AE. Racing Club
03 สิงหาคม 2568 01:31:25 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: อยากไปปฏิบัติธรรมสักอาทิตย์นึง ไปไหนดีครับ  (อ่าน 2882 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
แอลกอฮอล์40ดีกรี
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,458


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555 15:33:11 »

ผมอยู่นครปฐม  อยากได้ที่ใกล้ๆ  เน้นสอนเรื่อง การ อยู่ร่วมกัน ละเว้นการนินทา และให้ปล่อยวางจากการถูกนินทา
ช่วยชี้ทางธรรมให้หน่อย มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
 **************บอกหน่อยนะครับได้บุญมากเลย ขอขอบคุณมากครับ
บันทึกการเข้า

ซ่อมแอร์รถยนต์ครับ ปรึกษาได้ครับไม่ฟันไม่กัดครับใจดี0852622362
plew_ch
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,245


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555 16:32:18 »

ไม่เคยไป แต่คิดว่าน่าจะดี ไม่มั่วก็ ยุวพุทธสมาคม ลองหาใน กูเกิล
บันทึกการเข้า
somporn-salaya
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 249



ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555 17:04:12 »

http://www.ybat.org/v4/  ลองดูครับ 3 วัน 7 วัน  แต่ตรงนี้เขาเคร่งมากๆเรยนะครับ แต่ถ้าทำได้ก็ โอนะ อนุโมทนาสาธุด้วยครับ  ^__^
บันทึกการเข้า

สุข สงบได้เพราะรู้จักพอ  ไม่ใช่เพราะแสวงหานะครับ ^_^
somporn-salaya
มือเก่าหัดแข่ง
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 249



ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555 17:15:25 »

http://www.wathatainares.com/  แนะนำอีกที่หนึ่งที่ผมไปประจำและไปบ่อย คือวัดหทัยนเรศวร์ ครับ แถวๆศาลายาใกล้ๆ ม.มหิดล แต่มีแค่หลักสูตร 3 วัน 2 คืนครับ  เท่าที่ประสบการณ์เคยไปสำผัสมาโดยรวมก็ถือว่า โอเคร เรยนะครับและที่สำคัญ  ฟรีครับ ไม่มีค่าใช่จ่ายครับ (จะมีก็แล้วแต่เราทำบุญตามกำลังศรัทธาครับ 5บาท 10 บาทก็ว่าไปเขาไม่ได้บังคับครับ )   สนใจลองโทรไปสอบถามดูได้ครับ  ขออนุโมทนาด้วยครับ  แค่คิดจะทำดี ชีวิตนี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแระครับ  ขอให้โชคดีครับ  ^__^
บันทึกการเข้า

สุข สงบได้เพราะรู้จักพอ  ไม่ใช่เพราะแสวงหานะครับ ^_^
แอลกอฮอล์40ดีกรี
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,458


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 04 มิถุนายน 2555 20:48:25 »

*********ขอขอบคุณทุกๆท่างมากนะครับที่ชี้ทางไปสวรรค์ ให้กับผม**********
บันทึกการเข้า

ซ่อมแอร์รถยนต์ครับ ปรึกษาได้ครับไม่ฟันไม่กัดครับใจดี0852622362
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 04:43:31 »

ผมอยู่นครปฐม  อยากได้ที่ใกล้ๆ  เน้นสอนเรื่อง การ อยู่ร่วมกัน ละเว้นการนินทา และให้ปล่อยวางจากการถูกนินทา
ช่วยชี้ทางธรรมให้หน่อย มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
 **************บอกหน่อยนะครับได้บุญมากเลย ขอขอบคุณมากครับ

หากอยู่กำแพงแสน ลองไปวัดอ้อน้อย (หลวงปู่พุทธอิสระ) น่าจะได้อะไรกลับไปตามที่ตั้งหัวข้อไว้ ลองดูประวัติหลวงปู กะเวปวัดมีเบอร์โทรด้วยลองติดต่อดูครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 หากมีพื้นฐานแล้ว ทำที่บ้านโลด(ผมทำที่บ้านมานานแสนนานแล้วครับ) หลวงปู่ชา สุภัทโธ เป็นอาจารย์องค์แรกที่สอนนั่งกรรมฐานให้กับผม อีกองค์คืออาจารย์เอกชัยผมไม่ทราบชื่อฉายาท่านมาแต่แรก อดีตเคยเป็นอาจารย์น่าจะจบป.โท(หากผมจำไม่ผิดนะ) ละทางโลกเข้าไปกราบหลวงปูชา เป็นพระไทยองค์แรกๆที่ได้ไปอยู่ที่วัดป่านานาชาติ น่าจะเพราะท่านมีความรู้หลวงปู่เลยจัดให้ท่านไปอยู่ที่นั่น เมื่อประมาณปี ๒๙ ผมได้มีโอกาสไปฝึกนั่งกรรมฐานกับท่านครับ ปัจจุบันท่านน่าจะปกครองวัดใดวัดหนึ่งอยู่นครปฐมนั่นล่ะ น่าจะอำเภอกำแพงแสนอีกเหมือนกัน ไม่ได้เห็นท่านนับแต่ท่านออกเดินธุดงค์แสวงหาความสงบ นับย้อนหลังจากนี้ก็เกือบๆสามสิบปีแล้วครับ เมื่อเรามีพื้นฐานแล้ว เราแค่กำหนดจิตให้มันจดจ่อๆอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แรกๆไม่เคยมีพื้นฐานเลย อาจสวดมนต์ก่อนครับ จิตของเราก็จะไปจดจ่อกับบทสวดมนต์ พอเริ่มชำนาญ ก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน บางคนก็พิจารณาดูลมหายใจ แล้วภาวนาพุท โธ ๆ บางคนก็ยุบหนอ พองหนอ บางคนก็พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของร่างกายแล้วให้รู้สติโดยตลอดเวลา เช่น ก้าวหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ หยุดหนอ บางคนก็พิจารณาโดยมีเครื่องช่วย เช่นการนั่งสมาธิโดยใช้การเหวี่ยงจิต จะมีเสียงระฆัง เคาะเป็นจังหว่ะๆ แล้วให้เราตามเสียงระฆังไป ไม่นานหากจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ก็เข้าภวังค์ได้ครับ  แล้วแต่ครูบาอาจารย์กับแล้วแต่จริตของแต่ละคนจะถูกจริตกับวิธีไหนครับ ผมครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ภาวนาพุทโธๆ ผมก็ทำตามแล้วก็ใช้มาจนถึงวันนี้ครับ  หลักๆแล้วก็เพื่อให้จิตมันจดจ่อไม่ส่งออกนึกเรื่องอื่นหรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ไงครับ (ไม่ใช่กำลังภาวนาอยู่ ก็นึกถึงว่า ทำไมแฟนไม่โทรมาซักทีว้า อยู่นั่นล่ะ จิตมันก็เหมือนกับลิงนั่นล่ะ การภาวนาก็แค่เอาเชือกไปผูกลิงไว้กับหลัก ไม่ให้มันไปไกลกว่านั้น เวลาเรานึกถึงเรื่องอื่นเราก็ดึงกลับมาครับ ผมฝึกมาเกือบๆสามสิบปี สิ่งที่จิตปฏิบัติเสมอๆคือ จิตจะปลุกให้ตื่นตอนตีสามทุกวันครับ หากผมเหนื่อยจากการงานมากก็สายหน่อยแต่ไม่เกินหกโมงเช้าครับ วันนี้ก็ตีสามเช่นเดิม ลองดูครับประวัติ กับเวปวัดอ้อน้อย อ้อ ผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆ หากแต่แบ่งปันมา เห็นบอกว่าเอาที่นครปฐม ก็นึกถึงวัดนี้กับครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นกันมาเกือบๆสามสิบปีแล้วครับ ผมมีวันนี้ได้เพราะท่านจริงๆ ขอให้พบทางสว่างด้วยตนเอง แล้วเมื่อพบแล้ว สิ่งที่พบเป็นสิ่งดีสิ่งวิเศษ ให้เก็บไว้กับตัวตลอดกาล แม้สิ้นไปก็จะติดตัวเราไปตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะได้มรรคผลนิพานในภายภาคหน้าต่อไป ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุๆๆ


http://www.dhamma-isara.org/

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=polball&month=12-2009&date=17&group=19&gblog=4
บันทึกการเข้า

plew_ch
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,245


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 18:38:23 »

ผมอยู่นครปฐม  อยากได้ที่ใกล้ๆ  เน้นสอนเรื่อง การ อยู่ร่วมกัน ละเว้นการนินทา และให้ปล่อยวางจากการถูกนินทา
ช่วยชี้ทางธรรมให้หน่อย มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
 **************บอกหน่อยนะครับได้บุญมากเลย ขอขอบคุณมากครับ

หากอยู่กำแพงแสน ลองไปวัดอ้อน้อย (หลวงปู่พุทธอิสระ) น่าจะได้อะไรกลับไปตามที่ตั้งหัวข้อไว้ ลองดูประวัติหลวงปู กะเวปวัดมีเบอร์โทรด้วยลองติดต่อดูครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 หากมีพื้นฐานแล้ว ทำที่บ้านโลด(ผมทำที่บ้านมานานแสนนานแล้วครับ) หลวงปู่ชา สุภัทโธ เป็นอาจารย์องค์แรกที่สอนนั่งกรรมฐานให้กับผม อีกองค์คืออาจารย์เอกชัยผมไม่ทราบชื่อฉายาท่านมาแต่แรก อดีตเคยเป็นอาจารย์น่าจะจบป.โท(หากผมจำไม่ผิดนะ) ละทางโลกเข้าไปกราบหลวงปูชา เป็นพระไทยองค์แรกๆที่ได้ไปอยู่ที่วัดป่านานาชาติ น่าจะเพราะท่านมีความรู้หลวงปู่เลยจัดให้ท่านไปอยู่ที่นั่น เมื่อประมาณปี ๒๙ ผมได้มีโอกาสไปฝึกนั่งกรรมฐานกับท่านครับ ปัจจุบันท่านน่าจะปกครองวัดใดวัดหนึ่งอยู่นครปฐมนั่นล่ะ น่าจะอำเภอกำแพงแสนอีกเหมือนกัน ไม่ได้เห็นท่านนับแต่ท่านออกเดินธุดงค์แสวงหาความสงบ นับย้อนหลังจากนี้ก็เกือบๆสามสิบปีแล้วครับ เมื่อเรามีพื้นฐานแล้ว เราแค่กำหนดจิตให้มันจดจ่อๆอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แรกๆไม่เคยมีพื้นฐานเลย อาจสวดมนต์ก่อนครับ จิตของเราก็จะไปจดจ่อกับบทสวดมนต์ พอเริ่มชำนาญ ก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน บางคนก็พิจารณาดูลมหายใจ แล้วภาวนาพุท โธ ๆ บางคนก็ยุบหนอ พองหนอ บางคนก็พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของร่างกายแล้วให้รู้สติโดยตลอดเวลา เช่น ก้าวหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ หยุดหนอ บางคนก็พิจารณาโดยมีเครื่องช่วย เช่นการนั่งสมาธิโดยใช้การเหวี่ยงจิต จะมีเสียงระฆัง เคาะเป็นจังหว่ะๆ แล้วให้เราตามเสียงระฆังไป ไม่นานหากจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ก็เข้าภวังค์ได้ครับ  แล้วแต่ครูบาอาจารย์กับแล้วแต่จริตของแต่ละคนจะถูกจริตกับวิธีไหนครับ ผมครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ภาวนาพุทโธๆ ผมก็ทำตามแล้วก็ใช้มาจนถึงวันนี้ครับ  หลักๆแล้วก็เพื่อให้จิตมันจดจ่อไม่ส่งออกนึกเรื่องอื่นหรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ไงครับ (ไม่ใช่กำลังภาวนาอยู่ ก็นึกถึงว่า ทำไมแฟนไม่โทรมาซักทีว้า อยู่นั่นล่ะ จิตมันก็เหมือนกับลิงนั่นล่ะ การภาวนาก็แค่เอาเชือกไปผูกลิงไว้กับหลัก ไม่ให้มันไปไกลกว่านั้น เวลาเรานึกถึงเรื่องอื่นเราก็ดึงกลับมาครับ ผมฝึกมาเกือบๆสามสิบปี สิ่งที่จิตปฏิบัติเสมอๆคือ จิตจะปลุกให้ตื่นตอนตีสามทุกวันครับ หากผมเหนื่อยจากการงานมากก็สายหน่อยแต่ไม่เกินหกโมงเช้าครับ วันนี้ก็ตีสามเช่นเดิม ลองดูครับประวัติ กับเวปวัดอ้อน้อย อ้อ ผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆ หากแต่แบ่งปันมา เห็นบอกว่าเอาที่นครปฐม ก็นึกถึงวัดนี้กับครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นกันมาเกือบๆสามสิบปีแล้วครับ ผมมีวันนี้ได้เพราะท่านจริงๆ ขอให้พบทางสว่างด้วยตนเอง แล้วเมื่อพบแล้ว สิ่งที่พบเป็นสิ่งดีสิ่งวิเศษ ให้เก็บไว้กับตัวตลอดกาล แม้สิ้นไปก็จะติดตัวเราไปตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะได้มรรคผลนิพานในภายภาคหน้าต่อไป ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุๆๆ


http://www.dhamma-isara.org/

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=polball&month=12-2009&date=17&group=19&gblog=4
อนุโมธานาด้วย นักปฏิบัติตัวจริงมาแนะทาง ก็จะได้ดวงตาเห็นธรรม
บันทึกการเข้า
แอลกอฮอล์40ดีกรี
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,458


ดูรายละเอียด
« ตอบ #7 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 19:02:07 »

ผมอยู่นครปฐม  อยากได้ที่ใกล้ๆ  เน้นสอนเรื่อง การ อยู่ร่วมกัน ละเว้นการนินทา และให้ปล่อยวางจากการถูกนินทา
ช่วยชี้ทางธรรมให้หน่อย มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
 **************บอกหน่อยนะครับได้บุญมากเลย ขอขอบคุณมากครับ

หากอยู่กำแพงแสน ลองไปวัดอ้อน้อย (หลวงปู่พุทธอิสระ) น่าจะได้อะไรกลับไปตามที่ตั้งหัวข้อไว้ ลองดูประวัติหลวงปู กะเวปวัดมีเบอร์โทรด้วยลองติดต่อดูครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 หากมีพื้นฐานแล้ว ทำที่บ้านโลด(ผมทำที่บ้านมานานแสนนานแล้วครับ) หลวงปู่ชา สุภัทโธ เป็นอาจารย์องค์แรกที่สอนนั่งกรรมฐานให้กับผม อีกองค์คืออาจารย์เอกชัยผมไม่ทราบชื่อฉายาท่านมาแต่แรก อดีตเคยเป็นอาจารย์น่าจะจบป.โท(หากผมจำไม่ผิดนะ) ละทางโลกเข้าไปกราบหลวงปูชา เป็นพระไทยองค์แรกๆที่ได้ไปอยู่ที่วัดป่านานาชาติ น่าจะเพราะท่านมีความรู้หลวงปู่เลยจัดให้ท่านไปอยู่ที่นั่น เมื่อประมาณปี ๒๙ ผมได้มีโอกาสไปฝึกนั่งกรรมฐานกับท่านครับ ปัจจุบันท่านน่าจะปกครองวัดใดวัดหนึ่งอยู่นครปฐมนั่นล่ะ น่าจะอำเภอกำแพงแสนอีกเหมือนกัน ไม่ได้เห็นท่านนับแต่ท่านออกเดินธุดงค์แสวงหาความสงบ นับย้อนหลังจากนี้ก็เกือบๆสามสิบปีแล้วครับ เมื่อเรามีพื้นฐานแล้ว เราแค่กำหนดจิตให้มันจดจ่อๆอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แรกๆไม่เคยมีพื้นฐานเลย อาจสวดมนต์ก่อนครับ จิตของเราก็จะไปจดจ่อกับบทสวดมนต์ พอเริ่มชำนาญ ก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน บางคนก็พิจารณาดูลมหายใจ แล้วภาวนาพุท โธ ๆ บางคนก็ยุบหนอ พองหนอ บางคนก็พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของร่างกายแล้วให้รู้สติโดยตลอดเวลา เช่น ก้าวหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ หยุดหนอ บางคนก็พิจารณาโดยมีเครื่องช่วย เช่นการนั่งสมาธิโดยใช้การเหวี่ยงจิต จะมีเสียงระฆัง เคาะเป็นจังหว่ะๆ แล้วให้เราตามเสียงระฆังไป ไม่นานหากจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ก็เข้าภวังค์ได้ครับ  แล้วแต่ครูบาอาจารย์กับแล้วแต่จริตของแต่ละคนจะถูกจริตกับวิธีไหนครับ ผมครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ภาวนาพุทโธๆ ผมก็ทำตามแล้วก็ใช้มาจนถึงวันนี้ครับ  หลักๆแล้วก็เพื่อให้จิตมันจดจ่อไม่ส่งออกนึกเรื่องอื่นหรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ไงครับ (ไม่ใช่กำลังภาวนาอยู่ ก็นึกถึงว่า ทำไมแฟนไม่โทรมาซักทีว้า อยู่นั่นล่ะ จิตมันก็เหมือนกับลิงนั่นล่ะ การภาวนาก็แค่เอาเชือกไปผูกลิงไว้กับหลัก ไม่ให้มันไปไกลกว่านั้น เวลาเรานึกถึงเรื่องอื่นเราก็ดึงกลับมาครับ ผมฝึกมาเกือบๆสามสิบปี สิ่งที่จิตปฏิบัติเสมอๆคือ จิตจะปลุกให้ตื่นตอนตีสามทุกวันครับ หากผมเหนื่อยจากการงานมากก็สายหน่อยแต่ไม่เกินหกโมงเช้าครับ วันนี้ก็ตีสามเช่นเดิม ลองดูครับประวัติ กับเวปวัดอ้อน้อย อ้อ ผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆ หากแต่แบ่งปันมา เห็นบอกว่าเอาที่นครปฐม ก็นึกถึงวัดนี้กับครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นกันมาเกือบๆสามสิบปีแล้วครับ ผมมีวันนี้ได้เพราะท่านจริงๆ ขอให้พบทางสว่างด้วยตนเอง แล้วเมื่อพบแล้ว สิ่งที่พบเป็นสิ่งดีสิ่งวิเศษ ให้เก็บไว้กับตัวตลอดกาล แม้สิ้นไปก็จะติดตัวเราไปตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะได้มรรคผลนิพานในภายภาคหน้าต่อไป ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุๆๆ


http://www.dhamma-isara.org/

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=polball&month=12-2009&date=17&group=19&gblog=4
อ่านกระทู้ท่าน แล้วน้ำตา คอเบ้า นาน นานมากผมเคยไปวัดอ้อน้อยที่นั้นรมเย็นรมรื่นมาก ปัจจุบันผมลืม ลืมธรรมะ ลืมผู้มีพระคุณ ลืมพ่อ ลืมแม่ทั้งที่แม่อยู่ใกล้ผม ลืมหมอที่ช่วยชีวิตผม ลืมเงินหลวงที่เคยเอามารักษาตัวผม ลืมเพื่อนดีๆ สุดท้ายลืมตัวของตัวเอง
แต่ผม ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเซเพ ผมทำงาน ทำหน้าที่พ่อของลูก ทำหน้าที่ลูกแต่อาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผมผิดที่ยังไม่ปล่อยวางเรื่องต่างๆ ผมเป็นคนคิดมาก เป็นคนไม่ยอมคนใครพูดอะไรเข้าหูไม่ได้ ใครด่าก็ด่ากลับใครนินทาก็นินทากลับ สุดท้านโดนขอดเกล็ด ตัดเขี้ยว
*******ดังนั้นผมต้องปล่อยวาง********ขอบคุณมากๆครับ
บันทึกการเข้า

ซ่อมแอร์รถยนต์ครับ ปรึกษาได้ครับไม่ฟันไม่กัดครับใจดี0852622362
น้าเช
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531



ดูรายละเอียด
« ตอบ #8 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 21:46:40 »

วัดอัมพวันครับสิงห์บุรีถ้าลพบุรีก็วัดถ่ำภูตองครับ
บันทึกการเข้า

น้าเช
นักแข่งมืออาชีพอันดับสาม
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 531



ดูรายละเอียด
« ตอบ #9 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 21:50:33 »

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.339639152724996.78411.339150592773852&type=3  ถ่ำภูตองครับ
บันทึกการเข้า

plew_ch
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,245


ดูรายละเอียด
« ตอบ #10 เมื่อ: 05 มิถุนายน 2555 22:44:30 »

หลวงปู้พุทธอิสระ มีผู้รู้บอกว่า ท่านบรรเพ็ญเป็นพระโพธิสัตย์ หมายถึง มุ่งไปทางให้เป็นพระพุทธเจ้า ในชาติต่อฯไป

คนที่รู้ว่าตนเองพลาด แล้วแก้ไข จะไม่มีวันพลาดอีก
บันทึกการเข้า
jedee
นักแข่งมืออาชีพอาวุโส
********
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,490


ได้หมดถ้าสดชื่น


ดูรายละเอียด
« ตอบ #11 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555 04:08:58 »

ผมอยู่นครปฐม  อยากได้ที่ใกล้ๆ  เน้นสอนเรื่อง การ อยู่ร่วมกัน ละเว้นการนินทา และให้ปล่อยวางจากการถูกนินทา
ช่วยชี้ทางธรรมให้หน่อย มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
 **************บอกหน่อยนะครับได้บุญมากเลย ขอขอบคุณมากครับ

หากอยู่กำแพงแสน ลองไปวัดอ้อน้อย (หลวงปู่พุทธอิสระ) น่าจะได้อะไรกลับไปตามที่ตั้งหัวข้อไว้ ลองดูประวัติหลวงปู กะเวปวัดมีเบอร์โทรด้วยลองติดต่อดูครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 หากมีพื้นฐานแล้ว ทำที่บ้านโลด(ผมทำที่บ้านมานานแสนนานแล้วครับ) หลวงปู่ชา สุภัทโธ เป็นอาจารย์องค์แรกที่สอนนั่งกรรมฐานให้กับผม อีกองค์คืออาจารย์เอกชัยผมไม่ทราบชื่อฉายาท่านมาแต่แรก อดีตเคยเป็นอาจารย์น่าจะจบป.โท(หากผมจำไม่ผิดนะ) ละทางโลกเข้าไปกราบหลวงปูชา เป็นพระไทยองค์แรกๆที่ได้ไปอยู่ที่วัดป่านานาชาติ น่าจะเพราะท่านมีความรู้หลวงปู่เลยจัดให้ท่านไปอยู่ที่นั่น เมื่อประมาณปี ๒๙ ผมได้มีโอกาสไปฝึกนั่งกรรมฐานกับท่านครับ ปัจจุบันท่านน่าจะปกครองวัดใดวัดหนึ่งอยู่นครปฐมนั่นล่ะ น่าจะอำเภอกำแพงแสนอีกเหมือนกัน ไม่ได้เห็นท่านนับแต่ท่านออกเดินธุดงค์แสวงหาความสงบ นับย้อนหลังจากนี้ก็เกือบๆสามสิบปีแล้วครับ เมื่อเรามีพื้นฐานแล้ว เราแค่กำหนดจิตให้มันจดจ่อๆอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แรกๆไม่เคยมีพื้นฐานเลย อาจสวดมนต์ก่อนครับ จิตของเราก็จะไปจดจ่อกับบทสวดมนต์ พอเริ่มชำนาญ ก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน บางคนก็พิจารณาดูลมหายใจ แล้วภาวนาพุท โธ ๆ บางคนก็ยุบหนอ พองหนอ บางคนก็พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของร่างกายแล้วให้รู้สติโดยตลอดเวลา เช่น ก้าวหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ หยุดหนอ บางคนก็พิจารณาโดยมีเครื่องช่วย เช่นการนั่งสมาธิโดยใช้การเหวี่ยงจิต จะมีเสียงระฆัง เคาะเป็นจังหว่ะๆ แล้วให้เราตามเสียงระฆังไป ไม่นานหากจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ก็เข้าภวังค์ได้ครับ  แล้วแต่ครูบาอาจารย์กับแล้วแต่จริตของแต่ละคนจะถูกจริตกับวิธีไหนครับ ผมครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ภาวนาพุทโธๆ ผมก็ทำตามแล้วก็ใช้มาจนถึงวันนี้ครับ  หลักๆแล้วก็เพื่อให้จิตมันจดจ่อไม่ส่งออกนึกเรื่องอื่นหรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ไงครับ (ไม่ใช่กำลังภาวนาอยู่ ก็นึกถึงว่า ทำไมแฟนไม่โทรมาซักทีว้า อยู่นั่นล่ะ จิตมันก็เหมือนกับลิงนั่นล่ะ การภาวนาก็แค่เอาเชือกไปผูกลิงไว้กับหลัก ไม่ให้มันไปไกลกว่านั้น เวลาเรานึกถึงเรื่องอื่นเราก็ดึงกลับมาครับ ผมฝึกมาเกือบๆสามสิบปี สิ่งที่จิตปฏิบัติเสมอๆคือ จิตจะปลุกให้ตื่นตอนตีสามทุกวันครับ หากผมเหนื่อยจากการงานมากก็สายหน่อยแต่ไม่เกินหกโมงเช้าครับ วันนี้ก็ตีสามเช่นเดิม ลองดูครับประวัติ กับเวปวัดอ้อน้อย อ้อ ผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆ หากแต่แบ่งปันมา เห็นบอกว่าเอาที่นครปฐม ก็นึกถึงวัดนี้กับครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นกันมาเกือบๆสามสิบปีแล้วครับ ผมมีวันนี้ได้เพราะท่านจริงๆ ขอให้พบทางสว่างด้วยตนเอง แล้วเมื่อพบแล้ว สิ่งที่พบเป็นสิ่งดีสิ่งวิเศษ ให้เก็บไว้กับตัวตลอดกาล แม้สิ้นไปก็จะติดตัวเราไปตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะได้มรรคผลนิพานในภายภาคหน้าต่อไป ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุๆๆ


http://www.dhamma-isara.org/

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=polball&month=12-2009&date=17&group=19&gblog=4
อ่านกระทู้ท่าน แล้วน้ำตา คอเบ้า นาน นานมากผมเคยไปวัดอ้อน้อยที่นั้นรมเย็นรมรื่นมาก ปัจจุบันผมลืม ลืมธรรมะ ลืมผู้มีพระคุณ ลืมพ่อ ลืมแม่ทั้งที่แม่อยู่ใกล้ผม ลืมหมอที่ช่วยชีวิตผม ลืมเงินหลวงที่เคยเอามารักษาตัวผม ลืมเพื่อนดีๆ สุดท้ายลืมตัวของตัวเอง
แต่ผม ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเซเพ ผมทำงาน ทำหน้าที่พ่อของลูก ทำหน้าที่ลูกแต่อาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผมผิดที่ยังไม่ปล่อยวางเรื่องต่างๆ ผมเป็นคนคิดมาก เป็นคนไม่ยอมคนใครพูดอะไรเข้าหูไม่ได้ ใครด่าก็ด่ากลับใครนินทาก็นินทากลับ สุดท้านโดนขอดเกล็ด ตัดเขี้ยว
*******ดังนั้นผมต้องปล่อยวาง********ขอบคุณมากๆครับ

  ที่บอกว่าปัจจุบันผมลืม ลืมธรรมะ ลืมผู้มีพระคุณ ลืมพ่อ ลืมแม่ทั้งที่แม่อยู่ใกล้ผม ลืมหมอที่ช่วยชีวิตผม ลืมเงินหลวงที่เคยเอามารักษาตัวผม ลืมเพื่อนดีๆ สุดท้ายลืมตัวของตัวเอง อันนี้ผมว่าไม่ใช่หรอกครับ แต่มันเป็นข้ออ้างของจิตว่าเป็นเช่นนั้น หากคุณบอกลืมธรรมะ แล้วจะมาตั้งกระทู้นี้ถามทำไม หากคุณบอกว่าลืมผู้มีพระคุณลืมคุณพ่อ ลืมแม่ คุณก็ยังรู้อยู่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณหน้าตาเป็นเช่นไร แถมยังรู้อีกว่าอยู่ใกล้ท่านแล้วดันไม่ทำอะไรให้ท่านอีกต่างหาก บอกว่าลืมหมอที่ช่วยชีวิตคุณแต่ก็ยังรู้อีกว่าคุณป่วยหรือประสพอุบัติเหตุ จนหมอต้องมาทำหน้าที่ แล้วลืมเงินหลวงที่เคยเอามารักษาตัวแต่ก็ยังคงใช้เงินหลวงอยู่จนเท่าทุกวันนี้แมร่นบ้อ  คุณ ลืมเพื่อนดีๆ สุดท้ายลืมตัวเอง แต่ก็ยังรู้ว่าเคยมีเพื่อนดีๆอยู่ แถมยังเอาตัวเองมาบอกว่าลืมตัวเองไปแล้ว เอ๊ะ ได้ยังไง ผมว่าไม่ใช่ทั้งหมดเลยครับ  แต่สิ่งที่บอกมานั้นไม่ใช่ตัวตนของคุณ แต่เป็นเรื่องของจิตที่มันหาทางออกให้กับคุณต่างหาก   คุณแค่ทำในทางตรงกันข้ามเท่านั้นครับ  ลองใหม่ๆ ทำในสิ่งตรงกันข้ามครับ ที่บอกว่าลืมๆอะไรนั่น แท้จริงแล้วคุณไม่เคยลืมเลย จำได้ละเอียด แต่จิตมันไม่ยอมรับ สุดท้ายเลยบอกว่าลืมแม้ตัวเอง ในทางธรรมแล้ว เป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเลยครับ ต้องขออภัยที่จำเป็นต้องเรียนตรงๆ  ลองใหม่ ลองทำในสิ่งใหม่ ทำในสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านเคยทำไว้เมื่อประมาณสองพันหกร้อยปี (จริงๆสองพันห้าร้อยเก้าสิบเก้าปีต่างหากครับ) ทวนกระแส แล้วไม่ต้องโทษใคร ใช้ปัญญาลองพิจารณาดูว่า ทำไมเราถึงสร้างเหตุปัจจัยให้เป็นเช่นนั้น จนได้รับผลดังที่บอก แท้จริงแล้วล้วนมาจากตัวเราด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แต่กิเลสนั้นยากแท้หยั่งถึง มันไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด เลยทำให้ต้องโทษสิ่งกระทบอื่น แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลยสักครั้ง ลองทำในสิ่งใหม่ดูครับ  โดยเฉพาะคุณทำกับพระพรหมสององค์ของคุณ(หากท่านยังอยู่นะ แต่คุณแม่อยู่ใกล้ๆนี่ )ลองทำให้ท่านยิ้มได้ ลองทำให้ท่านหัวเราะได้ ลองทำให้ท่านสบายใจได้ ลองทำอะไรที่ดีๆสำหรับท่านดูสักครั้ง หากที่เคยทำมาแล้ว ก็ลองทำให้ดีเพิ่มขึ้นอีก อานิสงค์ที่คุณจะได้ในการทำกับพ่อแม่จะย้อนกลับมาหาคุณนับแสนเท่าทีเดียวครับ ผมผ่านตรงนั้นมานานมากแล้ว อยากจะถือวิสาสะแนะนำสิ่งดีๆครับ แค่ทำบ้านให้เป็นวิมาน ทำสิ่งดีๆให้คนข้างเคียง บริวารผู้ใกล้ชิด ที่นั่นย่อมมีแต่ความสงบ ร่มเย็นครับ เมื่อสิ่งที่ดีส่งผล เราก็ขยายออกไปสู่คนห่างไกล สู่คนที่ไม่รู้จัก สู่คนที่กำลังรอโอกาสจากเรา วันหนึ่ง คุณก็จะพบกับสัจจะธรรมนี้  ผมทุกวันนี้ ส่งคืนให้แก่โลกจนเกือบหมดแล้ว อันไหนพอเฉลี่ยเจือจานแบ่งปันได้ โดยที่เราไม่เดือดร้อนก็จะทำทันที   เมื่อวันหนึ่งมาถึงซึ่งเป็นวันของคุณ ก็จะทราบเองว่า สิ่งที่คุณบอกว่าลืมๆอะไรนั่น แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เลย จิตเราจะบันทึกไว้หมดครับ อันนี้ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะ ขอให้พบในสิ่งที่กำลังถามหาเร็วๆครับ   คุณไม่เคยลืม แต่พยายามลืมพยายามไม่คิด หากใครย้อนเวลาได้ เขาคงย้อนกลับไปแก้ไขในสิ่งผิดให้กลับดีดังเดิม แต่อย่าไปอยู่กับอดีตครับ อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ อนาคตก็เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่สมควรไปกล่าวถึงมันครับ ให้อยู่กับปัจจุบันรู้สติ รู้ตื่น เหมือนเช่นคำภาวนาว่า พุทโธๆ ซึ่งหมายถึงผู้ รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบานครับ ขอบคุณมากครับ ที่ให้โอกาสสร้างบุญบารมี หากสิ่งที่บอกมาจะไปกระทบกระเทือนใจท่านไม่มากก็น้อย ผู้เขียนต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ไม่มีเจตนาร้ายใดๆแฝงมาเลย หากแต่เคยเป็นเช่นท่านมาก่อนเหมือนกัน แต่วันนี้พบหนทางที่จะค่อยๆเดินไปแล้ว แก้ที่ตัวเราก่อนครับ วันๆหากเราไม่หงุดหงิด ไม่โมโหเลย ใจสบายๆร่มๆอยู่ได้ทั้งวัน ตื่นมาก็พร้อมที่จะทำงานในวันใหม่ทุกๆวัน เพราะจิตเป็นสุข เหล่านี้ล้วนสร้างเหตุปัจจัยที่ดีให้กับตัวเราและคนรอบข้าง   ค่อยๆทำ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปครับ บารมีไม่ได้สร้างสมเพียงวันเดียว แต่จะค่อยๆสะสมทีละเล็กละน้อย ไปครับ วันหนึ่งก็พบหนทางเองล่ะ โชคดีตอนเช้าๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06 มิถุนายน 2555 04:17:54 โดย jedee » บันทึกการเข้า

แอลกอฮอล์40ดีกรี
นักแข่งมืออาชีพอันดับหนึ่ง
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,458


ดูรายละเอียด
« ตอบ #12 เมื่อ: 06 มิถุนายน 2555 18:18:12 »

ผมอยู่นครปฐม  อยากได้ที่ใกล้ๆ  เน้นสอนเรื่อง การ อยู่ร่วมกัน ละเว้นการนินทา และให้ปล่อยวางจากการถูกนินทา
ช่วยชี้ทางธรรมให้หน่อย มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

 **************บอกหน่อยนะครับได้บุญมากเลย ขอขอบคุณมากครับ

หากอยู่กำแพงแสน ลองไปวัดอ้อน้อย (หลวงปู่พุทธอิสระ) น่าจะได้อะไรกลับไปตามที่ตั้งหัวข้อไว้ ลองดูประวัติหลวงปู กะเวปวัดมีเบอร์โทรด้วยลองติดต่อดูครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
 หากมีพื้นฐานแล้ว ทำที่บ้านโลด(ผมทำที่บ้านมานานแสนนานแล้วครับ) หลวงปู่ชา สุภัทโธ เป็นอาจารย์องค์แรกที่สอนนั่งกรรมฐานให้กับผม อีกองค์คืออาจารย์เอกชัยผมไม่ทราบชื่อฉายาท่านมาแต่แรก อดีตเคยเป็นอาจารย์น่าจะจบป.โท(หากผมจำไม่ผิดนะ) ละทางโลกเข้าไปกราบหลวงปูชา เป็นพระไทยองค์แรกๆที่ได้ไปอยู่ที่วัดป่านานาชาติ น่าจะเพราะท่านมีความรู้หลวงปู่เลยจัดให้ท่านไปอยู่ที่นั่น เมื่อประมาณปี ๒๙ ผมได้มีโอกาสไปฝึกนั่งกรรมฐานกับท่านครับ ปัจจุบันท่านน่าจะปกครองวัดใดวัดหนึ่งอยู่นครปฐมนั่นล่ะ น่าจะอำเภอกำแพงแสนอีกเหมือนกัน ไม่ได้เห็นท่านนับแต่ท่านออกเดินธุดงค์แสวงหาความสงบ นับย้อนหลังจากนี้ก็เกือบๆสามสิบปีแล้วครับ เมื่อเรามีพื้นฐานแล้ว เราแค่กำหนดจิตให้มันจดจ่อๆอยู่ที่ใดที่หนึ่ง แรกๆไม่เคยมีพื้นฐานเลย อาจสวดมนต์ก่อนครับ จิตของเราก็จะไปจดจ่อกับบทสวดมนต์ พอเริ่มชำนาญ ก็แล้วแต่จริตของแต่ละคน บางคนก็พิจารณาดูลมหายใจ แล้วภาวนาพุท โธ ๆ บางคนก็ยุบหนอ พองหนอ บางคนก็พิจารณาจากการเคลื่อนไหวของร่างกายแล้วให้รู้สติโดยตลอดเวลา เช่น ก้าวหนอ ย่างหนอ เหยียบหนอ หยุดหนอ บางคนก็พิจารณาโดยมีเครื่องช่วย เช่นการนั่งสมาธิโดยใช้การเหวี่ยงจิต จะมีเสียงระฆัง เคาะเป็นจังหว่ะๆ แล้วให้เราตามเสียงระฆังไป ไม่นานหากจิตจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้น ก็เข้าภวังค์ได้ครับ  แล้วแต่ครูบาอาจารย์กับแล้วแต่จริตของแต่ละคนจะถูกจริตกับวิธีไหนครับ ผมครูบาอาจารย์ท่านสอนให้ภาวนาพุทโธๆ ผมก็ทำตามแล้วก็ใช้มาจนถึงวันนี้ครับ  หลักๆแล้วก็เพื่อให้จิตมันจดจ่อไม่ส่งออกนึกเรื่องอื่นหรือเรื่องนั้นเรื่องนี้ไงครับ (ไม่ใช่กำลังภาวนาอยู่ ก็นึกถึงว่า ทำไมแฟนไม่โทรมาซักทีว้า อยู่นั่นล่ะ จิตมันก็เหมือนกับลิงนั่นล่ะ การภาวนาก็แค่เอาเชือกไปผูกลิงไว้กับหลัก ไม่ให้มันไปไกลกว่านั้น เวลาเรานึกถึงเรื่องอื่นเราก็ดึงกลับมาครับ ผมฝึกมาเกือบๆสามสิบปี สิ่งที่จิตปฏิบัติเสมอๆคือ จิตจะปลุกให้ตื่นตอนตีสามทุกวันครับ หากผมเหนื่อยจากการงานมากก็สายหน่อยแต่ไม่เกินหกโมงเช้าครับ วันนี้ก็ตีสามเช่นเดิม ลองดูครับประวัติ กับเวปวัดอ้อน้อย อ้อ ผมไม่มีส่วนได้เสียใดๆ หากแต่แบ่งปันมา เห็นบอกว่าเอาที่นครปฐม ก็นึกถึงวัดนี้กับครูบาอาจารย์ที่ไม่เคยเห็นกันมาเกือบๆสามสิบปีแล้วครับ ผมมีวันนี้ได้เพราะท่านจริงๆ ขอให้พบทางสว่างด้วยตนเอง แล้วเมื่อพบแล้ว สิ่งที่พบเป็นสิ่งดีสิ่งวิเศษ ให้เก็บไว้กับตัวตลอดกาล แม้สิ้นไปก็จะติดตัวเราไปตลอดทุกภพทุกชาติ จนกว่าจะได้มรรคผลนิพานในภายภาคหน้าต่อไป ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุๆๆ


http://www.dhamma-isara.org/

http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=polball&month=12-2009&date=17&group=19&gblog=4
อ่านกระทู้ท่าน แล้วน้ำตา คอเบ้า นาน นานมากผมเคยไปวัดอ้อน้อยที่นั้นรมเย็นรมรื่นมาก ปัจจุบันผมลืม ลืมธรรมะ ลืมผู้มีพระคุณ ลืมพ่อ ลืมแม่ทั้งที่แม่อยู่ใกล้ผม ลืมหมอที่ช่วยชีวิตผม ลืมเงินหลวงที่เคยเอามารักษาตัวผม ลืมเพื่อนดีๆ สุดท้ายลืมตัวของตัวเอง
แต่ผม ก็ไม่ได้ใช้ชีวิตแบบเซเพ ผมทำงาน ทำหน้าที่พ่อของลูก ทำหน้าที่ลูกแต่อาจจะไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ผมผิดที่ยังไม่ปล่อยวางเรื่องต่างๆ ผมเป็นคนคิดมาก เป็นคนไม่ยอมคนใครพูดอะไรเข้าหูไม่ได้ ใครด่าก็ด่ากลับใครนินทาก็นินทากลับ สุดท้านโดนขอดเกล็ด ตัดเขี้ยว
*******ดังนั้นผมต้องปล่อยวาง********ขอบคุณมากๆครับ

  ที่บอกว่าปัจจุบันผมลืม ลืมธรรมะ ลืมผู้มีพระคุณ ลืมพ่อ ลืมแม่ทั้งที่แม่อยู่ใกล้ผม ลืมหมอที่ช่วยชีวิตผม ลืมเงินหลวงที่เคยเอามารักษาตัวผม ลืมเพื่อนดีๆ สุดท้ายลืมตัวของตัวเอง อันนี้ผมว่าไม่ใช่หรอกครับ แต่มันเป็นข้ออ้างของจิตว่าเป็นเช่นนั้น หากคุณบอกลืมธรรมะ แล้วจะมาตั้งกระทู้นี้ถามทำไม หากคุณบอกว่าลืมผู้มีพระคุณลืมคุณพ่อ ลืมแม่ คุณก็ยังรู้อยู่ว่าคุณพ่อคุณแม่ของคุณหน้าตาเป็นเช่นไร แถมยังรู้อีกว่าอยู่ใกล้ท่านแล้วดันไม่ทำอะไรให้ท่านอีกต่างหาก บอกว่าลืมหมอที่ช่วยชีวิตคุณแต่ก็ยังรู้อีกว่าคุณป่วยหรือประสพอุบัติเหตุ จนหมอต้องมาทำหน้าที่ แล้วลืมเงินหลวงที่เคยเอามารักษาตัวแต่ก็ยังคงใช้เงินหลวงอยู่จนเท่าทุกวันนี้แมร่นบ้อ  คุณ ลืมเพื่อนดีๆ สุดท้ายลืมตัวเอง แต่ก็ยังรู้ว่าเคยมีเพื่อนดีๆอยู่ แถมยังเอาตัวเองมาบอกว่าลืมตัวเองไปแล้ว เอ๊ะ ได้ยังไง ผมว่าไม่ใช่ทั้งหมดเลยครับ  แต่สิ่งที่บอกมานั้นไม่ใช่ตัวตนของคุณ แต่เป็นเรื่องของจิตที่มันหาทางออกให้กับคุณต่างหาก   คุณแค่ทำในทางตรงกันข้ามเท่านั้นครับ  ลองใหม่ๆ ทำในสิ่งตรงกันข้ามครับ ที่บอกว่าลืมๆอะไรนั่น แท้จริงแล้วคุณไม่เคยลืมเลย จำได้ละเอียด แต่จิตมันไม่ยอมรับ สุดท้ายเลยบอกว่าลืมแม้ตัวเอง ในทางธรรมแล้ว เป็นข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเลยครับ ต้องขออภัยที่จำเป็นต้องเรียนตรงๆ  ลองใหม่ ลองทำในสิ่งใหม่ ทำในสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านเคยทำไว้เมื่อประมาณสองพันหกร้อยปี (จริงๆสองพันห้าร้อยเก้าสิบเก้าปีต่างหากครับ) ทวนกระแส แล้วไม่ต้องโทษใคร ใช้ปัญญาลองพิจารณาดูว่า ทำไมเราถึงสร้างเหตุปัจจัยให้เป็นเช่นนั้น จนได้รับผลดังที่บอก แท้จริงแล้วล้วนมาจากตัวเราด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แต่กิเลสนั้นยากแท้หยั่งถึง มันไม่ยอมรับว่าตัวเองผิด เลยทำให้ต้องโทษสิ่งกระทบอื่น แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลยสักครั้ง ลองทำในสิ่งใหม่ดูครับ  โดยเฉพาะคุณทำกับพระพรหมสององค์ของคุณ(หากท่านยังอยู่นะ แต่คุณแม่อยู่ใกล้ๆนี่ )ลองทำให้ท่านยิ้มได้ ลองทำให้ท่านหัวเราะได้ ลองทำให้ท่านสบายใจได้ ลองทำอะไรที่ดีๆสำหรับท่านดูสักครั้ง หากที่เคยทำมาแล้ว ก็ลองทำให้ดีเพิ่มขึ้นอีก อานิสงค์ที่คุณจะได้ในการทำกับพ่อแม่จะย้อนกลับมาหาคุณนับแสนเท่าทีเดียวครับ ผมผ่านตรงนั้นมานานมากแล้ว อยากจะถือวิสาสะแนะนำสิ่งดีๆครับ แค่ทำบ้านให้เป็นวิมาน ทำสิ่งดีๆให้คนข้างเคียง บริวารผู้ใกล้ชิด ที่นั่นย่อมมีแต่ความสงบ ร่มเย็นครับ เมื่อสิ่งที่ดีส่งผล เราก็ขยายออกไปสู่คนห่างไกล สู่คนที่ไม่รู้จัก สู่คนที่กำลังรอโอกาสจากเรา วันหนึ่ง คุณก็จะพบกับสัจจะธรรมนี้  ผมทุกวันนี้ ส่งคืนให้แก่โลกจนเกือบหมดแล้ว อันไหนพอเฉลี่ยเจือจานแบ่งปันได้ โดยที่เราไม่เดือดร้อนก็จะทำทันที   เมื่อวันหนึ่งมาถึงซึ่งเป็นวันของคุณ ก็จะทราบเองว่า สิ่งที่คุณบอกว่าลืมๆอะไรนั่น แท้จริงแล้วมันไม่ใช่เลย จิตเราจะบันทึกไว้หมดครับ อันนี้ต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้วล่ะ ขอให้พบในสิ่งที่กำลังถามหาเร็วๆครับ   คุณไม่เคยลืม แต่พยายามลืมพยายามไม่คิด หากใครย้อนเวลาได้ เขาคงย้อนกลับไปแก้ไขในสิ่งผิดให้กลับดีดังเดิม แต่อย่าไปอยู่กับอดีตครับ อดีตคือสิ่งที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ ให้อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้ อนาคตก็เป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง ไม่สมควรไปกล่าวถึงมันครับ ให้อยู่กับปัจจุบันรู้สติ รู้ตื่น เหมือนเช่นคำภาวนาว่า พุทโธๆ ซึ่งหมายถึงผู้ รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบานครับ ขอบคุณมากครับ ที่ให้โอกาสสร้างบุญบารมี หากสิ่งที่บอกมาจะไปกระทบกระเทือนใจท่านไม่มากก็น้อย ผู้เขียนต้องกราบขออภัยเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ไม่มีเจตนาร้ายใดๆแฝงมาเลย หากแต่เคยเป็นเช่นท่านมาก่อนเหมือนกัน แต่วันนี้พบหนทางที่จะค่อยๆเดินไปแล้ว แก้ที่ตัวเราก่อนครับ วันๆหากเราไม่หงุดหงิด ไม่โมโหเลย ใจสบายๆร่มๆอยู่ได้ทั้งวัน ตื่นมาก็พร้อมที่จะทำงานในวันใหม่ทุกๆวัน เพราะจิตเป็นสุข เหล่านี้ล้วนสร้างเหตุปัจจัยที่ดีให้กับตัวเราและคนรอบข้าง   ค่อยๆทำ ค่อยๆเป็น ค่อยๆไปครับ บารมีไม่ได้สร้างสมเพียงวันเดียว แต่จะค่อยๆสะสมทีละเล็กละน้อย ไปครับ วันหนึ่งก็พบหนทางเองล่ะ โชคดีตอนเช้าๆครับ

ผมอายุ31 แล้วยังคิดไม่ได้อย่างน้าเลย อ่านบทความของน้า จากเป็นคนใจบอด ก็เริ่มเห็นแสงส่วางขึ้นแม้นแสงนั้นจะเท่ารูเข็ม
ก็ตาม ถ้าผมหลุดพ้นห่วง ห่วงนี้ไปได้ผมว่าชีวิตผมมีความสุขแน่ๆ  ผมต้องปรับนิสัยใหม่ ผมเป็นคนไม่ชอบสังคม ช่วยเหลือคนตกทุขได้ยากผมก็เคยช่วย ไม่เคยเกี่ยง ส่วนใหญ่จะเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก  แต่กับเพื่อนตัวผมเองจะไม่สังคมและช่วยเหลือเท่าไำร เพื่อนเลยมองผมว่าเป็นคนใจแคบ
บันทึกการเข้า

ซ่อมแอร์รถยนต์ครับ ปรึกษาได้ครับไม่ฟันไม่กัดครับใจดี0852622362
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!