AE. Racing Club
29 มีนาคม 2024 20:05:48 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: [«10] [«5]  «  1 ... 123 124 [125] 126  » 
2481  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / เรื่องน่าคิดของขนาดท่อไอเสีย เมื่อ: 24 กรกฎาคม 2007 13:44:17
ขนาดของท่อไอเสีย ส่งผลต่อการคายไอเสียออกจากห้องเผาใหม้มากที่สุด
ไอเสียถูกคายออกเร็วไป ( ค่าFlow ไอเสียสูงมาก ) จะส่งผลให้ไอดีที่กำลังประจุใหม่ไหลออกตามไปด้วย
ทำให้ปริมาณของไอดีลดลง ส่งผลให้การจุดระเบิดไม่รุนแรง >>> กำลังเครื่องลดลง

ไอเสียถูกคายออกช้าไป ( ค่าFlowไอเสียต่ำ ) จะส่งผลให้ไอดีที่กำลังประจุใหม่ถูกต้านไว้ไม่ให้ไหลเข้าได้หมด
ทำให้ปริมาณของไอดีลดลงเช่นกัน ส่งผลให้การจุดระเบิดไม่รุนแรง >>> กำลังเครื่องลดลง

ท่อขนาดใหน ระบายไอเสียได้เร็ว ( ค่าFlow สูง ) .......
หลายคนยังเข้าใจผิดว่าท่อใหญ่จะระบายไอเสียได้เร็วกว่า ให้ค่าFlow ที่สูงกว่า
เรื่องนี้ ทดสอบด้วยการเปิดน้ำประปาที่บ้านเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจน
ใช้ท่อยางขนาด 1 นิ้ว เปิดก๊อกจนสุด สมมุติว่าน้ำสามารถพุ่งได้ไกล 5 เมตร
หากเปลี่ยนมาใช้ท่อยางขนาด 2 นิ้ว เปิดก๊อกจนสุด จะพบว่าน้ำสามารถพุ่งได้น้อยกว่า 5 เมตรแน่นอน
จะให้น้ำพุ่งไปไกล 5 เมตรเท่าเดิม ก็ต้องเพิ่มแรงดันน้ำเข้าไปอีก

ในรถยนต์ก็เหมือนกัน......
เครื่องยนต์ Standard เขาออกแบบท่อไอเสียให้มีค่าการFlow ของไอเสียที่เหมาะสมกับมวลของไอเสีย -
ที่รอบเครื่องยนต์แต่ละย่านความเร็ว แล้วหาค่าเฉลี่ยของแรงม้าและแรงบิดที่ได้ออกมา โดยเลือกเอาค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุด
ด้วยการทดสอบบนDyno จะพบว่าค่าแรงม้าและแรงบิด มันสัมพันธ์กันกับค่าFlow ของไอเสีย ตามรอบของเครื่องยนต์
หากเครื่องไม่มีการModify ด้วยการเพิ่มน้ำมันและอากาศเข้าไปมากกว่าเดิม นั่นคือมวลของไอเสียเท่าเดิม
เมื่อเราเพิ่มขนาดของท่อไอเสียเข้าไป( ให้ใหญ่ขึ้น ) มันจะส่งผลให้การFlow ของไอเสียลดลง
นั่นคือ คายไอเสียไม่ออก ไม่ใช่คายไอเสียได้ดีกว่าเดิม สิ่งที่จะตามมาคือ แรงม้าและแรงบิดลดลง
ถ้าเป็นเครื่องยนต์แบบTurbo การคายไอเสียไม่ออก ยังส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่โข่งหลังของTurbo
ทำให้โข่งหลังแตก หรือร้าวได้
หากต้องการให้ค่าFlowของไอเสียเพิ่มขึ้น นั่นคือต้องเร่งรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้น
รถที่ท่อใหญ่กว่าStandard จึงให้แรงม้าและแรงบิดที่รอบสูงกว่าปกติ ( บางคนบอก ท่อใหญ่ได้ปลาย )

ท่อไอเสียที่มีขนาดเหมาะสมที่สุด ก็คือท่อที่ให้ค่าFlowของไอเสียคงที่ๆสุด ทั้งรอบสูงและรอบต่ำ
แต่อย่างว่าละครับ ทุกอย่างมีได้มีเสีย ท่อบางขนาดก็จะดีในช่วงรอบต่ำ แต่มาเสียในช่วงรอบสูงๆ
การที่จะให้ท่อไอเสียตอบสนองทุกย่านความเร็วรอบให้คงที่จึงเป็นไปไม่ได้
แต่ก็วิธีแก้ คือทดสอบเก็บค่าทุกย่านความเร็วรอบ และหาค่าเฉลี่ยที่ดีที่สุดเอา
และการทดสอบ ต้องกระทำบนDyno และมีการวัดค่าFlow ของไอเสียตลอดย่านความเร็วรอบเท่านั้น

"สรุป ท่อไอเสียขนาดเล็กกว่า จะส่งผลดีที่รอบต่ำ แต่อาจจะไม่ดีที่รอบสูงๆ ถ้ามันเล็กเกินไป
"
และท่อไอเสียขนาดใหญ่กว่า จะส่งผลดีที่รอบสูง แต่อาจจะไม่ดีที่รอบต่ำๆ ถ้ามันใหญ่เกินไป
ท่อที่ดีที่สุดคือท่อที่มีขนาดเหมาะสม สามารถระบายไอเสียออกได้หมดพอดี ไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป
คุณจึงต้องเลือกเอาว่าจะเอาไปใช้งานแบบใหน และรถคุณมีPower Band แบบใด

Enjoy..... AE Man
Handyman
2482  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: รบกวนผุ้รู้ช่วยหน่อยครับเรื่องเดินท่อ 20V ครับ เมื่อ: 23 กรกฎาคม 2007 08:04:53
ขอบคุณทุกท่านมากครับที่แนะนำ ผมจะลองถอด พักกลาง ออก 1 ใบ แล้วใส่ปลาย 3.0 พี่ๆคิดว่าไหวป่าวครับผม

โล่งมากไปนะครับ
เครื่อง 20v. N/A ควรใช้ท่อขนาดไม่เกิน 2.0 นิ้ว จะให้แรงบิดดี
ค่าFlow ของไอเสียดีมาก
ใหญ่กว่านี้ ค่าFlow ไอเสียต่ำ
ช่วงต้นจะรอครับ
2483  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / EDFC - ปรับโช้กด้วยไฟฟ้า (Electronic Damping Force Controller) เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2007 19:49:31
EDFC - ปรับโช้กด้วยไฟฟ้า (Electronic Damping Force Controller)
โช๊กอัพนอกจากจะทำหน้าที่ควบคุมการเต้นของสปริง แหนบหรือทอร์ชันบาร์แล้ว ยังมีผลเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทรงตัว
และความนุ่มนวลตลอดการขับรถยนต์ ไม่ใช่บทสรุปตายตัวว่า โช้กอัพที่มีความหนืดมาก (หรือเรียกกันว่าแข็ง)
จะมีจุดเด่น คือให้ความมั่นคงขณะขับความเร็วสูง แต่มีจุดด้อยด้านความกระด้างเมื่อขับช้า ๆ และในทางกลับกัน โช้กอัพนิ่ม ๆ
จะเด่นในด้านความนุ่มนวลเมื่อขับช้า และมีผลให้รถยนต์มีอาการโคลงช่วงความเร็วสูง เพราะยังต้องเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่น
อีกมากมาย เช่น รูปแบบ และวัสดุของระบบช่วงล่าง สปริง (หรือแหนบ และทอร์ชันบาร์) การบิดตัวของตัวถัง
แต่ในการใช้งานจริงก็พบว่า ความแข็งของโช้กอัพ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความนุ่มนวล และอาการโคลงอยู่ไม่น้อย
เช่น ถ้าชอบขับเร็วบ่อย ๆ ก็ต้องยอมกระด้างกับโช้กอัพที่หนืดมากหน่อย หรือถ้าอยากได้ความนุ่มนวล ก็เลือกใช้โช้กอัพหนืดน้อย ๆ
นิ่ม ๆ แล้วต้องยอมโคลงบ้างเมื่อขับเร็ว ได้อย่างก็ต้องยอมเสียอย่าง จะให้ทั้งนุ่มนวล และไม่โคลงเป็นเรื่องยาก แต่ในซีกของผู้ผลิต
ก็มีความพยายามจะทำให้โช้กอัพ ทั้งนุ่มนวล ทั้งทรงตัวดีตลอดการขับขี่

โช้กอัพแบบปรับความแข็งได้ มักเป็นชุดแต่งที่ไม่ได้ติดมากับรถยนต์จากโรงงานประกอบ ส่วยใหญ่เป็นแบบปรับด้วยมือ โดยมี
2 แบบหลัก คือ 1. ปุ่มหมุนที่ข้างกระบอก หรือ 2. ไขที่แกน ซึ่งแยกย่อยได้อีก 2 แบบ คือ
2.1 ต้องถอดออกมาจากรถยนต์แล้วค่อยปรับโดยการกดแกนจนสุดแล้วหมุนแกนเพื่อปรับวาล์วภายใน
2.2 ไขที่ยอดของแกนซึ่งมีไส้ขนาดเล็กซ้อนอยู่ด้านใน สอดลงไปรับวาล์วที่ปลายแกนด้านล่าง

ปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตโช้กอัพหลายยี่ห้อ หันมาผลิตโช้กอัพแบบปรับความแข็งโดยการหมุนปรับที่ยอดของแกนกันมากขึ้นเพราะสามารถ
ใช้งานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องมุดหรือถอดล้อ หรือถอดไส้โช้กอัพออกมาปรับ การปรับด้วยมือ ยังไม่สะดวกเพียงพอเพราะต้องจอด
รถยนต์ และเปิดฝากระโปรงเพื่อหมุนปรับ เหนือชั้นขึ้นไปอีก จึงมีการพัฒนาการปรับความหนืดของโช้กอัพด้วยไฟฟ้าขึ้นมา

โดยทั่วไปแล้ว การปรับความแข็งหรือความหนืดของโช้กอัพ จะทำโดยการเปลี่ยนขนาดของรูสำหรับให้น้ำมันไหลผ่านบนตัววาล์ว
ในกระบอกโช้กอัพ ถ้ารูมีขนาดเล็ก น้ำมันไหลผ่านยาก โช้กอัพก็มีความหนืดมาก ขยับตัวได้ยาก (ส่วนจะเป็นการปรับช่วงยุบ-Bump
หรือยืด-Reboundเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) โช้กอัพที่ปรับความหนืดด้วยไฟฟ้า มีใช้ในรถยนต์ในสายการผลิตเพียงไม่กี่รุ่นกี่ยี่ห้อ และมัก
เป็นการติดตั้งมอเตอร์เข้ากับยอดของไส้ที่สอดไว้ในแกนโช้กอัพ แล้วพ่วงไว้ด้วยระบบควบคุมการหมุนของมอเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่
ปรับได้ 2-3 ระดับความแข็งเท่านั้น สรุปง่ายๆก็คือ ยังเป็นการปรับขนาดของรูที่น้ำมันจะไหลผ่านโดยใช้วิธีหมุนไส้ภายในแกนดช้กอัพ
แต่เสริมการหมุนไส้นั้นด้วยมอเตอร์เข้าไปแทนคนหมุน

ในต่างประเทศ จะมีรถยนต์หลายรุ่นกว่าไทยที่ใช้โช้กอัพแบบปรับความแข็งด้วยไฟฟ้า แต่ในเมืองไทยมีแค่ไม่กี่รุ่น ที่คุ้นเคยกันก็มี
นิสสัน เซฟิโรรหัสตัวถังเอ31 ขับเคลื่อนล้อหลัง ปรับได้สะดวก แค่กดสวิตช์ที่อยู่ในแผงหน้าปัด เลือกได้แค่ 2 ระดับ คือ SPORT
(แข็ง) และCOMFORT (นุ่ม)

การปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยไฟฟ้า ยังเป็นฝันของนักขับเท้าหนักหลายคน ที่อยากได้ทั้งความนุ่มนวล และการทรงตัวที่ดีควบคู่กัน
แต่ก็แพง และมักจะลงเอยกับโช้กอัพชุดแต่งที่ปรับความหนืดได้ด้วยมือขณะจอดรถยนต์ เพราะมีไม่กี่สำนักแต่งที่ผลิตชุดปรับโช้กอัพ
ด้วยไฟฟ้าออกมาหรือถ้ามีก็แพงมาก

 EDFC-Electronic Damping Force Controller
TEIN สำนักแต่งจากญี่ปุ่นที่เน้นการโมดิฟายช่วงล่าง ได้ผลิตอุปกรณ์ช่วยปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อนำไปติดตั้ง
เสริมเข้ากับโช้กอัพที่สามารถปรับความแข็ง ได้ด้วยการหมุนไส้ภายในแกนจากด้านบน EDFC ประกอบด้วยมอเตอร์ขนาดเล็ก 4 ตัว
(มอเตอร์ 1 ตัว ต่อโช้กอัพ 1 ตัว) เป็นแบบ STEP MOTOR สามารถหมุนและหยุดเป็นจังหวะได้, ชุดสายไฟ และตัวควบคุม
แบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมจอแสดงสถานะ ขนาด ผ DIN สำหรับติดตั้งในห้องโดยสาร อุปกรณ์นี้ไม่ได้ทำให้โช้กอัพธรรมดาสามารถ
ปรับความหนืดได้ แต่เป็นอุปกรณ์เสิรมสำหรับติดตั้งเข้ากับยอดแกนของโช้กอัพที่ปรับได้อยู่แล้ว เพื่อให้ผู้ขับสามารถปรับความหนืดได้
จากภายในห้องโดยสาร ตัวกล่องมอเตอร์จะมีรูเกลียวตัวเมียสำหรับไขติดกับเกลียวตัวผู้รอบนอกยอดของแกนโช้กอัพ และตัวมอเตอร์
มีแกนโผล่ลงไปเสียบกับยอดของไส้ในที่แหย่ลงไปปรับวาล์วด้านล่าง ซึ่งซ้อนอยู่ในแกนโช้กอัพ เมื่อจ่ายไฟให้มอเตอร์หมุน ก็จะพา
ไส้ในให้หมุนตาม ซึ่งเป็นการปรับความหนืดจากการหรี่หรือขยายรูบนตัววาล์วภายในโช้กอัพที่จะให้น้ำมันไหลผ่าน ตามพื้นฐานเดิม
ของโช้กอัพตัวนั้น ตัวมอเตอร์หมุนได้ทั้งหมด 16 จังหวะ (แต่ละจังหวะจะขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) โดยสามารถเพิ่มความละเอียด
ให้มอเตอร์หมุนครั้งละครึ่งจังหวะ กลายเป็นถึง 32 จังหวะ แต่ในการใช้งานจริง การปรับจังหวะการหมุนของมอเตอร์ให้ละเอียดมาก ๆ
ก็เท่ากับเป็นการขยับปรับขนาดรูน้ำมันเพียงเล็กน้อยจนยากที่ผู้ขับจะแยกอาการที่แตกต่างได้ ในการใช้งานจริงจะปรับได้กี่จังหวะ
ก็ขึ้นอยู่กับตัวโช้กอัพเป็นหลัก ถ้าหมุนไส้ปรับได้ไม่มากรอบ เมื่อใช้อุปกรณ์นี้ก็จะทำให้ปรับได้ไม่กี่จังหวะ เพราะหมุนจากสุดด้านหนึ่ง
ไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กี่จังหวะก็หมดแล้ว

การสั่งงานมอเตอร์เป็นหน้าที่ของกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบนี้ เพราะตัวมอเตอร์หมุนแกนในรถยนต์ทั่วไป
บางรุ่นก็มี เพียงแต่ไม่มีสเตปละเอียดอย่างนี้ กล่องควบคุมสำหรับติดตั้งภายในห้องโดยสาร ประกอบด้วยปุ่ม POWER สำหรับเปิด-ปิด
และปุ่มปรับความหนืดแยกไว้ด้านซ้าย-ขวาสุดของตัวควบคุม ปุ่มด้านซ้ายสำหรับโช้กอัพคู่หน้า ปุ่มด้านขวาสำหรับคู่หลัง
(ไม่สามารถแยกซ้ายขวาได้) แต่ละข้างมี 2 ปุ่มคือ SOFT และ ? HARD โดยเวลากดปุ่มจะมีเสียง BEEP สามารถปรับความดังได้
3 ระดับ หรือจะปิดเสียงก็ได้

ตรงกลางตัวเป็นหน้าจอ แสดงข้อมูลหลัก ๆ คือ FRONT และREAR หมายถึงโช้กอัพคู่หน้า และหลัง ตามด้วยตัวเลข 2 หลัก
เลขมากแสดงว่านิ่ม หน้าจอสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ด้านล่างของหน้าจอมีปุ่มโปรแกรม P-1, P-2 และ P-3
สามารถตั้งความหนืดระดับที่ต้องการ และบันทึกไว้ แค่กดปุ่มเดียว ตัวเลขความหนืดที่เคยตั้งไว้ ก็จะแสดงบนหน้าจอพร้อมกับสั่ง
ให้มอเตอร์หมุนปรับแกน โดยทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบจะคงความหนืดเหมือนก่อนดับเครื่องยนต์ แม้จะปรับได้สะดวก
เพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่ก็มีคำเตือนจากผู้ผลิตว่า ควรปรับเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งเท่านั้น เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือทำให้ตัวมอเตอร์เสียหาย
เนื่องจากหากมีการปรับขนาดรูที่น้ำมันจะไหลผ่านในขณะที่โช้กอัพทำงานหนัก การปรับจะยาก หรือปรับแล้วอาการตอบสนองในการขับ
จะเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

EDFC มีระบบตรวจสอบตัวเอง ถ้าพบความผิดปกติ เช่น กระแสไฟฟ้าเกิน สายไฟขาด หรือมอเตอร์หลุดหลวม ก็จะเตือนให้ผู้ขับทราบ
โดยหน้าจอจะแสดงคำว่า ERROR ไฟที่ปุ่มโปรแกรมทั้ง 3 ปุ่ม จะเปลี่ยนเป็นสีแดงและกระพริบเป็นจังหวะ พร้อมเสียง BEEP

EDFC ต้องใช้ควบคู่กับโช้กอัพเฉพาะยี่ห้อ TEIN ที่เป็นแบบปรับความหนืดด้วยการหมุนไว้ภายในแกน โดยควรเลือกรุ่นที่มีช่วง -
ความหนืดที่สามารถปรับได้ใกล้เคียงกับความต้องการ เพราะถ้าปรับจนแข็งสุด ยังรู้สึกว่านิ่มเกินไป หรือปรับอ่อนสุดแล้ว
ยังแข็งเกินไป ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปรับ ก่อนติดตั้ง ควรดูด้วยว่ามีที่ว่างระหว่างหัวโช้กอัพหน้ากับใต้ฝากระโปรงมากพอหรือเปล่า
ส่วนด้านหลังไม่น่ามีปัญหาติดขัดใด ๆ
โดย EDFC มีราคาในญี่ปุ่นประมาณ 15,000 บาท (ไม่รวมโช้กอัพ) 
2484  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: มีใครเคยต่อ EDFC ไหมครับ เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2007 19:37:23
ผมใช้คู่กับโช๊คTEIN มานานแล้วครับ คุ้มค่าดี
ขออนุญาตอธิบายรายละเอียดให้กับท่านที่ยังไม่ทราบครับ

EDFC - ปรับโช้กด้วยไฟฟ้า (Electronic Damping Force Controller)
โช๊กอัพนอกจากจะทำหน้าที่ควบคุมการเต้นของสปริง แหนบหรือทอร์ชันบาร์แล้ว ยังมีผลเกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพการทรงตัว
และความนุ่มนวลตลอดการขับรถยนต์ ไม่ใช่บทสรุปตายตัวว่า โช้กอัพที่มีความหนืดมาก (หรือเรียกกันว่าแข็ง)
จะมีจุดเด่น คือให้ความมั่นคงขณะขับความเร็วสูง แต่มีจุดด้อยด้านความกระด้างเมื่อขับช้า ๆ และในทางกลับกัน โช้กอัพนิ่ม ๆ
จะเด่นในด้านความนุ่มนวลเมื่อขับช้า และมีผลให้รถยนต์มีอาการโคลงช่วงความเร็วสูง เพราะยังต้องเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบอื่น
อีกมากมาย เช่น รูปแบบ และวัสดุของระบบช่วงล่าง สปริง (หรือแหนบ และทอร์ชันบาร์) การบิดตัวของตัวถัง
แต่ในการใช้งานจริงก็พบว่า ความแข็งของโช้กอัพ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความนุ่มนวล และอาการโคลงอยู่ไม่น้อย
เช่น ถ้าชอบขับเร็วบ่อย ๆ ก็ต้องยอมกระด้างกับโช้กอัพที่หนืดมากหน่อย หรือถ้าอยากได้ความนุ่มนวล ก็เลือกใช้โช้กอัพหนืดน้อย ๆ
นิ่ม ๆ แล้วต้องยอมโคลงบ้างเมื่อขับเร็ว ได้อย่างก็ต้องยอมเสียอย่าง จะให้ทั้งนุ่มนวล และไม่โคลงเป็นเรื่องยาก แต่ในซีกของผู้ผลิต
ก็มีความพยายามจะทำให้โช้กอัพ ทั้งนุ่มนวล ทั้งทรงตัวดีตลอดการขับขี่ 

โช้กอัพแบบปรับความแข็งได้ มักเป็นชุดแต่งที่ไม่ได้ติดมากับรถยนต์จากโรงงานประกอบ ส่วยใหญ่เป็นแบบปรับด้วยมือ โดยมี
2 แบบหลัก คือ 1. ปุ่มหมุนที่ข้างกระบอก หรือ 2. ไขที่แกน ซึ่งแยกย่อยได้อีก 2 แบบ คือ
2.1 ต้องถอดออกมาจากรถยนต์แล้วค่อยปรับโดยการกดแกนจนสุดแล้วหมุนแกนเพื่อปรับวาล์วภายใน
2.2 ไขที่ยอดของแกนซึ่งมีไส้ขนาดเล็กซ้อนอยู่ด้านใน สอดลงไปรับวาล์วที่ปลายแกนด้านล่าง 

ปัจจุบันนี้ ผู้ผลิตโช้กอัพหลายยี่ห้อ หันมาผลิตโช้กอัพแบบปรับความแข็งโดยการหมุนปรับที่ยอดของแกนกันมากขึ้นเพราะสามารถ
ใช้งานได้อย่างสะดวก ไม่ต้องมุดหรือถอดล้อ หรือถอดไส้โช้กอัพออกมาปรับ การปรับด้วยมือ ยังไม่สะดวกเพียงพอ
เพราะต้องจอดรถยนต์ และเปิดฝากระโปรงเพื่อหมุนปรับ เหนือชั้นขึ้นไปอีก จึงมีการพัฒนาการปรับความหนืดของโช้กอัพด้วยไฟฟ้าขึ้นมา 

โดยทั่วไปแล้ว การปรับความแข็งหรือความหนืดของโช้กอัพ จะทำโดยการเปลี่ยนขนาดของรูสำหรับให้น้ำมันไหลผ่านบนตัววาล์ว
ในกระบอกโช้กอัพ ถ้ารูมีขนาดเล็ก น้ำมันไหลผ่านยาก โช้กอัพก็มีความหนืดมาก ขยับตัวได้ยาก (ส่วนจะเป็นการปรับช่วงยุบ-Bump
หรือยืด-Reboundเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) โช้กอัพที่ปรับความหนืดด้วยไฟฟ้า มีใช้ในรถยนต์ในสายการผลิตเพียงไม่กี่รุ่นกี่ยี่ห้อ และมัก
เป็นการติดตั้งมอเตอร์เข้ากับยอดของไส้ที่สอดไว้ในแกนโช้กอัพ แล้วพ่วงไว้ด้วยระบบควบคุมการหมุนของมอเตอร์ ซึ่งส่วนใหญ่
ปรับได้ 2-3 ระดับความแข็งเท่านั้น สรุปง่ายๆก็คือ ยังเป็นการปรับขนาดของรูที่น้ำมันจะไหลผ่านโดยใช้วิธีหมุนไส้ภายในแกนดช้กอัพ
แต่เสริมการหมุนไส้นั้นด้วยมอเตอร์เข้าไปแทนคนหมุน 

ในต่างประเทศ จะมีรถยนต์หลายรุ่นกว่าไทยที่ใช้โช้กอัพแบบปรับความแข็งด้วยไฟฟ้า แต่ในเมืองไทยมีแค่ไม่กี่รุ่น ที่คุ้นเคยกันก็มี
นิสสัน เซฟิโรรหัสตัวถังเอ31 ขับเคลื่อนล้อหลัง ปรับได้สะดวก แค่กดสวิตช์ที่อยู่ในแผงหน้าปัด เลือกได้แค่ 2 ระดับ คือ SPORT (แข็ง)
และCOMFORT (นุ่ม) 

การปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยไฟฟ้า ยังเป็นฝันของนักขับเท้าหนักหลายคน ที่อยากได้ทั้งความนุ่มนวล และการทรงตัวที่ดีควบคู่กัน
แต่ก็แพง และมักจะลงเอยกับโช้กอัพชุดแต่งที่ปรับความหนืดได้ด้วยมือขณะจอดรถยนต์ เพราะมีไม่กี่สำนักแต่งที่ผลิตชุดปรับโช้กอัพ
ด้วยไฟฟ้าออกมาหรือถ้ามีก็แพงมาก

 EDFC-Electronic Damping Force Controller
TEIN สำนักแต่งจากญี่ปุ่นที่เน้นการโมดิฟายช่วงล่าง ได้ผลิตอุปกรณ์ช่วยปรับความแข็งของโช้กอัพด้วยระบบไฟฟ้า เพื่อนำไปติดตั้งเสริม
เข้ากับโช้กอัพที่สามารถปรับความแข็ง ได้ด้วยการหมุนไส้ภายในแกนจากด้านบน EDFC ประกอบด้วยมอเตอร์ขนาดเล็ก 4 ตัว
(มอเตอร์ 1 ตัว ต่อโช้กอัพ 1 ตัว) เป็นแบบ STEP MOTOR สามารถหมุนและหยุดเป็นจังหวะได้, ชุดสายไฟ และตัวควบคุม
แบบอิเล็กทรอนิกส์พร้อมจอแสดงสถานะ ขนาด ผ DIN สำหรับติดตั้งในห้องโดยสาร อุปกรณ์นี้ไม่ได้ทำให้โช้กอัพธรรมดาสามารถ
ปรับความหนืดได้ แต่เป็นอุปกรณ์เสิรมสำหรับติดตั้งเข้ากับยอดแกนของโช้กอัพที่ปรับได้อยู่แล้ว เพื่อให้ผู้ขับสามารถปรับความหนืดได้
จากภายในห้องโดยสาร ตัวกล่องมอเตอร์จะมีรูเกลียวตัวเมียสำหรับไขติดกับเกลียวตัวผู้รอบนอกยอดของแกนโช้กอัพ และตัวมอเตอร์
มีแกนโผล่ลงไปเสียบกับยอดของไส้ในที่แหย่ลงไปปรับวาล์วด้านล่าง ซึ่งซ้อนอยู่ในแกนโช้กอัพ เมื่อจ่ายไฟให้มอเตอร์หมุน ก็จะพาไส้ใน
ให้หมุนตาม ซึ่งเป็นการปรับความหนืดจากการหรี่หรือขยายรูบนตัววาล์วภายในโช้กอัพที่จะให้น้ำมันไหลผ่าน ตามพื้นฐานเดิมของโช้กอัพ
ตัวนั้น ตัวมอเตอร์หมุนได้ทั้งหมด 16 จังหวะ (แต่ละจังหวะจะขยับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น) โดยสามารถเพิ่มความละเอียดให้มอเตอร์หมุน
ครั้งละครึ่งจังหวะ กลายเป็นถึง 32 จังหวะ แต่ในการใช้งานจริง การปรับจังหวะการหมุนของมอเตอร์ให้ละเอียดมาก ๆ ก็เท่ากับเป็นการขยับ
ปรับขนาดรูน้ำมันเพียงเล็กน้อยจนยากที่ผู้ขับจะแยกอาการที่แตกต่างได้ ในการใช้งานจริงจะปรับได้กี่จังหวะ ก็ขึ้นอยู่กับตัวโช้กอัพเป็นหลัก
ถ้าหมุนไส้ปรับได้ไม่มากรอบ เมื่อใช้อุปกรณ์นี้ก็จะทำให้ปรับได้ไม่กี่จังหวะ เพราะหมุนจากสุดด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง ไม่กี่จังหวะก็หมดแล้ว 

การสั่งงานมอเตอร์เป็นหน้าที่ของกล่องควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของระบบนี้ เพราะตัวมอเตอร์หมุนแกนในรถยนต์ทั่วไปบางรุ่น
ก็มี เพียงแต่ไม่มีสเตปละเอียดอย่างนี้ กล่องควบคุมสำหรับติดตั้งภายในห้องโดยสาร ประกอบด้วยปุ่ม POWER สำหรับเปิด-ปิด
และปุ่มปรับความหนืดแยกไว้ด้านซ้าย-ขวาสุดของตัวควบคุม ปุ่มด้านซ้ายสำหรับโช้กอัพคู่หน้า ปุ่มด้านขวาสำหรับคู่หลัง
(ไม่สามารถแยกซ้ายขวาได้) แต่ละข้างมี 2 ปุ่มคือ SOFT และ ? HARD โดยเวลากดปุ่มจะมีเสียง BEEP สามารถปรับความดังได้ 3 ระดับ
หรือจะปิดเสียงก็ได้ 

ตรงกลางตัวเป็นหน้าจอ แสดงข้อมูลหลัก ๆ คือ FRONT และREAR หมายถึงโช้กอัพคู่หน้า และหลัง ตามด้วยตัวเลข 2 หลัก
เลขมากแสดงว่านิ่ม หน้าจอสามารถปรับความสว่างได้ 3 ระดับ ด้านล่างของหน้าจอมีปุ่มโปรแกรม P-1, P-2 และ P-3
สามารถตั้งความหนืดระดับที่ต้องการ และบันทึกไว้ แค่กดปุ่มเดียว ตัวเลขความหนืดที่เคยตั้งไว้ ก็จะแสดงบนหน้าจอพร้อมกับสั่ง
ให้มอเตอร์หมุนปรับแกน โดยทุกครั้งที่สตาร์ตเครื่องยนต์ ระบบจะคงความหนืดเหมือนก่อนดับเครื่องยนต์ แม้จะปรับได้สะดวก
เพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่ก็มีคำเตือนจากผู้ผลิตว่า ควรปรับเมื่อรถยนต์หยุดนิ่งเท่านั้น เพราะอาจเกิดอุบัติเหตุ หรือทำให้ตัวมอเตอร์เสียหาย
เนื่องจากหากมีการปรับขนาดรูที่น้ำมันจะไหลผ่านในขณะที่โช้กอัพทำงานหนัก การปรับจะยาก หรือปรับแล้วอาการตอบสนองในการขับ
จะเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน 

EDFC มีระบบตรวจสอบตัวเอง ถ้าพบความผิดปกติ เช่น กระแสไฟฟ้าเกิน สายไฟขาด หรือมอเตอร์หลุดหลวม ก็จะเตือนให้ผู้ขับทราบ
โดยหน้าจอจะแสดงคำว่า ERROR ไฟที่ปุ่มโปรแกรมทั้ง 3 ปุ่ม จะเปลี่ยนเป็นสีแดงและกระพริบเป็นจังหวะ พร้อมเสียง BEEP 

EDFC ต้องใช้ควบคู่กับโช้กอัพเฉพาะยี่ห้อ TEIN ที่เป็นแบบปรับความหนืดด้วยการหมุนไว้ภายในแกน โดยควรเลือกรุ่นที่มีช่วงความหนืด
ที่สามารถปรับได้ใกล้เคียงกับความต้องการ เพราะถ้าปรับจนแข็งสุด ยังรู้สึกว่านิ่มเกินไป หรือปรับอ่อนสุดแล้วยังแข็งเกินไป
ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปรับ ก่อนติดตั้ง ควรดูด้วยว่ามีที่ว่างระหว่างหัวโช้กอัพหน้ากับใต้ฝากระโปรงมากพอหรือเปล่า ส่วนด้านหลัง
ไม่น่ามีปัญหาติดขัดใด ๆ
โดย EDFC มีราคาในญี่ปุ่นประมาณ 15,000 บาท (ไม่รวมโช้กอัพ)  ฮิฮิ
2485  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: มีใครเคยต่อ EDFC ไหมครับ เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2007 19:08:19
http://www.tein.com/edfc.html
2486  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: สงสัยเรื่องพาวเวอร์ครับ เมื่อ: 19 กรกฎาคม 2007 21:27:24
อาการพวงมาลัยหนัก หลังจากไปเปลี่ยนอันใหม่.....
ควรตรวจเช็ค
1. ระบบเหมือนกันหรือไม่ พวงมาลัยเพาเวอร์บางรุ่นต้องใช้ระบบVaccumต่อร่วมด้วย สังเกตุจะมีท่ออยู่ที่แร็ค
2. ฟองอากาศในระบบน้ำมัน
3. การอุดตันของระบบส่งน้ำมัน ก่อนติดตั้งจึงควรล้างทั้งระบบเสียก่อน
4. ปั๊มอัดน้ำมัน (ตัวบนที่ไม่ได้เปลี่ยน) มีแรงอัดดีหรือไม่
5. มุมล้อ ถูกต้องหรือไม่ >>> มีผลมาก

ปล. การปรับระยะฟรีของแร็ค หากมีมากจะทำให้ขับยากนะครับ
และไม่ส่งผลให้ล้อหมุนคืนเองในตอนเลี้ยวครับ
2487  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ใครเคยโดนมั่ง มีความรู้สึกยังงัย ขอเสียงคนรัก AE หน่อยครับ เมื่อ: 18 กรกฎาคม 2007 21:50:03
เฉยๆครับ ยังงัยมันก็รถของเรา เราซื้อเพราะเราชอบ
จะแคร์อะไร ก็แค่คำพูดคน
บางเรื่อง ไปแคร์คนรอบข้างมากก็ปวดหัวปล่าวครับ
2488  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / Re: รายงานผลการวางเครื่องฝาขาว เอามาให้อ่านอีกรอบครับสำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่าน เมื่อ: 13 กรกฎาคม 2007 14:40:44
ยินดีด้วยครับแต้
ได้เนียนๆเสียที Grin Grin
2489  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ถามถึงพี่ๆที่ลง 7A หน่อยครับ เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2007 16:27:43
 อิอิ อิอิ
2490  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส / Re: เรื่อง...กระปุกออโต้ลูปเลี้ยงวาวล์ ในเครื่องหัวฉีด เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2007 01:21:43
เป็นความเข้าใจผิดตั้งแต่ต้นครับ

ในระบบวาล์วของเครื่องยนต์ 4 จังหวะ จะมีน้ำมันเครื่องมาเลี้ยงที่แกนวาล์วอยู่แล้ว
และที่ปลายแกนวาล์วก่อนจะถึงบ่าวาล์ว ก็จะมียางตีนวาล์วดักอยู่
ตัวนี้จะทำหน้าที่กันไม่ให้น้ำมันเครื่องลอดลงสู่ห้องเผาใหม้
ถ้าน้ำมันเครื่องลอดลงไปก็จะไปเผาใหม้ ซึ่งไม่เป็นผลดีแน่นอน
บ่าวาล์วปกติก็จะไม่มีน้ำมันเครื่องมาเลี้ยง.... เพราะมันจะลอดเข้าห้องเผาใหม้เช่นกัน
บ่าวาล์ว ทำหน้าที่ปิด - เปิด ไอดีและไอเสีย ไม่ต้องมีน้ำมันใดๆไปเลี้ยงครับ
และถ้าน้ำมันเครื่องลอดลงมาได้ ก็จะกินน้ำมันเครื่องและมีควันขาว ซึ่งถือว่าผิดปกติ

การเอาออโต้ลู๊ปไปหยอดที่ที่แกนวาล์ว ..... หยอดทำใม
ในเมื่อจุดนั้นมันมีน้ำมันเครื่องมาเลี้ยงตลอดเวลาอยู่แล้ว
2491  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ขอข้อมูล ของ AE 100, AE101 เมื่อ: 10 กรกฎาคม 2007 00:57:12
พี่ช่วยแนะนําหน่อยใช้ae101อยู่ว่าจะเซ็ทเทอร์โบและเปลี่ยนลูกสูบเป็นของ4aซุปเพื่อให้ทนกับบูสท์พี่คิดว่าอย่างไรช่วยออกความคิดเห็นหน่อยครับ  ขอบคุณครับพี่

ถ้าจะทำก็ทำได้ครับ

แต่ถ้าความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว..... ผมไม่ทำครับ
ผมชอบทำรถแบบแรงได้เต็มพิกัดแล้วไม่พัง หรือโอกาสพังมีน้อย
พื้นฐานเครื่องN/A เอามาติดTurbo ก็จะทนได้ในระดับหนึ่ง
จะให้ทนบู๊สสูงๆได้ ต้องใช้งบเยอะ เปลี่ยนเป็นลูกซุป ดีแน่นอนครับ
ตัดปัญหาลูกแตกไปได้ แต่ก้านสูบ และชาร์ปเราไม่ได้ทำ มันก็เสี่ยงที่จะพังหากบู๊สเยอะๆครับ
2492  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / Re: แล้ว AE 100 กะ AE 101 มันมีอะไรที่ต่างกันอ่ะ เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 19:43:41
อันนี้แถม AE111  Grin

Corolla AE111 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่น May, 1995 เช่นกัน   
ในกลุ่มจะมี AE110 , 111 , 114 ทั้งหมดรวม 39 รุ่น   
แบ่งเป็น AE110 = 20 , 111 = 8 , 114 = 11 รุ่น         
AE 111 มีผลิตทั้งหมด 8 รุ่น    
โดยรุ่นอื่นๆ ใส่ล้อ 13 , รุ่นS Cruise ใส่ล้อ 14 จากโรงงาน   
1. Frame  E-EE111-AEKBK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade DX    
2. Frame  E-EE111-AEHBK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade DX    
3. Frame  E-EE111-AEKDK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade LX    
4. Frame  E-EE111-AEHDK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade LX    
5. Frame  E-EE111-AEKNK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade XE Saloon    
6. Frame  E-EE111-AEHNK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade XE Saloon    
7. Frame  E-AE111-AEMGK, Engine  4A-FE (MT) -  Grade S Cruise   
8. Frame  E-AE111-AEPGK, Engine  4A-FE (AT) -  Grade S Cruise   

May, 1996 ผลิต 39 รุ่น เช่นกัน โดยAE111 มีผลิต 8 รุ่น   
โดยรุ่นอื่นๆ ใส่ล้อ 13 , รุ่นS Cruise ใส่ล้อ 14 จากโรงงาน   
1. Frame E-EE111-AEKBK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade DX   
2. Frame E-EE111-AEHBK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade DX   
3. Frame E-EE111-AEKDK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade LX   
4. Frame E-EE111-AEHDK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade LX   
5. Frame E-EE111-AEKNK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade XE Saloon   
6. Frame E-EE111-AEHNK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade XE Saloon   
7. Frame E-AE111-AEMGK, Engine  4A-FE (MT) -  Grade S Cruise   
8. Frame E-AE111-AEPGK, Engine  4A-FE (AT) -  Grade S Cruise   

April, 1998 ปีสุดท้ายของการผลิตAE111 ก็มีการผลิตรวม 39 รุ่นเช่นกัน โดยมีAE111 = 8 รุ่น   
AE111 ที่ผลิตในปีนี้ จะมีรถธงของโคโรลล่า เข้าประจำการคือ GT Grade   
เป็นเครื่องยนต์ 4A-GE VVTi , 165 PS มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์แบบอัตโนมัติ 4 สปีด   
โดยรุ่นอื่นๆ ใส่ล้อ 13 , รุ่นGT ใส่ล้อ 14 จากโรงงาน   
1. Frame GF-EE111-AEMBK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade DX   
2. Frame GF-EE111-AEHBK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade DX   
3. Frame GF-EE111-AEMDK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade LX   
4. Frame GF-EE111-AEHDK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade LX   
5. Frame GF-EE111-AEMNK, Engine  4E-FE (MT) -  Grade XE Saloon   
6. Frame GF-EE111-AEHNK, Engine  4E-FE (AT) -  Grade XE Saloon   
7. Frame GF-AE111-AEFVF, Engine  4A-GE VVTi (MT 6) -  Grade GT   
8. Frame GF-AE111-AEPVF, Engine  4A-GE VVTi (AT 4 ECT-S) -  Grade GT   
ปิดตำนาน AE111 ที่ปี 1998   
 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
2493  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / Re: แล้ว AE 100 กะ AE 101 มันมีอะไรที่ต่างกันอ่ะ เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 19:42:08
AE101 มีเครื่อง4E-FE 1300cc. , 4A-FE 1600cc. ,และตัวท๊อปเกรดGT เครื่อง4A-GE 1600cc. แต่แรงม้าเยอะ 160 ตัวนะ

Corolla AE101 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่น June, 1991
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 26 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100
AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการ ด้วยเครื่องยนต์4A-GE VVTi 20v. 5 Speed, 160 PS
ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14
ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade (รุ่น) คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEKBK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEHBK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
3. Grade >>> LX,  Frame >>> E-EE101-AEKDK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
4. Grade >>> LX,  Frame >>> E-EE101-AEHDK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
5. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEKNK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
6. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEHNK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
7. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEMQK,  Engine >>> 4A-FE (MT)
8. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEPQK,  Engine >>> 4A-FE (AT)
9. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEMVF,  Engine >>> 4A-GE (MT 5)
10. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEPVF,  Engine >>> 4A-GE (AT 4)

Corolla AE101 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 34 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD)
AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม
ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14
ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade เหมือนเดิม คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEKBK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEHBK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
3. Grade >>> LX,  Frame >>> E-EE101-AEKDK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
4. Grade >>> LX,  Frame >>> E-EE101-AEHDK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
5. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEKNK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
6. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEHNK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
7. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEMQK,  Engine >>> 4A-FE (MT)
8. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEPQK,  Engine >>> 4A-FE (AT)
9. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEMVF,  Engine >>> 4A-GE (MT 5)
10. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEPVF,  Engine >>> 4A-GE (AT 4)

Corolla AE101 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม
ปีนี้ AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม
ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14
ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEKBK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEHBK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
3. Grade >>> LX-Limited Business package,  Frame >>> E-EE101-AEKDK(B),  Engine >>> 4E-FE (MT)
4. Grade >>> LX-Limited,  Frame >>> E-EE101-AEKDK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
5. Grade >>> LX-Limited Business package,  Frame >>> E-EE101-AEHDK(B),  Engine >>> 4E-FE (AT)
6. Grade >>> LX-Limited,  Frame >>> E-EE101-AEHDK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
7. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEKNK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
8. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEHNK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
9. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEMQK,  Engine >>> 4A-FE (MT)
10. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEPQK,  Engine >>> 4A-FE (AT)
11. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEMVF,  Engine >>> 4A-GE (MT 5)
12. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEPVF,  Engine >>> 4A-GE (AT 4)

Corolla AE101 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม
ปีนี้ AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม
ยางที่ใช้ก็เป็นขอบ 13 ยกเว้นเกรดSE-G , GT ที่เป็นขอบ 14
ในAE101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEKBK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>> E-EE101-AEHBK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
3. Grade >>> LX-Limited Business package,  Frame >>> E-EE101-AEKDK(B),  Engine >>> 4E-FE (MT)
4. Grade >>> LX-Limited,  Frame >>> E-EE101-AEKDK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
5. Grade >>> LX-Limited Business package,  Frame >>> E-EE101-AEHDK(B),  Engine >>> 4E-FE (AT)
6. Grade >>> LX-Limited,  Frame >>> E-EE101-AEHDK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
7. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEKNK,  Engine >>> 4E-FE (MT)
8. Grade >>> XE,  Frame >>> E-EE101-AEHNK,  Engine >>> 4E-FE (AT)
9. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEMQK,  Engine >>> 4A-FE (MT)
10. Grade >>> SE-G,  Frame >>> E-AE101-AEPQK,  Engine >>> 4A-FE (AT)
11. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEMVF,  Engine >>> 4A-GE (MT 5)
12. Grade >>> GT,  Frame >>> E-AE101-AEPVF,  Engine >>> 4A-GE (AT 4)
ปิดตำนานของAE101 ที่ปี 1994 ครับ
 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
2494  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / AE 100 - 101 ต่างกันยังไง เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 19:38:44
AE100 เครื่อง5A-FE 1500cc.
เอาสเป็กและประวัติการผลิตไปดูก่อนนะหนู  Grin Grin Grin

Corolla AE100 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อ June, 1991 เช่นกัน
ในรุ่นAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade(รุ่น) คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)
5. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)
7. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
9. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
10. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
11. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
12. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)

Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992
ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade เหมือนเดิม คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)
5. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)
7. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
9. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
10. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
11. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
12. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)

Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993
ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)
5. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>>  5A-FE (MT)
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)
7. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>>  5A-FE (AT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)
9. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>>  2C-III (MT)
10. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
11. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>>  2C-III (AT)
12. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
17. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
18. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
19. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
20. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)

Corolla AE100 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE101 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม
ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade เหมือนเดิมคือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)
5. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>>  5A-FE (MT)
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)
7. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>>  5A-FE (AT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)
9. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>>  2C-III (MT)
10. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
11. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>>  2C-III (AT)
12. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
17. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
18. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
19. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
20. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)
ปิดตำนานของAE100 ที่ปี 1994 ครับ
 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
2495  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ขอข้อมูล ของ AE 100, AE101 เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 19:28:17
GXi , XLi รวมทั้ง 112 ทุกModel เป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นจากฐานผลิตในประเทศไทยครับ
ซึ่งในที่นี้ผมไม่ได้กล่าวถึงไว้ แต่ก็อยู่ภายใต้การควบคุมมาตรฐานโดยวิศวกรญี่ปุ่นครับ
2496  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / Re: @@ ประวัติ Corolla และ เครื่องยนต์ รุ่นต่างๆ @@ เมื่อ: 09 กรกฎาคม 2007 00:05:00
พี่จ๊อด รู้สึกว่า 101 LX-Limited  เนี่ย จะนำเข้ามาจาก อินโดนีเซีย นะ  ไม่ใช่ ญี่ปุ่น เพราะ  คาร์บอย ใช้อยู่  บอยเคยบอกมา
ผลิตที่ญี่ปุ่นครับยืนยัน  ผมมีรายละเอียดครบทุกModel
2497  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ขอข้อมูล ของ AE 100, AE101 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2007 23:43:00
ข้อมูล AE100 ครับ

Corolla AE101 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อ June, 1991 เช่นกัน    
ในรุ่นAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade(รุ่น) คือ   
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)   
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)   
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)   
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)   
5. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)   
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)   
7. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
9. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
10. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
11. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
12. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)

Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992
ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 16 Grade เหมือนเดิม คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)
5. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)
7. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
9. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
10. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
11. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
12. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)

Corolla AE100 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993
ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade คือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)
5. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>>  5A-FE (MT)
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)
7. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>>  5A-FE (AT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)
9. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>>  2C-III (MT)
10. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
11. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>>  2C-III (AT)
12. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
17. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
18. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
19. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
20. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)

Corolla AE100 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE101 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม
ในAE100 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 20 Grade เหมือนเดิมคือ
1. Grade >>> DX,  Frame >>> E-AE100-AEMBK,  Engine >>> 5A-FE (MT)
2. Grade >>> DX,  Frame >>>E-AE100-AEHBK,  Engine >>> 5A-FE (AT)
3. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEMBS,  Engine >>> 2C-III (MT)
4. Grade >>> DX,  Frame >>>X-CE100-AEPBS,  Engine >>> 2C-III (AT)
5. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEMDK(B), Engine >>>  5A-FE (MT)
6. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEMDK, Engine >>>  5A-FE (MT)
7. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>> E-AE100-AEHDK(B), Engine >>>  5A-FE (AT)
8. Grade >>> LX,  Frame >>> E-AE100-AEHDK,  Engine >>>  5A-FE (AT)
9. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEMDS(B), Engine >>>  2C-III (MT)
10. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEMDS, Engine >>>  2C-III (MT)
11. Grade >>> LX-L Business Package,  Frame >>>X-CE100-AEPDS(B), Engine >>>  2C-III (AT)
12. Grade >>> LX,  Frame >>>X-CE100-AEPDS, Engine >>>  2C-III (AT)
13. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEMNK, Engine >>>  5A-FE (MT)
14. Grade >>> XE,  Frame >>> E-AE100-AEHNK, Engine >>>  5A-FE (AT)
15. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEMNS, Engine >>>  2C-III (MT)
16. Grade >>> XE,  Frame >>>X-CE100-AEPNS, Engine >>>  2C-III (AT)
17. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEMEK, Engine >>>  5A-FE (MT)
18. Grade >>> SE-L,  Frame >>> E-AE100-AEPEK, Engine >>>  5A-FE (AT)
19. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEMES, Engine >>>  2C-III (MT)
20. Grade >>> SE-L,  Frame >>>X-CE100-AEPES, Engine >>>  2C-III (MT)
ปิดตำนานของAE100 ที่ปี 1994 ครับ

สำหรับเครื่องยนต์อีกตัวที่ประจำการในรถรุ่นนี้ คือ 2C-III มีสเปกดังนี้
Engine model  :  2C-III
Displacement, cc  :  1974
Max.power , PS@rpm  :  73 @ 4700
Max.torque, N*m@rpm  :  129@2800
Engine type  :  Serial 4 cylinder OHC
Fuel system  :  Bosch type distribution type jet pump
Fuel type  :  Diesel
Compression ratio  :  23:1
Bore, mm  :  86
Stroke, mm  :  85
Power density  :  14.79
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
2498  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ขอข้อมูล ของ AE 100, AE101 เมื่อ: 08 กรกฎาคม 2007 21:05:38
Corolla 101 ผลิตครั้งแรกในญี่ปุ่น June, 1991             
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 26 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือ100             
101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการ ด้วยเครื่องยนต์4A-GE VVTi 20v. 5 Speed, 160 PS           
ใน101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade (รุ่น) คือ           
#   Grade   Trans   Eng model   Frame
1   DX        MT   4E-FE   E-EE101-AEKBK
2   DX        AT   4E-FE   E-EE101-AEHBK
3   LX        MT   4E-FE   E-EE101-AEKDK
4   LX        AT   4E-FE   E-EE101-AEHDK
5   XE        MT   4E-FE   E-EE101-AEKNK
6   XE        AT   4E-FE   E-EE101-AEHNK
7   SE-G     MT   4A-FE   E-AE101-AEMQK
8   SE-G     AT   4A-FE   E-AE101-AEPQK
9   GT        MT   4A-GE   E-AE101-AEMVF
10  GT       AT   4A-GE   E-AE101-AEPVF

Corolla 101 ผลิตครั้งที่สองในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1992             
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 34 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือAE100 , 104 ( 4WD)           
AE101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม           
ในรุ่น101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 10 Grade เหมือนเดิม คือ           
#   Grade   Trans   Eng model   Frame
1   DX        MT   4E-FE   E-EE101-AEKBK
2   DX        AT   4E-FE   E-EE101-AEHBK
3   LX        MT   4E-FE   E-EE101-AEKDK
4   LX        AT   4E-FE   E-EE101-AEHDK
5   XE        MT   4E-FE   E-EE101-AEKNK
6   XE        AT   4E-FE   E-EE101-AEHNK
7   SE-G     MT   4A-FE   E-AE101-AEMQK
8   SE-G     AT   4A-FE   E-AE101-AEPQK
9   GT        MT   4A-GE   E-AE101-AEMVF
10   GT      AT   4A-GE   E-AE101-AEPVF

Corolla 101 ผลิตครั้งที่สามในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1993             
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือ100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม           
ปีนี้ 101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม           
ใน101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ           
1   DX            MT   4E-FE   E-EE101-AEKBK
2   DX            AT   4E-FE   E-EE101-AEHBK
3   LX limited   MT   4E-FE   E-EE101-AEKDK(B)
4   LX limited   MT   4E-FE   E-EE101-AEKDK
5   LX limited   AT   4E-FE   E-EE101-AEHDK(B)
6   LX limited   AT   4E-FE   E-EE101-AEHDK
7   XE            MT   4E-FE   E-EE101-AEKNK
8   XE            AT   4E-FE   E-EE101-AEHNK
9   SE-G         MT   4A-FE   E-AE101-AEMQK
10   SE-G        AT   4A-FE   E-AE101-AEPQK
11   GT           MT 5   4A-GE   E-AE101-AEMVF
12   GT          AT 4    4A-GE   E-AE101-AEPVF

Corolla 101 ผลิตครั้งสุดท้ายในญี่ปุ่นเมื่อ May, 1994             
มีเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมด 42 Grade มีเพื่อนร่วมรุ่นคือ100 , 104 ( 4WD)เหมือนเดิม           
ปีนี้ 101 มีรถธงของโคโรลล่าคือเกรดGT ออกมาประจำการเหมือนเดิม ด้วยเครื่องยนต์สเป็กเดิม           
ใน101 ที่ผลิตปีนี้มีทั้งหมด 12 Grade คือ           
1   DX            MT   4E-FE   E-EE101-AEKBK
2   DX            AT   4E-FE   E-EE101-AEHBK
3   LX limited   MT   4E-FE   E-EE101-AEKDK
4   LX limited   MT   4E-FE   E-EE101-AEKDK
5   LX limited   AT   4E-FE   E-EE101-AEHDK
6   LX limited   AT   4E-FE   E-EE101-AEHDK
7   XE             MT   4E-FE   E-EE101-AEKNK
8   XE             AT   4E-FE   E-EE101-AEHNK
9   SE-G          MT   4A-FE   E-AE101-AEMQK
10   SE-G        AT   4A-FE   E-AE101-AEPQK
11   GT         MT 5   4A-GE   E-AE101-AEMVF
12   GT           AT   4A-GE   E-AE101-AEPVF

ปิดตำนานของ101 ที่ปี 1994 ครับ
2499  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: เสียง กุ๊กๆ ที่ล้อหน้า เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2007 17:56:03
ลองกดหรือขย่มบริเวณไกล้เบ้าโช๊คดูครับ
ถ้ามีเสียงดัง ต้องสังเกตุว่ามาจากจุดใหนครับ

ทุกจุดที่ทุกท่านตอบมา เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ
2500  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Re: ใครมีรูปตูด มาโชว์หน่อยดิ เมื่อ: 02 กรกฎาคม 2007 23:21:58
ตูดปะคับ

หน้า: [«10] [«5]  «  1 ... 123 124 [125] 126  » 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!