AE. Racing Club
05 กันยายน 2568 02:02:19 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2  » 
1  AE Racing Club - Classified / ประกาศขายสินค้าและบริการ (เกี่ยวกับรถยนต์) / โตโยต้านนทบุรีเปิดบริการรูปแบบใหม่ เมื่อ: 26 สิงหาคม 2559 16:25:58

โตโยต้านนทบุรีเปิดบริการรูปแบบใหม่ เอาใจลูกค้าทุกท่าน คนรุ่นใหม่ คนไม่มีเวลา ตอบโจทย์ ชีวิตวัยทำงาน
Roadside Service (บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน)
http://www.toyotanont.com/campaign_detail.php?campaign_id=130
Mobile Service (ศูนย์บริการโตโยต้านนท์เคลื่อนที่สำหรับหน่วยงาน)
http://www.toyotanont.com/campaign_detail.php?campaign_id=131
Delivery Service (บริการรับ-ส่งรถของท่านเพื่อเช็คระยะ)
http://www.toyotanont.com/campaign_detail.php?campaign_id=132

สอบถามเงื่อนไขหรือนัดหมายบริการต่างๆได้ที่ 1114
2  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / การจะเป็นครูสอนฝึกขับรถ ต้องมีอะไรบ้าง เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2558 16:12:49


หลายท่านอาจมีความสงสัยว่าการจะเป็นครูสอนฝึกขับรถต้องมีอะไรบ้าง วันนี้จะมาไขความสงสัยให้กระจ่างกันครับ
 
ในปัจจุบันมีกฎหมายควบคุมคือ กฎหมาย พ.ร.บ. รถยนต์ 2522 มาตรา 42 กำหนดไว้ว่าผู้ขับรถต้องได้ใบรับอนุญาตขับรถและสำเนาภาพ ถ่ายใบคู่มือจดทะเบียนรถในขณะขับ หรือในขณะที่ควบคุมผู้ฝึกหัดขับรถเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันทีเว้นแต่ ผู้ฝึกหัดขับรถยนต์ตามมาตรา 57 โดยกำหนดว่าผู้ใดฝึกหัดขับรถยนต์ต้องมีผู้ซึ่งได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์มาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ควบคุมอยู่ด้วยทั้งนี้ในการฝึกหัดขับรถห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากผู้ฝึกหัดและผู้ควบคุมการฝึกหัดอยู่ในรถด้วย
 
และหากระหว่างฝึกหัดขับรถเกิดอุบัติเหตุหรือก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ ผู้ควบคุมจะต้องรับผิดชอบทางแพ่งเว้นแต่ขณะขับรถผู้ฝึกหัดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสอน  และส่วนสำคัญที่สุดผู้ฝึกหัดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้กฎหมายจราจรและมีประสบการณ์ เพราะหากฝึกขับรถไปโดยที่ไม่รู้กฎจราจร และประมาทขาดประสบการณ์ก็จะส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนแก่ผู้ร่วมทางผู้อื่นรวมถึงผู้ถูกฝึกเองด้วย
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=402
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
3  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / หัวเทียนร้อน-หัวเทียนเย็นต่างกันอย่างไร เมื่อ: 07 พฤษภาคม 2558 13:49:32

เรื่องการตรวจเช็คหัวเทียนที่ระยะ 1หมื่น กม. หลายท่านคงทราบกันอยู่แล้วแต่ รู้ไหมว่าการเลือกใช้หัวเทียนนั้นมีผลต่อรถยนต์ของเรา วันนี้จะมาพูดถึงหัวเทียนร้อน หัวเทียนเย็น ถ้าเลือกใช้ผิดจะส่งผลต่อเครื่องยนต์ และทำให้การทำงานของเครื่องยนต์ไม่สมบูรณ์
 
-หัวเทียนร้อน  ที่ชื่อว่าหัวเทียนร้อนเพราะว่าการระบายความร้อนช้า ซึ่งหัวเทียนจะได้ความร้อนจากการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ แล้วจะเกิดความร้อนสะสมอยู่ที่ตัวหัวเทียน ซึ่งรถที่เหมาะใช้หัวเทียนร้อนคือรถที่เครื่องยนต์ ที่ไม่ได้ผ่านการโมดิฟาย พูดง่ายๆคือ เครื่องเดิมๆ ไม่ได้ทำอะไร เพราะอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ต่ำกว่าเครื่องยนต์ที่ผ่านการโมดิฟายมา ขนาดเบอร์ของหัวเทียนคือ นับตั้งแต่ เบอร์ 7 ลงมา
 
-หัวเทียนเย็น คือ หัวเทียนที่ระบายความร้อนได้ดี และรวดเร็ว หัวเทียนเย็นจะเหมาะกับรถยนต์ที่เครื่องยนต์ผ่านการโมเครื่อง หรือ รถที่ใช้ความเร็วตลอด รอบจัด เบอร์หัวเทียน นับตั้งแต่เบอร์ 8 ขึ้นไป
 
แล้วมีคนถามว่าจะถ้าเอารถเครื่องที่ไม่โมมาใช้หัวเทียนเย็น กับเอารถที่เครื่องไปโมมาใช้หัวเทียนร้อนมันจะมีผลเสียนอกจากการทำงานของเครื่องยนต์ ก็อาจจะส่งผลให้หัวเทียนบอดได้อีกด้วย
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=397
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
4  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ไขความสงสัยเรื่องรถหลุดจำนำจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ เมื่อ: 29 เมษายน 2558 11:34:50

ถ้าใครที่ซื้อสินค้าผ่านอินเตอร์เน็ตบ่อยๆ ต้องเจอกันบ้างใช่ไหมครับ ที่เขียนว่ารถหลุดจำนำ ที่ราคาถูก แถมยังเป็นรถใหม่ซะด้วย บางคันนี้ยังเป็นป้ายแดงอยู่เลยด้วยซ้ำ บางคันนี้ราคาแสน สองแสน ถูกกว่าเต๊นท์ขายรถมาก แต่ที่มาของรถเหล่านี้ทราบไหมครับว่ามาจากไหน รถยนต์พวกนี้ได้มาจาก  การรับจำนำตามปกติ, บ่อนการพนัน โต๊ะพนันบอล
 
ซึ่งรถพวกเรียกได้ว่าจะเกือบทั้งหมดยังเป็นรถที่ยังผ่อนเช่าซื้อกับไฟแนนซ์ ซึ่งตามกฎหมายหลักเล่มทะเบียนรถตัวจริง จะได้ก็ต่อเมื่อผ่อนกับทางไฟแนนซ์หมด ดังนั้นกรรมสิทธิของรถก็คือไฟแนนซ์  ไม่สามารถนำมาขายต่อ หรือไปจำนำไว้กับผู้อื่น แต่เหตุการณ์เกิดจากผู้เช่าซื้อลักไก่เอารถไปรับจำนำกับพวกนอกระบบ ซึ่งการจำนองแบบนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีมีการวางเล่มทะเบียน แต่จะมีหนังสือสัญญาของตัวเจ้าหนี้กับลูกหนี้  เมื่อไม่มีการชำระหนี้ตามเวลาที่กำหนดไว้ก็จะกลายเป็นรถหลุดจำนำในที่สุด และแน่นอนว่าขาดส่งเงินกับไฟแนนซ์ด้วยเช่นกัน
 
แล้วถ้าเราซื้อรถหลุดจำนำมาใช้มีโอกาสเจออะไรบ้าง เมื่อเราซื้อต่อมาจากที่หลุดจำนำ เราก็ได้เพียงเอกสารที่สัญญาระหว่างเรากับคนขายรถหลุดจำนำ แต่ทางด้านกฎหมายสิทธิโดยชอบก็ยังอยู่ที่ไฟแนนซ์ตามเดิม  ดังนั้นถ้าไฟแนนซ์เจอรถเมื่อไรเขาก็มีโอกาสที่จะยึดรถคืนได้ทุกเมื่อ เหมือนกับเราเอาเงินไปทิ้งเปล่าๆเลยด้วยซ้ำ หรือมีบางคนหัวหมอใช้วิธีการสวมทะเบียนรถ แต่เมื่อถึงเวลารถเกิดมีอุบัติเหตุขึ้นมาต้องหาหลักฐานมาชี้แจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ยิ่งถ้าไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายต่างๆ  อย่างที่สุภาษิตโบราณว่าไว้ โลภมากลาภหาย
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=396
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
5  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ประกันภัยชั้น 5 อีกหนึ่งทางเลือกในการประหยัดค่าใช้จ่ายของชาวออฟฟิศ เมื่อ: 20 เมษายน 2558 10:25:30

บางคนงงว่าประกันชั้น 5 คือประกันอะไร เป็นมายังไง ประกันประเภท 5 หรือประกันภัยชั้น 5  นั้นเป็นชื่อเรียกรวม ของประกันภัย 2 พลัส และประกันภัย 3 พลัส
สาเหตุที่เหมาะกับพนักงานออฟฟิศเพราะว่า ถ้าการใช้รถขับมาทำงานอย่างเดียวไม่ได้ใช้ออกเดินทางไปไหนนัก  ชีวิตประจำวันของชาวออฟฟิศทั่วๆ ไป คือเข้า 8.00 เลิก 17.00 ซึ่งรถของเราจะเป็นลักษณะจอดมากกว่าขับ  และลักษณะการเดินทางเส้นทางก็เหมือนเดิมทุกวัน บวกกับคุ้นชินกับการเดินทางจึงทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุน้อย และประกันภัยชั้น 1 ก็เบี้ยแพง ประกันภัยชั้น 5 ก็เลยเป็นอีก 1 ตัวเลือก ที่น่าสนใจในการประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะรถเราเน้นจอดมากกว่าเน้นขับ ซึ่งทางประกันจะจ่ายทั้งค่าซ่อมรถเราและค่าเสียหายของรถคู่กรณีตามทุนประกันที่เราระบุไว้ตอนทำประกัน
 
ข้อดีของประกันภัยชั้น5
1. เบี้ยราคาถูกกว่าประกันชั้น 1 กว่าครึ่ง เป้าหมายหลักเลยก็ว่าได้
2. อุ่นใจได้เพราะให้ความคุ้มครองทั้งรถเราและรถคู่กรณี (รถชนรถ)
3. เพิ่มความคุ้มครองภัยไฟไหม้หรือน้ำท่วมได้
4. ไม่ต้องตรวจสภาพรถตอนทำประกัน
 
สิ่งที่ควรรู้ด้านความคุ้มครอง
คุ้มครองกรณีเกิดรถชนและมีคู่กรณีเท่านั้น โดยจะไม่คุ้มครองกรณีต่อไปนี้ เช่น ถอยรถชนเสาไฟ เฉี่ยวชนแบบหาคู่กรณีไม่ได้ เป็นต้น  ส่วนรถหาย 3พลัส (3+) จะไม่คุ้มครอง ต้องเลือกซื้อเป็นแบบ 2พลัส (2+)ก็จะแพงขึ้นมานิดนึง  เพราะฉะนั้นตอนเลือกซื้อประกันลองไตร่ตรองดีๆ ว่าที่จอดรถเรามีความปลอดภัยดีพร้อมหรือไม่ มีโอกาสเสี่ยงต่อรถหายไหม
ก็ถือเป็นทางเลือกและแนวคิดในการประหยัดเงินในกระเป๋าประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะเพิ่มเงินเก็บเงินออมไปในตัว

http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=391
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
6  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / จอดรถบนทางด่วนระวังจะได้เสียค่าปรับ เมื่อ: 07 เมษายน 2558 14:32:19

รู้หรือไม่ครับว่าการหยุดรถหรือจอดรถบนทางด่วนพิเศษนั้นแท้จริงแล้วไม่สามารถทำได้และมีความผิดทางกฎหมาย ระเบียบเกี่ยวกับการจราจรในทางพิเศษ พ.ศ. 2555 ระบุไว้ว่าห้ามบุคคลใดหยุดหรือจอดรถในทางพิเศษ ยกเว้นแต่ในบริเวณที่มีป้ายอนุญาตให้จอดรถชั่วคราวในกรณีที่รถขัดข้องหรือเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลและรับผิดชอบในเขตพื้นที่สามารถจับกุมและออกใบสั่งได้ทันทีหากพบเห็นผู้ฝ่าฝืน โดยและจะเห็นบ่อยเฉพาะรถโดยสารบางประเภทที่มักจะจอดส่งผู้โดยสารในจุดที่มีบันไดลงไปยังถนนด้านล่าง เนื่องจากรถที่วิ่งบนทางด่วนพิเศษ ใช้ความเร็วสูงประกอบกับถนนบนทางด่วนไม่มีไหล่กว้างพอที่จะให้รถจอด เพราะรถที่จอดอาจจะส่งผลเสียและก่อให้เกิดอุบัติเหตุแก่รถคันอื่น ๆ
 
และฝากข่าวดีช่วงสงกรานต์มาฝากนิดหน่อยขอบคุณข้อมูลจาก FM 91.0
เทศกาลสงกรานต์ ..กทพ. งดเก็บค่าผ่านทางด่วนบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) และ กรมทางหลวง ยกเว้นค่าผ่านทาง ทางหลวงหมายเลข 7 และ หมายเลข 9 รวม 10 วัน
กทพ. ยกเว้นค่าผ่านทางทางพิเศษบูรพาวิถีเป็นของขวัญช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน 58 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 19เมษายน 58 เวลา 24.00 น. รวม 10 วัน
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม จะดำเนินการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2558 ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ถึงวันที่ 19 เมษายน 2558 เวลา 24.00 น. รวมจำนวน 10 วัน
 
และพร้อมกันนี้ กทพ. ยังได้เตรียมจัดตั้งหน่วยบริการประชาชนบนทางพิเศษ เพื่อรองรับการเดินทางในเทศกาลสงกรานต์ จำนวน 6 แห่ง ระหว่างวันที่ 9 เมษายน 2558 จนถึงวันที่ 21 เมษายน 2558 ณ ด่านฯ บางแก้ว 1 ด่านฯ ประชาชื่น (ขาออก) ด่านฯ บางปะอิน (ขาออก) ด่านฯ บางปะอิน (ขาเข้า) ด่านฯ จตุโชติ และด่านฯ บางนา กม.6 (ขาออก)
 
ด้านกรมทางหลวง ยกเว้นค่าผ่านทาง ทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ตั้งแต่ เวลา 00.01 น. ของวันที่ 10 เม.ย.58 ถึง เวลา 24.00 ของวันที่ 19 เม.ย.58

http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=388
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
7  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส / โช้คอัพอย่าลืมตรวจเช็ค เมื่อ: 06 เมษายน 2558 15:37:56

ก่อนอื่นมารู้จักความสามารถหน้าที่ของโช้คอัพกันก่อน โช้คอัพเป็นอุปกรณ์สำคัญ ที่ช่วยรองรับการกระแทก ลดแรงสั่นสะเทือน ของรถ ช่วยควบคุมการดีดตัวของสปริง-แหนบ ช่วงล่างสมดุลสภาวะของผิวถนนขณะที่รถวิ่ง โช้คอัพที่มีคุณภาพสูง จะช่วยลดการเสียดสีและการสึกหรอของยาง
รวมถึงอะไหล่ช่วงล่าง และยิ่งพวกลูกหมาก บูชยาง ระบบกันสะเทือน ตลอดจนช่วยให้รถยนต์เกาะถนนได้ดีในช่วงเข้าโค้ง
 
ประเภทของโช้คอัพแบ่งได้ 3 แบบ
ถ้าแบ่งตามโครงสร้างของกระบอก โช้คอัพกระบอกเดี่ยว โช้คอัพกระบอกคู่
แบ่งตามการใช้งาน  โช้คอัพจังหวะเดียว โช้คอัพสองจังหวะ
แบ่งตามคุณสมบัติ โช้คอัพน้ำมัน จะใช้น้ำมันไฮดรอลิคส์เป็นตัวกลางทำงานเพียงอย่างเดียว โช้คอัพแก๊ส ใช้น้ำมันไฮดรอลิกส์ และแก๊สไนโตรเจนเข้าไปภายในกระบอกโช้คอัพ
 
อายุการใช้โช้คอัพ
อายุโช้คอัพมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับลักษณะการใช้งาน และการติดตั้งอย่างถูกต้อง ซึ่งอายุโดยเฉลี่ยแล้วคือประมาณ 50,000 – 100,000 กม.หรือ 3 ปี  ซึ่งส่วนใหญ่เราจะตรวจสภาพการใช้โช้คอัพตามคู่มือ จะอยู่ที่ 20,000 กม.
 
วิธีตรวจสภาพโช้คอัพเบื้องต้นด้วยตัวเอง ทำได้โดยการจอดรถยนต์นิ่งๆ ใช้น้ำหนักร่างกายขย่มลงบนตัวถัง ใกล้กับโช้คอัพตัวที่ต้องการตรวจสอบขย่มลงไปสัก 5 ครั้งและปล่อย ถ้าตัวรถขยับขึ้นลงอีก 1-3 ครั้ง แสดงว่าโช้คอัพยังควบคุมความยืดหยุ่นได้ แต่ถ้าตัวรถขยับขึ้นลงเกินกว่า 3 ครั้ง แสดงว่าโช้คอัพหมดความหนืด ไม่สามารถควบคุมความยืดหยุ่นได้ เขาเรียกว่าโช้คอัพตาย ไม่สามารถยืดยุบตัวได้ตามปกติ
 
อาการโช้คอัพชำรุดเป็นอย่างไร
โช้คอัพที่ชำรุดจะส่งผลให้ระบบรองรับน้ำหนักและการบังคับเลี้ยวของรถยนต์เปลี่ยนไป เช่น รถจะมีอาการโคลงเคลงขณะเลี้ยว ดอกยางสึกผิดปกติ เสียการทรงตัว ระยะเบรกเพิ่มขึ้น เพิ่มอาการเหินน้ำ เสี่ยงต่ออุบัติเหตุในเวลากลางคืน ฯลฯ มากมายขนาดไหนก็ดูเอาปล่อยไว้อันตรายแน่นอน
 
รู้ไว้ก่อนเปลี่ยนโช้คอัพใหม่
การติดตั้งโช้คอัพนี้ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและซับซ้อนต้องใช้ช่างชำนาญการ
ต้องเข้าใจก่อนว่าโช้คอัพเป็นอุปกรณ์ความสำคัญของระบบรองรับน้ำหนัก โช้คอัพไม่ได้ทำหน้าที่รับน้ำหนักบรรทุก แต่เป็นตัวหน่วงให้รถยนต์ได้รับแรงสะเทือนน้อยที่สุด ทำให้ล้อสัมผัสกับพื้นผิวของถนนขณะรถวิ่งได้อย่างสมดุล
 
ทำอย่างไรจึงทำให้โช้คอัพใช้ได้นานๆ
1.ควรหลีกเลี่ยงสภาพถนนที่มีสภาพไม่ดี เป็นหลุมเป็นบ่อ เพราะจะทำให้โช้คอัพต้องทำงานหนัก
2.การขับรถตกหลุมแรงๆ หรือขับด้วยความเร็วขึ้น –ลง ลูกระนาด ทำอายุการใช้งานสั้นลง
3.หลังการติดตั้งโช้คอัพใหม่ๆ ควรขับรถบนทางเรียบประมาณ 300-500 กิโลเมตรก่อน เพื่อเป็นการวอร์มโช้คอัพ
4.หลังการติดตั้งโช้คอัพใหม่ต้องผ่านการตั้งศูนย์ล้อด้วยเสมอ
 
*การเปลี่ยนโช้คอัพ ให้คำนึงความปลอดภัยและการเกาะถนนเป็นหลัก เพราะแม้จะได้ความรู้สึกนุ่มนวลในการขับขี่ แต่การยึดเกาะถนนอาจลดน้อยลง เป็นการแลกที่ไม่คุ้มค่า
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=387
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
8  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / นาโนเพนท์เทคโนโลยีน่าสนใจ สำหรับคนไม่ค่อยชอบล้างรถ เมื่อ: 23 มีนาคม 2558 14:09:00

ใครๆ ก็ชอบให้รถตัวเองดูใหม่ดูเงางามอยู่เสมอ  ยิ่งเข้าช่วงหน้าฝน ฝนตกนี้ยิ่งแทบจะเซ็ง ทั้งคราบน้ำ คราบโคลนสกปรกมาเปื้อนรถ จะล้างบ่อยๆ ก็ขี้เกียจหรือบางท่านไม่ค่อยไม่มีเวลา จะไปล้างที่คาร์แคร์ก็ต้องมานั่งรอเสียเงินกัน ไม่หมดไม่สิ้น แล้วมันมีวิธีไหนบ้างละที่จะช่วยได้ วันนี้เลยมาขอเสนอ อีกหนึ่งทางเลือก คือนาโนเพนท์
 
คุณสมบัติของนาโนเพนท์ สามารถป้องกันตัวเองจากฝุ่นผง, คราบน้ำ, โคลนหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้เอง ซึ่งในตอนนี้ ทีมวิศวกรของนิสสันที่เมืองซันเดอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ ได้ทดลองนำเทคโนโลยีการเคลือบสีรถที่เรียกว่า “นาโนเพนท์” หรือ “สีนาโน” ภายใต้ชื่อเครื่อง หมายการค้า “อัลตร้า-เอเวอร์ดราย” มาเคลือบลงบนพื้นผิวของรถนิสสัน รุ่นโน้ต และทดลองวิ่งผ่านสภาพพื้นผิวถนนที่เปียกแฉะ มีแอ่งโคลน ปรากฏว่าผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจ สามารถช่วยป้องกันมิให้คราบน้ำหรือโคลนเกาะติดกับพื้นผิวของรถในส่วนที่ถูกพ่นสีไว้ ซึ่งเทคโนโลยีนาโนเพนท์ก็ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีใหม่อะไรมากมายเราคงเห็นกันมาแล้ว ในทีวีทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ในรูปแบบของเป็นน้ำยาเคลือบกับตัวพื้นผิว และได้เอาไปพ่นกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ทำให้จับง่ายไม่ลื่นมือ
 
ต้นกำเนิดเทคโนโลยีนาโนนั้นเกิดมาจาก วิทยาศาสตร์สังเกตเห็นว่าใบไม้อย่างใบบัวหรือใบบอนนั้นมีคุณสมบัติพิเศษที่ไม่เหมือนใบพืชแบบอื่น ๆ คือ เมื่อมีหยดน้ำตกลงบนผิวใบหยดน้ำเหล่านั้น น้ำจะไม่เกาะแต่จะไหลกลิ้งไปมาได้โดยที่ไม่ทำให้ผิวของใบเปียก ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบนผิวหน้าของใบประกอบด้วยเส้นขนขนาดเล็กจำนวนมหาศาลกระจายตัวอย่างเป็นระเบียบ โดยขนแต่ละเส้นมีความเล็กระดับนาโนเมตร และขนเหล่านี้เองที่เป็นตัวกันไม่ให้น้ำสัมผัสกับผิวของใบโดยตรง ส่งผลให้หยดน้ำมีลักษณะกลมและไม่สามารถกระจายตัวออกได้ ซึ่งในทางฟิสิกส์นักวิทยาศาสตร์ตั้งชื่อปรากฏการณ์นี้ว่า โลตัส-เอฟเฟกต์ แล้วทำไมก่อนหน้าถึงไม่รีบเอามาใช้กับรถละ เพราะว่า
 
ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขอยู่อีกหลายประการ เช่น สีนาโนไม่ใช่สีสำหรับใช้พ่นรถโดยตรง แต่เป็นเพียงการพ่นเคลือบ ซึ่งสีนาโนมีลักษณะของเนื้อสีที่มีความขุ่นมัวอยู่บ้าง ทำให้เมื่อพ่นลงบนสีของตัวรถยนต์ที่มีความสดใสมาก ๆ แล้ว จะมีผลให้สีเดิมของรถเกิดหมองลงไปบ้าง แต่ภายในอนาคตอีกไม่นานหรืออาจจะมีแล้วก็ได้ นักวิจัยน่าจะคิดให้สีนาโน มีคุณสมบัติ โปร่งใส และไม่ส่งผลต่อความสดใสของสีรถ ส่วนอายุการใช้งานถ้าสีนาโนที่พ่นไว้ไม่เกิดความเสียหายจากการชนหรืออุบัติเหตุต่างๆ สีนาโนมีอายุการใช้งานประมาณ 5-7 ปี ส่วนราคาการพ่นสีนาโนก็ประมาณ 25,000 บาท แต่ก็จัดว่าคุ้ม
 
ค่าล้างรถเฉลี่ยค่าของผมให้ตกอยู่เป็นตัวเลขกลมๆ ง่ายซักครั้งละ 120 ละกัน ถ้าเข้าคาร์แคร์ตีประมาณ 200-300 บาทต่อครั้ง อาทิตย์1เข้า 1ครั้ง ตีค่าใช้จ่ายประมาณปีละ  6,000 -  10,400 ต่อปี เห็นได้ว่าสีนาโนนั้นเป็นทางเลือกที่น่าลงทุนโดยทีเดียวแถมไม่ต้องมานั่งเสียรอล้างรถอีกก็จัดว่าคุ้มครับ  และผมมองไปอีกสเตปที่พอต่อไปมีการใช้แพร่หลายไปมากขึ้นราคาก็น่าจะลงมามากกว่านี้อีกด้วย พูดก็อยากให้มีออกมาไวๆ จะได้ต้องมาเลิกนั่งล้างรถซะทีหึๆ
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=383
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
9  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ทุกวันนี้คุณเคยอ่านคู่มือรถกันบ้างหรือไม่ เมื่อ: 19 มีนาคม 2558 10:14:16

หลังจากซื้อรถมาใหม่คุณเคยหยิบคู่มือรถมาอ่าน คงมีไม่น้อยที่ไม่เคยอ่าน หรือแทบไม่เคยจะเปิดดูเลยด้วยซ้ำ ซึ่งที่จริงแล้ว การไม่อ่านคู่มือรถเลยทำให้เราได้พลาดข้อมูลสำคัญ  และความสามารถของรถไปซึ่งเรียกได้ว่าเหมือนซื้อรถมาแล้วใช้ได้ไม่คุ้มค่าเลยก็ว่าได้
วันนี้จะมาพูดถึงข้อดีของการอ่านคู่มือรถ
 
คู่มือการใช้รถ นั้นจะบอกวิธีการใช้งานรถยนต์ ซึ่งถ้าเราซื้อรถป้ายแดงมือ1มาจะติดมาด้วยเสมอ หรือถ้าคุณซื้อมือ2มาอย่าลืมทวงถามจากเจ้าของเดิม หรือเจ้าของเต็นท์ด้วยประโยชน์ของเราทั้งนั้น ซึ่งโดยทั่วไปคู่มือรถยนต์จะอยู่ที่เก๊ะเก็บของคอนโซลหน้าฝั่งผู้โดยสาร  ภายในเล่มจะอธิบายข้อมูลทางเทคนิคของตัวรถ การบำรุงรักษารถยนต์ และรวมถึงวิธีการใช้งานระบบต่างๆของตัวรถ ข้อแนะนำคำเตือนต่างๆทำให้เราดูแลรักษารถของได้ดีกว่าคนไม่ได้อ่านอย่างแน่นอน
 
ยิ่งถ้าเป็นหัวอินดี้เล่น รถยี่ห้อแปลกๆ หรือไม่ใช้ยี่ห้อตลาดยิ่งต้องอ่านเข้าไปใหญ่ เพราะข้อมูลช่วยเหลือจากคนอื่น หรือ ในอินเตอร์เน็ตก็ไม่ค่อยก็มี เจ้าคู่มือรถนี้แหละที่ช่วยคุณได้ และการอ่านคู่มือเปรียบเป็นเกราะป้องขั้นหนึ่งที่กัน พวกช่างที่จะโกงหัวหมอกับคุณได้  และยิ่งรถใหม่ๆสมัยนี้ตัวหนังสือ การจัดเรียงข้อมูลก็สามารถอ่านได้ง่ายเข้าใจง่ายกว่า สมัยก่อนๆ และยิ่งถ้าตัวคุณขาดทักษะขาดความรู้ช่างยนต์ยิ่งต้องอ่าน ถึงแม้ว่าบางคนอาจมองเป็นเรื่องน่าเบื่อก็ตาม แต่อ่านไปเถอะยอมเสียเวลาเรียนรู้แค่ครั้งเดียว ดีกว่าเสียเงินเสียทองเพราะโดนหลอก

http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=382
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
10  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / แบตเตอรี่แบบไหนถึงเหมาะกับรถของเรา เมื่อ: 13 มีนาคม 2558 15:01:43

แบตเตอรี่ก็ได้พูดถึงกันมาหลายบทความวันนี้จะมาพูดถึงเลือกแบตเตอรี่ยังใงให้เหมาะสมกับรถที่เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาไฟไม่พอ รถสตารทไม่ติด ฯลฯ
การเลือกขนาดของแอมป์
การเลือกขนาดของแอมป์ต้องเลือกให้พอดีหรือเกินขนาดนิดหน่อย
*แบตเตอรี่ ที่ขนาดแอมป์มากจะทนกว่าขนาดที่มีแอมป์น้อยกว่า แต่ก็แลกมาด้วยราคาที่แพงกว่า
 
รถเก๋ง รถeco ญี่ปุ่น ที่เครื่องยนต์ 1,200 ถึง 1,900 
- ขนาดแบตที่เหมาะสมจะอยู่ 45- 60 แอมป์
รถเก๋ง ญี่ปุ่น เครื่องตั้งแต่ 2,000 ถึง 3,000
-ขนาดแบตที่เหมาะสมจะอยู่ 60- 75 แอมป์
 รถเก๋ง ยุโรป เครื่อง 2000-3000 ซีซี
-ขนาดแบตเตอรี่ขนาด  75 แอมป์ ขั้วจม
 
รถเก๋ง ยุโรป เครื่อง 2800-4000 ซีซี 
-ขนาดแบตเตอรี่ขนาด 100 แอมป์ ขั้วจม
 
ส่วนรถกระบะเครื่อง 2000-3000 ซีซี
-เลือกใช้แบตเตอรี่ขนาด 70-90 แอมป์
 
การเลือกชนิดของแบตเตอรี่
ซึ่งแต่ละอันก็มีข้อดีข้อเสียของตัวมันเองก็ลองตัดสินใจดู
แบบเปียก
เหมาะกับรถที่มีการใช้ เป็นประจำทุกวัน เพราะต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยอย่างน้อยก็ควรเดือนละครั้งรักษาปริมาณน้ำกลั่นให้เหมาะสม
ข้อดี มีราคาถูก, มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุดถ้าดูแลอย่างสม่ำเสมอ
แบบกึ่งแห้ง
พัฒนาต่อยอดมาจากแบบแรก  พัฒนามาให้กินน้ำกลั่นน้อยลง ลดการระเหยของน้ำกลั่น
ข้อดี - มีราคาปานกลาง, อายุการใช้งานปานกลาง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อยๆ  บางรุ่นบางยี่ห้อเติมแค่ปีละครั้งด้วยซ้ำ
แบบแห้ง
ถ้าเป็นเมืองนอกจะใช้พวกเจล ซิลิโคลนแทนน้ำกรด แต่ด้วยสภาพอากาศในบ้านเราประเทศเราส่วนมากยังเป็นน้ำกรดอยู่ แต่เราไม่สามารถแก้ไขหรือเติมเพิ่มเข้าไปได้  เหมาะกับคนไม่ค่อยได้ใช้รถเท่าไร แต่ราคาสูงกว่าเขาทั้งหมด และอายุการใช้งานสั้นกว่าเขา
ข้อดี ไม่ต้องดูแลอะไรมาก และไม่ต้องมาจุกจิกเติมน้ำกลั่น
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=380
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
11  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / เขาคิชฌกูฏแหล่งท่องเที่ยวทำบุญอันโด่งดัง เมื่อ: 10 มีนาคม 2558 15:50:04


พักเรื่องรถกันบ้างมาพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวกันบ้าง ปฎิเสธไม่ได้เลยตอนนี้เรียกได้เป็นกระแสมาแรงเลยที่พูดถึงกันทั่วประเทศโดยเฉพาะชาวพุทธอย่างเราๆ   แต่สำหรับที่อยากเดินทางไปเขาคิชฌกูฏต้องรู้เรื่องราวอะไรบ้างก่อนที่จะไปเที่ยวไปทำบุญกัน
ขอเริ่มจากวันเปิด-ปิดการทำการ
การเดินทางขึ้นไปสักการะรอยพระพุทธบาท ทางจังหวัดจันทบุรี ได้กำหนดเปิดให้พุทธศาสนิกชน ประชาชน และนักท่องเที่ยว ขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฏ 2558 ตั้งแต่วันนี้ถึง 19 มีนาคม 2558 โดยมีรถยนต์บริการรับ-ส่ง ขึ้น-ลงเขา หรือเดินเท้าขึ้น-ลงเขาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการเดินทางไปท่องเที่ยวในอุทยานฯ เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.30 - 16.30 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
เทศบาลตำบลพลวง โทร. 039-309-281

อะไรบ้างที่ไม่ควรพลาดในทริปเขาคิชฌกูฏ
1.ตำนานศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องลือ
เขาคิชฌกูฏ มีสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์บนยอดเขานั่นคือ รอยพระพุทธบาท ที่ประดิษฐานอยู่สูงที่สุดในประเทศไทย สูงกว่า 1,050 เมตร จากระดับน้ำทะเล ถือว่าสูงที่สุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ว่ากันว่าใครได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทบนยอดเขาคิชฌกูฏก็เปรียบเหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะได้รับกุศลอันยิ่งใหญ่ ประสบแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง และเชื่อกันว่าหากได้มาอธิษฐานขอพรแล้วจะสมหวังดั่งใจปรารถนา
2.บรรดาน้ำตกทั้งหลาย
น้ำตก 13 ชั้น (น้ำตกกระทิง) น้ำตกกระทิง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาคิชฌกูฏ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น ใช้เวลาเดินไป-กลับ 3 ชั่วโมง เล่นน้ำได้ แต่ละชั้นห่างกันราว 20 เมตร ชั้นที่ 8-9 เป็นชั้นที่สวยงามที่สุด ระหว่างทางจะผ่านป่าไผ่และพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด และยังมีชายหาดขนาดใหญ่ริมธารน้ำตกที่เกิดจากทรายที่ถูกน้ำป่าพัดลงมาเมื่อ ปี พ.ศ. 2542 โดยลำธารชั้นล่างของน้ำตกอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ เพียง 100 เมตร
น้ำตกคลองช้างเซ น้ำตกคลองช้างเซ ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นเขาพระบาท ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เหมาะแก่การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ โดยเริ่มจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เดินเป็นวงกลมแล้ววนกลับมาที่เดิม ระหว่างทางจะมีคำบรรยายเขียนไว้ ใช้เวลาในการเดินประมาณ 3 ชั่วโมง ระยะทาง 4 กิโลเมตร
น้ำตกคลองไพบูลย์  น้ำตกคลองไพบูลย์อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏประมาณ 6 กิโลเมตร การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกันกับอุทยานฯ ถึงทางแยกเข้าที่ทำการอุทยานฯ ให้ตรงไปอีก 6 กิโลเมตร เลยสะพานข้ามคลองกระสือน้อยไป มีแยกเลี้ยวขวาเข้าน้ำตกคลองไพบูลย์ มีป้ายบอกทาง
3.จุดชมวิวสุดทรหด
หากต้องการไปชมวิวบนยอดเขาสูง แนะนำให้ปีนเขาไปที่ ยอดเขาพระบาท การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวงไปตามถนนลูกรังที่ลาดชันและคดเคี้ยวมากระยะทาง 8 กิโลเมตร จากนั้นต้องเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ระหว่างทางจะมีจุดแวะพักให้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทิวทัศน์บนยอดเขาคิชฌกูฏ เช่น ศิลาเจดีย์ รอยพระพุทธบาทหลวง หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ จากนั้นเดินต่อไปถึงเขตผ้าแดงจนเจอลานพระบาท และขึ้นเขาต่อจากลานพระบาทไปอีก 800 เมตร ก็จะถึงบนยอดเขาพระบาท ซึ่งมีอากาศเย็นสบาย สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน
 
การแคมปิ้งก็ไม่น่าพลาดเช่นกัน
ที่ทำการอุทยานฯ ก็มีพื้นที่เตรียมไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวได้กางเต็นท์พักแรมกันด้วย โดยเต็นท์สำหรับเช่าพักแรม พักได้ 3-6 คน ราคา 250-500 บาท แต่ถ้าในกรณีที่นักท่องเที่ยวนำเต็นท์มาเอง จะเสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ประมาณ 30 บาท ต่อคน ต่อคืน หรือถ้าไม่อยากพักที่เต็นท์ก็พักที่บ้านพักได้ ทางอุทยานฯ มีอยู่ 6 หลัง พักได้ 2-8 คน ราคา 600-1,800 บาท
จะไม่พูดถึงการเดินทางก็กระไรอยู่
จากกรุงเทพฯ ให้ตรงไปใน ถนนสุขุมวิทจนถึงจังหวัดจันทบุรี จากนั้นจากตัวอำเภอเมืองจันทบุรีให้ขับผ่านแยกเขาไร่ยา ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 3249 ระยะทางประมาณ 18 กิโลเมตร โดยใช้ทางขึ้นเขาพระบาทพลวง (ทางขึ้นคนละจุดกับอุทยานฯ) เมื่อถึงวัดพระบาทพลวงต้องจอดรถส่วนตัวทิ้งไว้ (มีลานจอดรถไว้บริการ) จากนั้นมีรถสองแถวบริการขึ้นเขาพระบาทพลวง ออกจากวัดพลวงไปสิ้นสุดที่บริเวณทางขึ้นยอดเขาพระบาทฯ โดยรถที่ขึ้นยอดเขาแบ่งเป็น 2 ช่วง ค่าโดยสารช่วงละ 50 บาท/คน (รวมไป-กลับ 200 บาท) มีรถบริการตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จะถึงจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นไปรอยพระบาท
 
ส่วนการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ให้ใช้ถนนสุขุมวิทเช่นกัน แต่เมื่อถึงสี่แยกเขาไร่ยา ให้แยกซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3249 ระยะทาง 24 กิโลเมตร จะถึงอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ หรือสามารถนั่งรถสองแถวสีฟ้าสาย จันทบุรี-จันทเขลม ขึ้นรถได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ท่าแฉลบ หรือสอบถามการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ โทร. 039-452-074 .
ขอขอบคุณข้อมูลจาก  ไทยรัฐออนไลน์
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=377
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
12  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / เบาะนั่งเด็กในรถยนต์ซื้อมาใช้ให้เป็น เมื่อ: 05 มีนาคม 2558 16:21:59

พ่อแม่สมัยใหม่ที่มี ลูกน้อยๆ สิ่งต้องมีกันแทบทุกครอบครัวเบาะนั่งเด็ก เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยและถือเป็นตัวกันไม่ให้ลูกน้อยซุกซนของเรา มารบกวนระหว่างเราขับรถ และอีกสาเหตุหนึ่งเบาะนั่งสำหรับเด็กนั้นได้ถูกออกแบบมาให้รองรับกับสรีระเด็กเล็กซึ่งแตกต่างจากเบาะที่ติดตัวเราซึ่งเขาออกแบบมาสำหรับสรีระของผู้ใหญ่ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาถ้าไม่มีเบาะเด็กรองรับผลย่อมร้ายแรงกว่า 
 
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจประเภทของเบาะนั่งเด็กกันก่อน
1. แบบ Rear facing ลักษณะคล้ายรถเข็นเด็กทารก แบบนี้จะเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึง1 ขวบ
2. แบบ  Front facing เป็นเบาะแบบนั่งสำหรับเด็กเล็ก ให้เด็กนั่งตั้งหน้าตัวตรง ออกแบบเพื่อเด็กอายุ 1-4 ปี
3. แบบBooster เบาะนั่งเสริมความสูงสำหรับเด็กอายุ 4-10 ปี
4. แบบ ผสม  คือการ3แบบด้านบนมารวมอยู่ในอันเดียว  หรือ 2แบบมารวมกัน
 
เบาะเด็กควรจะตั้งที่ตรงไหนดี
ตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการวางเบาะเด็กมีอยู่ 2 ตำแหน่งแล้วแต่ความสะดวกของคนขับ
1.เบาะหลังฝั่งผู้โดยสาร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ผู้ขับขี่สามารถหันไปมองหาได้ง่ายและสะดวกในการอุ้มลูกออกจากรถง่ายกว่าตำแหน่งตรงกลาง
2.ตำแหน่งเบาะหลังตรงกลาง เมื่อเวลาเกิดอุบัติเหตุความรุนแรงจะน้อยกว่าด้านฝั่งผู้โดยสาร และสะดวกในการหันกลับไปดูแลความซุกซนของลูกได้ง่าย
 
เรื่องความปลอดภัยนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่ามัวแต่คิดว่ามันไม่เกิดขึ้นหรอก แต่เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครรู้หรอกปลอดภัยไว้ ดีกว่ามาเสียใจเมื่อสายตอนลูกของคุณได้รับบาดเจ็บ
ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=374
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
13  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / การบรรทุกท้ายรถ ถ้ายาวเกินระวังจะโดนปรับ เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2558 14:05:44

ใครใช้รถใช้ถนนก็ต้องเห็นต้องเจอผ่านตามาบ้างละ รถบรรทุกที่ยาวแล้วขนของเกยออกมาจากตัว ที่เคยเห็นก็มีต้นไม้ใหญ่ เสาไฟ เสาปูน ซึ่งทำให้คันหลังขับตามทำให้รู้สึกหวาดเสียวกลัวมันจะหลุดมาชนเรา ไม่ก็กลัวเราจะไปชนมันเข้า ยิ่งบางคันนี้ไม่มีสัญลักษณ์บอกระยะยิ่งกะระยะยากมาก ซึ่งทางกฎหมายจราจรได้กำหนดไว้ตามนี้  
 
กฎกระทรวงฉบับที่ 4(พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2552มาตรา 5 และมาตรา 18 ระบุไว้ว่า สำหรับรถบรรทุกสิ่งของจะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ในกรณีที่เป็นรถยนต์ ด้านหน้าจะต้องยื่นไม่เกินหน้าหม้อหรือกันชน ด้านหลังยื่นพ้นตัวรถไม่เกิน 2.50 เมตร สำหรับรถพ่วงกำหนด ด้านหลังยื่นพ้นตัวรถไม่เกิน 2.50เมตร ส่วนรถชนิดอื่น ๆ เช่น เกวียน รถม้าสี่ล้อรถกระบะ หากบรรทุกของด้านหน้ายื่นไม่เกินตัวถัง ด้านหลังยื่นพ้นตัวรถไม่เกิน ครึ่งเมตร หากฝ่าฝืนจะมีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท นอกจากนี้ผู้ขับขี่จะต้องติดไฟสัญญาณสีแดงในเวลากลางคืนหรือเวลากลางวันต้องติดธงแดงไว้ที่ตอนปลายสุดของสิ่งของ ซึ่งจะต้องเห็นชัดเจนในระยะไม่ต่ำกว่า 150 เมตร หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมีโทษปรับ 500 บาท
 
นอกจากกำหนดระยะสิ่งที่บรรทุกแล้ว จะต้องป้องกันไม่ให้มีสิ่งของปลิว หล่น ลงมาบนผิวจราจรซึ่งจะก่อให้เกิดอันตรายต่อรถคันอื่น   อยากให้ใส่ใจกันซักนิดเรื่องแบบนี้บางครั้งถ้าของเกิดล่วงลงมาถนน คันหลังที่ขับตามมาต้องเลี่ยงหลบ บางเหตุการณ์นี้หลบเปลี่ยนเลนกระทันหันเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอีก

ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=370
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
14  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / เครื่องมือที่ควรมีติดรถ เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2558 16:02:40

คนเราไม่สามารถรับรู้ได้หรอกว่าขับรถไป ข้างนอกเนี้ยจะพบกับปัญหาอะไรบ้างบางทีอาจเป็นปัญหาไม่หนัก เราก็สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง เพียงแค่เราขาดเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น น๊อตหลวม ยางแบนเป็นต้น ซึ่งเราสามารถ แก้ไขปัญหาเองได้ถ้ามีเครื่องมือ  แล้วมีอันไหนบ้างละที่เราควรมีติดรถไว้
 
1.  ประแจปากตาย   เครื่องมือสำหรับรถโดยเฉพาะ   น๊อตแต่ละตัวจะมีขนาดไม่เท่ากัน  ชุดหนึ่งก็จะมีประมาณ  6  ตัว  ใช้เป็นนิ้วหรือมิลลิเมตรก็ได้  ขึ้นอยู่กับประเทศที่ผลิตรถออกมา   รถจากอเมริกา อังกฤษ ใช้เป็นนิ้ว   รถของยุโรปและญี่ปุ่นจะใช้เป็นมิลลิเมตร
 
2. ถุงมือ อันนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากมือเปื้อนน้ำมัน สารเคมีสกปรกและความร้อนก็ต้องมี
 
3. สายพ่วงแบตเตอรี่  มีไว้ในกรณีที่รถสตาร์ทไม่ติดแบตเตอรี่หมดแล้ว  ต้องการชาร์จไฟ   สิ่งนี้ควรมีติดรถตลอดเวลา
 
4. ไขควง    ควรมีไว้ทั้งไขควงปากแบน – และปากแฉก +  น่าจะมีไว้หลาย ๆ  ขนาดทั้งเล็กและใหญ่ เพราะบางทีน๊อตบางตัวอยู่ในซอกในมุม จะได้เลือกใช้ให้ถูกต้องกับลักษณะงานที่จะไข
 
5.ผ้าสำหรับปูรองพื้น บางทีเรานั่ง หรือเรามุดใต้ท้องรถก็ควรมีผ้าหรือเสื่อน้ำมันไว้สำรองปูรองพื้นซักหน่อยจะได้ไม่สกปรก
 
6.แม่แรง  สิ่งนี้จำเป็นมากในกรณียางรั่ว   ยางแบน  ที่ต้องมีการถอดล้อเกิดขึ้น   ในชุดของแม่แรงจะมีกากบาทที่เป็นตัวขันน๊อตล้อ ส่วนใหญ่ถ้าซื้อรถมือหนึ่งตามค่ายต่างๆจะมีแถมมาให้อยู่แล้วถ้าใครไม่มีก็อย่าลืมซื้อติดไว้
 
7.สายเชือกสลิงลากจูง   มีไว้เพื่อรถเกิดการติดขัดข้อง  ไม่สามารถเดินทางต่อได้  จะได้ใช้เชือกเพื่อการลากรถหรือช่วยลากรถคันอื่น
 
8.ไฟฉายดีๆซักอัน เพื่อในเคสเป็นตอนกลางคืนและตรงจุดมองไม่เห็นได้จากแสงสว่างปกติเช่นใต้ท้องรถ
ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=369
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
15  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ล้อตะขาบ สำหรับรถ 4X4 เมื่อ: 14 กุมภาพันธ์ 2558 14:20:30



วันนี้มาพักสมองมาผ่อนคลายด้วยเนื้อหาเบาๆกันบ้าง ใครขาลุยและมีตังค์ ที่ชอบขึ้นเขา บุกป่า บุกหิมะ ไม่ว่าจะหินดินทราย หลุม โคลน ต่อไปจะง่าย และมันส์กว่าเดิมด้วยล้อตะขาบนี้
 
Dominator Truck System ล้อตะขาบตัวใหม่ล่าสุดที่สามารถติดกับรถกระบะ 4X4ได้ทุกรุ่น เจ้าล้อตัวที่ว่านี้สร้างและออกแบบที่ บริษัทamericantracktruck  รัฐมิชิแกน ประเทศอเมริกา การใช้งานก็ไม่ยุ่งยากแค่เอาไปแทนล้อยางแบบเดิม โดยไม่ต้องดัดแปลงอะไรของตัวรถ ก็ใช้งานได้แล้ว
 
แต่ข้อจำกัดล้อตีนตะขาบรุ่นนี้ออกแบบให้สามารถใช้กับรถกระบะขนาดน้ำหนักไม่¬เกิน 1 ตัน ตัวล้อเองก็ใช้เหล็กเกรด T-1 มีคุณสมบัติพิเศษความแข็งแรง ทนทานและมีน้ำหนักเบา ส่วนการออกแบบยังทำให้ มันทำ¬ความสะอาดตัวเองได้ ช่วยให้รถสามารถวิ่งได้อย่างเต็มประสิทธิภาพตลอดการใช้งาน ต่างจากล้อตะขาบรุ่นเก่าที่มักจะโกยเศษดินเศษโคลน เศษหิมะมาติดล้อ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม
ถ้าสนใจเจ้าล้อนี้เข้าไปดูตามเว็บไซต์นี้เลยครับ
http://www.americantracktruck.com
ขอบคุณคำแปลจากเว็บ car kapook

ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=361
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
16  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ทำความเข้าใจ จุดตรวจ จุดสกัด ด่านตรวจ เมื่อ: 13 กุมภาพันธ์ 2558 11:35:13


หลายท่านขับรถกันมาตั้งนานหลายปี ยังไม่รู้ใช่ไหมครับว่ามันแตกต่างกันอย่างไร วันนี้จะมาทำความเข้าใจให้มากขึ้น โดยอ้างอิงจาก พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 แล พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ. 2522
 
ระบุว่าจุดตั้ง ด่านตรวจ จะต้องเป็นสถานที่ไว้ชัดแจ้งเป็นการถาวร การตั้งด่านตรวจจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี หรือผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวงหรือกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน 
 
จุดตรวจ คือ สถานที่ที่เจ้าพนักงานตำรวจออกมาปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดในเขตทางเดินรถ กรณีปกติเป็นการชั่วคราว โดยกำหนดระยะเวลาเท่าที่ความจำเป็น แต่ต้องไม่เกิน 24 ชั่วโมง และเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้วจะต้องยุบเลิกจุดตรวจทันที
 
จุดสกัด คือ สถานที่ที่เจ้าพนักงานตำรวจออกปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้น เพื่อจับกุมผู้กระทำความผิดในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินหรือจำเป็นเร่งด่วนเกิดขึ้นเป็นการชั่วคราวและจะต้องยุบเลิกเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจดังกล่าว ทั้งนี้การตั้งด่านจะต้องมีเครื่องหมายจราจรว่า หยุดตรวจ และควรจัดให้มีสิ่งกีดขวางหรือสัญญาณอื่นใดให้เป็นที่สังเกตเห็นได้ง่ายในระยะไกล
 
ถ้าเป็นเวลากลางคืนต้องจัดให้มีแสงสว่าง และมองเห็นในระยะไม่น้อยกว่า 150 เมตร ก่อนถึงจุดตรวจ รวมทั้งต้องมีแผ่นป้ายแสดงยศ ชื่อ นามสกุล และตำแหน่ง ของหัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจและจุดตรวจ พร้อมทั้งจะต้องมีแผ่นป้ายแสดงข้อความว่า หากพบเจ้าหน้าที่ทุจริต หรือประพฤติมิชอบให้แจ้ง ผู้บังคับการ พร้อมเบอร์โทรที่สามารถ มองเห็นในระยะไม่น้อยกว่า 15 เมตร
 
การเจอด่านตรวจบางทีอาจทำให้ท่านหงุดหงิดบ้างในบางครั้ง แต่ถือเป็นการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ดีกว่าให้คนร้ายผู้ทำผิดกฎหมายรอดพ้นผิดไปได้ครับ
ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=360
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
17  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ถนน 16 เส้นที่รถบรรทุกวิ่งได้ไม่ติดเวลา เมื่อ: 11 กุมภาพันธ์ 2558 11:57:09

ตามปกติทั่วไปแล้ว รถบรรทุก จะห้ามวิ่งตั้งแต่เวลา 06.00-09.00 น. และเวลา 16.00-20.00 น. เว้นวันหยุดราชการ แต่บางท่านคงอาจยังไม่รู้ว่า ถนนบางเส้นนั้นรถบรรทุกสามารถวิ่งได้ตลอดเวลา พาลจะพาไปเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ไม่ตั้งใจทำงาน หรือละเลยการปฏิบัติงาน
 
1. ถนนอาจณรงค์ ตั้งแต่ท่าเรือคลองเตย ถึงทางด่วนเฉลิมมหานคร
2. ถนนเกษมราษฎร์ ตั้งแต่ท่าเรือคลองเตยถึงทางด่วนเฉลิมมหานคร
3. ถนนสุวินทวงศ์ จากแยกถนนรามอินทราถึงสุดเขตกรุงเทพฯ
4. ถนนร่มเกล้า ที่มาจากทางนิมิตรใหม่ ให้ไปกลับรถมาแล้วตรงมาที่แยกนิมิตรใหม่
5. ถนนนิมิตรใหม่ ตั้งแต่ทางแยก ถนนสุวินทวงศ์ ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ
6. ถนนอ่อนนุช ตั้งแต่แยกร่มเกล้าถึงทางแยกถนนอ่อนนุช -บางพลี
7. ถนนอ่อนนุช (ลาดกระบัง)-บางพลี ทางแยก ถนนอ่อนนุช ถึงสุดเขต กทม.
8. ถนนเจ้าคุณทหาร
9. ถนนบางนา-ตราด ตั้งแต่แยก ถนนสุขุมวิท ถึงสุดเขต กรุงเทพฯ
10. ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ทางแยกบางนา-ตราด ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ
11. วงแหวนรอบนอก กาญจนาภิเษก ตลอดสาย
12. ถนนพระราม 2 (ธนบุรีปากท่อ) ทางแยกสุขสวัสดิ์-สุดเขต กทม.
13. ถนนสุขสวัสดิ์ ตั้งแต่แยกถนนพระราม 2 ถึงสุดเขต กทม.
14. ถนนบรมราชชนนี ตั้งแต่แยกวงแหวนรอบนอก กาญจนา ถึงสุดเขต กทม.
15. ถนนพุทธมณฑลสาย 2 ตั้งแต่แยก ถนนบรมราชชนนีถึงทางแยกถนนเพชรเกษม
16. ถนนเพชรเกษมแยกทางแยกวงแหวนกาญจนาภิเษก ถึงสุดเขต กทม.
 
ดังนั้นถ้าใครมือใหม่ที่จะผ่านเส้นทางเหล่านี้ควรขับด้วยความระมัดระวังเพราะมีรถบรรทุกเยอะ

ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=358
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
18  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ทำความเข้าใจเรื่องจัดไฟแนนซ์ เมื่อ: 06 กุมภาพันธ์ 2558 11:57:14
ทุกวันนี้มีที่รับจัดไฟแนนซ์กันมากมายทั้งธนาคาร สถาบันการเงิน บริษัทสินเชื่อมากมาย เต็นท์รถ บริษัทรถยนต์เองก็ยังมี
 
การจัดไฟแนนซ์ของรถยนต์จะมีแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือ
 1.ไฟแนนซ์รถยนต์ใหม่จากตัวแทนจำหน่ายโดยตรง การซื้อรถยนต์ใหม่จากตัวแทนจำหน่ายทั่วไปแล้ว ทางตัวแทนจำหน่ายจะเป็นคนหาบริษัทรับจัดไฟแนนซ์ให้ แก่ลูกค้าที่ต้องการจะ ซื้อรถอยู่แล้ว
 2.ไฟแนนซ์รถยนต์รถมือสอง  ซื้อรถมือสอง ผู้ซื้อจะเป็นคนต้องติดต่อกับทางบริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์ เอง หรือขอให้ทางเต็นท์ที่ขายรถยนต์จัดการจัด ไฟแนนซ์ให้ ซึ่งก็อาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพิ่มอีก แต่เต็นท์รถบางที่ก็จัดไฟแนนซ์ให้เสร็จสรรพก็มีเช่น โตโยต้าชัวร์
 
ขั้นตอนของการจัดไฟแนนซ์
หลังจากได้ติดต่อผู้ขายรถยนต์ และบริษัทที่รับจัดไฟแนนซ์ บริษัทจัดไฟแนนซ์ จะมีพนักงานทำรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ขอเช่าซื้อ เพื่อจัดส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครดิต ว่าผู้เช่าซื้อมีติดแบล็กลิส ติดเครดิตบูโรไรหรือไม่ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครดิตผ่านก็จะส่งให้ทางบริษัทเป็นพิจารณาอนุมัติ  ถ้าบริษัทอนุมัติให้เช่าซื้อรถยนต์ได้ โดยจะใช้เวลาประมาณไม่เกิน 7 วัน
 
การเตรียมเอกสารทำไฟแนนซ์
1.บัตรประชาชน ผู้เช่าซื้อ
2.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้เช่าซื้อ
3.เอกสารของผู้ค้ำประกันในกรณีที่มี และ หนังสือค้ำประกัน
4..สัญญาการเช่าซื้อ และเอกสารประกอบการเช่าซื้อ
 
*การทำสัญญาไฟแนนซ์ควรอ่านให้ละเอียดถี่ถ้วน เงื่อนไขต่างๆของสัญญา เพราะถ้าผิดต่อสัญญาละเมิดสัญญามีผลไม่ดีต่อผู้เช่าซื้ออย่างแน่นอน 

ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=354
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
19  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / พฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ระหว่างขับรถ เมื่อ: 02 กุมภาพันธ์ 2558 13:55:29
นอกจากคุยโทรศัพท์ระหว่างขับแล้ว พฤติกรรมอื่นๆ ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ เรามาสำรวจดูว่าเราเคยทำพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่ เพราะสิ่งเหลื่อนี้จะทำให้เราขาดสมาธิ และการตัดสินใจได้ช้าลงกว่าเดิม
 
การทานอาหารระหว่างขับรถ อันนี้เห็นบ่อยบางคันในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า ออกจากบ้านแล้วมากินข้าวระหว่างขับรถ บางครั้งต้องใช้มือทั้งสองข้างรับประทานอาหาร ทำให้มือเราละจากพวงมาลัย อีกทั้งต้องตามองจานสลับมองถนน ตักเข้าปาก บางคนกินของเปื้อนมือ และจับพวงมาลัยเพียงแตะๆ เพราะกลัวพวงมาลัยเปื้อน ทำให้บังคับพวงมาลัยไม่ถนัด ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ แถมการกินของบนรถส่งผลต่อกลิ่นอับในรถอีกด้วยแถมถ้าเศษอาหารตกค้างมดแมลงก็อาจมาเยี่ยมเยือนรถของเราได้อีก
 
พาเด็กเล็กโดยสารไปด้วย ตามประสาพ่อแม่มือใหม่วัยทำงาน บางทีเดินทางไปก็พาลูกน้อยตามลำพังยิ่งวัยกำลังซน 3-4 ขวบ วัยอยากรู้อยากเห็นไม่อยู่กับที่ ทำให้คนขับต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของลูกอยู่ตลอดเพราะเด็กกำลังซน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น อุ้มเด็กนั่งตักขับรถ ทำให้ผู้ขับขี่บังคับพวงมาลัยไม่ถนัด และต้องละสายตาจากถนนเป็นระยะ อีกทั้งเด็กอาจนั่งบดบังทัศนวิสัย หากเด็กซุกซนหมุน แย่งพวงมาลัย เปลี่ยนคันเกียร์ยิ่งถ้าเป็นออโต้ยิ่งอันตราย จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการขับรถ ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องเอาลูกไปด้วยควร หาเบาะนั่งล็อคตัวหรือสอนให้เขานั่งให้เรียบร้อย หรือมีกิจกรรมอะไรให้เขาทำไม่ให้รบกวนเราระหว่างขับรถ และยังรวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วยก็สามารถเกิดเหตุได้ในกรณีเช่นเดียวกัน
 
การดูโทรทัศน์ ดูหนังระหว่างขับรถ สมัยนี้หมดยุคนั่งฟังเพลงบนรถเฉยๆอย่างเดียวแล้ว
เสียงกับภาพจะดึงดูดสมาธิเราจากการขับรถ ทำให้ละสายตามาอยู่ที่โทรทัศน์ ทำให้ความสนใจต่อสิ่งแวดล้อมภายนอกลดลง ยังรวมบางคนเปิดแบบเสียงดังกระหึ่มพาไม่ได้ยินเสียงแตรเสียงภายนอกโดยด้วยซ้ำ
 
สมาธิและสติคือสิ่งสำคัญอย่างมากในการขับรถต่อให้คุณขับรถมานาน ชำนาญมากแค่ไหนก็มีสิทธิ์พลาดกันได้ทั้งนั้น บางครั้งแค่การละสายตาจากการขับรถไม่กี่วินาทีก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เลย

ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=350
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
20  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / สตรีมีครรภ์ขับรถอย่างไรให้ปลอดภัย เมื่อ: 30 มกราคม 2558 14:07:22
คงมีหลายครอบครัวไม่น้อยสำหรับผู้หญิงที่เวลามีครอบครัวแล้ว สามี ภรรยาต่างคนก็ต่างไปทำงานคนละที่ บางทีมีธุระจำเป็นต้องขับรถไปเอง แต่ยังตั้งอยู่ครรภ์แล้วควรจะขับรถอย่างไรถึงจะปลอดภัย  สามารถทำตามได้ตามนี้ โดยอ้างอิงข้อมูลของท่าน ฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
 
เริ่มจากการปรับเบาะ ให้เหมาะสมเสียก่อน  ช่วงท้องต้องห่างจากพวงมาลัย ประมาณ 12 นิ้ว หรือประมาณขนาดไม้บรรทัดทั่วๆไป และไม่ควรเอนเบาะมากเกินไปจะทำให้ควบคุมรถไม่ถนัด ในกรณีที่ครรภ์ใหญ่ขึ้นก็ควรปรับออกอีกและดูด้วยว่าเท้าของผู้สามารถเหยียบควบคุมเบรก คันเร่ง ฯลฯ ได้ถนัดหรือไม่รวมถึงการควบคุมพวงมาลัยอีกด้วย ถ้าลำบากมากอย่าฝืนเดี๋ยวจะเป็นอันตรายต่อครรภ์ หันไปใช้แท็กซี่ หรือโทรตามเพื่อนหรือญาติดีกว่า
 
การคาดเข็มขัดนิรภัยสำคัญมากสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์จะคาดไม่เหมือนเวลาปกติ โดยการคาดส่วนล่างให้พาดผ่านหน้าตัก ห้ามคาดเข็มขัดนิรภัยผ่านหน้าท้องโดยเด็ดขาด  หรือบริเวณที่สูงกว่า เพราะหากประสบอุบัติเหตุจะเป็นอันตรายต่อเด็กในท้อง และให้ใช้หมอนใบเล็กรองที่หน้าท้องส่วนล่างก่อนคาดเข็มขัดนิรภัย จะช่วยลดแรงกระแทกลงด้วยขณะขับรถ และหมั่นดูก่อนคาด สายเข็มขัดนิรภัยไม่ให้พลิก บิด งอหรือหย่อนยาน รวมถึงคาดให้เข็มขัดส่วนไหล่พาดหน้าอก ห้ามพาดไว้ด้านหลัง เพราะหากประสบอุบัติเหตุ เข็มขัดนิรภัยจะไม่สามารถฉุดหยุดรั้งร่างกายลำตัวเราได้ ทำให้กระตุกจนก่อให้เกิดอันตรายได้
*เตือนซักนิดต่อให้เกิดอุบัติเหตุแต่ไม่เกิดบาดแผลเล็กน้อยแต่ก็อย่าลืมไปตรวจครรภ์ด้วย เผื่อกระทบกระเทือนกับลูกน้อย
 
และถ้าได้กินยาบรรเทาอาเจียนคลื่นไส้ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะขับรถ เพราะผลข้างเคียงของยาทำให้ง่วงนอน ขับไปเดี๋ยวเผลอหลับในจะเป็นอันตราย  ฝากอีกนิดเมื่อเราทราบว่าตั้งครรภ์แล้ว ควรมีสติไม่ประมาทมากกว่าเดิมด้วย เพราะมีอีกหนึ่งชีวิตที่จะเป็นตายขึ้นอยู่กับตัวของคุณ และถ้าอายุครรภ์ท้องเริ่ม 7 เดือนขึ้นไป ถ้าเลี่ยงขับรถได้ควรจะเลี่ยงเพราะมันเสี่ยงอันตรายที่จะแท้งได้มาก



ที่มา
http://www.toyotanon.com/article_detail.php?article_id=348
ติดตามเราได้ที่
http://www.toyotanont.com/
หน้า: [1] 2  » 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!