2481
|
AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / เรื่องน่าคิดของขนาดท่อไอเสีย
|
เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2007 13:44:17
|
ขนาดของท่อไอเสีย ส่งผลต่อการคายไอเสียออกจากห้องเผาใหม้มากที่สุด ไอเสียถูกคายออกเร็วไป ( ค่าFlow ไอเสียสูงมาก ) จะส่งผลให้ไอดีที่กำลังประจุใหม่ไหลออกตามไปด้วย ทำให้ปริมาณของไอดีลดลง ส่งผลให้การจุดระเบิดไม่รุนแรง >>> กำลังเครื่องลดลง
ไอเสียถูกคายออกช้าไป ( ค่าFlowไอเสียต่ำ ) จะส่งผลให้ไอดีที่กำลังประจุใหม่ถูกต้านไว้ไม่ให้ไหลเข้าได้หมด ทำให้ปริมาณของไอดีลดลงเช่นกัน ส่งผลให้การจุดระเบิดไม่รุนแรง >>> กำลังเครื่องลดลง
ท่อขนาดใหน ระบายไอเสียได้เร็ว ( ค่าFlow สูง ) ....... หลายคนยังเข้าใจผิดว่าท่อใหญ่จะระบายไอเสียได้เร็วกว่า ให้ค่าFlow ที่สูงกว่า เรื่องนี้ ทดสอบด้วยการเปิดน้ำประปาที่บ้านเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน ใช้ท่อยางขนาด 1 นิ้ว เปิดก๊อกจนสุด สมมุติว่าน้ำสามารถพุ่งได้ไกล 5 เมตร หากเปลี่ยนมาใช้ท่อยางขนาด 2 นิ้ว เปิดก๊อกจนสุด จะพบว่าน้ำสามารถพุ่งได้น้อยกว่า 5 เมตรแน่นอน จะให้น้ำพุ่งไปไกล 5 เมตรเท่าเดิม ก็ต้องเพิ่มแรงดันน้ำเข้าไปอีก
ในรถยนต์ก็เหมือนกัน...... เครื่องยนต์ Standard เขาออกแบบท่อไอเสียให้มีค่าการFlow ของไอเสียที่เหมาะสมกับมวลของไอเสีย - ที่รอบเครื่องยนต์แต่ละย่านความเร็ว แล้วหาค่าเฉลี่ยของแรงม้าและแรงบิดที่ได้ออกมา โดยเลือกเอาค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุด ด้วยการทดสอบบนDyno จะพบว่าค่าแรงม้าและแรงบิด มันสัมพันธ์กันกับค่าFlow ของไอเสีย ตามรอบของเครื่องยนต์ หากเครื่องไม่มีการModify ด้วยการเพิ่มน้ำมันและอากาศเข้าไปมากกว่าเดิม นั่นคือมวลของไอเสียเท่าเดิม เมื่อเราเพิ่มขนาดของท่อไอเสียเข้าไป( ให้ใหญ่ขึ้น ) มันจะส่งผลให้การFlow ของไอเสียลดลง นั่นคือ คายไอเสียไม่ออก ไม่ใช่คายไอเสียได้ดีกว่าเดิม สิ่งที่จะตามมาคือ แรงม้าและแรงบิดลดลง ถ้าเป็นเครื่องยนต์แบบTurbo การคายไอเสียไม่ออก ยังส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่โข่งหลังของTurbo ทำให้โข่งหลังแตก หรือร้าวได้ หากต้องการให้ค่าFlowของไอเสียเพิ่มขึ้น นั่นคือต้องเร่งรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น รถที่ท่อใหญ่กว่าStandard จึงให้แรงม้าและแรงบิดที่รอบสูงกว่าปกติ ( บางคนบอก ท่อใหญ่ได้ปลาย )
ท่อไอเสียที่มีขนาดเหมาะสมที่สุด ก็คือท่อที่ให้ค่าFlowของไอเสียคงที่ๆสุด ทั้งรอบสูงและรอบต่ำ แต่อย่างว่าละครับ ทุกอย่างมีได้มีเสีย ท่อบางขนาดก็จะดีในช่วงรอบต่ำ แต่มาเสียในช่วงรอบสูงๆ การที่จะให้ท่อไอเสียตอบสนองทุกย่านความเร็วรอบให้คงที่จึงเป็นไปไม่ได้ แต่ก็วิธีแก้ คือทดสอบเก็บค่าทุกย่านความเร็วรอบ และหาค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดเอา และการทดสอบ ต้องกระทำบนDyno และมีการวัดค่าFlow ของไอเสียตลอดย่านความเร็วรอบเท่านั้น
"สรุป ท่อไอเสียขนาดเล็กกว่า จะส่งผลดีที่รอบต่ำ แต่อาจจะไม่ดีที่รอบสูงๆ ถ้ามันเล็กเกินไป " และท่อไอเสียขนาดใหญ่กว่า จะส่งผลดีที่รอบสูง แต่อาจจะไม่ดีที่รอบต่ำๆ ถ้ามันใหญ่เกินไป ท่อที่ดีที่สุดคือท่อที่มีขนาดเหมาะสม สามารถระบายไอเสียออกได้หมดพอดี ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป คุณจึงต้องเลือกเอาว่าจะเอาไปใช้งานแบบใหน และรถคุณมีPower Band แบบใด
Enjoy..... AE Man Handyman
|
|
|
2483
|
AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / EDFC - ปรับโช้กด้วยไฟฟ้า (Electronic Damping Force Controller)
|
เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2007 19:49:31
|
EDFC - ปรับโช้กด้วยไฟฟ้า (Electronic Damping Force Controller) โช๊กอัพนอกจากจะทำหน้าที่ควบคุมการเต้นของสปริง แหนบหรือทอร์ชันบาร์แล้ว ยังมีผลเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทรงตัว และความนุ่มนวลตลอดการขับรถยนต์ ไม่ใช่บทสรุปตายตัวว่า โช้กอัพที่มีความหนืดมาก (หรือเรียกกันว่าแข็ง) จะมีจุดเด่น คือให้ความมั่นคงขณะขับความเร็วสูง แต่มีจุดด้อยด้านความกระด้างเมื่อขับช้า ๆ และในทางกลับกัน โช้กอัพนิ่ม ๆ จะเด่นในด้านความนุ่มนวลเมื่อขับช้า และมีผลให้รถยนต์มีอาการโคลงช่วงความเร็วสูง เพราะยังต้องเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่น อีกมากมาย เช่น รูปแบบ และวัสดุของระบบช่วงล่าง สปริง (หรือแหนบ และทอร์ชันบาร์) การบิดตัวของตัวถัง แต่ในการใช้งานจริงก็พบว่า ความแข็งของโช้กอัพ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความนุ่มนวล และอาการโคลงอยู่ไม่น้อย เช่น ถ้าชอบขับเร็วบ่อย ๆ ก็ต้องยอมกระด้างกับโช้กอัพที่หนืดมากหน่อย หรือถ้าอยากได้ความนุ่มนวล ก็เลือกใช้โช้กอัพหนืดน้อย ๆ นิ่ม ๆ แล้วต้องยอมโคลงบ้างเมื่อขับเร็ว ได้อย่างก็ต้องยอมเสียอย่าง จะให้ทั้งนุ่มนวล และไม่โคลงเป็นเรื่องยาก แต่ในซีกของผู้ผลิต ก็มีความพยายามจะทำให้โช้กอัพ ทั้งนุ่มนวล ทั้งทรงตัวดีตลอดการขับขี่
โช้กอัพแบบปรับความแข็งได้ มักเป็นชุดแต่งที่ไม่ได้ติดมากับรถยนต์จากโรงงานประกอบ ส่วยใหญ่เป็นแบบปรับด้วยมือ โดยมี 2 แบบหลัก คือ 1. ปุ่มหมุนที่ข้างกระบอก หรือ 2. ไขที่แกน ซึ่งแยกย่อยได้อีก 2 แบบ คือ 2.1 ต้องถอดออกมาจากรถยนต์แล้วค่อยปรับโดยการกดแกนจนสุดแล้วหมุนแกนเพื่อปรับวาล์วภายใน 2.2 ไขที่ยอดของแกนซึ่งมีไส้ขนาดเล็กซ้อนอยู่ด้านใน สอดลงไปรับวาล์วที่ปลายแกนด้านล่าง
ปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตโช้กอัพหลายยี่ห้อ หันมาผลิตโช้กอัพแบบปรับความแข็งโดยการหมุนปรับที่ยอดของแกนกันมากขึ้นเพราะสามารถ ใช้งานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องมุดหรือถอดล้อ หรือถอดไส้โช้กอัพออกมาปรับ การปรับด้วยมือ ยังไม่สะดวกเพียงพอเพราะต้องจอด รถยนต์ และเปิดฝากระโปรงเพื่อหมุนปรับ เหนือชั้นขึ้นไปอีก จึงมีการพัฒนาการปรับความหนืดของโช้กอัพด้วยไฟฟ้าขึ้นมา
โดยทั่วไปแล้ว การปรับความแข็งหรือความหนืดของโช้กอัพ จะทำโดยการเปลี่ยนขนาดของรูสำหรับให้น้ำมันไหลผ่านบนตัววาล์ว ในกระบอกโช้กอัพ ถ้ารูมีขนาดเล็ก น้ำมันไหลผ่านยาก โช้กอัพก็มีความหนืดมาก ขยับตัวได้ยาก (ส่วนจะเป็นการปรับช่วงยุบ-Bump หรือยืด-Reboundเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) โช้กอัพที่ปรับความหนืดด้วยไฟฟ้า มีใช้ในรถยนต์ในสายการผลิตเพียงไม่กี่รุ่นกี่ยี่ห้อ และมัก เป็นการติดตั้งมอเตอร์เข้ากับยอดของไส้ที่สอดไว้ในแกนโช้กอัพ แล้วพ่วงไว้ด้วยระบบควบคุมการหมุนของมอเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ ปรับได้ 2-3 ระดับความแข็งเท่านั้น สรุปง่ายๆก็คือ ยังเป็นการปรับขนาดของรูที่น้ำมันจะไหลผ่านโดยใช้วิธีหมุนไส้ภายในแกนดช้กอัพ แต่เสริมการหมุนไส้นั้นด้วยมอเตอร์เข้าไปแทนคนหมุน
ในต่างประเทศ จะมีรถยนต์หลายรุ่นกว่าไทยที่ใช้โช้กอัพแบบปรับความแข็งด้วยไฟฟ้า แต่ในเมืองไทยมีแค่ไม่กี่รุ่น ที่คุ้นเคยกันก็มี นิสสัน เซฟิโรรหัสตัวถังเอ31 ขับเคลื่อนล้อหลัง ปรับได้สะดวก แค่กดสวิตช์ที่อยู่ในแผงหน้าปัด เลือกได้แค่ 2 ระดับ คือ SPORT (แข็ง) และCOMFORT (นุ่ม)
การปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยไฟฟ้า ยังเป็นฝันของนักขับเท้าหนักหลายคน ที่อยากได้ทั้งความนุ่มนวล และการทรงตัวที่ดีควบคู่กัน แต่ก็แพง และมักจะลงเอยกับโช้กอัพชุดแต่งที่ปรับความหนืดได้ด้วยมือขณะจอดรถยนต์ เพราะมีไม่กี่สำนักแต่งที่ผลิตชุดปรับโช้กอัพ ด้วยไฟฟ้าออกมาหรือถ้ามีก็แพงมาก
EDFC-Electronic Damping Force Controller TEIN สำนักแต่งจากญี่ปุ่นที่เน้นการโมดิฟายช่วงล่าง ได้ผลิตอุปกรณ์ช่วยปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อนำไปติดตั้ง เสริมเข้ากับโช้กอัพที่สามารถปรับความแข็ง ได้ด้วยการหมุนไส้ภายในแกนจากด้านบน EDFC ประกอบด้วยมอเตอร์ขนาดเล็ก 4 ตัว (มอเตอร์ 1 ตัว ต่อโช้กอัพ 1 ตัว) เป็นแบบ STEP MOTOR สามารถหมุนและหยุดเป็นจังหวะได้, ชุดสายไฟ และตัวควบคุม แบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมจอแสดงสถานะ ขนาด ผ DIN สำหรับติดตั้งในห้องโดยสาร อุปกรณ์นี้ไม่ได้ทำให้โช้กอัพธรรมดาสามารถ ปรับความหนืดได้ แต่เป็นอุปกรณ์เสิรมสำหรับติดตั้งเข้ากับยอดแกนของโช้กอัพที่ปรับได้อยู่แล้ว เพื่อให้ผู้ขับสามารถปรับความหนืดได้ จากภายในห้องโดยสาร ตัวกล่องมอเตอร์จะมีรูเกลียวตัวเมียสำหรับไขติดกับเกลียวตัวผู้รอบนอกยอดของแกนโช้กอัพ และตัวมอเตอร์ มีแกนโผล่ลงไปเสียบกับยอดของไส้ในที่แหย่ลงไปปรับวาล์วด้านล่าง ซึ่งซ้อนอยู่ในแกนโช้กอัพ เมื่อจ่ายไฟให้มอเตอร์หมุน ก็จะพา ไส้ในให้หมุนตาม ซึ่งเป็นการปรับความหนืดจากการหรี่หรือขยายรูบนตัววาล์วภายในโช้กอัพที่จะให้น้ำมันไหลผ่าน ตามพื้นฐานเดิม ของโช้กอัพตัวนั้น ตัวมอเตอร์หมุนได้ทั้งหมด 16 จังหวะ (แต่ละจังหวะจะขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) โดยสามารถเพิ่มความละเอียด ให้มอเตอร์หมุนครั้งละครึ่งจังหวะ กลายเป็นถึง 32 จังหวะ แต่ในการใช้งานจริง การปรับจังหวะการหมุนของมอเตอร์ให้ละเอียดมาก ๆ ก็เท่ากับเป็นการขยับปรับขนาดรูน้ำมันเพียงเล็กน้อยจนยากที่ผู้ขับจะแยกอาการที่แตกต่างได้ ในการใช้งานจริงจะปรับได้กี่จังหวะ ก็ขึ้นอยู่กับตัวโช้กอัพเป็นหลัก ถ้าหมุนไส้ปรับได้ไม่มากรอบ เมื่อใช้อุปกรณ์นี้ก็จะทำให้ปรับได้ไม่กี่จังหวะ เพราะหมุนจากสุดด้านหนึ่ง ไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กี่จังหวะก็หมดแล้ว
การสั่งงานมอเตอร์เป็นหน้าที่ของกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบนี้ เพราะตัวมอเตอร์หมุนแกนในรถยนต์ทั่วไป บางรุ่นก็มี เพียงแต่ไม่มีสเตปละเอียดอย่างนี้ กล่องควบคุมสำหรับติดตั้งภายในห้องโดยสาร ประกอบด้วยปุ่ม POWER สำหรับเปิด-ปิด และปุ่มปรับความหนืดแยกไว้ด้านซ้าย-ขวาสุดของตัวควบคุม ปุ่มด้านซ้ายสำหรับโช้กอัพคู่หน้า ปุ่มด้านขวาสำหรับคู่หลัง (ไม่สามารถแยกซ้ายขวาได้) แต่ละข้างมี 2 ปุ่มคือ SOFT และ ? HARD โดยเวลากดปุ่มจะมีเสียง BEEP สามารถปรับความดังได้ 3 ระดับ หรือจะปิดเสียงก็ได้
ตรงกลางตัวเป็นหน้าจอ แสดงข้อมูลหลัก ๆ คือ FRONT และREAR หมายถึงโช้กอัพคู่หน้า และหลัง ตามด้วยตัวเลข 2 หลัก เลขมากแสดงว่านิ่ม หน้าจอสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ด้านล่างของหน้าจอมีปุ่มโปรแกรม P-1, P-2 และ P-3 สามารถตั้งความหนืดระดับที่ต้องการ และบันทึกไว้ แค่กดปุ่มเดียว ตัวเลขความหนืดที่เคยตั้งไว้ ก็จะแสดงบนหน้าจอพร้อมกับสั่ง ให้มอเตอร์หมุนปรับแกน โดยทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบจะคงความหนืดเหมือนก่อนดับเครื่องยนต์ แม้จะปรับได้สะดวก เพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่ก็มีคำเตือนจากผู้ผลิตว่า ควรปรับเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งเท่านั้น เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือทำให้ตัวมอเตอร์เสียหาย เนื่องจากหากมีการปรับขนาดรูที่น้ำมันจะไหลผ่านในขณะที่โช้กอัพทำงานหนัก การปรับจะยาก หรือปรับแล้วอาการตอบสนองในการขับ จะเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน
EDFC มีระบบตรวจสอบตัวเอง ถ้าพบความผิดปกติ เช่น กระแสไฟฟ้าเกิน สายไฟขาด หรือมอเตอร์หลุดหลวม ก็จะเตือนให้ผู้ขับทราบ โดยหน้าจอจะแสดงคำว่า ERROR ไฟที่ปุ่มโปรแกรมทั้ง 3 ปุ่ม จะเปลี่ยนเป็นสีแดงและกระพริบเป็นจังหวะ พร้อมเสียง BEEP
EDFC ต้องใช้ควบคู่กับโช้กอัพเฉพาะยี่ห้อ TEIN ที่เป็นแบบปรับความหนืดด้วยการหมุนไว้ภายในแกน โดยควรเลือกรุ่นที่มีช่วง - ความหนืดที่สามารถปรับได้ใกล้เคียงกับความต้องการ เพราะถ้าปรับจนแข็งสุด ยังรู้สึกว่านิ่มเกินไป หรือปรับอ่อนสุดแล้ว ยังแข็งเกินไป ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปรับ ก่อนติดตั้ง ควรดูด้วยว่ามีที่ว่างระหว่างหัวโช้กอัพหน้ากับใต้ฝากระโปรงมากพอหรือเปล่า ส่วนด้านหลังไม่น่ามีปัญหาติดขัดใด ๆ โดย EDFC มีราคาในญี่ปุ่นประมาณ 15,000 บาท (ไม่รวมโช้กอัพ)
|
|
|
2484
|
AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: มีใครเคยต่อ EDFC ไหมครับ
|
เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2007 19:37:23
|
ผมใช้คู่กับโช๊คTEIN มานานแล้วครับ คุ้มค่าดี ขออนุญาตอธิบายรายละเอียดให้กับท่านที่ยังไม่ทราบครับ EDFC - ปรับโช้กด้วยไฟฟ้า (Electronic Damping Force Controller) โช๊กอัพนอกจากจะทำหน้าที่ควบคุมการเต้นของสปริง แหนบหรือทอร์ชันบาร์แล้ว ยังมีผลเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทรงตัว และความนุ่มนวลตลอดการขับรถยนต์ ไม่ใช่บทสรุปตายตัวว่า โช้กอัพที่มีความหนืดมาก (หรือเรียกกันว่าแข็ง) จะมีจุดเด่น คือให้ความมั่นคงขณะขับความเร็วสูง แต่มีจุดด้อยด้านความกระด้างเมื่อขับช้า ๆ และในทางกลับกัน โช้กอัพนิ่ม ๆ จะเด่นในด้านความนุ่มนวลเมื่อขับช้า และมีผลให้รถยนต์มีอาการโคลงช่วงความเร็วสูง เพราะยังต้องเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่น อีกมากมาย เช่น รูปแบบ และวัสดุของระบบช่วงล่าง สปริง (หรือแหนบ และทอร์ชันบาร์) การบิดตัวของตัวถัง แต่ในการใช้งานจริงก็พบว่า ความแข็งของโช้กอัพ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความนุ่มนวล และอาการโคลงอยู่ไม่น้อย เช่น ถ้าชอบขับเร็วบ่อย ๆ ก็ต้องยอมกระด้างกับโช้กอัพที่หนืดมากหน่อย หรือถ้าอยากได้ความนุ่มนวล ก็เลือกใช้โช้กอัพหนืดน้อย ๆ นิ่ม ๆ แล้วต้องยอมโคลงบ้างเมื่อขับเร็ว ได้อย่างก็ต้องยอมเสียอย่าง จะให้ทั้งนุ่มนวล และไม่โคลงเป็นเรื่องยาก แต่ในซีกของผู้ผลิต ก็มีความพยายามจะทำให้โช้กอัพ ทั้งนุ่มนวล ทั้งทรงตัวดีตลอดการขับขี่ โช้กอัพแบบปรับความแข็งได้ มักเป็นชุดแต่งที่ไม่ได้ติดมากับรถยนต์จากโรงงานประกอบ ส่วยใหญ่เป็นแบบปรับด้วยมือ โดยมี 2 แบบหลัก คือ 1. ปุ่มหมุนที่ข้างกระบอก หรือ 2. ไขที่แกน ซึ่งแยกย่อยได้อีก 2 แบบ คือ 2.1 ต้องถอดออกมาจากรถยนต์แล้วค่อยปรับโดยการกดแกนจนสุดแล้วหมุนแกนเพื่อปรับวาล์วภายใน 2.2 ไขที่ยอดของแกนซึ่งมีไส้ขนาดเล็กซ้อนอยู่ด้านใน สอดลงไปรับวาล์วที่ปลายแกนด้านล่าง ปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตโช้กอัพหลายยี่ห้อ หันมาผลิตโช้กอัพแบบปรับความแข็งโดยการหมุนปรับที่ยอดของแกนกันมากขึ้นเพราะสามารถ ใช้งานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องมุดหรือถอดล้อ หรือถอดไส้โช้กอัพออกมาปรับ การปรับด้วยมือ ยังไม่สะดวกเพียงพอ เพราะต้องจอดรถยนต์ และเปิดฝากระโปรงเพื่อหมุนปรับ เหนือชั้นขึ้นไปอีก จึงมีการพัฒนาการปรับความหนืดของโช้กอัพด้วยไฟฟ้าขึ้นมา โดยทั่วไปแล้ว การปรับความแข็งหรือความหนืดของโช้กอัพ จะทำโดยการเปลี่ยนขนาดของรูสำหรับให้น้ำมันไหลผ่านบนตัววาล์ว ในกระบอกโช้กอัพ ถ้ารูมีขนาดเล็ก น้ำมันไหลผ่านยาก โช้กอัพก็มีความหนืดมาก ขยับตัวได้ยาก (ส่วนจะเป็นการปรับช่วงยุบ-Bump หรือยืด-Reboundเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) โช้กอัพที่ปรับความหนืดด้วยไฟฟ้า มีใช้ในรถยนต์ในสายการผลิตเพียงไม่กี่รุ่นกี่ยี่ห้อ และมัก เป็นการติดตั้งมอเตอร์เข้ากับยอดของไส้ที่สอดไว้ในแกนโช้กอัพ แล้วพ่วงไว้ด้วยระบบควบคุมการหมุนของมอเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ ปรับได้ 2-3 ระดับความแข็งเท่านั้น สรุปง่ายๆก็คือ ยังเป็นการปรับขนาดของรูที่น้ำมันจะไหลผ่านโดยใช้วิธีหมุนไส้ภายในแกนดช้กอัพ แต่เสริมการหมุนไส้นั้นด้วยมอเตอร์เข้าไปแทนคนหมุน ในต่างประเทศ จะมีรถยนต์หลายรุ่นกว่าไทยที่ใช้โช้กอัพแบบปรับความแข็งด้วยไฟฟ้า แต่ในเมืองไทยมีแค่ไม่กี่รุ่น ที่คุ้นเคยกันก็มี นิสสัน เซฟิโรรหัสตัวถังเอ31 ขับเคลื่อนล้อหลัง ปรับได้สะดวก แค่กดสวิตช์ที่อยู่ในแผงหน้าปัด เลือกได้แค่ 2 ระดับ คือ SPORT (แข็ง) และCOMFORT (นุ่ม) การปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยไฟฟ้า ยังเป็นฝันของนักขับเท้าหนักหลายคน ที่อยากได้ทั้งความนุ่มนวล และการทรงตัวที่ดีควบคู่กัน แต่ก็แพง และมักจะลงเอยกับโช้กอัพชุดแต่งที่ปรับความหนืดได้ด้วยมือขณะจอดรถยนต์ เพราะมีไม่กี่สำนักแต่งที่ผลิตชุดปรับโช้กอัพ ด้วยไฟฟ้าออกมาหรือถ้ามีก็แพงมาก EDFC-Electronic Damping Force Controller TEIN สำนักแต่งจากญี่ปุ่นที่เน้นการโมดิฟายช่วงล่าง ได้ผลิตอุปกรณ์ช่วยปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อนำไปติดตั้งเสริม เข้ากับโช้กอัพที่สามารถปรับความแข็ง ได้ด้วยการหมุนไส้ภายในแกนจากด้านบน EDFC ประกอบด้วยมอเตอร์ขนาดเล็ก 4 ตัว (มอเตอร์ 1 ตัว ต่อโช้กอัพ 1 ตัว) เป็นแบบ STEP MOTOR สามารถหมุนและหยุดเป็นจังหวะได้, ชุดสายไฟ และตัวควบคุม แบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมจอแสดงสถานะ ขนาด ผ DIN สำหรับติดตั้งในห้องโดยสาร อุปกรณ์นี้ไม่ได้ทำให้โช้กอัพธรรมดาสามารถ ปรับความหนืดได้ แต่เป็นอุปกรณ์เสิรมสำหรับติดตั้งเข้ากับยอดแกนของโช้กอัพที่ปรับได้อยู่แล้ว เพื่อให้ผู้ขับสามารถปรับความหนืดได้ จากภายในห้องโดยสาร ตัวกล่องมอเตอร์จะมีรูเกลียวตัวเมียสำหรับไขติดกับเกลียวตัวผู้รอบนอกยอดของแกนโช้กอัพ และตัวมอเตอร์ มีแกนโผล่ลงไปเสียบกับยอดของไส้ในที่แหย่ลงไปปรับวาล์วด้านล่าง ซึ่งซ้อนอยู่ในแกนโช้กอัพ เมื่อจ่ายไฟให้มอเตอร์หมุน ก็จะพาไส้ใน ให้หมุนตาม ซึ่งเป็นการปรับความหนืดจากการหรี่หรือขยายรูบนตัววาล์วภายในโช้กอัพที่จะให้น้ำมันไหลผ่าน ตามพื้นฐานเดิมของโช้กอัพ ตัวนั้น ตัวมอเตอร์หมุนได้ทั้งหมด 16 จังหวะ (แต่ละจังหวะจะขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) โดยสามารถเพิ่มความละเอียดให้มอเตอร์หมุน ครั้งละครึ่งจังหวะ กลายเป็นถึง 32 จังหวะ แต่ในการใช้งานจริง การปรับจังหวะการหมุนของมอเตอร์ให้ละเอียดมาก ๆ ก็เท่ากับเป็นการขยับ ปรับขนาดรูน้ำมันเพียงเล็กน้อยจนยากที่ผู้ขับจะแยกอาการที่แตกต่างได้ ในการใช้งานจริงจะปรับได้กี่จังหวะ ก็ขึ้นอยู่กับตัวโช้กอัพเป็นหลัก ถ้าหมุนไส้ปรับได้ไม่มากรอบ เมื่อใช้อุปกรณ์นี้ก็จะทำให้ปรับได้ไม่กี่จังหวะ เพราะหมุนจากสุดด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กี่จังหวะก็หมดแล้ว การสั่งงานมอเตอร์เป็นหน้าที่ของกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบนี้ เพราะตัวมอเตอร์หมุนแกนในรถยนต์ทั่วไปบางรุ่น ก็มี เพียงแต่ไม่มีสเตปละเอียดอย่างนี้ กล่องควบคุมสำหรับติดตั้งภายในห้องโดยสาร ประกอบด้วยปุ่ม POWER สำหรับเปิด-ปิด และปุ่มปรับความหนืดแยกไว้ด้านซ้าย-ขวาสุดของตัวควบคุม ปุ่มด้านซ้ายสำหรับโช้กอัพคู่หน้า ปุ่มด้านขวาสำหรับคู่หลัง (ไม่สามารถแยกซ้ายขวาได้) แต่ละข้างมี 2 ปุ่มคือ SOFT และ ? HARD โดยเวลากดปุ่มจะมีเสียง BEEP สามารถปรับความดังได้ 3 ระดับ หรือจะปิดเสียงก็ได้ ตรงกลางตัวเป็นหน้าจอ แสดงข้อมูลหลัก ๆ คือ FRONT และREAR หมายถึงโช้กอัพคู่หน้า และหลัง ตามด้วยตัวเลข 2 หลัก เลขมากแสดงว่านิ่ม หน้าจอสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ด้านล่างของหน้าจอมีปุ่มโปรแกรม P-1, P-2 และ P-3 สามารถตั้งความหนืดระดับที่ต้องการ และบันทึกไว้ แค่กดปุ่มเดียว ตัวเลขความหนืดที่เคยตั้งไว้ ก็จะแสดงบนหน้าจอพร้อมกับสั่ง ให้มอเตอร์หมุนปรับแกน โดยทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบจะคงความหนืดเหมือนก่อนดับเครื่องยนต์ แม้จะปรับได้สะดวก เพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่ก็มีคำเตือนจากผู้ผลิตว่า ควรปรับเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งเท่านั้น เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือทำให้ตัวมอเตอร์เสียหาย เนื่องจากหากมีการปรับขนาดรูที่น้ำมันจะไหลผ่านในขณะที่โช้กอัพทำงานหนัก การปรับจะยาก หรือปรับแล้วอาการตอบสนองในการขับ จะเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน EDFC มีระบบตรวจสอบตัวเอง ถ้าพบความผิดปกติ เช่น กระแสไฟฟ้าเกิน สายไฟขาด หรือมอเตอร์หลุดหลวม ก็จะเตือนให้ผู้ขับทราบ โดยหน้าจอจะแสดงคำว่า ERROR ไฟที่ปุ่มโปรแกรมทั้ง 3 ปุ่ม จะเปลี่ยนเป็นสีแดงและกระพริบเป็นจังหวะ พร้อมเสียง BEEP EDFC ต้องใช้ควบคู่กับโช้กอัพเฉพาะยี่ห้อ TEIN ที่เป็นแบบปรับความหนืดด้วยการหมุนไว้ภายในแกน โดยควรเลือกรุ่นที่มีช่วงความหนืด ที่สามารถปรับได้ใกล้เคียงกับความต้องการ เพราะถ้าปรับจนแข็งสุด ยังรู้สึกว่านิ่มเกินไป หรือปรับอ่อนสุดแล้วยังแข็งเกินไป ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปรับ ก่อนติดตั้ง ควรดูด้วยว่ามีที่ว่างระหว่างหัวโช้กอัพหน้ากับใต้ฝากระโปรงมากพอหรือเปล่า ส่วนด้านหลัง ไม่น่ามีปัญหาติดขัดใด ๆ โดย EDFC มีราคาในญี่ปุ่นประมาณ 15,000 บาท (ไม่รวมโช้กอัพ)
|
|
|
2486
|
AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: สงสัยเรื่องพาวเวอร์ครับ
|
เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2007 21:27:24
|
อาการพวงมาลัยหนัก หลังจากไปเปลี่ยนอันใหม่..... ควรตรวจเช็ค 1. ระบบเหมือนกันหรือไม่ พวงมาลัยเพาเวอร์บางรุ่นต้องใช้ระบบVaccumต่อร่วมด้วย สังเกตุจะมีท่ออยู่ที่แร็ค 2. ฟองอากาศในระบบน้ำมัน 3. การอุดตันของระบบส่งน้ำมัน ก่อนติดตั้งจึงควรล้างทั้งระบบเสียก่อน 4. ปั๊มอัดน้ำมัน (ตัวบนที่ไม่ได้เปลี่ยน) มีแรงอัดดีหรือไม่ 5. มุมล้อ ถูกต้องหรือไม่ >>> มีผลมาก
ปล. การปรับระยะฟรีของแร็ค หากมีมากจะทำให้ขับยากนะครับ และไม่ส่งผลให้ล้อหมุนคืนเองในตอนเลี้ยวครับ
|
|
|
2490
|
AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส / Re: เรื่อง...กระปุกออโต้ลูปเลี้ยงวาวล์ ในเครื่องหัวฉีด
|
เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2007 01:21:43
|
เป็นความเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นครับ
ในระบบวาล์วของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จะมีน้ำมันเครื่องมาเลี้ยงที่แกนวาล์วอยู่แล้ว และที่ปลายแกนวาล์วก่อนจะถึงบ่าวาล์ว ก็จะมียางตีนวาล์วดักอยู่ ตัวนี้จะทำหน้าที่กันไม่ให้น้ำมันเครื่องลอดลงสู่ห้องเผาใหม้ ถ้าน้ำมันเครื่องลอดลงไปก็จะไปเผาใหม้ ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่นอน บ่าวาล์วปกติก็จะไม่มีน้ำมันเครื่องมาเลี้ยง.... เพราะมันจะลอดเข้าห้องเผาใหม้เช่นกัน บ่าวาล์ว ทำหน้าที่ปิด - เปิด ไอดีและไอเสีย ไม่ต้องมีน้ำมันใดๆไปเลี้ยงครับ และถ้าน้ำมันเครื่องลอดลงมาได้ ก็จะกินน้ำมันเครื่องและมีควันขาว ซึ่งถือว่าผิดปกติ
การเอาออโต้ลู๊ปไปหยอดที่ที่แกนวาล์ว ..... หยอดทำใม ในเมื่อจุดนั้นมันมีน้ำมันเครื่องมาเลี้ยงตลอดเวลาอยู่แล้ว
|
|
|
2491
|
AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ขอข้อมูล ของ AE 100, AE101
|
เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2007 00:57:12
|
พี่ช่วยแนะนําหน่อยใช้ae101อยู่ว่าจะเซ็ทเทอร์โบและเปลี่ยนลูกสูบเป็นของ4aซุปเพื่อให้ทนกับบูสท์พี่คิดว่าอย่างไรช่วยออกความคิดเห็นหน่อยครับ ขอบคุณครับพี่
ถ้าจะทำก็ทำได้ครับ แต่ถ้า ความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว..... ผมไม่ทำครับ ผมชอบทำรถแบบแรงได้เต็มพิกัดแล้วไม่พัง หรือโอกาสพังมีน้อยพื้นฐานเครื่องN/A เอามาติดTurbo ก็จะทนได้ในระดับหนึ่ง จะให้ทนบู๊สสูงๆได้ ต้องใช้งบเยอะ เปลี่ยนเป็นลูกซุป ดีแน่นอนครับ ตัดปัญหาลูกแตกไปได้ แต่ก้านสูบ และชาร์ปเราไม่ได้ทำ มันก็เสี่ยงที่จะพังหากบู๊สเยอะๆครับ
|
|
|
2492
|
AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / Re: แล้ว AE 100 กะ AE 101 มันมีอะไรที่ต่างกันอ่ะ
|
เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 19:43:41
|
อันนี้แถม AE111 Corolla AE111 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่น May, 1995 เช่นกัน ในกลุ่มจะมี AE110 , 111 , 114 ทั้งหมดรวม 39 รุ่น แบ่งเป็น AE110 = 20 , 111 = 8 , 114 = 11 รุ่น AE 111 มีผลิตทั้งหมด 8 รุ่น โดยรุ่นอื่นๆ ใส่ล้อ 13 , รุ่นS Cruise ใส่ล้อ 14 จากโรงงาน 1. Frame E-EE111-AEKBK, Engine 4E-FE (MT) - Grade DX 2. Frame E-EE111-AEHBK, Engine 4E-FE (AT) - Grade DX 3. Frame E-EE111-AEKDK, Engine 4E-FE (MT) - Grade LX 4. Frame E-EE111-AEHDK, Engine 4E-FE (AT) - Grade LX 5. Frame E-EE111-AEKNK, Engine 4E-FE (MT) - Grade XE Saloon 6. Frame E-EE111-AEHNK, Engine 4E-FE (AT) - Grade XE Saloon 7. Frame E-AE111-AEMGK, Engine 4A-FE (MT) - Grade S Cruise 8. Frame E-AE111-AEPGK, Engine 4A-FE (AT) - Grade S Cruise May, 1996 ผลิต 39 รุ่น เช่นกัน โดยAE111 มีผลิต 8 รุ่น โดยรุ่นอื่นๆ ใส่ล้อ 13 , รุ่นS Cruise ใส่ล้อ 14 จากโรงงาน 1. Frame E-EE111-AEKBK, Engine 4E-FE (MT) - Grade DX 2. Frame E-EE111-AEHBK, Engine 4E-FE (AT) - Grade DX 3. Frame E-EE111-AEKDK, Engine 4E-FE (MT) - Grade LX 4. Frame E-EE111-AEHDK, Engine 4E-FE (MT) - Grade LX 5. Frame E-EE111-AEKNK, Engine 4E-FE (MT) - Grade XE Saloon 6. Frame E-EE111-AEHNK, Engine 4E-FE (AT) - Grade XE Saloon 7. Frame E-AE111-AEMGK, Engine 4A-FE (MT) - Grade S Cruise 8. Frame E-AE111-AEPGK, Engine 4A-FE (AT) - Grade S Cruise April, 1998 ปีสุดท้ายของการผลิตAE111 ก็มีการผลิตรวม 39 รุ่นเช่นกัน โดยมีAE111 = 8 รุ่น AE111 ที่ผลิตในปีนี้ จะมีรถธงของโคโรลล่า เข้าประจำการคือ GT Grade เป็นเครื่องยนต์ 4A-GE VVTi , 165 PS มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์แบบอัตโนมัติ 4 สปีด โดยรุ่นอื่นๆ ใส่ล้อ 13 , รุ่นGT ใส่ล้อ 14 จากโรงงาน 1. Frame GF-EE111-AEMBK, Engine 4E-FE (MT) - Grade DX 2. Frame GF-EE111-AEHBK, Engine 4E-FE (AT) - Grade DX 3. Frame GF-EE111-AEMDK, Engine 4E-FE (MT) - Grade LX 4. Frame GF-EE111-AEHDK, Engine 4E-FE (AT) - Grade LX 5. Frame GF-EE111-AEMNK, Engine 4E-FE (MT) - Grade XE Saloon 6. Frame GF-EE111-AEHNK, Engine 4E-FE (AT) - Grade XE Saloon 7. Frame GF-AE111-AEFVF, Engine 4A-GE VVTi (MT 6) - Grade GT 8. Frame GF-AE111-AEPVF, Engine 4A-GE VVTi (AT 4 ECT-S) - Grade GT ปิดตำนาน AE111 ที่ปี 1998 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
|
|
|
2493
|
AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / Re: แล้ว AE 100 กะ AE 101 มันมีอะไรที่ต่างกันอ่ะ
|
เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 19:42:08
|
AE101 มีเครื่อง4E-FE 1300cc. , 4A-FE 1600cc. ,และตัวท๊อปเกรดGT เครื่อง4A-GE 1600cc. แต่แรงม้าเยอะ 160 ตัวนะ
Corolla AE101 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่น June, 1991 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 26 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการ ด้วยเครื่องยนต์4A-GE VVTi 20v. 5 Speed, 160 PS ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14 ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade (รุ่น) คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEKBK, Engine >>> 4E-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEHBK, Engine >>> 4E-FE (AT) 3. Grade >>> LX, Frame >>> E-EE101-AEKDK, Engine >>> 4E-FE (MT) 4. Grade >>> LX, Frame >>> E-EE101-AEHDK, Engine >>> 4E-FE (AT) 5. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEKNK, Engine >>> 4E-FE (MT) 6. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEHNK, Engine >>> 4E-FE (AT) 7. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEMQK, Engine >>> 4A-FE (MT) 8. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEPQK, Engine >>> 4A-FE (AT) 9. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEMVF, Engine >>> 4A-GE (MT 5) 10. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEPVF, Engine >>> 4A-GE (AT 4)
Corolla AE101 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 34 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD) AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14 ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade เหมือนเดิม คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEKBK, Engine >>> 4E-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEHBK, Engine >>> 4E-FE (AT) 3. Grade >>> LX, Frame >>> E-EE101-AEKDK, Engine >>> 4E-FE (MT) 4. Grade >>> LX, Frame >>> E-EE101-AEHDK, Engine >>> 4E-FE (AT) 5. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEKNK, Engine >>> 4E-FE (MT) 6. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEHNK, Engine >>> 4E-FE (AT) 7. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEMQK, Engine >>> 4A-FE (MT) 8. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEPQK, Engine >>> 4A-FE (AT) 9. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEMVF, Engine >>> 4A-GE (MT 5) 10. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEPVF, Engine >>> 4A-GE (AT 4)
Corolla AE101 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม ปีนี้ AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14 ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEKBK, Engine >>> 4E-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEHBK, Engine >>> 4E-FE (AT) 3. Grade >>> LX-Limited Business package, Frame >>> E-EE101-AEKDK(B), Engine >>> 4E-FE (MT) 4. Grade >>> LX-Limited, Frame >>> E-EE101-AEKDK, Engine >>> 4E-FE (MT) 5. Grade >>> LX-Limited Business package, Frame >>> E-EE101-AEHDK(B), Engine >>> 4E-FE (AT) 6. Grade >>> LX-Limited, Frame >>> E-EE101-AEHDK, Engine >>> 4E-FE (AT) 7. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEKNK, Engine >>> 4E-FE (MT) 8. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEHNK, Engine >>> 4E-FE (AT) 9. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEMQK, Engine >>> 4A-FE (MT) 10. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEPQK, Engine >>> 4A-FE (AT) 11. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEMVF, Engine >>> 4A-GE (MT 5) 12. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEPVF, Engine >>> 4A-GE (AT 4)
Corolla AE101 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม ปีนี้ AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14 ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEKBK, Engine >>> 4E-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>> E-EE101-AEHBK, Engine >>> 4E-FE (AT) 3. Grade >>> LX-Limited Business package, Frame >>> E-EE101-AEKDK(B), Engine >>> 4E-FE (MT) 4. Grade >>> LX-Limited, Frame >>> E-EE101-AEKDK, Engine >>> 4E-FE (MT) 5. Grade >>> LX-Limited Business package, Frame >>> E-EE101-AEHDK(B), Engine >>> 4E-FE (AT) 6. Grade >>> LX-Limited, Frame >>> E-EE101-AEHDK, Engine >>> 4E-FE (AT) 7. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEKNK, Engine >>> 4E-FE (MT) 8. Grade >>> XE, Frame >>> E-EE101-AEHNK, Engine >>> 4E-FE (AT) 9. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEMQK, Engine >>> 4A-FE (MT) 10. Grade >>> SE-G, Frame >>> E-AE101-AEPQK, Engine >>> 4A-FE (AT) 11. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEMVF, Engine >>> 4A-GE (MT 5) 12. Grade >>> GT, Frame >>> E-AE101-AEPVF, Engine >>> 4A-GE (AT 4) ปิดตำนานของAE101 ที่ปี 1994 ครับ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
|
|
|
2494
|
AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / AE 100 - 101 ต่างกันยังไง
|
เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 19:38:44
|
AE100 เครื่อง5A-FE 1500cc. เอาสเป็กและประวัติการผลิตไปดูก่อนนะหนู Corolla AE100 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อ June, 1991 เช่นกัน ในรุ่นAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade(รุ่น) คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 7. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 8. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 9. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 10. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 11. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 12. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT) Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992 ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade เหมือนเดิม คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 7. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 8. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 9. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 10. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 11. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 12. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT) Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993 ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 7. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>> 5A-FE (AT) 8. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 9. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>> 2C-III (MT) 10. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 11. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>> 2C-III (AT) 12. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 17. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 18. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 19. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 20. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT) Corolla AE100 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE101 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade เหมือนเดิมคือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 7. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>> 5A-FE (AT) 8. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 9. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>> 2C-III (MT) 10. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 11. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>> 2C-III (AT) 12. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 17. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 18. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 19. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 20. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT) ปิดตำนานของAE100 ที่ปี 1994 ครับ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
|
|
|
2497
|
AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ขอข้อมูล ของ AE 100, AE101
|
เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2007 23:43:00
|
ข้อมูล AE100 ครับ
Corolla AE101 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อ June, 1991 เช่นกัน ในรุ่นAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade(รุ่น) คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 7. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 8. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 9. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 10. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 11. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 12. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT)
Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992 ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade เหมือนเดิม คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 7. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 8. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 9. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 10. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 11. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 12. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT)
Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993 ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade คือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 7. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>> 5A-FE (AT) 8. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 9. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>> 2C-III (MT) 10. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 11. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>> 2C-III (AT) 12. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 17. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 18. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 19. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 20. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT)
Corolla AE100 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE101 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade เหมือนเดิมคือ 1. Grade >>> DX, Frame >>> E-AE100-AEMBK, Engine >>> 5A-FE (MT) 2. Grade >>> DX, Frame >>>E-AE100-AEHBK, Engine >>> 5A-FE (AT) 3. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEMBS, Engine >>> 2C-III (MT) 4. Grade >>> DX, Frame >>>X-CE100-AEPBS, Engine >>> 2C-III (AT) 5. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>> 5A-FE (MT) 6. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>> 5A-FE (MT) 7. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>> 5A-FE (AT) 8. Grade >>> LX, Frame >>> E-AE100-AEHDK, Engine >>> 5A-FE (AT) 9. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>> 2C-III (MT) 10. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>> 2C-III (MT) 11. Grade >>> LX-L Business Package, Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>> 2C-III (AT) 12. Grade >>> LX, Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>> 2C-III (AT) 13. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>> 5A-FE (MT) 14. Grade >>> XE, Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>> 5A-FE (AT) 15. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>> 2C-III (MT) 16. Grade >>> XE, Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>> 2C-III (AT) 17. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>> 5A-FE (MT) 18. Grade >>> SE-L, Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>> 5A-FE (AT) 19. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>> 2C-III (MT) 20. Grade >>> SE-L, Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>> 2C-III (MT) ปิดตำนานของAE100 ที่ปี 1994 ครับ
สำหรับเครื่องยนต์อีกตัวที่ประจำการในรถรุ่นนี้ คือ 2C-III มีสเปกดังนี้ Engine model : 2C-III Displacement, cc : 1974 Max.power , PS@rpm : 73 @ 4700 Max.torque, N*m@rpm : 129@2800 Engine type : Serial 4 cylinder OHC Fuel system : Bosch type distribution type jet pump Fuel type : Diesel Compression ratio : 23:1 Bore, mm : 86 Stroke, mm : 85 Power density : 14.79 +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
|
|
|
2498
|
AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ขอข้อมูล ของ AE 100, AE101
|
เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2007 21:05:38
|
Corolla 101 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่น June, 1991 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 26 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือ100 101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการ ด้วยเครื่องยนต์4A-GE VVTi 20v. 5 Speed, 160 PS ใน101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade (รุ่น) คือ # Grade Trans Eng model Frame 1 DX MT 4E-FE E-EE101-AEKBK 2 DX AT 4E-FE E-EE101-AEHBK 3 LX MT 4E-FE E-EE101-AEKDK 4 LX AT 4E-FE E-EE101-AEHDK 5 XE MT 4E-FE E-EE101-AEKNK 6 XE AT 4E-FE E-EE101-AEHNK 7 SE-G MT 4A-FE E-AE101-AEMQK 8 SE-G AT 4A-FE E-AE101-AEPQK 9 GT MT 4A-GE E-AE101-AEMVF 10 GT AT 4A-GE E-AE101-AEPVF
Corolla 101 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 34 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD) AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม ในรุ่น101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade เหมือนเดิม คือ # Grade Trans Eng model Frame 1 DX MT 4E-FE E-EE101-AEKBK 2 DX AT 4E-FE E-EE101-AEHBK 3 LX MT 4E-FE E-EE101-AEKDK 4 LX AT 4E-FE E-EE101-AEHDK 5 XE MT 4E-FE E-EE101-AEKNK 6 XE AT 4E-FE E-EE101-AEHNK 7 SE-G MT 4A-FE E-AE101-AEMQK 8 SE-G AT 4A-FE E-AE101-AEPQK 9 GT MT 4A-GE E-AE101-AEMVF 10 GT AT 4A-GE E-AE101-AEPVF
Corolla 101 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือ100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม ปีนี้ 101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม ใน101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ 1 DX MT 4E-FE E-EE101-AEKBK 2 DX AT 4E-FE E-EE101-AEHBK 3 LX limited MT 4E-FE E-EE101-AEKDK(B) 4 LX limited MT 4E-FE E-EE101-AEKDK 5 LX limited AT 4E-FE E-EE101-AEHDK(B) 6 LX limited AT 4E-FE E-EE101-AEHDK 7 XE MT 4E-FE E-EE101-AEKNK 8 XE AT 4E-FE E-EE101-AEHNK 9 SE-G MT 4A-FE E-AE101-AEMQK 10 SE-G AT 4A-FE E-AE101-AEPQK 11 GT MT 5 4A-GE E-AE101-AEMVF 12 GT AT 4 4A-GE E-AE101-AEPVF
Corolla 101 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994 มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือ100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม ปีนี้ 101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม ใน101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ 1 DX MT 4E-FE E-EE101-AEKBK 2 DX AT 4E-FE E-EE101-AEHBK 3 LX limited MT 4E-FE E-EE101-AEKDK 4 LX limited MT 4E-FE E-EE101-AEKDK 5 LX limited AT 4E-FE E-EE101-AEHDK 6 LX limited AT 4E-FE E-EE101-AEHDK 7 XE MT 4E-FE E-EE101-AEKNK 8 XE AT 4E-FE E-EE101-AEHNK 9 SE-G MT 4A-FE E-AE101-AEMQK 10 SE-G AT 4A-FE E-AE101-AEPQK 11 GT MT 5 4A-GE E-AE101-AEMVF 12 GT AT 4A-GE E-AE101-AEPVF
ปิดตำนานของ101 ที่ปี 1994 ครับ
|
|
|
|