AE. Racing Club

พี่น้อง AE ท่านใดมีปัญหาเกี่ยวกับกฎหมายเล็ก ๆ น้อย หรือใหญ่ ๆ เขียนโพสไว้ได้เลย หากเป็นเรื่องลับก็บอกว่า "ลับ" แล้วจะ PM ไปตอบให้ แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องลับจะโพสลงไว้ให้เผื่อสมาชิกท่านอื่นมีกรณีปัญหาเดียวกัน จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที  



เรื่องที่ตอบแล้ว

1.เรื่องต่ำกว่า 18 ปี หน้า 2
2.เรื่องสมาชิกเนติบัณฑิต + เรื่องล้มละลาย หน้า 2
3.เรื่องลูกค้าเบี้ยวค่าสินค้า หน้า 2
4.เรื่องฝากระโปรงดำต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงกับสำนักงานขนส่งทางบก + ไฟส่องสว่าง    หน้า 3
5.เรื่องความเตี้ยของรถยนต์  หน้า 3
6.เรื่องแผ่นป้ายทะเบียนพับ   หน้า3
7.แนะนำการเรียนต่อกฎหมายสำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว   หน้า 6
8.ไขข้อข้องใจเร่องฝากระโปรงดำด้วย "สติกเกอร์"   หน้า 6
9.เรื่องทวงหนี้การกู้ยืมเงิน   หน้า 6
10. เรื่องแพทย์มั่วนิ่ม      หน้า 6
11.เรื่องภริยาทิ้งร้าง (ฟ้องหย่า)    หน้า 6
12.เรื่องการยืมเงินปากเปล่า   หน้า 8
13.เรื่องจัดการพวกเสียงดัง   หน้า 8
14.ลิขสิทธิ์กับไอ้ขวด   หน้า 8
15.ข้อหาดัดแปลงสภาพรถและท่อดัง (โดนจับข้อหา"ดัดแปลงสภาพรถ")      หน้า 8
16.เรื่องพื้นที่ส่วนกลาง   หน้า 9
17.แดนกรรมสิทธิ์และภาระจำยอม    หน้า  9
18.เพื่อนบ้านเอาแต่ใจ    หน้า 9
19.การดำเนินการเรื่องการเสียชีวิตและการตั้งผู้จัดการมรดก
20.ธุรกิจขายตรงและแซร์ลูกโซ่

 :emotn :emotn :emotn

ไว้มีปัญหาแล้วจะ pm ไปปรึกษานะคร้าบบบบ

คนดี ศรีสังคม  :emo2

ขอบคุณคร้าบ..........

เดือดร้อนครับอยากจำนำทะเบียนรถหน่อย พอจะช้วยได้ไหมครับ แย้จริงๆ
ครับ

แนะนำทางกฎหมายอ่ะไหวครับ แต่เรื่องจำนำทะเบียนรถไม่ถนัดเลยครับ

 :emom   ขอบคุณมากๆ ครับ สำหรับ น้ำใจ      :emotn   :emotn

มีทนายประจำคลับแล้ว ดีจัง

แจ่ม  :emo2

ครับขอบคุณครับ

เยี่ยม !! มากครับ เป็นประโยชน์แก่ชาว AE อย่างยิ่งครับ

มีทนายประจำคลับด้วย ไฮโซโครตขอบคุณครับ

รู้สึก ทนายจะใช้ AE กันเยอะเลยแฮะ

ขอบคุณครับ

     อ้าว ก็เคยได้ยินมั๊ย คำนี้อ่ะ   ทนาย ไส้แห้ง   นี่หละ   ผมก็เป็นทนายเหมือนกันครับ  แต่เป็นทนายไม่ได้ความ อิอิ แต่เถียงทุกด่าน รอดมาก็หลายด่าน  ถ้าด่านไหนรู้ว่าไม่น่ารอด ก็หนี แม่มเลย  โคตรมันส์

ทนายน้อยไงครับ        AE สวย ซ่อมง่าย อะไหล่ถูก สาว ๆ ชอบ(เพราะของเล่นเยอะ)     อะไม่ใช่    ใจรักครับ

ขอบคุณ ครับ คลับแห่งการอบอุ่น   :emom   :emom

แหล่มเลยคับ

อิอิ

มีน้ำใจมากมาย

แหล่มเลยทนายAE :emo2

แหล่มเลยคร๊าบน่าปักหมุดไว้นะเนี่ย :emo2

ขอบคุณด้วยคนครับ ยอดเยี่ยมมาก
แต่ถ้าเป็นไปได้ไม่ขอใช้บริการจะดีกว่าครับ อิอิ

(ไม่ใช่ไรหล็อกครับเพราะถ้าใช้บริการเมื่อไรนั่นหมายถึงต้องมีเรื่องไม่ดีซะส่วนใหญ่)

แต่ยังไงก็ขอบคุณในความหวังดีนะครับ

ชาวเออีเราน้ำใจมีไม่เคยขาดจิงๆ

 :emo2 :emo2 :emo2 :emo2

ใจดีจังเรยครับ

แต่เท่าที่ผมเจอนี่ ทนายมีแต่รถแรงๆ
พี่ก้อง ฝาดำ
พี่มูน 4e โบ
ส่วนพี่jeedeeเห็นรอ2e ลาโลกแล้วจะวาง 3s

จะแรงกันไปไหนฮ่ะ พี่ๆ

ต่ำกว่า 18 โดนคุกกี่ปีครับ แล้วมีทางรอดไหมครับ(ถามเผื่อสมาชิก) :emoth

ถามได้เริดจริงๆครับทั่นประทาน

ตำกว่า 18ปีจะโดนเรื่องพรากผู้เยาว์ ตามประมวลกำหมายอาญามาตรา 317 เป็นหลัก แต่ถ้าพรากเพื่อการอนาจารจะโดนหนักขึ้นอีกตาม 318 (เลขมาตราไม่ค่อยแม่นอ่ะครับแต่อยู่ช่วงเลขนี้แหละ)ซึ่งไม่สามารถเคลียปัญหาได้เลยครับ เป็นเรื่องละเมิดอำนาจปกครองของผู้ปกครองและเป็นอาญาแผ่นดินครับ  ส่วนโทษนั่นถ้าจะเอาทำเมียจริงๆๆ (แต่งงานจดทะเบียนโดยถูกต้องตามกฎหมาย) จะอยู่ที่ดุลพินิจของศาลครับ ศาลสามารถลงโทน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงไรก็ได้   และคดีนี้ไม่จะกัดเพศนะครับเพราะใช้คำว่าผู้เยาว์ ซึ่งอาจเป้นหญิงหรือชายก็ได้

ความเห็นส่วนตัว  ยังไงก็ให้เกิน 18 ปีไว้จะดีครับ หากโดนข้อหาอนาจาร หรือข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา เป็นความผิดต่อส่วนตัวครับ   สามารถถอนคำร้องทกข์หรือ ถอนฟ้องได้(โดยรีบเคลียปัญหากับผู้เสียหายไม่ให้เอาเรื่อง) และความผิดต่อส่วนตัวต้องร้องทกข์ หรือฟ้องร้องดำเนินคดีภายใน 3 เดือนนะครับ มิฉะนั้นจะขาดอายุความครับ

งั้นรบกวนเลยนะครับ

1. อยากเช็คชื่อคนที่จบเนมาอะครับ พอได้มั้ยครับ ว่าคนนั้นๆจบมาจริงๆ ไม่โมเม เช็คได้จากไหนครับ ในเวปเช็คได้มั้ย

2. ขอเป็นกฎหมายล้มละลายนะครับ ว่าถ้าเราโดนฟ้องว่าล้มละลาย โดยเรารับสารภาพทุกข้อ แล้วผลภายหลังจะมีอะไรกับเราบ้างมั้ยครับ

ขอบคุณล่วงหน้านะครับ ....

1.ถ้าสอบผ่านเนติบัณฑิตแล้ว จะขึ้นเป็นสามัญสมาชิกครับ จะมีบัตรสีขาว(แต่เป็นกระดาษเฉยๆ)   ส่วนวิสามัญสมาชิกคือคนที่จบทนายครับแล้วขึ้นบัญชีขอใช้ชุดครุยเนติบัณฑิตบัตรสีเเขียว(มั้งถ้้าจำไม่ผิด) แต่ถ้าจะตรวจรายชื้อต้องเช็คที่เนบัณฑิตครับ แต่หากทราบรุ่นที่จบจะดีมากกว่าหาง่ายครับ แบบผมรุ่น 57 จบ 1400 กว่าคนจะมีหนังสือทำเนียบรุ่นไล่ชื่อหาได้ง่ายกว่าครับ

2.ส่วนเรื่องล้มละลาย ถ้าไม่สู้คดีจะถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ไม่สามารถจัดการทรัพย์สินเองได้ การจัดการทรัพย์สินจะไปตกอยู่ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทั้งหมด เน้นว่าทั้งหมดเลยนะครับ แล้วไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ ได้ด้วยตนเอง แต่การถูกฟ้องล้มละลายมันก็มีข้อดีตรงที่ว่าเจ้าหนี้ทุกกรณีต้องมาขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายเท่านั้น โดยต้องขอรับชำระหนี้ภายใน 2 เดือนนับแต่วันที่ศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด หากเจ้าหนี้ของเราท่านใดไม่มารับชำระหนีเภายในกำหนด จะไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีเราได้อีกต่อไป  เมื่อเราพ้นจากล้มละลายแล้วก็เหมือนเกิดใหม่ล้างหนี้ได้เลยครับ แต่การจะพ้นจากล้มละลายนั้นมี 2 กรณี 1. ขอปลดจากล้มละลาย อันนี้คือชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ไปทั้งหมดหรืออาจจบางส่วนโดยเจ้าหนี้ยอมปลดหนี้ให้ 2. โดยระยะเวลาตามกฎหมายซึ่งกำหนดไว้ 5 ปี(ปลดแบบอัตโนมัติ) เมื่อเลยระยะเวลาแล้วเราก็ไปทำคำร้องขอปลดจากล้มละลายครับ

ความเห็นส่วนตัว  การถูกฟ้องล้มละลายเหมือนเป้นเรื่องใหญ่นะถ้าใครไม่รู้ แต่จริงๆ ส่วนใหญ่เจ้าหนี้ที่ฟ้องล้มละลายจะฟ้องเพื่อต้องการตรวจหาทรัยพ์สินของเรา เพราะการจะสู้คดีต้องสู้ว่าเราไม่ได้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เราสามารถชำระหนี้ต่าง ๆ ที่เจ้าหนี้ฟ้องร้องได้ โดยต้องแสดงทรัพย์สินที่มีอยู่ว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน แล้วต้องจัดทำบัญชีทรัยพ์สินต่าง ๆ ตรงนี้แหละครับหากมีคดีที่ฟ้องร้องกันอยู่ก่อนเค้าจะยึดทรัพย์บังคับคดีในคดีที่อยู่ในขั้นตอนการสืบทรัพย์สินเพื่อยึดและออกขายทอดตลาด แล้วคดีล้มละลายจะมีขั้นตอนการขอประนอมหนี้ซึ่งเป้นขั้นตอนตามกฎหมาย มีการขอฟื้นฟูกิจการซึ่งทำให้การเจราจาเป็นไปได้โดยง่ายกว่าคดีทั่ว ๆ ไป ผมมองว่าเป็นประโยชน์กับลุกน้ี(คนที่ถูกฟ้องมากกว่า) แล้วหากเจ้าหนี้คนไหนไม่ขอรับชำระหนีเภายในกำหนด( 2เดือน) เค้าจะไม่สามารถฟ้องร้องเราได้ต่อไปซึ่งความเป็นจริงเจ้าหนี้รายอื่นมักไม่ค่อยทราบว่าลูกหนี้ถูกฟ้องล้มละลาย จึงขอรับชำระหนี้ไม่ทันเสมอ ๆ

งั้นถ้ากรณี ที่ลูกค้าค้างจ่ายค่าสินค้า

โดนที่เอาสินค้าไปใช้ เกินระยะเวลาที่รับประกัน รับเปลี่ยนคืน (7วัน)

โดนไม่มีการแจ้งว่าสินค้ามีปัญหาใดๆ จนวางบิลไปเรียบร้อย    แต่ถึงเวลาครบรอบเก็บเช็ค กลับบอกว่าสินค้าล๊อตแรกมีปัญหา ขอลดราคา

แล้วไม่ยอม จ่ายค่าสินค้าแต่อย่างใด เป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท     (มันจะเบี้ยวหา ข้ออ้าง)

แบบนี้สามารถให้กฏหมาย หรือ วิธีใด บังคับให้ลูกหนี้ จ่ายเงินได้หรือป่าวครับ


พอดี ผมไม่รู้เรื่องกฏหมายเท่าไร แต่ตอนนี้พึ่งมีกรณีนี้เกิดขึ้น  ถามเป็นความรู้เผื่อจะเป็นประโยชน์ด้วยครับ
ขอบคุณครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องซื้อขายธรรมดาครับ แต่ปัจจุบันกรณีร้านค้าหรือผู้ประกอบกิจการขายสินค้าและบริการให้ลูกค้า(ประชาชนทั่วไป) จะเป็นคดีผู้บริโภค (คดีผบ.)จะมีขั้นตอนการดำนเนินคดีที่รวบรัดหว่าคดีแพ่งทั่วไป (โดยหลักการโคตรดีแต่ปฎิบัติไม่ได้เรื่องเลย)  ขอตอบปัญหาดังนี้ครับ   
เรื่องซื้อขายสังหาริมทรัพย์กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อนับแต่เวลาที่ได้ตกลงกัน (แม้ยังไม่ได้จ่ายตังและแม้ไม่มีหนังสือสัญญา) ดังนั้นเราไม่สามารถทวงคืนสินค้าได้ หรือนำคนไปเอาสินค้ากลับคืนเพราะจะโดนคดีอื่นๆ ตามมานะครับ เช่น ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์(ถ้ามีการใช้กำลังระหว่างขนทรัพย์) หรืออาจโดนข้อหาหนักปล้นทรัพย์(หากพากันไป3คนขึ้นไป)และอาจจะโดนข้อหากรรโชกด้วย ซึ่งผมไม่แนะนำอย่างยิ่งให้ทำ  ผมจะให้วิธีดังนี้นะแล้วแต่จะเลือก
1.ทวงหนี้เต็ม ตามที่ตกลงกัน (แบบทั่วๆไป)
2.ถ้าเห้นว่ามันไม่น่าจะมีปัญญาจ่าย หากลดราคาให้มันแล้วได้เช็คมาผมว่าโอเคนะ เกิดเช็คมันเด้งขึ้นมา เล่นเป็นคดีอาญาได้เลยครับ(อันนี้แนะนำเพราะคดีอาญาได้ตังแน่มีหมายจับบีบแน่นๆเอาให้อวก) แนะนำนะครับถ้าไม่ได้รับเป้นเงินสดผมว่ารับเป็นเช็คปลอดภัยกว่าอย่างน้อยเล่นงานคดีอาญาตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2354 แม้โทษไม่มากแต่ก้เป็นคดีอาญา
3.ส้งหนังสือทวงถามแล้วดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคตามที่ผมว่าอ่ะนะ

แล้วแต่จะเลือกครับส่วนเรื่องศาลเตี้ยไม่แนะนำนะครับ      ถ้าขายสินค้าให้กับผู้ประกอปกิจการด้วยกัน(คือขายให้ร้านค้าที่นำไปขายต่ออีกทอดไม่ได้ใช้เอง)จะเป็นดีคแพ่งทั่วไปครับหากจะฟ้องเสีนค่าขึ้นศาลร้อยละ 2 ขอจำนวนทุนทรัพย์

มันเป็นสินค้า เกี่ยวกับงานอุตสาหกรรมนะครับ

คือผมผลิตฮีทเตอร์ ทำความร้อนส่งให้เขา

โดนเขาเอาได้ติดตั้งกับโมพลาสติก แม่พิมพ์ ที่ใช้ฉีดออกออกมาเป็นคอนโซนรถยนต์

โดนโม นี้เขาส่งให้โรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์อีกทีนึง

งั้นเป็นคดีแพ่งทั่วไปครับ ซื้อขายนี่แหละครับ เขาซื้อของ(อีทเตอร์)จากคุณ เพื่อไปประกอบกับคอนโซลเขาอีกครั้ง เป็นคดีแพ่งทั่วไปเสียค่าธรรมเนียมร้อยละ 2 แต่อย่างที่บอกหาทางรับเช็คมาให่ได้ก่อนเพราะถึงยังไงดูท่าแล้วมันจะเบี้ยวแน่ ๆ หากมันจะต่อลงมาถ้าไม่มากก็ยอมมันไปก่อนครับ เกิดเช็คเด้งขึ้นมาได้มีแต้มต่อครับ เพราะคดีแพ่งเราเสียเปรียบอยู่แล้วครับ เข้าสโลแกน "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย"

ขอบคุณมากครับ  :emo2

อยากทราบกฎหมายเกี่ยวกับรถยนต์ 2 ข้อคับ

1. ถ้าเราทำสีฝากระโปรงหน้า/หลัง /หลังคา ต่างไปจากสีเดิมของรถ จะผิดกฎหมายหรือป่าวคับ.. เช่น รถผมสีบรอน แต่ สำสี ฝากระโปรงหน้า/หลัง/หลังคา สีดำ แบบนี้ตำรวจจะจับหรือป่าวคับ

2. ถ้าพ่นหรือหุ้มฟิล์ม ด้วยสีดำ สีโคมไฟ หน้า / หลัง ตำรวจจะจับไหมคับ

ขอบคุณมากคับ ^^

ดีจังครับผม
พี่เป็นทนายอยู่กรุงเทพเหรอครับ
แล้วพี่เรียนเนติฯอะป่าวครับ
เพื่อพี่เรียนจะได้รู้จักกันเอาไว้อะครับขับaeเหมือนกันด้วนครับ

 :emo2 :emom  :emotn การให้ความรู้เป็นวิทยาทาน(ไม่ว่าทางด้านใด โดยเฉพาะทางด้านกฎหมายซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบกัน) เป็นการสร้างสมบารมีทางหนึ่ง ขออนุโมทนาบุญกับ จขกท.ด้วยครับ  :emom :emo2 :emotn

เป็นทนายต้องจบ นิติศาสตร์เท่านั้นครับ ^^     เป็นทนายกรุงเทพครับ  เนติบัณฑิตไทย รุ่น 57 ครับ

เรื่อง พรบ.ขนส่งทางบกไม่ค่อยทราบเท่าไหร่เพราะไม่ได้เป้นกฎหมายหลักที่เรียนแต่ได้ไปค้นมาทาง internet พบ 3 ลิงค์ครับ

เรื่องการทำฝากระโปรงดำ
1.http://www.lancer-club.net/forum/index.php?topic=46847.0;wap2
2.http://www.civicfdthailand.com/ipb_forum/lofiversion/index.php?t64733.html

เรื่องไฟส่องสว่าง
3.http://www.nonthaburitraffic.com/index.php?view=article&catid=37%3Apeople-handbook&id=98%3Alamp-illuminates&option=com_content&Itemid=37


ซึ่งเมื่ออ่านข้อความแล้วถ้าหากจะทำฝากระโปรงดำ หรือทำสีอื่น ๆ ที่แตกต่างกับสีรถตามที่ได้แจ้งไว้ในเล่มทะเบียน ต้องมีการแจ้งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเพื่อให้ตรงตามเล่มทะเบียนครับ  ไม่งั้นโดนไถ่ตามระเบียบแน่นอนครับ

ส่วนเรื่องของการพ่นหรือหุ้มฟิล์ม เป็นเรื่องของไฟส่องส่วางแสงพุ่งไกลหรือแสงพุ่งต่ำ ต้องเป็นแสงขาวหรือแสงเหลืออ่อน (ตามที่กฎหมายกำหนด) เท่านั้น  ส่วนไฟท้ายกฎหมายกำหนดให้เป็นแสงสีแดงเท่านั้น ดังนั้นเมื่อดูตามกฎหมายแล้วการทำแสงไฟให้แตกต่างออกไปจากที่กฎหมายกำหนดย่อมโดนจับได้ครับ

ความเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการหุ้มฟิล์มหรือทำไฟเป็นสีต่าง ๆ ผมว่าแม้เราจะหุ้มแต่ยังเป็นแสงตามที่กฎหมายกำหนด พี่ตำรวจคงจะไถ่เราอยู่ดีแหละครับไม่มีเวลาไปเถียงกับพี่แกหลอก ยังไงก็ควรทำแบบชาวบ้านเขาทำกันอย่าแตกต่างเลยครับ อยากให้โหดไปซื้อโคมดำใส่เอา เอาของไต้หวันก็ได้ หรือซื้อในเวปนี้แหละครับบางท่านขายถูกมาก ๆ ดีกว่าไปโดนจับซัก 3 -4 รอบโดนไป รอบละ 100-200 พอดีกับเงินค่าซื้อโคมพอดี เล่นรถให้ถูกกฎหมายดีกว่า ขับแบบยึดอกไม่ต้องคอยมองด่านตรวจด้วยครับ ส่วนเรื่องไฟหน้ากับสปร์อตไลท์ที่ชาว AE นิยมเป็นสีเหลือง ไม่ใช่สีเดียวกับไปส่องสว่าง โดนแน่ครับหากให้ถูกต้องต้องเป็นสีเดียวกัน(ดูจากสปร์ทไลท์ที่มาจากรถโรงงาน เช่น วีโก้ แคมรี่) แสงจะเป็นสีเดียวกัน อันนั้นสบาย  แล้วเรื่องไฟคนละสี นี่โดนมากับตัวครับ (ทนายยังโดนครับ ^^) แต่พอดีใบขับขี่เอารูปที่ใส่ชุดครุยทนายไปใช้ พี่แกคืนแล้วตะเบ๊ะบอกว่า "อาชีพเดียวกัน" แล้วก็ปล่อยมาครับ

เยี่ยมคับ...มีรัยก้อช่วยๆ กานไป  :emom :emom :emom

ครับผม
ผมเรียนนิติศาสตร์เหมือนกันครับ กำลังจะไปสมัครตั๋วทนายเหมือนกันครับพี่
ยินดีที่ได้รู้จักครับผม

ขอบคุณมากมายคับ ^^

ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันครับ     อยากขอคำแนะนำ แนะแนวเกี่ยวกับการเรียน การสอบ หรือเส้นทางนักกฎหมาย ก็ถามมานะครับพอจะแนะนำให้ได้ครับ

 :emo2 :emo2 :emo2 :emo2 :emo2

ได้เลยครับพี่ ขอบคุณมากๆเลยครับผม ถ้ามีปัญหาจะรบกวนถ้านะครับผม

รบกวนด้วยครับ รถโหลดเตี้ยวัดจากกลางโคมไฟหน้าต้องไม่ต่ำกว่า 40 cm. หรือว่า 60 cm. กันแน่ครับ อ่านมาหลายที่แล้วไม่ค่อยตรงกันไม่รู้จะเชื่ออันไหนดี พอดีรถผมสูงเกิน 40 cm. แต่ต่ำกว่า 60 cm. ครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ไม่ถนัดเรื่องพวกนี้เลยครับ  แต่ยังไงขอเวล่ค้นคว้าซักหน่อยนะ แล้วจะมาตอบให้หายข้อใจครับ ^^

เอาเรื่องป้ายทะเบียนอะครับ :emob

หลักกฎหมายที่ เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่องความสูงของรถยนต์มี 2 เรื่อง

1.กฎกระทรวงกำหนดลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนต์และของรถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถประเภทต่างๆ พ.ศ.2548
2.กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

1.กำหนดลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนต์และของรถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถประเภทต่างๆพ.ศ. 2548

ความสูง? หมายถึง ระยะเมื่อวัดในแนวดิ่งจากพื้นราบถึงส่วนที่สูงที่สุดของรถ โดยไม่รวมกระจกเงาสำหรับมองด้านนอกตัวรถและอุปกรณ์อื่นๆ ที่ยืดหยุ่นได้ ในกรณีเป็นความสูงภายใน ให้วัดจากพื้นรถส่วนที่ใช้วางเท้าถึงส่วนต่ำสุดของเพดานห้องโดยสารของรถ


(3)  รถยนต์ส่วนบุคคล
(ก)  รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน ต้องมีความกว้างไม่เกิน 2.55 เมตร ความยาวไม่เกิน 12 เมตร ความสูงไม่เกิน 4 เมตร กรณีที่รถมีความกว้างไม่เกิน 2.30 เมตร ให้มีความสูงได้ไม่เกิน 3.20 เมตร


2.กฎกระทรวง ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522

ข้อ 2  รถยนต์ต้องมีโคมไฟหน้ารถและโคมไฟท้ายรถ ดังต่อไปนี้
      (1) โคมไฟหน้ารถมี 3 ประเภท คือ
      (ก) โคมไฟแสงพุ่งไกล ให้ติดหน้ารถข้างละหนึ่งดวง สูงจากพื้นทางราบถึง
จุดศูนย์กลางดวงโคมไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร โคมไฟทั้งสองข้างต้อง
อยู่ในระดับเดียวกันใช้ไฟแสงขาวมีกำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ 50 วัตต์ มีแสงสว่างให้เห็น
พื้นทางได้ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 100 เมตร ศูนย์รวมแสงต้องไม่สูงกว่าแนวขนานกับ
พื้นทางราบ และไม่เฉไปทางขวา ในกรณีที่เป็นรถยนตร์สามล้อให้ใช้โคมไฟประเภทนี้เพียง
ดวงเดียวโดยติดไว้ที่กลางหน้ารถ
      (ข) โคมไฟแสงพุ่งต่ำ ให้ติดหน้ารถข้างละหนึ่งดวง สูงจากพื้นทางราบถึงจุด
ศูนย์กลางดวงโคมไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร แต่ไม่เกิน 1.35 เมตร โคมไฟทั้งสองข้างต้องอยู่ใน
ระดับเดียวกันใช้ไฟแสงขาวมีกำลังไฟเท่ากันไม่เกินดวงละ 50 วัตต์ มีแสงสว่างให้เห็นพื้นทางได้
ชัดเจนในระยะไม่น้อยกว่า 30 เมตร ศูนย์รวมแสงต้องอยู่ต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นทางราบ
ไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา ในกรณีที่เป็น
รถยนตร์สามล้อให้ใช้โคมไฟประเภทนี้เพียงดวงเดียว โดยติดไว้ที่กลางหน้ารถ


วิเคาระห์หลักกฎหมาย

กฎหมาย 2 ตัวนี้ไม่ได้กำหนดความเตี้ยของตัวรถไว้ว่าต้องเตี้ยเท่าไหร่ เพียงแต่ได้กำหนดเรื่องความสูงของรถต้องไม่เกิน 4 เมตร ( ตาม 1.กำหนดลักษณะ ขนาด หรือกำลังของเครื่องยนต์และของรถที่จะรับจดทะเบียนเป็นรถประเภทต่างๆพ.ศ. 2548 ) ดังนั้นถ้าความสูงไม่เกิน 4 เมตรย่อมไม่ผิดกฎหมาย  แต่เรื่องโหลดเตี้ยนั้นจะไปผิดในเรื่องของโคมไฟแสงพุ่งไกล และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ ซึ่งกฎหมายนั้นกำหนดให้ต้องติดตั้ง สูงจากพื้นทางราบถึงจุดศูนย์กลางดวงโคมไม่น้อยกว่า 0.60 เมตร (60 ซ.ม.) ดังนั้นเห็นได้ว่าการโหลดเตี้ยหากทำให้ไฟหน้าต่ำกว่า 60 ซ.ม. ก็โดนจับได้ครับผม


แถมเรื่องไฟตัดหมอกที่ชอบติดกันครับ (เอาไว้คุยกับพี่ตำรวจเผื่อแกเห็นว่าเรารู้เรื่องจะได้ปล่อยไป)

กฎกระทรวงฉบับที่ 15 (พ.ศ. 2536)ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. 2522
 
      อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 มาตรา 11 และมาตรา 61 แห่งพระราช
บัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกกฎกระทรวงไว้
ดังต่อไปนี้
      ข้อ 1 ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสามของ (1) ในข้อ 2 แห่งกฎกระทรวง
ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
      "รถคันใดจะมีโคมไฟหน้ารถเพื่อใช้ตัดหมอกก็ได้  โดยติดหน้ารถข้างละหนึ่งดวง
อยู่ในระดับเดียวกัน ใช้ไฟแสงขาวหรือแสงเหลืองมีกำลังไฟเท่ากัน ไม่เกินดวงละ 55 วัตต์
สูงจากพื้นทางราบไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพุ่งไกลและโคมไฟแสงพุ่งต่ำ ศูนย์รวมแสงต้อง
อยู่ต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นทางราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตร
และไม่เฉไปทางขวา"


ข้อ 3  ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็น (3 ทวิ) ของข้อ 13 แห่งกฎกระทรวง
ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2522) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522
      "(3 ทวิ) ในกรณีที่รถมีโคมไฟเพื่อใช้ตัดหมอก จะเปิดไฟหรือใช้แสงสว่าง
ได้เฉพาะในทางที่จะขับรถผ่านมีหมอก ควัน หรือฝุ่นละอองจนเป็นอุปสรรคอันอาจเกิดอันตราย
ในขณะขับรถ และเมื่อไม่มีรถอยู่ด้านหน้าหรือสวนมาในระยะของแสงไฟ"


วิเคาระห์หลักกฎหมาย
เรื่องไฟตัดหมอกกฎหมายบอกให้มีได้ แต่ต้องใช้ได้เฉพาะในทางที่มีหมอก ควัน ฝุ่นละออง และต้องเปิดตอนไม่มีรถสวนมาในระยะแสงไฟ ดังนั้นการติดตั้งไม่ผิด แต่การเปิดใช้ถ้าเปิดกลางคืนทั่ว ๆ ไป (ที่เปิดแยงตากันบ่อย ๆ) ก็ระวังหน่อยครับ โดนแน่นอน

สาระอีกแล้วคับ

ขอบคุณสำหรับความรู้และความเสียสละเพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ ชาว AE ครับ  :emotn

ถามมั่งเรื่องป้ายทะเบียนพับได้ที่ช่วงนี้เห็นกำลังใช้ในการเรียกจับปรับครับ
ถ้าติดขาแต่ไม่พับจะผิดไหมครับ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องระบุอย่างไรบ้างน่ะครับ
เผื่อโดนเรียกจะได้ชี้แจงท่านได้


แต่จะจบไหมค่อยว่ากันอีกเรื่องอ่ะครับ  :emotp

สวัสดีครับเพื่อนทนายทั้งพี่และน้องครับ

ผมก็ทนายเหมือนกัน

ขอบคุณมากๆครับ สำหรับน้ำใจอุตส่าห์ไปหาคำตอบมาให้

ตามข้างบนเลยนะครับ "ถ้าติดแบบพับแต่มันไม่พับความเห็นของผมนะ ผมว่าไม่ผิดตามกฎกระทรวงตามที่อ้างข้างบนนะครับ" แต่ถ้ายังมีกฎหมายตัวอื่นอีกรึเปล่านั้น ผมว่าไม่น่าจะมีนะ เพราะการออกกฎกระทรวงมานั้น มันละเอียดมาก ๆแล้ว คงไม่มีการออกกฎหมายมาแยกย่อยอีกว่า ถ้าพับได้ผิดกฎหมาย อะไรแบบนั้น"

 :emotn ขอบคุนครับเรืองกฎหมายป้ายทะเบียนครับ :emotn
 :emotwใบขับขี่ยังไม่ทันไปเอามันจับอีกละที่เก่าเลย จราจรกลางมาตั้งด่านตรงประเวศ  :emotw

ยินดีครับ ^^

รอทุกปัญหาอยู่นะครับ

ขออนุญาติอัพนะครับ

ช่วยอัพครับพี่

ช่วยกันครับพี่-น้อง

กระทู้ดีมีประโยชน์ อัพๆๆๆครับ :emo2

ผมเพิ่งจบมาครับ ตอนนี้อ่านหัวบานมาก รอสอบรุ่น62  :emop :emotk
อ่านไม่ทันแว้ววววว :emotf

เอาอาญาเน้น ๆ ก่อนครับได้มีกำลังใจ  แพ่งก็ดูผ่าน ๆ (แพ่งต้องดวงนิดนึงมันหลายวิชามาก แบบผมดูแพ่ง 1 เดือนแต่ไปโดน 7 ข้อเลยสบายไปครับ)

ขออัพหน่อยครับ

 :emotia :emom :emo2 :emo2 :emotn

ขอบคุณสำหรับคำตอบป้ายทะเบียนครับ :emotn

ยินดีครับ

ขอบคุณครับ

รบกวน ถามว่า...

ผมเซ็นต์ค้ำประกัน รถ ไว้ คันนึง ครับ...น่าจะเป็นของ GE ครับ..
ผมอยากยกเลิก การเป็นผู้ค้ำ ครับ..ทำยังไง ได้บ้างครับ..ที่บ้านทะเลาะ กับคนซื้อ ครับ.......ลำบากใจ หนักใจ มากๆครับ..

ขอบคุณมากๆครับ..

ต้องไปดูเงื่อนไขในสัญญาครับ...แต่ส่วนใหญ่เราต้องไปหาคนมาค้ำแทน(เท่าที่เคยเห็น) แต่ของGEผมไม่รู้ว่าสัญญาเค้าเป็นยังไงครับลองโทรสอบถามดีกว่าครับ แต่เรื่องไม่ยากเย็นอะไรครับ หากโทรสอบถามแล้วไม่ได้ผลก็ pm มาแจ้งผมได้ครับเด๋วโทรไปคุยให้เลยครับ หรือไม่ก็อาจทำเป็นหนังสือขอยกเลิกการค้ำประกันส่งให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลยครับ

ผมน่าจะเคย โทรถามมาครั้งนึงละ นานมาละครับ
เท่าที่จำได้ ประมาณว่า ผู้ซื้อต้องยื่น ขอคนค้ำใหม่ อะครับ..(ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ ที่เค้าจะยื่นใหม่ อะครับ..)
เป็นไปได้ อยากยกเลิก สัณญา หรือเปลี่ยนแปลง ไปเลยอะครับ..

ถ่ายเอกสารแล้วส่งเอกสารการค้ำประกัน(ถ้ามี)มาที่ 87/123-125 ถนนเทศบาลสงเคาระห์ แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 จ่าหน้า คุณทรงวุฒิ รุ่งเรืองศรี วงเล็บฝ่ายกฎหมาย เด๋วผมส่งหนังสือยกเลิกเป็นเรื่องเป็นราวไปถึงGEให้เลยครับ

พี่เปิดสำนักงานกฎหมายเองเลยเหรอครับ

ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะไปเรียนเนฯที่กรุงเทพดีไหมอะครับพี่

ค่าใช้จ่ายมันก็สูงอยู่อะครับถ้าอยู่กรุงเทพเนี้ย

แนะนำงี้นะ
1.ถ้าที่บ้านมีตังส่งให้ใช้นะผมว่าลองเรียนเต็มที่ที่เนตืก่อนเลยซัก 1 ปีนะ แล้วถ้าเก็บได้ซัก 2-3 ขาก็ทุ่มทุนสรา้งอีกซักปี น่าจะจบใน 2 ปี แต่ถ้ามั่นใจปีเดียวได้ก็ลุยเต็มที่ครับ
2.ถ้าอยากหาประสบการณ์ผมว่าหางานนิตกรทำด้วย(เอกชนก็ได้) หรือหาสำนักงานกฎหมายสมัครเสมียนทนาย แล้วลงเรียนทนายเอาตั๋วทนายให้ได้ (ได้ตั๋วแล้วได้ตังจำไว้)
3.ลงเรียนเนติ + ตีตั๋วทนายความไปด้วยจะดีมาก โดยเน้นเอาตั๋วให้ได้ก่อนเนติอะเรียนเล่น ๆ เพลิน ๆ ขำขำไป (เพื่อนผมเรียนขำขำมา 7 ปีแระได้มา 2 ขา)

ปล.ไม่ได้เปิดสำนักงานครับเป็นทนายบริษัท ฯ เฉย ๆ

ขอบคุณครับพี่สำหรับคำชี้แนะครับผม

ได้ครับ
ไว้หาเอกสาร ได้ หรือ ให้ ทาง GE ส่งมาให้ได้ หรือถ้า ไม่มี ยังไง ผมจะติดต่อไปอีกทีนะครับ
ขอบคุณครับ..

ยินดีครับ ^^

อัพหน่อย

     ชอบ ชอบ ไอ้ประโยคที่ว่า ได้ตั๋วก็ได้ตังค์  ครับ  ทำให้อยากไปสอบตั๋วให้ได้เลยครับ เผื่อจะมีตังค์ไว้โมรถเพิ่มอีก   แต่ ตอนนี้เป็นทนายไม่ได้ความไปก่อนเรา :emotq

 :emo2 :emo2 :emo2

ีอัพหน่อย

up ให้ครับ ไว้ใช้กับตำหนวดที่เลวๆ ส่วนที่ดีๆยกย่องครับ

ขำขำ อะครับ ^^

ขออนุญาติอัพครับ

ผมได้เอกสาร ใบแจ้งหนี้ ของ พี่สาว ผมละ..ยังไง จะ่ถ่ายเอกสาร ไว้ให้นะครับ ขอบคุณมากๆ ครับ

น่าจะปักมุด กระทู้มีสาระครับ ร่วมด้วยช่วยกัน

โอเคครับ

สักวันหนึ่งคงได้ใช้บริการคับ............. :emom :emom :emotn :emotn :emo2 :emo2 :emok :emok :emok :emok

แต่ระหว่างสอบตั๋วนี่ เสียตังค์บานเลยครับ ค่าสอบโคตรแพงเลย เก็บตังไปสร้างตึก :emotw

น้ำใจงามดีแท้ครับ

เห็นด้วยกับการปักหมุด ครับ กระทู้นี้

up หน่อยครับ

ผมอยู่ในซอยคุณหญิงนี่เองผ่านซอยพี่ทีไรไม่ยักกะเจอรถพี่บ้างเลยครับ :emotq

รถเดิม ๆ ไม่สะดุดตามั้งครับ ^^

up หน่อย

เป็นไง บ้าง อะครับ..

ช่วงนี้ร่อนต่างจังหวัดบ่อย ไว้เข้าออฟฟิตแล้วจะไปตาม จม.แล้วจะจัดการให้ครับ

แนะนำหน่อยครับ

พอดีผมทำงานแล้ว ถ้าอยากจะเรียนต่อด้านกฎหมาย เพื่อเป็นทนาย ควรไปเรียนที่ไหน มหาลัยไรดีครับ เอาแบบที่ไม่ต้องออกจากงานน่ะครับ

นิติศาสตร์รามคำแหงครับ ดีที่สุด ค่าใช้จ่ายน้อย (มาก)
ไม่เสียเวลาต้องไปเรียน (แต่บางวิชาจะต้องเข้าเรียนแต่ไม่มากครับ)  
ตำรา ข้อสอบเก่า มีขายเพียบ แถมมีการสอบซ่อมหลายหนด้วยทำให้ผ่านได้ง่ายขึ้น  
จบมาคุณภาพมากๆครับ  ลงเรียนไม่ต้องมากครับ แรก ๆ อาจต้องปรับตัวนิดหน่อยครับ
แต่วิชากฎหมายนั้น ยิ่งเป็นผู้ใหญ่มาก ๆ จะเรียนได้ดีครับ เพราะมันเป็นเรื่องของเหตุ และผลครับ
มีพี่ที่สอบผู้พิพากษาด้วยกัน แกเป็นผู้หญิง แกเป็นฃ่างตัดเสื้อมาก่อน มาเรียนกฎหมายตอนอายุ 45 ปีแต่เรียนสุโขทัยธรรมาธิราช
เรียน 4 ปีจบ เรียนเนติ 2 ปีจบ  ตอนนี้แกจบโทแล้ว กำลังสอบผู้พิพากษาอยู่ อายุไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับการเรียนกฎหมาย
ใครบอกแก่แล้วความจำไม่ดี ไม่ใฃ่นะครับ กฎหมายไม่ได้จำอย่างเดียวมันต้องเข้าใจด้วยซึ่งคนมีอายุผ่านประสบการณ์มากๆ อาจเจอเรื่องราวที่เรียน
ในชีวิตมาบ้างก็จะประยุกต์และมองเห็นภาพได้ง่าย เข้าใจหลักกำหมายได้ง่ายกว่าเด็กๆ ซึ่งประสบการณ์ยังน้อย   ผมสนันสนุนครับ สุ้ตายนพครับ ไม่เข้าใจ
หรือมีปัญหาเรื่องการเรียน การสอบก็มาปรึกษาในกระทู้นี้ได้ครับ ยินดีมาก ๆ ครับ

ขอบคุณมากครับ

up หน่อยครับ

ได้ความรู้มากมายเลย ขอบคุนคับ

up หน่อยครับ

ปรึกษาได้นะครับ

 :emol

ผมงงกับฝากระโปรงดำอะครับ
ถามขนส่ง เค้าบอกว่าถ้าไม่ได้ทำสีมา(ทำสีที่อู่) ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนสี
รถผมติดสติ๊กเกอร์ฝากระโปรงดำ เจ้าหน้าที่แจ้งว่า สติ๊กเกอร์ถือเป็นอุปกรณ์ตกแต่ง ไม่ต้องแจ้งเปลี่ยนครับ :emoto

ผมก็เข้าใจแบบนั้น แต่เวลาโดนตำรวจจับ พี่แกคงไม่ฟังหลอกครับว่าทำสีหรือสติกเกอร์ แกคงปรับนะครับ (แน่นอนด้วยเพราะน้องโดนมาแล้ว) เพื่อความปลอดภัยของเงินในกระเป๋า ผมว่าไปแจ้งเปลี่ยนแปลงดีกว่าครับ แล้วถ้าขนส่งไม่รับแจ้งก็ขอรายละเอียดหรือข้อมูลมาไว้ เพื่อยืนยันพี่ตำรวจเวลาโดนเรียกนะครับ  แต่เรื่องสีรถ กฎหมายไม่ได้บอกว่าสีที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมต้องมีการทำสี หรือไม่ทำสี กฎหมายเขียนว่าหากมีการเปลี่ยนสีรถไม่ตรงกับเล่มทะเบียนที่แจ้งไว้ ต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงในเล่มทะเบียน โดยจะเขียนเพิ่มเติมลงไปว่า "สีเขียว + ฝากระโปรงสีดำ" เป็นต้น โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายที่กำหนดเรื่องสีรถนั้นเพื่อบ่งบอกว่า รถทะเบียนนี้ สีอะไร ดังนั้นหากมีการเปลี่ยนสีไม่ว่าจะเป็นด้วยวิธีใด ก็ควรต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงเสมอ โดยการบ่งบอกลักษณะภายนอกว่าเป็นสีอะไร ไม่ได้คำนึงถึงว่าสีที่เปลี่ยนแปลงนั้น ทำสีหรือติดสติกเกอร์มากกว่า

`อัพหน่อยครับ

คงต้องตีความว่า สีที่รถนั้นเกิดขึ้นจากการทำแบบถาวรหรือไม่ถาวรมากกว่า ถ้าเช่นนั้น ก็เอาสีน้ำมาทารถ แล้วแจ้งขนส่งก็คงได้ เพราะในขณะนั้นมันเป็นสีนั้น (สีน้ำ) ผมว่าคงต้องดูว่าสีนั้นเป็นแบบถาวรหรือไม่ ถ้าถาวรก็คงต้องแจ้ง ถ้าไม่ถาวรก็ไม่ต้องแจ้ง
อันนี้เป็นข้อคิดเห็น

น่าจะเป้นเช่นนั้นครับ แต่ด่านเค้าจะจับปรับ(ไถ่)ก่อนจะอธิบายครับ กฎหมายกับความจริงบางทีก็สวนทางกันครับ ^^

 :emom :emom

อยากสอบถามเรื่องให้ญาติกู้เงินแล้วจะฟ้องเอาเงินคืน จะโทรสอบถามได้หรือเปล่าครับ

ไม่ได้เข้ามาหลายวันครับ ขอโทษที่ตอบช้า    ไม่รับปรึกษาทางโทรศัพท์นะครับ ^^

เรื่องเงินกู้ยืม

หลักกฎหมายว่าไว้ "การกู้ยืมเงินกว่า 2,000 บาทถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อ"ผู้กู้"ท่านว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่"

ภาษาชาวบ้านคือ "ถ้ากู้ยืมเงินเกิน 2,000 บาทแล้วไม่มีหลักฐานลงลายมือชื่อผู้กู้ไว้จะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ดังนั้นถ้าให้ญาติยืมไปโดยมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อของญาติคนนั้นไว้ ก็สามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้ครับ

 แต่ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อก็ฟ้องร้องไม่ได้ แต่อาจหาอุบายที่สามารถทำให้มีหลักฐานเป็นหนังสือได้ เช่น

ลงมือทะเลาะวิวาทกับญาติคนนั้น แล้วไปแจ้งความกับตำรวจว่าเรื่องอะไร ที่ทะเลาะกันนั้น โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกลงในใบแจ้งความว่า "วิวาทกันเรื่องที่ได้มีการกู้ยืมเงินกันจำนวน .... แล้วได้รับเงินไปครบถ้วนแล้ว แต่ไม่ยอมชดใช้ เมื่อไปทวงจึงเกิดมีปากเสียง ทะเลาะวิวาท" จากนั้นให้ญาติลงชื่อในบันทึกประจำวัน

เท่านี้ก็จะได้หลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญแล้วครับ

ส่วนเรื่องการฟ้องร้องบังคับคดีนั้น มีขั้นตอนดังนี้
1.ส่งหนังสือทวงถามไปก่อนว่าจะจ่ายไหม ไม่จ่ายจะฟ้องนะ (ขั้นนี้ถ้าลูหนี้ขี้อายหน้าบาง จะจ่ายหรืออาจเข้ามาทำอะไรที่ดูเข้าท่าเช่นขอผ่อนชำระ)
2.หากไม่มีการคุยกันหรือจ่ายภายในกำหนดที่แจ้งในหนังสือทวงถามก็จะต้องฟ้องร้องต่อศาลครับ (ขั้นนี้ลูกหนี้อาจจะมาจ่ายกันที่ศาลโดยขอเข้าระบบไกล่เกลี่ยก่อนก็ได้ครับ)
3.หากไกล่เกี่ยไม่สำเร็จก็จะกำหนดวันนั้สืบพยานกันไปตามเรื่องครับ ซึ่งแน่นอนช้ามาก เพราะศาลนัดสืบพยานในคดีอื่น ๆ ไว้ก่อนหน้าคดีเราเยอะมาก (อาจข้ามปีหรือข้าม2ปี)
4.เมื่อสืบพยานเสร็จทั้ง 2 ฝ่ายศาลจะนัดฟังคำพิพากษาอีกครั้ง
5.พิพากษาแล้วฝ่ายใดไม่พอใจก็สามารถอุธรณ์คำพิพากษาได้อีกภายใน 1 เดือนนับแต่วันมีคำพิพากษา
ที่กล่าวมาก้ขั้นตอนคร่าว ๆ ของระบบศาลนะครับ มันยาวนานรอแทบไม่ไหว ทางที่ดีไปคุยกันดีกว่า ญาติกันควรคุยกันน่าจะดีกว่าฟ้องร้องนะครับ เสียเวลา เสียเงิน(ค่าทนาย) แถมเสียญาติด้วย

ยังไงก็ขอให้คุยกันก่อนนะครับดีที่สุด มีปัญหาอื่นตามค่อยมาปรึกษาใหม่ครับ

      

ขอบคุณมากครับที่ให้คำแนะนำ

 :emol

จะขอปรึกษานิดนึงครับ
ผมเพิ่งไปผ่าตัดมา เนื่องจากแพทย์วินิจฉัยว่ามีซีสในตับอ่อน แต่เมื่อแพทย์ลงมือผ่าไปแล้ว ปรากฏว่าไม่มีซีสในตับอ่อน (ผ่าฟรี เจ็บตัวฟรี เสียเงินฟรี) ผ่าตั้งแต่ลิ้นปี่ ลงไปถุงท้องน้อย คุณลองคิดดูกว่าผมจะฟื้นตัวได้ ทรมานจริงๆ
ตอนนี้เวลาผ่านไป 1 เดือนครึ่งแล้ว อาการดีขึ้นแต่ยังมีเจ็บบริเวณแผลอยู่

***หมอที่ตรวจผมอยู่ที่ รพ.หัวเฉียว แล้วรพ.หัวเฉียว ก็ส่งผมไปผ่าที่ รพ.พระมงกุฎ พอผ่าแล้วไม่พบก็ส่งตัวกลับ แต่หมอที่ รพ.หัวเฉียวก็ยังยืนยันว่ามีซีสอยู่เพราะหมออ้างอิงจากฟิล์มเอ็กสเรย์
สรุปผมจะเชื่อใครได้ แล้วผมจะสามารถเรียกร้องอะไรได้มั้ยครับ เพราะถ้าไม่มีซีสผมก็สบายใจ แต่ถ้ามันยังมีอยู่แล้วมันกลายเป็นมะเร็งแล้วชีวิตผมจะเป็นอย่างไร 

ขอโทษที่ตอบช้าครับ พอดีไปเที่ยวเสียหลายวัน   น่าเห็นใจครับ  เรื่องนี้มันจะอยู่ที่ว่า การวินิจฉัยของหมอ ผิดพลาดหรือไม่ครับ

เรื่องเรียกค่าเสียหายตามกฎหมายแพ่งมันจะไปเข้า 420 เรื่องละเมิด  หลักกฎหมาย มาตรา 420  ผู้ใด จงใจ หรือ ประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่น โดยผิดกฎหมาย ให้เขาเสียหาย ถึงแก่ชีวิต ก็ดี แก่ร่างกาย ก็ดี อนามัย ก็ดี เสรีภาพ ก็ดี ทรัพย์สิน หรือ สิทธิ อย่างหนึ่งอย่างใด ก็ดี ท่านว่า ผู้นั้น ทำละเมิด จำต้องใช้ ค่าสินไหมทดแทน เพื่อการนั้น


เมื่อมองจากตัวบทคือว่า   ถ้าหมอที่ทำการรักษา โดยวินิจฉัยผิดพลาด กล่าวคือ หากการผิดพลาดเกิดจากการประมาทของแพทย์ โดยไม่ดูให้ดีหรือไม่ทดสอบให้แน่ใจว่าเป็นซีสแน่นอนหรือไม่  แล้วทำการผ่าตัด ซึ่งข้อเท็จจริงอยู่ที่ว่า ที่แพทย์เค้าเห้นในฟีลม์เอ๊กเรย์นั้น แพทย์โดยทั่วไป เค้าก็คงมองตามหลักวิชาการว่าเป็นซีส อันนี้ก็ไม่เป็นความประมาท  แต่ถ้าวิธีทดสอบว่าเป็นซีสหรือไม่ โดยมีวิธีอื่นนอกจากดูจากฟีลม์ แล้วหมอคนนั้นไม่ทำการทดสอบอีกครั้งตามหลักวิชาการแพทย์โดยด่วนสรุป  อันนี้จะเข้าประมาทแน่นอนครับ   เรื่องขั้นตอนทางการแพทย์บางทีเราก้สืบยากครับ เพราะวิธีของแพทย์ ๆ เท่านั้นที่รู้ แต่เท่าทีรู้มา จะมีทีมทนายที่มีทีมแพทย์ ซึ่งเค้ารับคำคดีเกี่ยวกับแพทย์โดยเฉพาะนะครับ ผมจะสอบถามให้แล้วจะหาข้อมูลให้ครับ

แต่ขั้นแรกที่ผมแนะนำนะครับ
1.ร้องแพทย์สภาครับ
2.ร้องสื่อมวลชนก็ได้ครับ ประเด็นของคุณผมว่าสื่อสนใจนะครับ
3.รอผมหาข้อมูลทีมทนายที่ฟ้องหมอก่อน นะครับแล้วเรื่องจะกระจ่างขึ้นเพราะผม ไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับขั้นตอนทางการแพทย์เลยครับ

ยังไงก็จะติดตามหาข้อมูลให้ครับ ขอให้หายไว ๆ นะครับ

เพื่อนสมาชิกมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการหย่านะครับจึงถามมาทาง PM  แต่ไม่ขอเปิดเผยชื่อนะครับ

ปัญหามีอยู่ว่า " คือผมมีปัญหาเรื่องการหย่าครับคือฝ่ายหญิงไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหนครับคือหายไปครับเหลือผมกะลูกอยู่กันสองคนครับ กุมภาฯนี้จะครบสองปีครับคือไม่ได้แจ้งความด้วยครับเพราะเท่าที่ทราบคือเค้าไปเองครับจากที่เพื่อนบ้านเล่าว่าเค้านั่งแท๊กซี่ออกไป โดยนำกุญแจบ้านฝากไว้ที่เพื่อนบ้านเพื่อคืนผมครับ ไม่อยากเกี่ยวข้องเรื่องการขึ้นโรงขึ้นศาลเท่าไหร่ครับพอจะมีวิธีทางไหนบ้างครับเพราะเคยติดต่อไปทางบ้านฝ่ายหญิงอ่ะครับทางเค้าบอกว่าไม่ได้กลับมาที่บ้านเลยครับเหมือนพยายามหลบนะครับhttp://news.sanook.com/crime/crime_252999.php อันนี้เป็นเรื่องที่ผมตามหาเค้าครับตามโรงพยาบาล สถาบันนิติเวชครับ รบกวนขอคำปรึกษาด้วยครับ ผมกับลูกจะได้เป็นไทซะที เพราะการทำธุรกรรมบางอย่างไม่สะดวกเลยครับ รบกวนด้วยครับ  "


ตามหลักกฎหมายครอบครัวและมรดก บรรพ 5 และ 6 นะครับ

มาตราที่เกี่ยวข้อง  เกี่ยวกับเรื่องนี้คือเรื่องการหย่านะครับ ซึ่งการหย่ามีด้วยกัน 10 อนุ (แก้ไขใหม่เมื่อปี 2550) โดยเรื่องนี้อยู่ที่อนุ 4

มาตรา ๑๕๑๖  เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(๔) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้

กรณีนี้ต้องร้องกับศาลเท่านั้นนะครับถึงจะถูกต้องตามกฎหมายโดยร้องที่ศาลเยาวชนและครอบครัวซึ่งมีเขตอำนาจดังนี้
1.ถ้าภริยามีทะเบียนบ้าน(ภูมิลำเนา)อยู่ในเขตกรุงเทพมหานครสามารถร้องได้ที่ ศาลเยาวชน ฯ กลาง หรือศาลเยาวชน ฯ ที่มีเขตอำนาจในจังหวัดนั้น ๆ
2.มูลเหตุแห่งการหย่า (การทิ้งร้างเกิน 1 ปีเกิดที่บ้าน) ร้องศาลเยาวชน ฯ ที่มูลคดีเกิดอยู่ในเขตอำนาจ

ผลของการหย่า
1.ทรัพย์สินต่าง ๆ ที่หามาได้ระหว่างสมรสก็ต้องแบ่งกันนะครับ (เป็นสินสมรส)
2.สิทธิการดูแลบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ (อำนาจปกครอง) ขอให้ศาลสั่งให้เรามีอำนาจปกครองเพียงผู้เดียวก็ได้ครับ


แต่ถ้าเป็นกรณีสาปสูญนั้น กฎหมายวางหลักไว้ว่า

มาตรา ๖๑  ถ้าบุคคลใดได้ไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่ และไม่มีใครรู้แน่ว่าบุคคลนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ตลอดระยะเวลาห้าปี เมื่อผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นเป็นคนสาบสูญก็ได้

ระยะเวลาตามวรรคหนึ่งให้ลดเหลือสองปี

(๑)  นับแต่วันที่การรบหรือสงครามสิ้นสุดลง ถ้าบุคคลนั้นอยู่ในการรบหรือสงคราม และหายไปในการรบหรือสงครามดังกล่าว

(๒)  นับแต่วันที่ยานพาหนะที่บุคคลนั้นเดินทาง อับปาง ถูกทำลายหรือสูญหายไป

(๓)  นับแต่วันที่เหตุอันตรายแก่ชีวิตนอกจากที่ระบุไว้ใน (๑) หรือ (๒) ได้ผ่านพ้นไป ถ้าบุคคลนั้นตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านั้น


ซึ่งเมื่อดูจากระยะเวลาแล้วต้องรอ 5 ปีในกรณีนี้ซึ่งช้าเกินไปนะครับ ดังนั้นแนะนำว่า "ใช้การฟ้องหย่าดีกว่าครับ" ไม่ยุ่งยากอะไรมากครับ มีที่อยู่ตามบัตรประชาชนของคู่สมรสและพยานเล็กน้องก้สามารถดำเนินการได้ครับ ส่วนค่าดำเนินการก็แล้วแต่จะจ้างทนายความระดับไหน แต่กรณีนี้ไม่น่าจะยากเพราะบางทีจำเลยอาจไม่ต่อสู้คดี หรือขาดนัดไม่มาก็ได้ครับ

ขอบคุณอย่างสูงครับ :emotn :emotn ว่าแต่มีสำนักงานทนายความที่ไหนที่แนะนำบ้างหรือเปล่าครับ

งง กะกดหมาย

อยากรบกวนถามเรื่องการเคลมประกันนิดนึงคับ พอดีรถโดนชนมาและมีประกันของอาคเนย์ ก้อให้อู่นอกตีราคาให้ ประมาณสองหมื่นกว่า แล้วก้อเอาใบเสนอราคาไปคุมราคาที่บริษัทประกัน แล้วก้อจบราคากันที่ 14500 บ. จากนั้นเจ้าหน้าที่ก้อไม่ไ่ด้แจ้งอะไรอีก แค่บอกว่าทำเสร็จแล้วก้อเอารถเข้าไปให้ตรวจสภาพและนำซากอะไหร่ไปคืน พอผมทำรถเสร็จก้อเอาใบเคลมไปตั้งเบิก ประกันก้อถามหารูปขั้นตอนการทำสี ผมก้อบอกไม่มี และก้อไม่รู้ว่าต้องใช้ ประกันก้อบอกว่าต้องมี ผมจึงกลับไปถามอู่เค้าบอกลบไปแล้ว คราวนี้ประกันก้อดูเหมือนว่าจะไม่จ่ายตังให้ ผมทำไงดีคับ ทำอะไรได้บ้าง  :emotw

ส่วนผมเป้นทนายอยู่คับ เนติรุ่น 60 คับพี่ๆ น้อง ๆ อยากเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ปัญหาไขข้อข้องใจเรื่องกฎหมายด้วยคนคับ แหะๆ อยู่นครปฐมคับ แก๊ป

แร้วน้าอยู่แถวไหนอ่ะคับ

หนีเที่ยวซะหลายวัน...ไม่ได้เข้ามาตอบปัญหาเลยครับ  ขอโทษด้วยครับ



กรมการประกันภัยดีที่สุดครับ ร้อนเรียนไปที่นี่เลยครับ http://www.oic.or.th/th/home/index.php

สุด ๆ เลยเพ่  เค่

ขอบคุณสำหรับคำปรึกษาดีๆนะครับพี่เค่  :emotn





รถผมคงต้องถ่ายรูปไว้เหมือนกันใช่ไหมครับพี่เค่ ถ่ายกันไว้ก่อนดีกว่าเนอะเดี๋ยวมันลีลาอีก

ครับ เด๋วนี้มีกล้องติดรถไว้บ้างก็ไดครับ เกิดเหตุอะไร ถ่ายให้หมดครับไม่ต้องยั้ง เพราะเวลามีปัญหาเกิดขึ้นรูปถ่ายจะยืนยันได้ดีที่สุดครับ

กล้องมือถือไม่แนะนำนะครับเพราะบางครั้งมันไม่ชัดเจนครับ ควรใช้กล้องดิจิตอลดีที่สุดรับ

หายไปนานเลย..

ฟ้องหย่า ๆๆ

ใช่หรอ ไม่ใช่ อย่าฟ้องๆ นะ ฮ่าๆๆ

เอาความจิงมาพูดได้ไง  :emotr

กลัวเป็นอย่างกรณีข้างบน  :emoi :emoi

ไม่ได้ตามอ่านหมด แต่ขอถามเรื่อง

ขับรถไม่มีทะเบียน มีแต่ใบ หรือพวกสวมทะเบียน อะไรพวกนี้หน่อยครับ

ปล. พอดีจะย้ายไปอยู่ตจวหลังเขา เผื่อจะซื้อรถถูกๆๆมาใช้แทน

ขอบคุณนะครับ

พอดีย้ายที่ทำงานใหม่มาอยู่ปทุมธานี บริษัทใหม่พึ่งติดเน็ทให้ใช้ได้แบบสะดวก ^^   เลยหายไปซะนานนน  ....  ใครมีปัญหาอะไรก็เหมือนเดิมนะครับถามมาแล้วผมจะตอบไปครับ ... อาจจะช้าบ้าง(เพราะงานที่ใหม่เยอะจริงๆ) แต่ก็จะพยายามตอบให้นะครับ

ปล.เรื่องพรบ.ต่าง ๆ ไม่แม่นเท่าไหร่เพราะไม่ได้เรียนโดยตรงเช่นพวก พรบ.จราจร , เกี่ยวกับประกันรถยนต์  แต่จะพยายามหาคำตอบให้นะครับ  แต่ส่วนกฎหมายแพ่ง อาญา อันนี้สบาย ๆ ครับ

 :emo2

 :emo2 :emo2

 :emotn :emotn

up

แน่นปึ๊ก ครับพี่ทนาย

อ่านทุกหน้าเลย เวียนหัวมาก :emoto

ขอบคุณครับ น้ำใจชาว ae ไม่มีวันหมดจริงๆ  ขอบคุณมากๆครับ  :emotn :emotn :emotn

...........น้ำใจงามจริงๆๆครับ.............

มีเพื่อนสมาชิกถามมาทาง pm แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์เลยขอยกมาตอบในหน้านี้นะครับเพราะจะได้ไม่ต้องตอบซ้ำ

"การกู้ยืมเงินกว่า 2,000 บาทถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมจะฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้"

ซึ่งการยืมเงินปากเปล่าแม้จะมีหลักฐานการโอนเงินระหว่างกันแต่ก็มิใช่หลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม ดังนั้นจึงฟ้องร้องบัคับคดีไม่ได้  อันนี้ก็ตามกฎหมายว่าไว้อะนะ

หรือการอัดเทปเสียงว่ามีการกู้ยืมเงินกันไว้ในการสนทนาระหว่างการคุยโทรศัพท์กันนั้นก็ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานการฟ้องได้เพราะตามความมุ่งหมายของกฎหมายมีเจตนาที่จะให้มีการทำหลักฐานเป็นหนังสือเท่านั้นและจะไปโยงเรื่องการสืบพยานด้วยเพราะกฎหมายต้องการให้มีหลักฐานมาแสดงแม้จะมีเสียงพูดคุยเป็นการยืนยันก็ตาม

แต่หากต้องการวิธีการหาหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืมก็ไปดูหัวข้อ 9 หน้าที่ 6 ของกระทู้นี้นะครับเพราะเคยตอบไว้แล้ว ^^

ปล.ถ้ายืมไม่เกิน 2,000 บาท ก็ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็สามารถฟ้องได้นะครับ  อันนี้ฟังดูแปลก ๆ ว่าทำไมเป็นงั้นก็เพราะมันเป็นกฎหมายอะครับ...แม้จะขัดกับความรู้สึกว่าทำไมเงินน้อยๆไม่ต้องการหลักฐานก็ฟ้องได้ ส่วนเงินเยอะๆฟ้องไม่ได้หากไม่มีหลักฐานเนหนังสือ

คำถามต่อเนื่องจากกระทู้บนนะครับ


ก็อย่าไปลงลายมือชื่อไม่ว่าจะกระดาษเปล่า ๆ หรือลงชื่อเอกสารโดยไม่กรอกข้อความที่เป็นสัญญากู้ที่ไม่ได้กรอกข้อความนะครับ เพราะหากลงลายมือชื่อในสัญญากู้โดยไม่ได้กรอกข้อความแต่ผู้ให้กู้ลงจำนวนเงินตามที่เป็นหนี้กันจริง สามารถใช้เป็นหลักฐานการกู้ยืมได้และสามารถฟ้องร้องบังคับคดีได้นะครับ

ส่วนเรื่องปลอมถ้าปลอมขึ้นมาทั้งหมดคือไม่มีลายมือชื่อผู้กู้เลย  แม้จะกรอกข้อความตามยอดหนี้ที่กู้กันจริงก็ไม่ได้ครับ ใช้เป็นหลักฐานไม่ได้แถมเราแจ้งข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมตามมาตรา 265 (ปลอมเอกสารสิทธิ) ประกอบ 268 (ใช้เอกสารปลอม) ได้ครับ ^^

แต่แนะนำนะครับว่าหากเป็นหนี้จริง ๆ ก็ใช้กันไปครับเพราะอาจมีคดีอื่น ๆ ตามมาได้ครับ "ศาลเตี้ยครับเจอบ่อยเลยคดีแบบนี้"

เรื่องเสียงดังรบกวนสามารถแจ้งความร้องทุกข์ยังสถานีตำรวจท้องที่ได้เลยครับ เป็นความผิดลหุโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 370 ผู้ใดส่งเสียง ทำให้เกิดเสียงหรือกระทำความอื้ออึงโดยไม่มีเหตุอันสมควร จนทำให้ประชาชนตกใจหรือเดือดร้อน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 100 บาท

โทษน้อยจริง ๆ ^^a แต่ก็ร้องเรียนไปยัง หน่วยงานของรัฐก็ได้ครับเช่น เทศบาล หรือ อบต. ที่รับผิดชอบครับ หากร้องเรียนหน่วยงานของรัฐไม่ได้ผล ก็ร้องเรียนไปช่อง3 5 7 9 11  ก็ดีนะครับรับรองเงียบกริป ^^

อัพหน่อย ^^

หายไปนานเลยนะ ทนายเข้ เป็นไง บ้าง สบายดีไหม๊ มาหา พี่ๆ ดื่มเหล้ากันหน่อยไหม๊ อิอิ

โอ้โหฝาเครฟร่า...มันสวยจริง ๆ ^^

:emota

ถามมาจะตอบไปนะครับ

มีพี่น้องถามมาเกี่ยวกับลิขสิทธิ


เรื่องลิขสิทธิ์นี่มันไถจริง ๆ ครับทั้งคนที่เป็นคนของบริษัทเจ้าของลิขสิทธิ์ และไอ้ขวด(ตำรวจ) ที่มาด้วย คือถ้าเอาตามกระบวนการกฎหมายเลยจะถูกปรับที่ศาลขั้นสูงเลยนะครับอย่างน้อยก็เป็นแสนเพราะเป็นคดีนโยบาย (ต่างชาติบีบมาให้จัดการ) ถ้าสินค้าเราละเมิดจริง ๆ แม้มีเล็กน้อยตามที่กล่าวมาก็โดนแน่นอนแล้วมันก็รีดไถแน่นอนถ้าไม่อยากเสียเงินเยอะมีทางเดียวต้องยอมเท่านั้น เน้นนะครับว่าเท่านั้นแต่หากจะแก้เผ็ดคือ
1.ถ่ายวีดีโอไว้เลยครับแน่นอนที่สุดคือไม่โดนรีดไถ แต่จะถูกดำเนินคดีแน่นอนเช่นกัน
2.ไล่ไอ้ขวดและสมุนออกร้านไม่ได้และแจ้งความบุกรุกไม่ได้ครับ เพราะเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้าตามมาตรา 80 วิ.อาญา ไอ้ขวดจับได้โดยไม่ต้องมีหมายจับและหมายค้นเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา 92 (3) ป.วิอาญาเช่นเดียวกัน
3.ร้านมือถือที่โดนจับไปแจ้งความได้ครับข้อหากรรโชกทรัพย์มาตรา337 ตามป.อาญา ไอ้ขวดโดน 157 พ่วงไปด้วย แต่ก็อาจต้องแรกมาด้วยการถูกดำเนินคดีแม้ไม่ใช่คดีที่ถูกจับก็อาจจะถูกจับในคดีใหม่(ตามรังควานจ้องจับให้ได้)และถูกดำเนินคดีแน่นอนที่สุด

แนะนำนะครับว่าขายของลิขสิทธิ์ดีกว่า แต่หากไม่ต้องการขายของลิขสิทธิ์ก็ต้องไปติดต่อเส้นไอ้ขวดเจ้าของพื้นที่ไว้เนิ่น ๆ (อันนี้แม้ผมจะแนะนำให้ทำผิดกฎหมายแต่ก็เป็นคำแนะนำในฐานะพี่น้องชาวaeนะครับเด๋วจะว่าผมรู้กฎหมายแต่ให้ทำผิดกฎหมาย) เรื่องลิขสิทธิ์หนีไม่พ้นโดนไถ่แน่นอนครับ

สิ่งดีดี (ความรู้) ที่น่ารู้ :emo2

up

ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522
"รถที่ใช้ในทางเดินรถ ผู้ขับขี่ต้องจัดให้มีเครื่องยนต์ เครื่องอุปกรณ์และหรือส่วนควบที่ครบถ้วนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่ง กฎหมายว่าด้วยล้อเลื่อน กฎหมายว่าด้วยรถลาก หรือกฎหมายว่าด้วยรถจ้าง และใช้การได้ดี สภาพของรถที่อาจทำให้เสื่อมเสียสุขภาพอนามัยตามวรรคหนึ่งและวิธีการ ทดสอบ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง..."
ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522
"รถใดที่จดทะเบียนแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้และใช้รถนั้น เว้นแต่เจ้าของรถนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพก่อน.."
ผมเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ฯ บัญญัติไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่า "ห้ามมิให้ผู้ใดเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้และใช้รถนั้น เว้นแต่เจ้าของรถนำรถไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพก่อน"
   เรื่องการดัดแปลงสภาพมันต้องมีการจดทะเบียนไว้ในเล่มคู่มือว่า สภาพของรถเป็นอย่างไร ถึงจะมีความผิดว่าดัดแปลงอย่างไร (อันนี้เป็นข้อกฎหมายนะครับเพราะความผิดอาญาต้องชัดเจน) หากตีความตามตัวบทแล้วเรื่องการดัดแปลงสภาพนั้นผมมีความเห็นว่าต้องพิจารณาว่าดัดแปลงอย่างไรด้วย กล่าวคือดัดแปลงจากที่จดทะเบียนไว้อย่างไร เช่น ในเล่มบอกว่า 1600 ซีซี คุณเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้ความจุกระบอกสูบเยอะขึ้นเป็น 2000 ซีซี  อันนี้จึงเรียกว่าดัดแปลงสภาพ หากไม่มีการแจ้งเปลี่ยนลงในเล่มก็ผิดเรื่องดัดแปลง  อันนี้เรากลับมาว่าถึงเรื่องท่อไอเสียกัน  ซึ่งในเล่มไม่ได้แจ้งไว้ว่าท่อขนาดเท่าไหร่ ลักษณะอย่างไร ไม่มีการแนบสเป็ก ไว้ในเล่ม ดังนั้นเมื่อไม่ได้แจ้งไว้ในเล่มแล้วจะมีการดัดแปลงได้อย่างไร  บางคนอาจเถียงว่า ก็มันไม่ใช่ของเดิม อ้าวแล้วของเดิมมันเป็นแบบไหน ในเล่มมีบอกไว้ไหม ซึ่งตรงนี้ความคิดเห็นผมในเรื่องดัดแปลงสภาพมันต้องระบุในเล่มทะเบียนว่าส่วนนั้น ๆ มันมีอย่างไร  ยกอีกตัวอย่างหนึ่งเช่น เล่มระบุว่า 4 ล้อ แต่คุณไปเพิ่มอีก 2 ล้อกลายเป็น 6 ล้อ ซึ่งในเล่มบอกว่า 4 ล้อ คุณดัดแปลงเป็น 6 ล้อ ซึ่งจะผิดเรื่องดัดแปลงสภาพเพราะในเล่มบอกว่า 4 ล้อเป็นต้น

เรื่องเสียงดัง
ค่ามาตรฐาน* วิธีเร่งเครื่องยนต์
ไม่เกิน 95 เดซิเบลเอ ที่ระยะ 0.5 เมตร
* ระดับเสียงขณะที่เดินเครื่องยนต์อยู่กับที่ โดยไม่รวมเสียงแตรสัญญาณ
เร่งเครื่องยนต์ที่ 3/4 ของความเร็วรอบที่เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด ถ้าความเร็วรอบที่เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดไม่เกิน 5,000 รอบต่อนาที
หรือ เร่งเครื่องยนต์ที่ 1/2 ของความเร็วรอบที่เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุดเกิน 5,000 รอบต่อนาที

หมายเหตุ : สถานที่ตรวจวัด เป็นพื้นราบทำด้วยคอนกรีตหรือแอสฟัลต์หรือวัสดุที่มีคุณสมบัติในการสะท้อนเสียงได้ดี และเป็นที่โล่ง
ซึ่งมีระยะห่างจากรถจักรยานยนต์ที่จะตรวจวัด 3 เมตร ขึ้นไป ให้ตรวจสอบค่าระดับเสียง 2 ครั้ง และให้ถือเอาค่าระดับเสียงสูงสุดที่วัดได้ เป็นค่าระดับเสียงของรถจักรยานยนต์
ถ้าแตกต่างกันเกินกว่า 2 เดซิเบลเอ ให้ตรวจสอบใหม่

ดังนั้นในส่วนของเสียงดัง ต้องมีการใช้เครื่องวัด ไอ้ขวดจะบอกว่าหูทิพย์ขึ้นเป็นตัวเลขว่าเกินค่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่ใช้เครื่องวัด อันนี้ก็ไม่ต้องกลัว ถ้าเจอข้อหานี้ก็ท้าวัดระดับเสียงไปเลยครับ


ปล.ลองเอาไว้ไปใช้ดูนะครับเวลาโดนจับเพราะอย่างน้อยก็ยังมีข้อมูลให้เถียงกับไอ้ขวด หากโวยวายไม่มีหลักการมันจะเล่นหนักแต่หากเถียงแบบ"กูรู้นะว่ากฎหมายมันว่าอย่างไร" บางทีไอ้ขวดอาจปล่อยไปก็ได้


แล้วท่านสมาชิกก็ถามมาอีกดังนี้


มีทางเลือกคือ
1.เสียตังค่าปรับที่ตำรวจ (มีใบเสร็จ) เพราะเจ้าพนักงานมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้
2.ไม่ต้องทำอะไรบอกพี่ตำรวจว่า"ขอให้การในชั้นศาล"เพราะผมคิดว่าผมไม่ผิดข้อหาที่พี่แจ้ง (ดูเหมือนขำขำแต่ต้องบอกแบบนั้นจริง ๆ) แล้วไปต่อสู้ในชั้นศาลเอาครับ ในชั้นศาลเต็มที่ก็เสียค่าปรับตามคำสั่งศาลซึ่งผมคิดว่าไม่มากครับ
3.ในชั้นศาลไม่ต้องใช้ทนายความ โดยในชั้นศาลจะมีหมายเรียกให้ไปให้การ(หากอัยการฟ้องตามสำนวนที่ตำรวจทำส่งให้แล้ว)


ปล.ความผิดอาญาทุกกรณีหากไม่จบในชั้นพนักงานสอบสวน(เปรียบเทียบปรับ)ต้องดำเนินการทางศาลเท่านั้น ซึ่งความยุติธรรมยังคงหาได้ครับแม้จะหายากก็ตาม

up

อัพเดจ ปัจจุบันหน่อยเอ่ย ว่าอยุ่ จ.ไหนแย้ว...*-*

ปทุมธานีครับ^^

เสาร์นี้มากินไรวันเกิด อ้อ ป่าว

ย้ายมาอยู่แถวไหนของปทุมครับ..

แถวโลตัสครับ  ทำงานให้ตระกูลฮ้อแสงชัย ครับ

อัพ

อัพไว้ก่อน  อิอิ

มีเพื่อนสมาชิกถามมาเกี่ยวกับพื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านจัดสรร


เรื่องของเรื่องเท่าที่พิจารณาจากภาพเห็นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้พื้นที่ส่วนกลางของหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งเป็นถนนโดยตามปกติพื้นที่ส่วนกลางต้องใช้ร่วมกัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วถนนที่อยู่หน้าบ้านใครคนนั้นก็จะหวงห้ามผู้ที่จะมากีดขวางทางเข้าออกบ้านของตน ซึ่งความจริงในทางกฎหมายแล้วก็ผิดด้วยกันทั้งคู่นะครับในเรื่องของการใช้พื้นที่ส่วนกลาง เพราะทุกคนในหมู่บ้านย่อมได้รับความสะดวกในการใช้สอยพื้นที่ส่วนกลาง  ซึ่งพี่เองก็ใช้จอดรถ ส่วนอาแปะแกก็เอาไว้ตากผ้า หากเราไปถอยรถทับราวตากผ้าแก เราก็ต้องใช้ค่าสินไหมนะครับ และกลับกันหากอาแปะมาทุบรถพี่ แกก็ผิดเช่นเดียวกัน   เพื่อนบ้านกันอยู่แบบสมานฉันท์ดีกว่าครับ ^^

รบกวนถามเรื่องขอบ-เขตของที่ดินมั่งครับท่าน ตามรูป(ขี้เหร่มาก)บ้านผมหมายเลข 1 ซึ่งเขตที่ดินคือเส้นสีน้ำตาลยาวเข้าไปเลยนะครับ และยังไม่มีรั้ว โดยที่หมายเลข 3 และ 4 เป็นบ้านของชาวบ้านที่ปลูกอยู่ก่อนแล้วโดยมีรั้วอยู่แล้ว เป็นเส้นสีเขียว โดยที่มีถนนเส้นสีแดงคั่นกลาง เพื่อให้บ้านหมายเลข 3 เข้าออกได้ ปัญหาคือ ถ้าผมทำรั้วขึ้นมา บ้านหมายเลข 3 รถยนต์จะไม่สามารถเข้าออกได้ แต่มอเตอร์ไซด์ใช้ได้  บ้านหมายเลข 3 จะสามารถฟ้องร้องผมได้หรือไม่ โดยที่ผมไปสอบถามเจ้าของที่เดิม ของบ้านหมายเลข 2 และ 3 แล้วว่าตอนซื้อขายกันกับเจ้าของใหม่(บ้าน 2 และ 3) ต้องเว้นที่ว่างไว้ให้ห่างจากที่ของผม 2 เมตร (ถนนสีแดง) ซึ่งมันเล็กมากสำหรับรถยนต์ที่จะเข้าออก ถ้าผมจะสร้างกำแพงขึ้นมาจะมีปัญหาเกี่ยวกับข้อกฏหมายหรือไม่  :emoti (ไม่นับที่จะมีปัญหากับบ้านหมายเลข 3 นะครับ :emoth) :emotn :emotn ขอบคุณครับ

เรื่องนี้มีกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือ เรื่องแดนกรรมสิทธิ์ 1336 ทางภาระจำยอม 1387 , 1390

มาตรา ๑๓๓๖  ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอยและจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และมีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
-   ดังนั้นหากมองในเรื่องกรรมสิทธิ์ พี่เป็นเจ้าของทรัพย์ย่อมใช้สอยทรัพย์ การสร้างรั้วก็ย่อมสามารถดำเนินการได้ 
-   แต่ต้องพิจารณาเรื่องทางภาระจำยอมด้วยหากมีกรณีการฟ้องร้องทางศาล

มาตรา ๑๓๘๗  อสังหาริมทรัพย์อาจต้องตกอยู่ในภาระจำยอมอันเป็นเหตุให้เจ้าของต้องยอมรับกรรมบางอย่างซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินของตน หรือต้องงดเว้นการใช้สิทธิบางอย่างอันมีอยู่ในกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินนั้น เพื่อประโยชน์แก่อสังหาริมทรัพย์อื่น
มาตรา ๑๓๙๐  ท่านมิให้เจ้าของภารยทรัพย์ประกอบกรรมใดๆ อันจะเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก
-   หลักการพิจารณาเรื่องภาระจำยอมคือเจ้าของที่ดินแปลงอื่นได้ใช้ประโยชน์ในที่ดินของผู้อื่นซึ่งตามกรณีนี้ เจ้าของบ้านหลัง 3 ได้ใช้ประโยชน์ในการผ่านเข้าออกโดยมีส่วนในการใช้ที่ดินของพี่ส่วนหนึ่งเป็นทางเข้าออกด้วย ดังนั้นอาจเข้าข่ายภาระจำยอม
-   แต่ภาระจำยอมต้องใช้ติดต่อกันเกิน 10 ปีขึ้นไปแม้ไม่จดทะเบียนก็ได้สิทธิในการใช้ที่ดินของพี่เพื่อเป็นถนน  โดยพี่ไม่มีสิทธิกระทำการใด ๆ เป็นเหตุให้ภาระจำยอมเสื่อมลงเช่น ปิดกั้นหรือทำให้เสมื่อความสะดวก

ข้างต้นเป็นการแนะนำหากเป็นปัญหาและฟ้องร้องกันขึ้นซึ่งผมจะแนะนำการแก้ไขปัญหาในทางปฎิบัติคือ
1.ยื่นขอรังวัดสอบเขตที่ดินเพื่อทราบแนวเขตที่ดินของพี่ให้แน่นอนกับทั้งเป็นการให้เจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงทราบแนวเขตของตนเองด้วยเพราะจะมีการส่งหมายนัดให้มาทำการระวังชี้แนวเขต
2.พูดคุยในลักษณะประนีประนอมว่าต้องการสร้างรั้วโดยแยกการพูดคุยเป็น 2 กรณี
       - กรณีที่ 1 มีทางให้เจ้าของบ้านแปลง 3 ออกคือทำรั้วให้เข้ามาในเขตที่ดินเท่าที่ให้รถปิกอัพออกได้โดยต้องจัดทำสัญญาเช่าที่ดินในส่วนที่ใช้เป็นทางรถเข้าออกหากไม่ยอมก็ใช้วิธีที่ 2
       - กรณีที่ 2 แจ้งว่าจะสร้างเท่าแนวเขตโดยให้ออกทางอื่น(หากมีทางอื่นที่อกได้) โดยหากไม่ยินยอมก็สร้างไปเลยบ้านหลัง 3 ไม่ยินยอมก็สร้างไปเลยครับเพราะมีแนวเขตที่ชัดเจนซึ่งโดยทั่วไปคนที่ดี ๆ ก็เข้าใจว่าส่วนของตนอยู่ตรงไหนจะไม่ล้ำเส้นกันอยู่แล้ว

อัพหน่อย

แหม๋..คนใช้ AE นี่มีแต่คนใจดีทั้งนั้นเลย :emotn :emotl

 :emo2

รบกวนอีกแล้วครับท่าน สืบเนื่องจากกระทู้นี้ครับ งานเข้าอีกแล้ว คือตอนนี้บ้านแถว เลข 3 เขาจะนำเสาไฟฟ้ามาลง ตามแนวรั้วสีเขียว(ซึ่งทางเส้นนี้เจ้าของเดิมเค้าเว้นไว้เป็นทางเข้าออก) เพื่อดึงสายไฟฟ้าเข้าไป :emote (แล้วมันไม่คิดที่จะเข้าออกกันแล้วหรอ หรือคิดว่าเดี๋ยววิ่งทับที่คนอื่นไปก็ได้) :emote เพราะของเดิมเจ้าของเค้าให้เอาออกเพราะไปพาดข้ามที่เค้า ที่นี้จบเลยครับ รถยนต์วิ่งเข้าออกไม่ได้แน่นอน ถ้าวิ่งได้คือต้องข้ามมาที่ผมแน่นอน ตามแนวเส้นสีน้ำตาล ผมควรจะทำอย่างไรดีครับ(แต่ตอนนี้ผมจะเอาเสารั้วลวดหนามลงกันไว้ก่อนที่เสาไฟจะมาลง) ผมก็เข้าใจนะครับว่า เป็นเพื่อนบ้านกันเจอกันก็ยิ้มให้ แต่นี่มันเกินไปหรือเปล่าครับ!!! ทั้งๆที่ผมไ่ได้เกี่ยวอะไรกะเค้าเลย

อยากทราบว่ามีอะไรบ้างรายละเอียดอ่ะครับ (คุณเเม่ เสียเเล้วผมเป็นลูกคนเดียวด้วยครับ ไม่ทราบว่าต้องใช้หลักฐานอะไรยังงัยบ้าง
รบกวนทีนะครับ T_T

แนะนำแบบนี้นะครับ
1.ถ้าเห็นหลักหมุดฃัดเจน...ก็ทำแบบที่พี่ว่าเลยครับ "เอาเสาหินมาปักไว้ก่อนแม้ยังไม่มีลวดหนาม" เพราะดูท่าแล้วจะเรื่องยาวนะครับ
2.ถ้าไม่เห็นหลักหมุดชัดเจนต้องขอรังวัดก่อนเพราะต้องมีคนกลางมาช่วยนะครับ อย่าไปเดาเอาว่าเขตอยู่แถวนั้นแถวนี้ เพราะเดี๋ยวจะเกิดอีกหลายคดีตามมา ไม่ต้องดูว่าทางเข้าเดิมเป็นอะไรยังไง แต่ดูเอาจากแนวเขตตามหลักหินก่อนนะครับ ถ้าเนื้อที่ถึง1ไร่ไม่มากค่ารังวัดสอบเขตคงไม่มากไม่เกิน 3,000 บาทนะผมว่า แต่กลัวช้าเกินไปก็เอาหลักหินมาปักไว้ก่อน แล้วหากมีคนมาย้ายเสาหินก็ถ่ายรูปแล้วแจ้งความเพื่อตั้งรูปเรื่องไปในทางทำให้เสียทรัพย์ไว้เป็นข้อต่อรองในประเด็นการรุกร้ำที่จะได้มีแต้มต่อนะครับ

ก่อนอื่นแสดงความเสียใจกับเรื่องคุณแม่ที่เสียไปก่อนนะครับคือสอบถามเรื่องอะไร  เพราะไม่ได้ถามตรง ๆ แต่พอจะเข้าใจและจะแนะนำดังนี้นะครับ

1.เรื่องมรดกใช่ไหม
         ถ้าเป็นลูกคนเดียวก็ต้องขอจัดการมรดกนะครับเพราะทายาทของเจ้ามรดกจะมี
  - ผู้สืบสันดารคือคุณ , คุณพ่อและคุณแม่เจ้ามรดกคือตาและยายของคุณ เนื่องจากกฎหมายให้ถือว่าบิดา-มารดาของเจ้ามรดกเป็นทายาทชั้นบุตรด้วย เพราะวัฒนธรรมไทยลูกต้องเลี้ยงพ่อแม่หากตายก่อนพ่อแม่ต้องชดใช้บุญคุณด้วยการให้ทรัพย์สิน(มรดก)แก่บิดามารดาด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่ว่า ตาและยายของคุณจะรับไหม แต่ตามกฎหมายต้องให้ด้วย
   - หากมีสามีที่ชอบด้วยกฎหมาย(ต้องจดทะเบียนสมรสเท่านั้น)ในที่นี้คือคุณพ่อคุณ ต้องแบ่งสินสมรสก่อนครึ่งหนึ่ง สินสมรสคือ ทรัพย์สินที่มีในระหว่างสมรส ดังนั้นหากมีทรัพย์สินอะไรระหว่างคุณพ่อและคุณแม่ต้องนำมาแบ่งกันก่อนครึ่งหนึ่งที่เหลือจึงเป็นมรดกของคุณแม่  และหากเป็นดังนี้สามีที่ชอบด้วยกฎหมายหรือคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่กฎหมายให้ถือว่าเป็นเสมือนทายาทชั้นบุตรเช่นกัน
           ดังนั้นถากรณีเป็นดังนี้ทายาทของเจ้ามรดกจะประกอบด้วย 1.คุณ  2.คุณพ่อคุณ  3.คุณตาคุณ  4.คุณยายคุณ   ซึ่งต้องได้รับส่วนแบ่งมรดกเท่าๆกันแต่จะสละมรดกหรืออะไรก็ต้องจัดทำหนังสือสละมรดกไว้เป็นหลักฐาน  สละมรดกด้วยวาจาไม่ได้
            การร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกก็ไปหาอัยการจังหวัดเพื่อขอความช่วยเหลือในการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้  ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น  ส่วนจะขอความช่วยเหลือจากอัยการจังหวัดไหนให้ดูว่า คุณแม่คุณตามทะเบียนบ้านมีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอะไร เช่น ตามทะเบียนบ้าน คุณแม่อยู่จังหวัดนครปฐม ก็ไปขอความช่วยเหลือจากอัยการจังหวัดนครปฐม  แต่หาก้ป็น กทม.ก็ไปร้องขอได้ที่สำนักงานอัยการตามเขตท้องที่นั้นเพราะกรุงเทพมหานครมีหลายสำนักงานเพราะศาลมีหลายศาลขึ้นอยู่กับเขตอำนาจต้อง  แต่หากไม่ต้องการขอความช่วยเหลือก็จ้างทนายความร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกได้  ค่าทนายไม่น่าจะเกิน 7,000 บาท (ไม่รวมค่าธรรมเนียมศาล) และค่าธรมเนียมศาลประมาณไม่เกิน 1,500 บาท กรณีไม่มีการคัดค้านการร้องขอจัดการมรดกนะ
                ส่วนหลักฐานเบื้องต้นที่ใช้ในการร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกก็ 1.พวกสำเนาทะเบียนบ้าน , สำเนาบัตรประชาชน ทั้งของผู้ตายและผู้ร้องขอ 2.ใบมรณะบัตร 3.สำเนาทรัพย์สินเช่น สำเนาโฉนด , บัญชีธนาคาร , เล่มทะเบียนรถยนต์ 4.ทะเบียนสมรส เป็นต้น

2.เรื่องการขอหลักฐานใบมรณบัตรใช่ไหม
          ไปแจ้งการตายและสาเหตุที่อำเภอหรือสำนักงานเขต ที่ผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่หากมีหนังสือรับรองการตายจากโรงพยาบาลก็เอาไปเป็นหลักฐานด้วย

3.หากเป็นเรื่องอื่น ๆ สอบถามมาใหม่นะครับยินดีตอบให้ครับ ^^
        

:emotn :emotn :emotn

ธุรกิจขายตรง-แชร์ลูกโซ่

ธุรกิจนี้ ดัดแปลงมาจากแชลูกโซ่  ซึ่งลักษณะการทำงานใช้ระบบเดียวกับธุรกิจขายตรง แต่ไม่ได้มุ่งเน้นที่ตัวสินค้า มุ่งเน้นที่ค่าสมาชิกและจำนวนคน ซึ่งเป็นเรื่องของการเอาเงินจากกระเป๋าหนึ่งไปใส่อีกกระเป๋าหนึ่ง กล่าวคือ สมาชิกในระดับต้น ๆ จะได้รับเงินจริงตามที่เค้าวางแผนไว้ให้ ซึ่งเมื่อได้เงินจริงจะบอกต่อไปยังคนใกล้ชิดให้มาสมัครสมาชิกไปเรื่อย ๆ ซึ่งส่วนใหญ่สมาชิกล่าง ๆ จะเป็นคนรู้จักเสียส่วนใหญ่ (คนก่อตั้งเจตนาให้มีการระดมทุนโดยใช้ความสัมพันธ์ความใกล้ชิดของสมาชิกกลุ่มต่าง ประกอบกับความโลภของคน และคนที่ถูกหลอกจะมีลักษณะเป็นเสมือนผู้กระทำความผิดด้วย คือ เป็นผู้ให้ข้อมูลและชักชวนผู้อื่นด้วยต่อๆกันไป เพราะตนเองได้เงินจากการทำงานนั้นจริงๆ) ซึ่งเมื่อได้เงินมาก ๆ ในระดับที่ตั้งใจไว้ก็จะย้ายสถานที่และปิดบริษัทหนี ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้จะเช่าอาคารสถานที่ที่น่าเชื่อถือ จ้างพนักงานมาทำงานดูลักษณะดี ๆ ใช้สิ่งของดีๆ ในสำนักงาน ขายภาพลักษณ์ ให้เหยือเชื่อถือ แต่จะจ้างคนมาเป็นกรรมการบริษัท ผู้กระทำผิดตัวจริงจะไม่ปรากฎในสารบบ และผู้เสียหายเกือบทั้งหมดจะมีลักษณธเป็นผู้ต้องหาด้วย คือ เป็นผู้ชักชวนผู้อื่นให้สมัครสมาชิกเช่นกัน  ตัวอย่างเยอะแยะ พวกปูแดงไคโตซาน นากหญ้า ระดมทุนข้าวสาร น้ำมัน ฯลฯ

แต่ความแตกต่างจากธุรกิจขายตรงคือ ธุรกิจขายตรงมุ่งที่ตัวสินค้า ค่าสมาชิกไม่เน้น เน้นระบบที่ยั่งยืน และที่สำคัญจะเป็นบริษัทที่อยู่มานาน ไม่ใช่หน้าใหม่ ๆ เปิด ๆ ปิด ๆ เป็นต้น ซึ่งความผิดเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่นี้ ส่วนใหญ่ผู้อยู่เบื้องหลังมักหายเข้ากลีบเมฆ จับไม่ได้เพราะหลักฐานไม่พอ อย่างที่บอกไว้แต่ต้น

ธุรกิจประเภทนี้ทำง่ายดังนี้
1.หาสินค้านำเข้าซักตัวที่คนใช้ประจำ น่าจะขายง่าย
2.ระดมทุนก้อนแรกเพื่อล่อเหยือซัก 5-10 ล้านไว้จ่ายสมาชิกลำดับต้นและต้องจ่ายจริง
3.เช่าสถานที่และจ้างพนักงานน่าตาดีดูดีและใช้เครื่องใช้สำนักงานหรู และที่สำคัญจ้างผู้จัดการเป็นกรรมการ 1 คนเอาเงินเดือนสูง ๆ ล่อ
4.คิดแผนงานให้สมาชิกเน้นรายได้ที่จะได้รับหากทำได้ตามนั้นตามนี้
5.จ่ายเงินจริงหากสมาชิกใหม่ ๆ ทำได้จริงเพื่อความเชื่อถือ
6.เน้นผลตอบแทนที่เป็นเรื่องของการลงทุนด้วยเงินมาก ๆ เช่นลงเท่านี้กี่เดือนได้เท่านี้ ๆ มากขึ้นและต้องจ่ายจริง
7.ถ้าได้ตามเป้าแล้ว 100 - 200 ล้านต้องเลิกปิดกิจการหนีทันที

ธุรกิจแบบนี้เมื่อไม่สามารถระดมทุนหรือหาสมาชิกเพิ่มได้ก็จะไม่มีเงินมาจ่ายใส่กระเป๋าใหม่คือสมาชิกใหม่ ๆ และเมื่อเป็นเช่นนั้น จะเกิดปัญหาทันที  และสังเกตุว่าค่าความเสียหายจะสูงวงเงินหลายร้อยล้าน ที่ถูกหลอกไป ซึ่งทางนิติศาสตร์เรียกการกระทำแบบนี้ว่า "อาญากรรม ไวท์เชิ้ต" คือพวกอาญากรเศรฐกิจที่คนใส่เสื้อขาวมีความรุ้ทำกัน มีลักษณะไม่ใช่อาญชากรรมทางอาญาที่แท้จริง และความผิดสืบยากระคนไปกับการประกอบธุรกิจซึ่งมองเผิน ๆ แล้วเป็นเรื่องธุรกิจที่ไปไม่ได้และเจ๊ง ไม่ใช่การกระทำความผิดอาญา แต่สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมาก

ขออัพหน่อย

อืมก็ดูดีน่ะนี้ 5555555

ถามหน่อยครับ หมาผมไปกัดหมาข้างบ้าน หมาข้างบ้านตามมากัดหมาผมในบ้านผมก็ตีหมาทั้งคู่ แต่เจ้าของหมาข้างบ้านมาต่อว่าผม

ผมก็เลยไปต่อยเจ้าของหมาข้างบ้านที่กลางถนน เจ้าของหมาข้างบ้านก็ต่อยกับผม อย่านี้ใครผิดครับ 5555

เรื่องของหมาไปยุ่งอะไรด้วยล่ะ...กระทู้นี้มีไว้ช่วยเหลือเฉพาะผู้ได้รับความเดือนร้อนจริงๆ อย่ามาไร้สาระให้มากนัก...เอาเลาไปทำอย่างอื่นเถอะ

ขอคำ ปรึกษา หน่อยครับ

คือ เรื่องมันมีอยู๋ว่า ผมได้ชับรถจักรยานยนต์ไปชนผู้ หญิงคนหนึ่ง เขาข้ามถนน ซึ่งเป็นถนนรถสวนกัน เธอข้ามถนนมองแต่ทางซ้าย

ไม่ได้มองรถทางขวาเลย(ซึ่งผมขับมาทางขวา) ชนเข้าอย่างจัง

พอชนเสร็จผมก้ไม่ได้เป็นไรรถล้มไปแต่ผมตั้งหลักยืนได้ ก็เลยเดินไปขยับรถ มอไซที่คล่ำอยู่ไปไว้ข้างทางแล้วเดินเข้าไปถามเขาว่า

"เป็นอะไรไหมครับ" ผู้ญิง ไม่พูดไรร้องไห้อยู๋

"ไปหาหมอไหมครับ" เป้นอะไรมากไหม" ไม่พูดเงียบ ร้องไห้ต่อไป

แล้วเขาก็เดินเข้าไปในในมหาลัยวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งผมเรียนอยู๋วิทยาลัยเทคนิค ที่อยู๋ข้างๆๆ

ซึ่งมหาวิทยาลัยนี้ผมซึ่งเป้นเด็กเทคนิค จะไม่มีสิทเดินเข้าไป(เพราะเป็นกฏระหว่างวิทยาลัยเพราะเด็กตีกันบ่อยมาก)

แล้วผมก็ยืนงง อยู๋ที่เกิดเหตุ"สักพัก"ก็ไม่มีใครออกมา  

ผม ก็เลยขับรถไปหลังวิทยาลัยผม ซึ่งอยู๋ห่างออกไปไม่ถึง 30เมตร

แล้ว ก้ไปเข้าเรียนปกติ

หลังจากนั้น เวลาผ่านไปเกือบ1เดือน มีหมายเรียกว่าผมชนแล้ว"หลบหนี"

ให้ไปพบในวันนี้ๆๆๆ

แล้วยังไงผมจะทำยังไงดีครับ

จะโดนข้อหาอะไรบ้างแล้วควรทำยังไงดีครับ

เรื่อง มีอยู่ว่า พ่อแฟน เพิ่งจะเสียชีวิต ได้ไม่ถึงเดือนครับ จำเป็นต้องแต่งตั้งผู้จัดการมรดก แต่มีเหตุดังนี้ครับ

ผู้ตาย เคยมีเมียมาก่อน ได้ทำการจดทะเบียนสมรสกันไว้ แต่แยกทางกันไป สามสิบปีแล้ว ยังไม่ หย่าล้าง โดยมีบุตร สองคน บุตร อยู่กับพ่อ และ แม่ใหม่ มาตลอด

สมมุติว่า เมียคนแรก ไม่ยอมเซ็น เพราะตอนเลิกกัน เป็นแบบเกลียดกันไปเลยครับ จะตั้งผู้จัดการทำยังไงดีครับ ทางลูกๆ เซ็นให้หมดแล้วครับ แนะนำ ทางแก้ให้ผมหน่อยครับ

 :emo2 :emo2 :emom :emom