รบกวนขอวิธีถอดหัวเกียร์หน่อยครับ ทำไงบ้าง

อาการที่เสียคือ สวิทช์จะเด้งออก เลยขึ้นไฟ O/D off  พยายามกดแต่สวิทช์ไห้ค้างที่ตำแหน่งจม แต่สวิทย์ไม่ยอมค้างเด้งออกตลอด แต่ตอนที่กดลงไฟ O/D Off ก็ดับ ตอนนี้เลยเอาเทปพันสายไฟพันรอบหัวเกียร ให้สวิทย์จมลง ใครมีวิธีแกะมาออกมาซ่อมได้บ้าง หรือว่าต้องซื้อมาเปลี่ยนทั้งด้ามเกียร์ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ตอนซื้อให้่ถือกรองไปเทียบ เลือกรุ่นที่พอดี เคยเจอรุ่นคับมากถอดไม่ออก ตอนนี้ของจีนเยอะ บางทีไม่มาตรฐาน

ระหว่างหม้อน้ำทองเหลืองกับอลูมิเนียมอย่างไหนดีกว่ากันคับสงสัย
บางคนว่าทองเหลืองดีตรงซ่อมได้บางคนว่าอลูมิเนียมระบายความร้อนดีกว่า
แล้วอย่างไหนจะเหมาะสมที่สุดครับ
ขอความกะจ่างคับ

การระบายของหม้ออลูมิเนียมจะดีกว่าครับ

ทองเหลืองอาจจะระบายได้ดีไม่เท่าแต่ก็ใกล้ๆกัน

--------------------------------------------------------

ส่วนเรื่องการเปิดหม้อน้ำ เวลามันตัน ทองเหลืองจะเปิดฝาง่ายกว่าครับ

ซ่อมก็ถูกกว่า

--------------------------------------------------------

ส่วนการใช้งาน หม้อน้ำอลูมิเนียมจะเหมาะกับรถที่โมดิฟาย มาระดับนึง

หม้อน้ำจึงจำเป็นต้องระบายความร้อนให้ทัน ไม่งั๊นเครื่องมีน๊อค


ส่วนรถเดิมๆ รึว่าแค่เปลี่ยนท่อ สายหัวเทียน นิดๆหน่อย

ไม่เหมาะกับหม้อน้ำอลูมิเนียมเท่าไหร่ครับ

ใส่หม้อน้ำเดิมๆ หรือ ทองเหลืองจะดีกว่าครับ

-------------------------------------------------

เห็นบางคันรถเดิมๆไปใส่หม้อ อลูมิเนียม น๊อคกันไปเลยก็มี ไม่เข้าใจเหมือนกัน

ผมเปลี่ยนหม้อน้ำมาหลายลูกแล้ว ขอแนะนำให้ใช้ของแท้ที่เป็นอลูมิเนียม

เดิมลูกแรกมันรั่วเลยแวะร้านหม้อน้ำ ร้านจะบอกของแท้แพง สักหกพันมั้งจำไม่ได้ และแนะนำทองเหลือง แล้วยังบอกอีกว่าถ้ารั่วซ่อมได้ แถมหม้อใหญ่กว่ามี2ชั้น ผมก็ตกลงราคาประมาณ 3-4 พัน(จำไม่ได้) หลังจากนั้นก็ใช้ไปเติมน้ำไปทุกสัปดาห์(ที่ถังพักหายไปประมาณ 1 แก้ว) กลับไปเช็ครั่วที่ร้านก็ไม่มี (แต่ทำไมเติมทุกสัปดาห์วะ) ที่หนักกว่านั้นใช้ไปประมาณ 2-3 ปี มันรั่ว กลับไปร้านเดิมอีก ทางร้านก็ถอดดูบอกข้างในมีสนิมเขียว ไม่ควรซ่อม ควรเปลี่ยนใหม่ (ผมคิดในใจไหนบอกว่าใช้ทองเหลืองซ่อมได้) ผมก็เปลี่ยนใหม่อีก (แต่น้ำหายทุกสัปดาห์ก็ยังอยู่) ก็ทนใช้ไปจนอีก 2-3 ปีต่อมา ผมซํกรำคาญเลยไปซื้อของแท้ที่วรจักร ประมาณ 4 พันกว่าบาท มาเปลี่ยนเองมันเลย ปรากฏว่าน้ำที่เคยหายทุกสัปดาห์ไม่มีเลย เป็นเดือนมาเช็คก็เติมนิดหน่อย

ผมว่าน่าจะมาจากหม้อน้ำทองเหลืองมันมีน้ำมากไป เลยล้นถังพักน้ำ มันเลยหาย (คิดเอาเองนะ)

ของใหม่(แต่ทำเทียมหรือเลียนแบบ)มีขายที่ ตึกศรีวรจักร ที่ชั้น1 จำชื่อร้านไม่ได้ ร้านจะขายพวกอุปกรณ์พลาสติกต่างๆ เช่น ที่เปิดประตู คลิบพลาสติกต่างๆ ซื้อนานแล้วจำราคาไม่ได้ แต่ล่าสุดไปซื้อที่เปิดประตูด้านในตรงคนขับ 100 บาท สีอาจจะเพี้ยนจากเดิมนิดหน่อยแต่รับได้ อย่าซื้อมือสองมาใช้เคยใช้แล้วใช้ได้ไม่นานก็แตก คิดดูของมือสองอายุเท่ารถเรานั่นละ

รอบเครื่องตกหรือเปล่าดูประกอบด้วย ถ้าตกแสดงว่าเดินเบาไม่ดี

เท่าที่เคยเจอ ช่างแอร์ใ่ส่น้ำมันคอมมากไป ทำให้เข้าไปในคอล์ยเย็น เร่งเครื่องถึงจะเย็น กรณีซ่อมแอร์มาใหม่ๆนะครับ

ยางแท่นเครื่องแท่นเกียร์หรือเปล่าว้า....ผมเปลี่ยนแล้วหายสั่นเลยครับ  4เอเอฟอี ออโต้

ยางแท่นเครื่องเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เครื่องสั่น แต่ที่สำคัญสุดคือรอบเครื่องต้องไม่ตก ถ้ารอบเครื่องตกยังไงก็สั่น แถมเครื่องดับด้วย

เครื่องพึ่งวาง แล้วล้างปีกผีเสื้อยัง ถ้ายังล้างก่อน ช่างบางคนมักง่ายเอาน้ำมันกระป๋องโซแนค ฉีดเข้าท่อเดินเบา โดยไม่ถอดมาล้างมันไม่มีทางสะอาดหรอกต้องถอดเท่านั้น ผมไม่รู้เรื่องเครื่อง 5A-FE แต่ว่าระบบเดินเบาควบคุมจากอากาศที่เข้าหาท่อไอดี ตอนไม่ได้เหยียบคันเร่งปีกผีเสื้อปิดหมด ให้คิดซิว่าอากาศเข้าทางไหนได้บ้าง
  -ทางแรกสุดก็คือท่อหายใจ ซึ่งเป็นท่อต่อตรงจากปีกผีเสื้อ(ย้ำท่อตรงๆไม่มีอะไรกีดขวาง)เข้าฝาครอบวาล์วแล้วผ่านออกมาเข้าวาล์วหายใจเข้าท่อไอดี เช็ควาล์วหายใจว่ายังปกติไหมก็โดยการถอดมาแล้วเป่าดู ลมเป่าจะเข้าได้ข้างเดียว อีกข้างจะเป่าไม่ได้(อาจจะรั่วนิดหน่อยไม่เป็นไร) เช็คท่อต้องไม่แข็งลองหมุนดูต้องผืด ถ้าหมุนคล่องรั่วแน่นอน
  -อันที่สองผ่านมอเตอร์เดินเบา คอยเปิดปิดให้ลมเข้าท่อไอดีมากน้อยตามต้องการ ตัวนี้ละตัวควบคุมเดินเบาต้วจริง ทีนี้ถ้าลมที่เข้าทางท่อหายใจมีน้อย ต่อให้เปิดมอเตอร์เดินเบามากสุดก็ยังไม่พอใช่ไหมครับ ในทางกลับกันถ้ามีท่อรั่วอากาศเข้าไอดีมากไป มอเตอร์เดินเบาปิดลมจนหมดก็ไม่พอ แต่อาการกระตุกส่วนมากเกิดจากท่อต่างๆหลวมมากกว่า ลองเช็คดูนะครับ

     ขอย้ำอีกอย่างเรื่องการจูนปีกผีเสื้อ การที่ช่างรุนโบราณชอบปรับสกรูดันปีกผีเสื้อ ให้เปิดขึ้นเพื่อหวังให้รอบเครื่องสูงขึ้น มันก็ได้ดังใจตามนั้น คือความเร็วรอบสูงขึ้นเหมือนเหยียบคันเร่งตลอดเวลา กล่องอีซียูก็จะคิดว่าเหยียบคันเร่งอยู่นี่หว่า กูไม่ต้องคุมรอบแล้ว มอเตอร์เดินเบาก็ไม่ทำงานเพราะไม่มีคนสั่ง
     แล้วกล่องจะคุมระบบเดินเบาเมื่อไหร่ กล่องรับรู้ว่าต้องควบคุมการเดินเบาเมื่อเราถอนคันเร่ง แล้วเซ็นเซอร์วัดการเปิดปีกผีเสื่อขาคู่ล่างซ็อต ซึ่งเป็นจังหวะที่ปีกผีเสื้อปิดลงสุด ขาที่ซ๊อตนี่ละมันจะไปสั่งให้กล่องเริ่มระบบเดินเบา ดังนั้นถ้ามีการปรับสกรูดันปีกผีเสื้อ เท่ากับกล่องไม่มีวันรับรู้เลยว่ามีการถอนคันเร่ง
     ระบบเดินเบาจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อลมเข้าระบบไอดีไม่รั่วด้วย

รถผม ae101 เครื่อง 4A-FE ก็เป็นอาการแบบนี้ทำอยู่หลายวัน
1.แรกสุดล้างปีกผีเสื้อ อันนี้สำคัญสุดไม่ใช่ถอดมาแล้วล้างแต่ช่องปีกผีเสื้อ ให้ถอดมอเตอร์เดินเบาออกมาล้างด้วย ล้างให้สะอาดด้วยน้ำมันเบ็นซิน พอล้างเสร็จเอาทินเนอร์เช็ดคราบน้ำมันออกให้หมดตามช่องลมต่างๆ ระวังอย่าให้เยิ้มไปโดนยางหรือพลาสติก ที่ต้องเช็ดคราบน้ำมันให้แห้งสนิท เพราะพวกฝุ่นมันชอบไปเกาะตามคราบน้ำมัน ทำให้มันก็จะสกปรกเร็วขึ้น เพราะฉนั้นช่องลมต้องไม่มีน้ำมัน แล้วเปลี่ยนชิลด์ยางที่มอเตอร์เดินเบาใหม่ด้วย เพราะช่องข้างๆมันเป็นน้ำจากหม้อน้ำ
2.เปลี่ยนท่อยางลมช่วยเดินเบาต่างๆ ถ้าใช้มานานจะแข็งลมมันจะรั่ว ซึ่งมีดังนี้
   - ท่อลมหายใจ ตรงฝาครอบวาล์ว จะมี 2 ท่อ ท่อแรกมีวาล์วหายใจ เปลี่ยนทั้งท่อและชิลด์ยางตรงท่อเสียบเข้าด้วย อีกท่ออยู่ข้างๆไอ้ท่อที่สองนี้ถ้าดูที่ฝั่งไอดีมันจะเชื่อมท่อลมไปที่ปีกผีเสื้อ ให้ฉีกผ้าเป็นเส้นยาวเหมือนเชือกผูกรองเท้าแล้วชุบทินเนอร์หมาดๆ พันตะเกียบแล้วล้วงทำความสะอาด เข้าออกหลายๆครั้ง (ที่ต้องทำเป็นเส้นยาวเพื่อดึงออกง่ายไม่ติดค้างในท่อจะยุ่ง)
   - ท่อลมตรงปีกผีเสื่อที่อยู่ด้านล่าง (ท่อกลาง) มี 1 ท่อ ท่อนี้เป็นท่อจ่ายลมไปชดเชยให้กับแอร์ และเบรค
   - ท่อลมชดเชยแอร์ (บางคนเรียกแวคคั้มแอร์) 2 ท่อ
   - ท่อลมชดเชยพวงมาลัย อยู่ใต้กระบุกน้ำมัีนพวงมาลัยเพาเวอร์ มี 2 ท่อ (อันนี้อยู่ด้านล่างคนไม่ค่อยเห็นกันเลยไม่ค่อยพูดถึง)

ถ้าคันไหนไปตามอู่ แล้วอู่ทำการจูนเดินเบาโดยขันสกรูปีกผีเสื้อให้ ให้ออกจากร้านนั้นไปเลยอย่าให้แตะต้องเด็ดขาด แต่ถ้ามีการจูนไปแล้วก็ต้องแก้กลับโดยช่างที่ชำนาญ หรือถ้าท่านเป็นช่างไฟฟ้าอิเล็ค ต้องการทำเองก็ทำได้โดยการจูนคืนดังนี้ คลายสกรูยันปีกผีเสื้อออกมานิดหน่อยจนห่างออกมาไม่มีการยัน ตอนนี้ถ้าหมุนปีกผีเสื้อช่วงแรกจะติดขัดนิดหน่อย ให้ขันสรูกยันเข้าไปให้พอดีแล้วเพิ่มไปอีกนิดหนึ่ง แล้วลองหมุนปีกผีเสื้อให้ช่วงแรกไม่ติดขัด แล้วล๊อกสกรูด้วยน๊อตเบอร์8  จากนั้นมาดูที่ตัวเซ็นเซอร์วัดปีกผีเสื้อ(ตัวสีดำ) ถ้าตั้งปีกผีเสื้อขึ้น ให้เอามิเตอร์วัดความต้านทานมี่ขาคู่ล่าง ต้อนปีกผีเสื้อปิดหมดต้องความต้านทานต่ำ(20-50โอห์ม) ลองขยับหมุนปีกผีเสื้อจะไม่มีความต้านทานขึ้น ช่วงความต้านทานหายนึ้ให้สังเกตุที่สกรูยัน ต้องห่างออกมาประมาณ 1 มิลลิเมตร ถ้าไม่ได้ให้ถอดน๊อตปรับตัวเซ็นเซอร์ใหม่ เป็นอันเสร็จ

ตอนซ่อมเสร็จรอบเครื่องจะสูง 1000 กว่าไม่ต้องตกใจ และไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ขับไปเรื่อยๆสัก1-2วัน คอมพิวเตอร์จะค่อยๆคำนวณแล้วจะปกติเอง (ระหว่างนี้ดูว่ารอบเครื่องนิ่งไม่กระตุกไปมาเป็นใช้ได้ ถ้าเครื่องยังกระตุกไปมาอยู่ให้หาท่ออื่นๆ ที่เป็นท่อเล็กๆ พยายามต่อไปหายแน่นอน ถ้าเซ็นเซอร์อื่นไม่เสีย เช็คโค๊ดด้วยก็ดี)

ผมใช้ของสปริง โคโลน่า ท้ายโด่ง (ไม่รู้ระหัสอะไรร้านบอกมาแค่นี้) คู่หลัง 1100 บาท พอเอาไปเปลี่ยนที่ร้านพบว่า โช๊คเสียอีก เลยต้องเปลี่ยนทั้งชุด (ใช้โช๊คของ101เดิม) เบ้าของรองสปริงของโช้คจะใหญ่ก่วาของสริง แต่ใส่ได้ ทำเสร็จหน้าหลังสูงเท่ากันพอดี (ถัง58ลิตร)

ยางขอบประตูตอนนี้ของใหม่ไม่แพงครับ แต่จำไม่ได้ซื้อมานานแล้วที่วรจักร

ใครติดแก๊สแบบหัวฉีด ก็ไปซื้อสายเคเบิลมาต่อ(หรือทำเองก็ได้ตามเว็บแก๊ส) ต่อเข้าโน๊ตบุคก็อ่านค่าความเร็วรอบได้ ส่วนความเร็วรถก็เช็คจาก GPS ครับ

ครับ แล้วเข็มน้ำมันกับความร้อนล่ะครับ มาร์คแล้วใส่ปกติเลยใช่มั้ยครับ

สองตัวนี้ไม่ต้องถอดเข็มครับ ถ้าจะถอดก็ยกตัวพร้อมเข็มออกได้เลย

ก่อนถอดง้างเข็มให้หลุดจากตัวกันห้มันตกให้สุดแล้วมาร์คไว้ครับ
ของผมลองเจ๊งมาหลายอันแล้ว สุดท้ายทำได้

ก่อนมาร์คให้ดันเข็มขึ้นไปจนชนที่กันแล้วให้เด้งกลับ หลายๆครั้งจนได้จุดที่คิดว่าใช่ เพราะตอนมันเด้งครั้งแรกอาจจะไม่ตรงตำแหน่ง ตอนใส่ก็เบาๆก่อน แล้วใช้วิธีดันเข็มจนชนที่กันแล้วให้ตกลงมา หลายๆครั้งจนได้ตามที่มาร์คไว้ จึงกดให้แน่น

ผมว่าหา wiring diagram คงยาก ผมเคยเพิ่งเปลี่ยนมา(AE101) ต้องไล่สายเองโดยเทียบกับของเก่า

ของผมถัง 58 ลิตร ใช้จนหมดเกลี้ยงจนตัดเข้าน้ำมันอัตโนมัติ(หัวฉีด SEC) ไปเติม 600 บาททุกครั้ง(ได้เปบซี่ 2 ป๋อง) ประมาณ 52-53 ลิตร

ผมเคยเปลี่ยนเครื่องมาแล้ว 2 ปีก่อน จากเครื่องเดิม 4A-FE เกียร์ออโต้ เป็นเครื่องญี่ปุ่น ทางร้านบอกขอเดิมเป็นเกียร์แมคแคนิค ของญี่ปุ่นเป็นเกียร์ไฟฟ้า กล่อง ECU มีขั้วต่อไม่เหมือนกัน (ของเดิมมี 2 ปลั๊ก ของใหม่มี 3 ปลั๊ก) และตอนขายที่ร้านก็รวมเกียร์ออโต้ด้วย ราคา 16,000 บาท (2ปีที่แล้ว) เสียค่าเปลี่ยน 2,500 บาท ขายเครื่องเดิมคืนร้าน 3,000 บาท(ไม่รู้จะเอาไว้ทำไม) ใช้เวลาเปลี่ยน 1 วันเต็มๆ (ต้องนั่งเฝ้านะครับไม่งั้นช่างจะไปทำงานอื่นก่อน)

หลังจากนั้นอีก2ปี ก็ต้องเข้าอู่โอเวอร์ฮอลเครื่องใหม่เพราะเครื่องหลวม หมดไปอีกประมาณ 10,000

ยืนยันอีกคน ของท้ายเหลืองรถผม ปี93

บางทีก็ติดบางทีก็ไม่ติด หมายถึงสตาทใช่ไหมครับ มันมีหลายสาเหตุ
1. แบตเตอรี่อ่อน
2. ไดสตาท หรือ รีเลยสตาท
3. กรองน้ำมันเบนซินตัน
4. ปั๊มติ๊ก