AE. Racing Club
05 มิถุนายน 2568 05:39:02 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
ส่งอีเมล์ยืนยันการใช้งาน?

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / การทำสีล้อแม็กซ์เอง แบบง่ายๆ แต่ได้งานดี เมื่อ: 01 กรกฎาคม 2557 17:26:53
เชื่อว่าหลายคนที่แต่งรถ ชอบให้รถสวยแต่ไม่ค่อยชอบเสียตังกันหรอก แหม่ก็ยุคนี้ สมัยนี้ ต้องใช้จ่ายกันอย่างประหยัด อะไรที่ทำได้ก็ต้องทำกันเองนะค่ะ วันนี้ทางทีมงาน Thairpm.com เว็บที่จะ เสนอความรู้ใหม่ๆในการแต่งรถมาสนองให้กับคนรักรถแต่งได้อ่านกันค่ะ สำหรับวันนี้ก็เป็นเรื่องของ การทำสีล้อแม็กซ์เอง สามารถทำได้เองที่บ้านนะค่ะ ก่อนอื่นต้องซื้ออุปกรณ์กันก่อนค่ะ ขาดสิ่งเหล่านี้ทำไม่ได้นะค่ะ

-สีที่จะใช้พ้นล้อแมกซ์เลือกสีที่ชอบตามใจเลยค่ะ

-กระดาษทราย

-น้ำยาลอกสี ใช้ประมาณ 2.5 ลิตรค่ะ อย่าลืมแปรงทาสีด้วยนะค่ะ ในขั้นตอนลอกสีต้องใช้แปรงค่ะ

-สีรองพื้น เอาแบบอย่างดีชนิดยึดเกาะชิ้นงานนะค่ะ

-กระดาษทราย

-กระดาษหนังสือพิมพ์เยอะๆค่ะ
 อ่านต่อ http://www.thairpm.com/max-wheel-color/
2  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / การดูแลรถยนต์อย่างไร เพื่อป้องกันเบรคแตก เมื่อ: 04 มีนาคม 2557 09:49:05
สำหรับวันนี้ทางทีมงานข่าวสารยานยนต์ เทคนิคยานยนต์ Thairpm.com  ของเราจะพาเพื่อนๆมารู้จักกับวิธีการดูแลรถยนต์เพื่อให้ใช้งานอย่างปลอดภัย
ทุกคนต่างรู้ดีว่าระบบเบรกที่ดี ย่อมหมายถึงความปลอดภัยของทุกชีวิตบนท้องถนน แต่ในทางกลับกัน เวลาเข้าศูนย์หรือตรวจเช็ครถตามระยะ
เรามักตรวจสอบเครื่องยนต์ เกียร์ และล้อ โดยมองข้ามระบบเบรกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรามักไม่ใส่ใจในการเลือกน้ำมันเบรกที่ใช้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งในการขับขี่อย่างปลอดภัย
อ่านต่อ http://www.thairpm.com/technic-car/

3  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / มิตซูบิชิ อีโว รุ่นใหม่ เครื่องยนต์ไฮบริด ช่วยกันแสดงความคิดเห็นทีพี่น้อง เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557 13:05:29
ไปอ่านเจอมา ตัวแรง เครื่องไฮบริด แจ่มเลย

http://www.thairpm.com/mitsubishi-evo-hybrid/
4  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / วิธีการรันอินรถใหม่ คนซื้อรถใหม่ต้องอ่าน เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557 12:57:21
1. ในการสตาร์ทครั้งแรกหลังจากจอดรถมาเกินกว่า 6 ชั่วโมง อย่าเหยียบคันเร่งหลังเครื่องยนต์ติด ไฟสัญญาณเตือนต่างๆ ดับหมด ควรรอต่อสัก 10-15 วินาที ก่อนออกรถเพื่อให้แน่ใจว่าน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ทำงาน และไม่เปิดแอร์โดยทันที ควรเคลื่อนรถให้วิ่งก่อนสัก 2-3 นาที จึงเปิดแอร์
2. ไม่ควรเร่งเครื่องอยู่กับที่ และไม่ควรขับโดยใช้รอบเดินเครื่องสูงกว่า 4000 รอบต่อวินาที 3. อย่าออกรถอย่ารุนแรง
4. ในการเดินทางไกล ไม่ควรใช้ความเร็วรอบคงที่ติดต่อกันเกิน 5 นาที ควรเปลี่ยนใช้ความเร็วรอบเครื่องที่ต่างๆ กันแต่อย่าให้เกิน 4000 รอบ
5. หลังจากการเดินทางไกล ก่อนดับเครื่องควรปล่อยให้เครื่องเดินเบาก่อนสัก 10-15 วินาที จึงดับเครื่อง และอย่าเร่งเครื่องก่อนดับ ดังที่คนส่วนใหญ่ทำกัน เพราะจะทำให้น้ำมันเบนซินไปค้าที่หัวลูกกระบอกสูบชะล้างเอาน้ำมันหล่อลื่น ที่แหวนลูกสุบออก จะทำให้เกิดความเสียหายได้
6. อย่าเติมหัวเชื้อหรือน้ำมันอื่นๆ ลงในเครื่องยนต์เพราะเครื่องยนต์ช่วงนี้ยังต้องการให้ชิ้นส่วนต่างๆได้เสียด สีกัน เช่น แหวนกับกระบอกสูบ เพื่อการเข้าที่ของชิ้นส่วน การเติมหัวเชื้อ หรือน้ำมันที่ผิดจากโรงงาน จะทำให้ชิ้นส่วนเสียหายได้
7. หมั่นเช็คระดับน้ำมันเครื่อง และน้ำในหม้อน้ำทุกๆ สัปดาห์

การรันอินระบบครัตช์
1. ให้ยกเท้าจากคันครัตช์เมื่อไม่ได้ใช้งาน
2. เวลาที่ต้องการจอดรถ ไม่ควรเหยียบครัตช์แช่ไว้ควรเข้าเกียร์ว่าง และยกเท้าออกจากครัตช์
3. อย่าใช้ครัตช์แทนเบรคในการชะลอรถ ยกเว้น ยกเว้นกรณีที่ขับรถลงเนินหรือเขา
4. อย่าลากรถที่หนักกว่ารถท่าน หรือใหญ่กว่า

*การรันอินระบบเฟืองท้าย และเกียร์

1. อย่าเพิ่มหัวเชื้อน้ำมันใดๆ ลงในห้องเกียร์จนกว่าจะพ้นระยะรันอิน
2. ในการเปลี่ยนจากเกียร์เดินหน้าเป็นเกียร์ถอยหลัง หรือในทางกลับกัน ต้องให้รถหยุดสนิทเสียก่อน
3. ในการเข้าเกียร์ถอยหลัง หลังจากเหยียบครัตช์จนสุดแล้ว ให้รอถึง 2-3 วินาทีเพื่อให้ราวเกียร์หยุดสนิทจึงค่อยเข้าเกียร์ถอยหลัง
4. ในการขับทางไกลควรพักรถประมาณ 5 นาที ทุกๆ 2 ชั่วโมง เพื่อเป็นการลดความร้อนห้องเกียร์และเฟืองท้าย
5. สำหรับเกียร์อัตโนมัติ มีข้อแนะนำเพิ่มเติมดังนี้

- ในขณะที่เข้าเกียร์จากเกียร์ว่างเป็นเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลัง ควรเหยียบเบรคให้รถหยุดสนิท และเร่งเครื่องช้าๆ หลังจากเข้าเกียร์แล้ว
- อย่าเข้าเกียร์ว่างขณะรถเคลื่อนที่ เพราะอาจจะทำให้ระบบเกียร์เสียหายเนื่องจากไม่มีน้ำมันความดันสูง

การรันอินระบบเบรค

1. อย่าใช้เบรคอย่างรุนแรงถ้าไม่จำเป็น
2. อย่าเบรคโดยการปั๊มเบรค
3. ควรพักเบรคเป็นระยะๆ ถ้าใช้งานติดต่อกัน เช่นการลงเขา ควรยกเท้าออกสัก 1 วินาที หลังจากทุก 10 วินาที
ถ้า พบว่ามีเบรคมีประสิทธิภาพต่ำลงมาก ควรจอดรถทันทีห้ามดึงมือเบรค เพราะในขณะนี้จานเบรคจะร้อนและขยายตัว ถ้าดึงมือเบรคค้างไว้เมื่อจานเบรคเย็นจะหดตัวและรัดผ้าเบรคจนปลดเบรคมือไม่ ได้ ในการลงเขานั้น ควรใช้การเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ต่ำช่วย
4. ในการใช้งานในการใช้งาน ควรใช้เบรคมืออย่างสม่ำเสมอ เพราะการใช้เบรคมือเป็นการปรับระยะของผ้าเบรค
5. ตรวจดูเบรคมือให้ปลดลงสุดก่อนการออกรถ ในการปลดเบรคหรือดึงเบรคมือควรกดปุ่มที่ปลายเพื่อป้องกันเฟืองสึกหรอ
6. ควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเบรคทุกๆ สัปดาห์

 การรันอินระบบพวงมาลัย และกันสะเทือน

1. อย่าหมุนพวงมาลัยขณะรถอยู่กับที่โดยไม่จำเป็น
2. อย่าขับรถข้ามทางรถไฟ หรือทางที่เป็นหลุม บ่อ เกินความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
3. อย่าบรรทุกของเกินพิกัดที่กำหนดไว้ในสมุดคู่มือ
4. หมั่นตรวจลมยางทุกๆ 2 สัปดาห์ และก่อนเดินทางไกล
5. จงหลีกเลี่ยงการขับทับเศษแก้ว และโลหะ
6. อย่าออกรถ หรือเบรคอย่างรุนแรงจนยางเสียหาย

การรันอินระบบไฟฟ้า

1. ตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นของแบตตารี่ทุกๆ สัปดาห์ ระวังอย่าเติมน้ำกลั่นจรเกินกำหนด
2. อย่าสตาร์ทเครื่องซ้ำขณะเครื่องยนต์กำลังทำงาน
3. ทดลองใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง เช่น ไล่ฟ้ากระจกหลัง กระจกไฟฟ้า หรืออื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ
4. หมั่นสังเกตไฟเตือน และเกจ์วัดต่างๆ ว่าทำงานผิดปกติหรือไม่

การรันอินตัวถังและภายใน

1. อย่าจอดรถใต้ต้นไม่ เพราะนอกจากนกจะถ่ายรดแล้ว ยางของไม้ยังเป็นตัวการทำลายสีรถ
2. อย่าให้ไฟกลางเก๋งทำงานเกิน 5 นาที เพราะความร้อนจะทำความเสียหายได้ ถ้าต้องเปิดประตูทิ้งไว้ควรปิด
สวิทซ์ไฟเก๋ง
3. ในการปิดประตู อย่ากระแทกประตูแรงๆ ควรใช้การดึง หรือดันเข้า
4. ไม่ควรจอดรถทิ้งไว้หลังจากล้างเสร็จใหม่ๆ แต่ควรออกวิ่งเพื่อให้น้าที่ขังตามซอกมุมต่างๆแห้งสนิท

* อื่นๆ ทั่วไป

1. ควรศึกษาการใช้งานรถและอุปกรณ์ต่างๆ จากคู่มือประจำรถ
2. ในกรณีที่ต้องติดอุปกรณ์อื่นๆ เพิ่มเติม ควรปรึกษาเจ้าหน้าที่ของศูนย์เสียก่อน เพื่อป้องกันความเสียหาย
3. ควรมีสมุดบันทึกเล็กๆ เก็บไว้ในรถเพื่อใช้บันทึกความผิดปกติที่ท่านสังเกตเห็น เพื่อแจ้งช่างอย่างครบถ้วน
4. จงปิดวิทยุแล้ววิ่งรถ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อฟังเสียงผิดปรกติของเครื่องยนต์
5. เมื่อถึงกำหนดเช็คระยะ อย่าลืมนำรถเข้ารับบริการ

แม้ เทคโนโลยีด้านโลหะวิทยาจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องยนต์ในยุคปัจจุบันมีความทนทานมากขึ้น แต่ก็ไม่ควรละเลยการรัน-อิน อย่างถูกวิธี เพราะมีผลต่ออายุการใช้งานของรถในระยะยาว     
รถยนต์ใหม่ทุกคันต้องมี ระยะ รัน-อิน หมายถึง การใช้งานในระยะแรกอย่างถูกวิธี เพื่อให้ทุกชิ้นส่วนมีการปรับสภาพได้อย่างเหมาะสม การใช้งานแบบเต็มกำลังตั้งแต่แรก ทำให้มีการสึกหรอสูงและรวดเร็วมาก เพราะชิ้นส่วนต่างๆยังไม่เข้าที่ เพียงแต่ในปัจจุบันนี้ได้ลดระยะทางในการรัน-อินจากแต่ก่อนมากแล้ว

++อดใจสักนิด อย่าเพิ่งลากรอบ++

ระยะ ทาง 0-1,000 กิโลเมตร ควรหลีกเลี่ยงการใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 2,500 – 3,000 รอบ/นาที หรือเปลี่ยนความเร็วรอบขึ้น-ลงแบบกระทันหันโดยไม่จำเป็น การเปลี่ยนจากเกียร์ต่ำขึ้นสู่เกียร์สูง ควรทำอย่างนิ่มนวลที่ระดับ 2,500 รอบ/นาที แล้วถอนคลัตช์ช้าๆ ส่วนการเปลี่ยนจากเกียร์สูงลงสู่เกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์สัมพันธ์กับความเร็ว ไม่ควรเปลี่ยนลงเกียร์ต่ำ เพราะต้องการใช้เกียร์และเครื่องยนต์ช่วยเบรก ถ้าต้องการเบรกให้เหยียบเบรกตามปกติ ในช่วง 0 – 5,000 กิโลเมตร ไม่ควรใช้รอบเครื่องยนต์เกิน 4,000 รอบ/นาที 
   
เมื่อถึงระยะ 1,000 กิโลเมตร ให้ถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ และน้ำมันเฟืองทิ้งท้าย เพื่อเอาเศษสกปรกที่หลุดจากชิ้นส่วนต่างๆและปะปนอยู่ในน้ำมันออก(แม้บาง ศูนย์บริการจะไม่ระบุไว้ก็ตาม)

++รถยนต์ป้ายแดงกับการเดินทางไกล++       
การ เดินทางไกลกับรถยนต์ใหม่ สามารถทำได้ แต่ต้องใช้เทคนิคและความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะรถยนต์ที่ยังไม่พ้นระยะรัน-อิน การเดินทางไกลกับการใช้รอบเครื่องยนต์ในรถยนต์ใหม่ อาจมีความเข้าใจผิดในหลายกรณี โดยเฉพาะในเรื่องความเร็ว ผู้ใช้ส่วนหนึ่งคิดว่า ในเมื่อเดินทางไกลมักใช้ความเร็วสูง แล้วจะควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้อย่างไร เพราะถ้าขับเร็วก็น่าจะต้องใช้รอบสูงด้วย แต่ความจริงไมได้เป็นเช่นนั้น  การขับด้วยรอบเครื่องยนต์ระดับปานกลาง ก็สามารถไต่ขึ้นสู่ความเร็วตามกฎหมายกำหนดได้ รถยนต์ส่วนใหญ่ในความเร็วระดับ 90 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเกียร์สูงสุดไม่ว่าจะเป็นเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติมักใช้รอบ เครื่องยนต์ประมาณ 2,500 – 3,000 รอบ / นาที เท่านั้น ซึ่งไม่สูงเกินไป การเดินทางไกลมีข้อดี คือ สามารถขับได้อย่างนุ่มนวล และควบคุมรอบเครื่องยนต์ได้ตามต้องการ แต่ไม่ควรขับแช่ที่ความเร็วเดียวกันต่อเนื่องนานๆ ควรเปลี่ยนแปลงความเร็วบ้าง โดยอาจสลับด้วยกาสรผ่อนความเร็วลงเล็กน้อย
ทีมงาน ข่าวรถยนต์และเทคนิคยานยนต์ http://www.thairpm.com
5  AE Racing Club - Knowledge Sharing / บทความ D.I.Y (Do It by Yourself) / ถ่ายน้ำมันเครื่องรถยนต์ด้วยตัวเอง ง่ายๆ ไม่ต้องไปจ่ายแพง เมื่อ: 07 กุมภาพันธ์ 2557 12:53:31
สิ่งที่ต้องเตรียมในการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

- ประแจหัวกลม

- ประแจสำหรับไขที่กรองน้ำมัน
- ที่รองรับน้ำมันเก่า

- กรวย
- ไส้กรองน้ำมันเครื่องใหม่
- น้ำมันเครื่องใหม่

-ผ้าเช็ด

เมื่อมีอุปกรณ์ครบแล้วก็ทำตามขึ้นตอนนี้เลยค่ะ

1.ใช้ประแจหัวกลมไขหัวอุดน้ำมันบริเวณด้านล่างของเครื่องยนต์ อย่าเปิดตอนร้อนเด็ดขาด น้ำมันเครื่องอาจมีอุณหภูมิสูงถึง 120 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

2.ก่อนที่เราจะปลดหัวอุดออกมา หาภาชนะพร้อมที่กรองมารองไว้ เพื่อความสะดวกในการปลดหัวอุด หากไม่รองไว้ อาจทำให้เราลำบากตอนทำหัวอุดหล่นลงไปในภาชนะ  หลังจากที่ปล่อยน้ำมันจนหมด ใส่หัวอุดกลับไปที่เดิม

3. เปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเครื่อง ใช้ประแจสำหรับไขไส้กรอง ไขไส้กรองเดิมออก ระวังน้ำมันที่ค้างอยู่ที่ไส้กรองหกเลอะเทอะส่วนใหญ่แล้ว ไส้กรองน้ำมันเครื่องจะอยู่บริเวณใต้ท้องรถ ซึ่งบางรุ่นอาจจะอยู่ด้านบนของเครื่องยนต์

4. นำน้ำมันเครื่องใหม่มาทาหัวไส้กรอง และเติมน้ำมันเครื่องใหม่ลงไปเล็กน้อยประมาณ 2 ใน 3 ของไส้กรอง

อ่านต่อ http://www.thairpm.com/exchange-engine-oil/
6  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / การ wrap หรือการติดสติ๊กเกอร์เกอร์รถยนต์ เมื่อ: 15 มกราคม 2557 12:21:38
การแต่งรถนั้นมีหลายแบบหลายวิธีที่จะทำให้รถของคุณนั้นสวยได้อย่างใจ
แต่ถ้าการแต่งรถนั้นทำให้คุณต้องสูญเสียเงินเกินความจำเป็นละมันคงไม่คุ้มแน่
หากคุณเป็นคนที่โลเลเปลี่ยนสีรถบ่อยวันนี้เราจะมานำเสนอวิธีหนึ่งที่ทำให้รถของคุณเปลี่ยนไปได้ในทันทีนั้น
คือสีสติ๊กเกอร์หรือ Car Wrap ซึ่งเป็นที่นิยมมากซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ต้องการเปลี่ยนสีรถแบบง่ายๆไม่ยุ่งยาก
 เพราะการทำสติ๊กเกอร์นั้นไม่ได้นานเหมือนทำสีรถทั่วไป จึงสะดวกหากจะเปลี่ยนสีด้วยสติ๊กเกอร์ อ่านต่อได้ที่นี่
http://www.thairpm.com/car-wrap/
7  AE Racing Club - FreeStyle / Free Style - AE Racing Club / Nissan Skyline GT-R จาก Fast & Furious ที่พอล วอล์คเกอร์ขับมีมูลค่าถึงล้านยูโร เมื่อ: 20 ธันวาคม 2556 13:41:29
รถสปอร์ตหรูคันนี้นั้นก่อนหน้านี้ก็มีสื่อต่างๆรายงานว่าราคาประมูลอยู่ที่ 3 แสนยูโรหรือราวๆ 13 ล้านบาทไทย แต่วันนี้ ทางเว็บไซต์ Yahoo Auto ได้รายงานความเคลื่อนไหวของราคา Nissan Skyline GT-R คันนี้ว่า รถสปอร์ตพิเศษ Nissan Skyline GT-R คันนี้กำลังถูกครอบครองโดยนักเลงรถชาวเยอรมัน ซึ่งมูลค่าของรถคันนี้ ณปัจจุปัน นักเลงรถชาวเยอรมันคนดังกล่าวทุ่มเงินกว่า 1 ล้านยูโรเพื่อให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ Nissan Skyline GT-R รถสปอร์ตหรูที่มีแต่คนอยากเป็นเจ้าคันนี้ ส่วนจะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นกว่านี้หรือไม่นั้นก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ


 ข้อมูลจาก http://www.thairpm.com/nissan-skyline-gt-r-fast-furious-4/
8  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ต่างๆ / ล้อแม็กแท้ ล้อแม็กปลอม เมื่อ: 04 ธันวาคม 2556 15:23:45
วันนี้ก็มาพูดถึงเรื่องของล้อแมกซ์แท้ ล้อแมกซ์ปลอมกันนะค่ะ




สำหรับเพื่อนนักแต่งรถที่ชอบถกเถียงกันอยู่บ่อยๆว่า แม็กนั่นแท้ แมกซ์นี่ปลอม เชื่อแหละว่าทุกคนก็อยากใช้แม็กซ์แท้
แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย ก็แม็กซ์รุ่นที่เป็นที่นิยมก็ราคาสูงจังเลย สำหรับนักแต่งรถต้นทุนต่ำอย่างเรา
ความจริงแล้วอยากบอกเพื่อนๆ ว่า การใส่ล้อแมกซ์ปลอมนั้น ในเรื่องของความสวยแน่นอนว่าเราใส่มาเพื่อสิ่งนี้แหละ
อยากจะเตื่อนเพื่อนๆ ให้คำนึงถึงความปลอดภัยมากกว่าความสวยค่ะ ก็สำหรับนักแต่งรถมักจะไม่ใส่ใจเรื่องความปลอดภัย มักใส่ใจความสวยมากกว่า
ก็อยากแนะนำว่า แทนที่จะซื้อแมกซ์ปลอมที่ราคาต่ำลงมานิดหน่อย ก็หันมาหาซื้อล้อแมกซ์แท้มือสองในราคาใกล้เคียงกันดีกว่า
เราอาจจะซื้อแล้วไปทำสีใหม่เองเอาก็ได้ ก็แลดูใหม่เหมือนกัน แต่ก็อย่างว่า ซื้อแม็กซ์มือสอง หากดูไม่เป็นก็อาจจะได้แมกซ์ปลอมมา
 หรือไม่ก็อาจจะได้แม็กซ์สภาพแย่ที่ดูจะอันตรายกว่าเดิมเสียอีก บางคนก็ทำสีเพื่อกลบเกลื่อนความบิดเบี้ยวของล้อแม็กซ์
ทางที่ดีก็ซื้อเดิมๆแหละมาทำสีเอาเอง การสังเกตุแมกซ์แท้ก็ดูตรงรูปโลโก้จะนูนๆ ไม่ใช่พ่นสีเอา เนื้อแม็กซ์ก็จะเป็นงานที่เรียบร้อย แต่แมกซ์ปลอมก็จะอีกแบบนึงเลย
อาจจะด้วยวัสดุหรือขั้นตอนการผลิต หากไม่แน่ใจก็ลองชั่งน้ำหนักดูด้วยก็ได้ แต่หากจะซื้อแมกซ์แท้มืิอสองนั้นจะต้องรู้จักแมกซ์แท้ที่จะซื้อซะก่อน เพื่อจะได้ดูได้ว่า ของแท้เป็นยังไง ของปลอมเป็นอย่างไร
ด้วยความปรารถนาดีจาก http://www.unseencar.com/   
9  AE Racing Club - Knowledge Sharing / รวมบทความ ความรู้ ปัญหาต่างๆ ของรถใช้แก๊ส / รถติดก๊าซ NGV เมื่อ: 28 ตุลาคม 2556 11:24:19
วันนี้เราจะมาพูดถึงก๊าซNGVกันว่าใช้กับรถยนต์แบบไหนมีกี่ระบบในการติดราคาเท่าไหร่เราจะได้รู้กันแต่ก่อนอื่นเราต้องมาดูก่อนว่ามันเป็นก๊าซแบบไหนหลายคนมักเข้าใจผิดว่าก๊าซ LPG กับ NGVคือเชื้อเพลิงชนิดเดียวกันและไม่ทราบถึงข้อแตกต่างซึ่งความจริงแล้ว LPG กับ NGV มีสถานะที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงโดยที่ก๊าซNGVจะมีสถานะที่มีน้ำหนักเบากว่าอากาศโอกาสที่มันจะติดไฟนั้นมันยากกว่าและหากมีการรั่วไหลก๊าซตัวนี้มันจะฟุ้งกระจายขึ้นบนอากาศอย่างรวดเร็วไม่สะสมอยู่บนพื้นจึงมีความปลอดภัยสูงมากสำหรับก๊าซ LPG เป็นก๊าซที่มีสถานะเป็นของเหลวหรือเป็นก๊าซหุงต้มที่เราใช้กันในครัวเรือนบ้านเรานั้นเองหรือที่เขาใช้กันในโรงงานอุตสาหกรรมมันมีน้ำหนักหนักกว่าอากาศหากมีการรั่วไหลจะมีการสะสมและติดไฟง่ายในส่วนของค่าออกเทนนั้น NGV  มีค่าสูงกว่า LPG จึงสามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ได้เป็นอย่างดี
    เรามาดูกันว่าการติดตั้งการนั้นมันมีทั้งหมดกี่ระบบด้วยกันราคามันประมาณเท่าไหร่และเครื่องยนต์แบบไหนที่จะสามารถติดก๊าซนั้นได้การติดตั้งอุปกรณ์NGVนั้นมีอยู่ 2 แบบด้วยกันคือแบบที่ใช้กับเครื่องยนต์เบนซอนและแบบที่ใช้กับรถยนต์ดีเซลสำหรับรถที่เป็นเครื่องยนต์เบนซินก็มีสองแบบคือ
-ระบบดูดก๊าซและระบบฉีดก๊าซคือระบบดูดก๊าซนั้นจะเหมาะกับรถยนต์รุ่นเก่าที่เป็นเครื่องยนต์แบบคาร์บูเรเตอร์หรือท่อร่วม ID เป็นโลหะระบบนี้ติดตั้งและบำรุงรักษาง่ายคุ้มทุนเร็วราคาถูกกว่า ราคาติดตั้งอยู่ที่30,000 – 50,000 บาท (ราคารวมถังและอุปกรณ์ NGV )
-ส่วนอีกระบบหนึ่งนั้นก็คือระบบฉีดก๊าซเหมาะสมกบรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นระบบที่ไฮเทคให้กำลังและอัตราเร่งเครื่องยนต์ใกล้เคียงการใช้น้ำมันเบนซินมากกว่าระบบดูดก๊าซไม่ทำให้เกิดการเผาไหม้ย้อนกลับอัตราความประหยัดในการวิ่งค่าเชื้อเพลิงต่อวันของระบบนี้คุ้มกว่าระบบดูดก๊าซราคาติดตั้งอยู่ที่ 52,000-65,000บาท(ราคารวมทั้งและอุปกรณ์ NGV )ในปัจจุบันนี้รถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลสามารถใช้NGVได้เช่นกันโดยติดตั้งอุปกรณ์NGVระบบดูดก๊าซซึ่งNGVและดีเซลทำงานควบคู่กันตลอดเวลาจะต่างจากระบบเบนซินที่ใช้น้ำมันช่วงแรกๆที่ออกตัวแล้วหลังจากนั้นจะเปลี่ยนการทำงานของ NGV อย่างเดียวระบบติดตั้งสำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนี้ช่วยลดราคาค่าใช้จ่ายลงประมาณ25%ราคาติดตั้งอยู่ที่30,000-45,000บาทราคารวมถังและอุปกรณ์NGV
ที่นี้เรามาดูว่ารถยนต์รุ่นใดยี่ห้อใดที่เหมาะสมที่จะใช้ก๊าซตัวนี้กันคือมันไม่ใช่ว่ารุ่นใดยี่ห้อใดค่ะคือว่ารถยนต์ทุกยี่ห้อและทุกประเภททั้งรถยนต์และรถตู้สามารถนำมาติดตั้งก๊าซNGVได้ทั้งหมดโดยที่รถยนต์แต่ละคันจะติดตั้งอุปกรณ์NGVระบบใดแนะนำให้ดูที่ท่อรวมIDของเครื่องยนต์ถ้าท่อรวมIDเป็นพลาสติกส่าวนมากเราจะเห็นได้ในรถใหม่เราแนะนำให้ติดแบบระบบหัวฉีดถ้าเป็นโลหะส่วนมากเราจะเห็นได้ในรถเก่าให้ติดแบบดูดก๊าซคุณจะรู้ได้อย่างไรแนะนำควรนำรถยนต์ของคุณมาตรวจหากคุณสนใจที่อยากจะติดเขาจะแนะนำคุณเองแต่คุณก็ควรรู้เรื่องไว้พอเป็นพื้นฐานเพื่อไม่ให้โดนหลอกติดผิดระบบที่ไม่เหมาะกับรถยนต์ของคุณ
CR: http://www.unseencar.com/   
หน้า: [1]
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!