AE. Racing Club

พอดีสงสัยอ่ะครับ..ว่าเติมลมไนโตรเจน..กับเติมลมธรรมดาแบบไหนจะดีกว่า..
 :emoti :emoti :emoti :emoti

แนะนำไนโตรเจน ครับ ตีจริงๆ ลมยางไม่อ่อนง่ายๆ จอดรถทิ้งไว้ 6-7 วัน เช็ตลมปกติเลย ถ้าเป้นลมทำมาดา อ่อนเห็นๆ

แต่ไนโตรเจนหาที่เติมยากหน่อยครับ...ต้องเข้าร้านอย่างเดียว 

อืม...ขอบคุณมากคร้าบบบบ...

ดีกว่า แพงกว่า แต่ก็ไม่ได้จำเป็นมากมาย ใช้งานประจำ เช็ครถสม่ำเสมอ ลมธรรมดาก็ไม่ต่างเท่าไหร่ครับ ทุกวันที่เราเติมลมเข้าไปในยางก็มีไนโตรเจนเข้าไปด้วยครับแต่มันมีก๊าซอื่นผสมด้วย แต่ลมไนโตรเจนที่ว่ามัน99-100% เพราะเค้ากรองเอาก๊าซอื่นออกก่อนเติมเข้าล้อรถ ไนโตรเจนโมเลกุลมันใหญ่ เลยซึมช้ากว่า แต่ถ้ายางรั่วยังไงก็แบน ไนโตรเจนมันเป็นก๊าชกึ่งเฉื่อย(ชา)มันเลยขยายตัวน้อยเวลาอุณหูมิสูงเนื่องจากความร้อนจากการขับขี่เช่นความร้อนจากเบรค พื้นถนน และเนื่องจากมันมีไนโตรเจน100%ในล้อ มันเลยไม่ไอน้ำ ออกซิเจน ซึ่งก่อให้เกิดสนิม ตะกรันให้กับกระทะหรือล้อแม็ก การจับตัวของไนโตรเจนในล้อทำให้การยืดหยุ่นไม่ช้าไม่เร็วเกินไปขณะยางมีการยุบตัว แต่ที่ว่ามาทั้งหลายทั้งบวงก็ไม่ได้จำเป็นมากสำหรับรถใช้ธรรมดาครับ เว้นแต่เติมฟรี...

 :emotv :emotv

อีกหนึ่งความรู้ครับ..
 :emoti :emoti :emoti

ถ้าเปลี่ยนยางร้านเค้าก็เติมฟรีแต่ถ้าไม่ได้เปลี่ยน ไปเติม แพงมาก สู้ไปเติมลมที่ ปอตอทอ. ดีกว่าครับ

...ชอบง่ายหรือชอบยุ่งยากขึ้นมานิด....แล้วแต่บุคคล

เติมไนโตเจนแล้ว ไปเติมลมธรรมดาเพิ่มเข้าไป ผสมเข้าไป ก็ไม่เป็นอะไร ทำได้ไม่มีอันตราย ไม่ยุ่งยาก ขอให้แรงดันตามที่เราต้องการ ก็พอแล้ว ปลอดภัยแล้ว

หากมีเติมไนโตรเจนอยู่แล้ว แนะนำไม่ให้เอาลมธรรมดาเติมเข้าไปครับ

ในลมธรรมดา จะมีออกซิเจนผสมอยู่ ซึ่งตรงนี้จะมีน้ำปนอยู่ด้วย

น้ำเมื่อเกิดความร้อนจากการวิ่ง มันจะขยายตัว ทำให้ความร้อนและแรงดันสูงขึ้นครับ (จะกลับมาเหมือนไม่ได้เติมไนโตรเจน)

การเติมลมไนโตรเจน ก็ดีนะครับ มันช่วยควบคุมอุณหภูมิยางให้อยู่ในระดับ ปกติตลอด ไม่ Overheat เช่นบางที

เราเติมไว้ ​30 แต่เวลาวิ่งไปเรื่อยๆ ลมยางมันขยายตัวอีก กลายเป็น 35 อย่างงี้ก็เสี่ยงต่อการควบคุม เพราะหน้ายาง

ตอนอุณหภูมิ 35 ยังไงคงสัมผัสพื้นถนนไม่เท่า 30 แน่นอน

แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่ได้ต่าบงจากลมธรรมดามากนักหรอกครับ

เติมลมแบบธรรมดา แค่เติมให้เหมาะสมกับการขับขี่ เราก็ โอเคแล้ว

ปล. สำหรับคนที่เดินทางไกลบ่อยๆ ก็เติมเผื่อไว้ซักนิดนึง เพราะเราขับเป็นระยะทางไกล

ยังไง อุณหภูมิสะสมของยางก็มีแน่นอน และอีกประการ ถ้าแบกของก็ต้องเติมเผื่อไว้อีกด้วย

ไม่งั้นแก้มยางจะปริแตกเร็ว ยางยังสึกไม่เท่ากันด้วย

ผมเติมลมไนโตรเจนอยู่ครับ ตอนไปเปลี่ยนล้อกะยางเค้าเติมให้ แถมเติมฟรีตลอดอีกด้วยครับ ใช้มาได้เดือนนึงแล้วครับ ลมยางยังเท่าเดิมอยู่ :emog

ความรู้เพียบเลย..อิอิ
 :emoti :emoti :emoti

 :emom กะลังจะไปเติมพรุ่งนี้พอดี....55555+

ส่วนตัวนะคับ ผมว่าไนโตเจนเนี่ยก็อ่อนเหมือนกันนะคับ ถ้าเราไม่หมั่นเช็คเนี่ย เมื่อก่อนชอบมากๆๆๆคับไนโตเจนเนี่ย แต่เดี๋ยวนี้ไม่เอาแล้วคับผม ผมว่ามันยุ่งยากอ่ะ สู้ลมธรรมดาก็ไม่ได้ อยู่ที่ไหนก็เติมได้ทุกที่อ่ะคับ ขอให้เรามีที่วัดลมยางติดรถไว้ก็พอ(อันนี้กรณีที่ปั๊มนั้นๆไม่มีที่วัดหรือว่าเราอาจอยากวัดลมยางเองนะคับ)

ถ้าเราเติมในโตรเจนอยู่ แล้วเราไปเติมแบบปกติ
จะเกิดผลเสียต่อยาง หรือเกิดอันตรายอะไรหรือเปล่าครับ

เท่าที่อ่านมาข้างบน ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ครับ

ไนโตรเจนยุ่งยากหน่อย ><

ก็ดีนะครับ

เหมืิอนตามข้างบนกล่าวครับ คือ คุณประโยชน์จากลมไนโตรเจนจะหมดประโยชน์ เนื่องจากเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว
ส่วนปฏิกิริยาระหว่างไนโตรเจน + ลมทั่วๆไป ณ ปัจจุบันนี้ไม่พบว่าจะก่อให้สิ่งเสียหายอะไรได้ครับ

ขอบคุณครับผมม

ไม่เคยจัด ไนโตรเจนเลย มันหาเติมลำบาก

ลมธรรมดา เนี่ยละ สุดยอดแล้ว

แต่ถ้ามีร้านประจำ ที่อยู่ใกล้ๆ สบายเลยครับ(เติมฟรี) ผมเติม32 ประมาณ2เดือนกว่าๆ ไปเชคพร้อมเติมอีกที ลงไปนิดเดียวเอง เหลือลม31
ส่วนตอนผมเติมลมธรรมดา (เติมทุกอาทิตย์ครับ)....
ปล.ทั้งสองแบบ ก็แล้วแต่ความสดวกครับ

ถ้ามีที่เติมใกล้ๆ บ้านแนะนำครับ ดีกว่าลมธรรมดาแน่นอน

แต่ถ้าไกลบ้าน หาที่เติมเนี่ยลำบาก

B-Qxxx เติมไนโตรเจนล้อละ 50

เอามาฝากครับ

1. ลดอัตราการระเบิดของลมยาง เพราะก๊าซไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อย การยึดติดกันของโมเลกุลคล้ายวุ้น ทำให้การขยับตัวเคลื่อนที่ช้า โมเลกุลเสียดสีกันน้อย จึงทำให้ลมภายในยางเกิดความร้อนสะสมน้อย แรงดันลมในยางจึงเปลี่ยนแปลงไม่มาก ทำให้ยางมีโอกาสระเบิดน้อย (ส่วนมากยางที่ระเบิดเกิดจากแรงดันลมในยางเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับโครงผ้าใบเริ่มเสื่อมคุณภาพจึงเกิดการระเบิด) ล้อที่เติมลมไนโตรเจนแล้วยังมีความร้อนอยู่บ้าง เนื่องจากการเสียดสีของลูกปืนล้อ เบรก ที่ส่งผ่านกระทะล้อมาสู่ยาง และเกิดจากยางเสียดสีกับพื้นถนน ถ้ารถวิ่งทางตรงยางจะเสียดสีกับถนนน้อยกว่าในขณะเลี้ยว แต่ 80% ของการขับขี่คือการหักเลี้ยวตามโค้งถนนหรือแซงและหลบ

2. นุ่มนวลและลดเสียงดังจากยางกระทบพื้น เพราะก๊าซไนโตรเจนมีกายึดติดของโมเลกุลคล้ายวุ้น ทำให้เคลื่อนที่ช้า เมื่อยางกระทบกับคลื่นตะเข็บของถนน ยางจะเคลื่อนที่ยืดหยุ่นตัวช้าลง ทำให้การขับขี่นุ่มนวลขึ้น และลดเสียงดังของยางไปได้มาก (ถ้ายางซีรี่ส์ต่ำจะเห็นผลน้อย ถ้ายางซีรี่ส์สูงๆ จะเห็นผลได้มาก หรือถ้ายางที่ร่องดอกยางห่างๆ จะเห็นผลและเงียบลงไปมาก)

3. ไม่ทำให้กระทะล้อเป็นสนิมและแป้งที่เคลื่อบยางก็ไม่เป็นก้อนในท้องยาง เพราะในการเติมลมยางด้วยไนโตรเจนทำให้ในยางมีปริมาณออกซิจนอยู่น้อย ถ้าออกซิเจนไปรวมตัวทำปฏิกิริยากับเหล็กหรืออลูมิเนียมจะทำให้เกิดสนิมที่บริเวณกระทะล้อได้ และถ้าออกซิเจนไปรวมตัวกับไฮโดรเจนซึ่งปะปนอยู่ในลมยาง จะทำให้เกิดเป็นหยดน้ำ H2O หยดน้ำนี้เมื่อกลิ้งอยู่ในท้องยางจะทำให้แป้งที่อยู่ในท้องยางรวมตัวกันเป็นก้อนกลิ้งอยู่ในท้องยาง และขนาดโตขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุ ถ้าก้อนแป้งนี้มีมากหรือขนาดใหญ่พอที่จะทำให้พวงมาลัยรถสั่นได้ ต้องถ่วงล้อใหม่ แต่มักจะถ่วงไม่ลง ถ้าหากไม่นำเอาก้อนนี้ออกก่อน

4. ไม่ต้องเติมลมหรือเชคลมยางบ่อยๆ เพราะอะตอมของไนโตรเจนมีขนาดโตกว่าออกซิเจน ซึ่งออกซิเจนสามารถซึมเข้าออกเนื้อยางได้ แต่ไนโตรเจนไม่สามารถซึมผ่านได้ ดังนั้นเมื่อเติมไนโตรเจนจึงทำให้ลมยางไม่ค่อยลดลง จากที่เคยทดลอง 3 เดือน มีการลดลงประมาณ 1 ปอนด์ ซึ่งถือว่าน้อยมาก ในการเติมลมยางเราไม่เติมลมไนโตรเจนเข้าไป 100% เพราะออกซิเจนจากภายนอกจะซึมเข้าหาภายในยาง ทำให้แรงดันลมยางเพิ่มขึ้น โดยปกติจะเติมไนโตรเจนเข้าไป 95% - 97% ให้ออกซิเจนเหลือภายในยางเพื่อต้านออกซิเจนที่จะแทรกจากอากาศภายนอก เพราะฉะนั้นถ้านำไนโตรเจนแบบถังไนโตรเจน 100% มาเติมลมยาง พอใช้ไปออกซิเจนจากภายนอกจะแทรกเข้าไปทำให้ลมยางเพิ่มขึ้นเอง (คุมแรงดันลมไม่ได้)

5. ยืดอายุยาง เพราะในยางรถยนต์ประกอบด้วยสารเคมี ถ้ามีออกซิเจนอยู่มาก ออกซิเจนจะทำปฏิกิริยากับเคมีทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพเร็ว และเนื่องจากไนโตรเจนเป็นก๊าซเฉื่อย ทำให้ยางมีความร้อนน้อย มีผลให้ยางสึกหรอน้อยตามไปด้วย