่าวง่ายๆ พอนึกภาพการทำงานออก DSG ก็คล้ายกับมี เกียร์สองชุด ชุดหนึ่งมีเกียร์หนึ่ง เกียร์สาม เกียร์ห้า และเกียร์ถอยหลัง โดยมีชุดคลัตช์ชุดที่หนึ่งคอยควบคุมไว้ ส่วนอีกชุดหนึ่งก็จะเป็นชุดสำหรับทำงานของเกียร์สอง เกียร์สี่ และเกียร์หก โดยมีชุดคลัตช์อีกชุดหนึ่งควบคุมไว้ และทั้งหมดจะถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์
การมีชุดคลัตช์คู่ทำให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ของแต่ละเกียร์ใช้เวลาน้อยลง กล่าวคือ เมื่อออกรถด้วยเกียร์หนึ่งชุดเกียร์สองก็เตรียมรอที่จะเปลี่ยนไว้เรียบร้อยแล้วทันทีที่ชุดคลัตช์ได้รับสัญญาณจากคอมพิเตอร์(หรือเครื่องยนต์) ชุดเกียร์สองก็จะทำงานทันทีไม่ต้องเสียเวลาไปกับการที่จะทำให้คลัตช์จับหรือคลัตช์จาก
กล่าวกันว่า DSG หรือเกียร์แบบคลัตช์คู่นั้นใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์น้อยกว่าเกียร์แบบออโต้และเกียร์แบบ SMT เช่น ในรถโฟล์กสวาเกนที่ใช้เกียร์ DSGใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์เพียง 8 milliseconds ในขณะที่ Ferrari Enzo ใช้เกียร์แบบ SMT ต้องใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์ถึง 150 milliseconds หรือในรถรุ่นเดียวกันขนาดเดียวกันอย่าง ออดี้ A3 ที่ใช้เกียร์ธรรมดาแบบหกเกียร์เดินหน้าจาก 0-60 ไมล์ใช้เวลา 6.9 วินาที แต่เมื่อรุ่นเดียวกันนี้ใช้เกียร์ DSG จะใช้เวลาเพียง 6.7 วินาที
อย่างไรก็ตาม DSG แม้จะให้ความสนุกเหมือนขับเกียร์ธรรมดาและให้ความสบายแบบขับเกียร์ออโต้ทั้งเครื่องเล็กเครื่องโตการถ่ายทอดกำลังจากเครื่องลงสู่ล้อแทบจะไม่มีการสูญเสียกำลังงานไปเลย แต่เมื่อต้องการ ความประหยัดน้ำมัน แล้ว DSG จะมีอัตราการสิ้นเปลืองที่สูงมากกว่าเกียร์แบบ CVT ทั้งนี้ก็เพราะ DSG ใช้เฟืองเกียร์ที่มีอัตราทดตายตัว เมื่อรอบเครื่องไปอยู่ที่จุดสูงสุดอัตราทดของเกียร์ก็จะทำให้ความเร็วของเครื่องไปได้เท่ากับที่ทดเอาไว้ ต่างกันกับเกียร์ แบบ CVT ที่อัตราทดแปรผันไปได้มากที่สุดที่ออกแบบไว้ความเร็วจึงสัมพันธ์กับการทำงาน (รอบเครื่อง) ของเครื่อง
มาถึงบรรทัดนี้ก็ต้องบอกกันไว้ว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์ที่สุดขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกอะไรจึงจะดีที่สุดสำหรับเรา ถ้าจะซื้อรถคันต่อไปควรต้องรู้ไว้ครับว่าเกียร์ที่ติดรถมานั้นเป็นเกียร์แบบใด เกียร์ออโต้ เกียร์ซีวีที เกียร์ธรรมดา หรือว่าเป็นเกียร์ธรรมดาแบบไม่ธรรมดา

เครดิต :
http://www.komchadluek.net/detail/20100207/47506/เกียร์ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา.html