AE. Racing Club

 :emoth เมื่อวาน ๒๒ ผมได้เดินทางไปทำงานที่จังหวัดสุรินทร์ ออกจากอุบลประมาณบ่ายโมงเศษ แต่ต้องถึงจุดหมายปลายทางก่อนบ่ายสามโมงครึ่ง ควบเจ้าจิ๋วอีอีย้อย เครื่องสองอีไปตามเคย ขาไปใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ ๑๒๐ ก็ถึงจุดหมายปลายทางทันเวลาพอดิบพอดี  :emob พอทำธุระเสร็จก็ตีกลับเลยขาไปก็เติมแก๊สที่ปั๊มศรีสะเกษประมาณห้าร้อยบาท  :emoth :emoth ขากลับก็ขับช้ากว่าขามาหน่อยเพราะเริ่มจะง่วงนิดๆ
พอออกจากสุรินทร์ ผมขับรถส่วนใหญ่ที่ทำเป็นปรกติ จะไม่ค่อยแตะเบรคนะ  อันนี้อยากจะฝากเทคนิคเล็กๆในการขับรถเดินทางไกล เผื่อใครจาเอาไปใช้ ไม่ได้มีเจตนาไปให้ร้ายหรือกล่าวหาใครทั้งสิ้นนะครับ หากอาจจะกระทบใครไปบ้างก็ต้องขออภัยเป็นอย่างสูง ณ ที่นี้เลยนะคร๊าบ ไม่มีเจตนาจริงๆ :emotn  :emotp :emoto :emotn


 :emotwเคยสังเกตเห็นรถใหญ่ ไล่มาตั้งแต่สิบแปดล้อ สิบล้อ รถทัวร์ ที่เป็นเพื่อนร่วมทางเราบ้างไหม แบบว่าเวลาเราแซงพวกเขามาเรื่อยๆ รถเหล่านี้จะวิ่งที่ความเร็วเฉลี่ยครับ มันไม่ค่อยเบรคบ่อยหรอก ไปของมันเรื่อยๆที่ความเร็วเฉลี่ยที่ ๖๐ ถึง ๙๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เว้นแต่รถทัวร์ บางคันก็ซิ่งที่ระดับ ๑๓๐ ครับ ผมเดินทางทั้งปีเห็นประจำ   เคยสังเกตไหมเวลาเราแซงรถเหล่านี้แล้วเราไปจอดพักที่ปั๊มข้างหน้า อาจจะไปเบาหรือแวะดื่มน้ำ ดื่มกาแฟ หรือพักรถสักนิดอะไรประมาณนั้น แต่พอเราเสร็จตรงนั้นแล้วออกรถตามรถใหญ่เหล่านั้นที่เราแซง บางคันกว่าจะตามทันก็ร่วมสี่ห้าสิบกิโลหรือมากกว่า ทั้งที่มันก็ไปของมันเรื่อยๆอย่างที่บอกนั้นล่ะ หลักการนี้ผมเรียกว่าการวิ่งทำเวลาโดยใช้ความเร็วเฉลี่ย ยิ่งเราจอดพักนาน ก็ยิ่งใช้เวลาตามรถพวกนี้นานบวกเข้าไปอีกครับ หากใครสังเกตก็เป็นอย่างนี้ล่ะเวลาเราเดินทางไกล :emoth

 :emoth ที่บอกว่าไม่ค่อยใช้เบรคนั้นก็คือ ผมจะดูจังหวะ รถช้าซึ่งอยู่หน้าเรา รถสวน และรถเรา กะให้พอดีทุกครั้ง(รถกะคนเป็นหนึ่งเดียวกัน) หากหน้าสวน เราตามมาเร็วมากๆก็ผ่อนลง(ซึ่งน้อยครั้งจะได้แตะเบรค) พอหน้าสวนผ่านรถช้าข้างหน้า เราก็มาถึงท้ายเขาพอดี ก็ตบไฟเลี้ยวขึ้นแซงเลย เป็นอะไรที่ไหลไปด้วยความเร็วเฉลี่ยโดยตลอด นี่ไงที่อยากจะบอกว่ามันมีเทคนิคเล็กๆซ่อนอยู่ ทีนี้หากใครที่ชอบไปเบรคอยู่ท้ายรถช้า ก็น่าจะปรับเปลี่ยนพฤติการณ์การขับใหม่ดูนะ แหะๆๆๆ เกริ่นซะยาวเชียว  :emoto :emotq :emotw  เรื่องของเรื่องมันมีดังนี้จร้า.......คริ คริ  :emoc

 :emoth ผมก็มุดของผมไปตามเรื่องล่ะ แต่ไม่ได้ไปเบียดใครนะ ขับแบบมีมรรยาทนิ่มๆ เร็วสั่งได้ดังใจ ทั้งที่เครื่องยนต์แค่พันสาม เหอะๆๆๆๆๆ  ออกจากสุรินทร์ยังไม่ถึงสิบกิโล อยู่ๆก็มีเงาสีดำมาปรากฎอยู่ที่กระจกหลังครับ (ทีแรกก็แปลกใจว่า ห้วยมานรถไรฟ่ะไมมันแรงกว่าวีโกฟ่ะ พอมาใกล้ๆถึงเห็นตราใบพัดสีฟ้า บีเอ็มรุ่นล่าจร้าพี่น้องแถมป้าแดงซะอีก)   ผมก็แอบซ้ายให้พี่แกไปทั้งที่ความเร็วขณะนั้น ๑๑๐ โห......มันยืดยังกะหนักกะติ๊กครับ เห็นท้ายชัดแจ๋ว ๕๒๕ ไอ รุ่นล่าสุดไม่รู้ว่ากี่ล้านเหมียนกาน  คนกาลังง่วงๆอยู่ด้วยดิ  เห็นยืดออกไปแล้วก็ไฟเบรคตามมา(แหะๆติดรถช้าซึ่งมีตรึมอยู่ข้างหน้าคร๊าบ)  :emod :emod

 :emodคนกาลังง่วงๆอยู่ด้วย เหอะๆ เอาฟ่ะ ลองตามไปดูบีเอ็มคันนี้หน่อย บางทีอาจมีรายการตื่นเต้ลให้หายง่วงก็ได้นิ  คิดได้ก็กดตามตูดไปห่างๆครับ พี่แกใช้ความเร็วช่วงว่างไม่มีรถสวน ทางตรงๆผมว่าระดับ ๑๘๐ ถึงสองร้อยขึ้นล่ะ แต่ก็ไปได้แค่ไม่กี่วิก็ต้องเบรคลงมาที่ ๖๐ ถึง ๘๐ รถผมกดให้เต็มที่(วิ่งแก๊สจร้า ขึ้นไม่เกิน ๑๖๐ ไมล์ติดรถ) ผมก็กดตามมาด้วยความเร็วเฉลี่ย ๑๔๐ ถึง ๑๖๐ โดยตลอด  :emotd :emotd :emotd แหะๆๆๆ  ปรากฎว่า๕๒๕ไอทิ้งผมหรือออกหน้าได้ไม่เกินห้าร้อยเมตรเองครับ แล้วผมก็มาทันจี้ตูดหลายครั้งมั๊กๆ แต่อัตราเร่งของเจ้าเนี่ยผมบอกได้คำเดวว่าเหลือรับประทานครับ แบบว่าตอนเร่งแซงที่ ๘๐ หรือที่ ๖๐ ทั้งที่ผมกดจนรอบเครื่อง ๖๕๐๐ ถึงเปลี่ยนเกียร มันยังยืดออกไปถึงขนาดนั้นครับ บอกได้คำเดียวว่ามะวานหายง่วงทันทีเลย อิอิอิ   :emotd :emotd :emoth มีเพื่อนร่วมเดินทางให้ตื่นเต้ลกลับบ้านแระ อิอิ บางจังหวะ ผมมันชั่วโมงบินเกินห้าแสนอยู่แระ วิ่งรถก็ปลดเบรควิ่ง หรือแทบไม่ได้แตะเบรคเลย แต่เขาวิ่งไปแตะไปตลอดทางครับ บางจังหวะผมก็แกล้งแซงขึ้นหน้าเฉยล่ะ อาศัยจังหวะที่เขาอยู่หน้าแล้วก็ติดรถช้า ผมมาขวาก็ไปโลด........อิอิอิ :emotd :emog :emog :emog :emog

 :emo2แต่๕๒๕ ไอป้ายแดง ไม่ยอมจร้า พอโล่งกะทางตรง พวกก็มาสองย้อยแซงผมยืดหายเป็นหนังกะติ๊กอีก ผลัดกันแซงพอได้ตื่นเต้ลอยู่นับสิบครั้งจร้า........อีตอนติดไฟแดงที่อุทุมพรพิสัยเนี่ยเขาอยู่เลนส์ในหลังรถปิ๊กอั๊พ ผมก็อยู่คันแรกเลนส์นอกที่บังคับให้เลี้ยวขวา(แต่นู๋บ่อเลี้ยวเด๊ สิตรงไป) พอเขียวผมก็กดหนึ่งที่แปดพัน สองที่แปดพัน อิอิ :emotw :emotz พี่แกก็ปาดซ้ายไหล่ทางแซงผมตั้งแต่ยังไม่ลงสามเลยพี่น้องทั้งที่อยู่หลังออกหลัง โอ้แม่เจ้า บีเอ็มมานแรงจิงๆนะสิบอกไห่   ......แต่ถนนมันก็เริ่มแคบลงๆดิพี่น้อง  แต่ว่าทางเส้นนี้ผมหลับตาขับยังได้เลย จำได้ทุกโค้ง และเข้าได้ด้วยความเร็วสูงสุดทุกโค้งด้วยเด้สิบอกไห่ แต่เจ้าป้ายแดงมานทะเบียนกรุงเทพ มีรึจาจำล่องทางได้ดีเท่าเด็กบ้านนอก(กรุง)แบบนู๋ได้ อิอิ ตรงนี้ไงที่ทำให้เขาทิ้งเราไม่ขาด ไม่เกินห้าร้อยเมตรแล้วผมก็ตามทันทุกที มะวานมีแค่สองคันที่ซ่าส์อยู่บนถนนหลวงเส้นนั้นจร้า พวกปิ๊กอั๊พเทอร์โบพยายามจะซ่าส์ตาม แต่ไม่สามารถไล่ทันได้ครับ มีแค่สองคันจริงๆ ๕๒๕ ไอ กะอีอีย้อยเก่าๆ แหะๆ :emotp

 :emotn ยกสุดท้าย......พอเลี้ยวขวาแยกราษีไศลเข้าศรีสะเกษ ถนนมันยิ่งแคบเข้าไปอีก พี่แกก็อยู่หน้าครับ ไล่แซงปิ๊กอั๊พอยู่หน้าเราประมาณห้าหกคัน ผมก็ไล่ตามไปติดๆ ตอนนี้ถนนมันเป็นใจเด้ ตรงนี้ล่ะคือใครที่ใจนิ่งกว่า รถไม่เกี่ยวเว้ย ยกช้ากว่า มุดไวกว่า แตะเบรคน้อยกว่า เหอะๆๆๆ พี่แกติดรถช้าอยู่ข้างหน้า กาลังจ้องจากดขึ้น ผมมาจังหวะสองที่๑๒๐ พร้อมเปิดไฟเลี้ยวและติ๊บไฟสูง ก็ขึ้นหน้ารวดเดียวห้าคันเลย หลังจากนั้นผมก็อาศัยจังหวะที่เร็วกว่ากะความชำนาญในพื้นที่ มุดขวาหลบเข้าซ้าย มุดขวาหลบปั๊ปๆแล้วก็ทำความเร็วเฉลี่ยระดับ ๑๔๐ ถึง ๑๖๐โดยตลอด พี่แกก็จนปัญญาที่จาไล่ทัน ผมก็ทิ้งเป็นทุ่งล่ะตานี้ ถึงศรีสะเกษ ก็จอดปั๊มแก๊สเติมเต็มถังรอ แหะๆๆๆ อีกสองนาทีเกือบสามถึงค่อยเห็นเจ้าป้ายแดงตามมา เหอะๆๆๆ มันแรงทางตรงจริงๆ   อันนี้เล่าให้ฟังเล่นๆพอได้คลายเครียดนะ อย่าไปซีเรียส เวลาผมง่วงหากไม่จอดนอน ก็หารัยทำให้มันตื่นเต้นแบบนี้ล่ะ แต่ก็ไม่ได้ประมาทนะครับ ผมเดินทางตลอดทั้งปีชำนาญเส้นทางครับ แหะๆ ต้องขออภัยในบางลีลามา ณ ที่นี้ด้วยนะ คริ คริ อย่าได้เอาเป็นเยี่ยงอย่างด้วยนะ   :emotn :emotn :emoa :emob :emotp :emoti

 :emomเรื่องจริงเรื่องนี้ที่เกิดแล้วนำมาเล่าเบาๆนี้ สอนให้รู้ว่ารถแรงรถไม่แรง มันไม่ได้อยู่ที่รถหรอก แต่อยู่ที่ลิงหลังพวงมาลัยต่างหากจร้า......อิอิ มะวานหากเจอทางตรงสี่เลนส์โล่งๆผมก็ไม่ได้เห็นป้ายแดงแหง๋มๆ ทางตรงกว่าสองร้อยเด้อพี่น้อง เรียกมาในพริบตาเลย สงสัยเขาทิ้งผมเป็นทุ่งหายวับเลยล่ะ  :emox :emox

ยกย่อง วีระกรรม พันสาม

1300สู้ๆ เคยลองเหมือนกันตรงๆมันหายวับไปกับตาไอ้525ตัวใหม่เนี่ย

 :emo2 :emo2 :emo2 :emo2

แหม๋พี่ใช้ 1300 แบบนี้กะเอาให้ตายแล้ววาง 3S ใช่ไหมอ่ะ

ความแรงพอช่วยได้แต่ฝีมือสำคัญกว่าครับ  :emom

1300สู้ๆคร๊าบ...

สู้ต่อไปทาเคชิ !!!

 :emo5 :emo5 :emo5




สุดยอดเลยก๊าบบบ



 :emo2 :emo2

อ่านจนง่วงเลย แต่ก้อสนุกดี
ฝาดำอย่างผม ต้องหลบให้ครับ :emotn
                 

ขอบคุณเทคนิคดีๆ กะประสบการณ์มันๆครับ

มาแอบ อ่าน อิอิ

ทำไมรู้ใจจัง  แต่ทำไมมันไม่พังสักทีก็ไม่รู้เหมือนกัน เด๋วได้เวลาเดินทางไปอุดรแระ ไปเตรียมของก่อง แต่ซ่าส์ไม่ได้ล่ะตานี้ เพราะมีกล่องไปด้วย อิอิ(ผบ.ทบ.) ขืนเกิน๑๒๐ กล่องมันตัด โป๊ะบ้องหูชัวร์ ต้องค่อยๆไป เอาไว้หลอยตอนกล่องหลับค่อย ๑๔๐ อิอิอิ ไปแระ

ผมชอบมากๆเลยครับเวลาพี่jedeeมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง อ่านแล้วเพลินดีครับ ขอบคุณสำหรับเทคนิคการขับทางไกลครับพี่jedee ข้อดีอีกอย่างคือไม่เปลืองผ้าเบรคด้วยครับ..

เด๋วจานเบครไม่ใสนะพี่  อิอิอิ

ขับแบบระวังดีกว่าคับ...ปลอดภัยกว่าเยอะ

สุดยอด...1300... :emo2

ขับทางไกลก็ต้องประมาณนี้ล่ะครับ  กะจังหวะให้ดี  แล้วก็แซงเลย ปลอดภัยกว่า ครับ
เดี๋ยวเบรค  เดี๋ยวเร่ง  กินน้ำมันแย่เลย 

แรง จริงๆ
รถ ท่าน

เห็นด้วยกะ จขกท.คับ...อิอิอิ
เดินทางไกล...ตัวแปรที่ทำให้เสียเวลาคือ แวะปั้มน้ำมันนี่แหละคับ...จอดปั้มล่ะ 10 นาที 6 ปั้ม ก้อ 1 ชั่วโมงแระ...และโดยเฉพาะปั้มที่มี 7/11 นี่แหละตัวดีเลย...จอดบุ๊บ เสียตังส์ปั้บ อิอิอิ

อ่านเเล้วมันดีคับ อิอิ

อ่านแล้วมันส์ด้วยคนครับ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ กัน ผมเองก็เคยโดนฟอร์จูนเนอร์เล่นทางตรงครับ หมั่นไส้ เลยแซงหายทางโค้งซะ (ช่วงชัยนาท-สุพรรณฯ) โค้งเยอะ ๆ นั่นแหละครับ อิอิ ง่ายเลย ฟอร์จูนเนอร์มันเร่งตอนตั้งตัวได้แต่แป๊บเดียวก็ต้องเบรกเพราะต้องเข้าโค้ง ผมเองพอจำโค้งได้ว่าเป็นยังไง ก็ไม่ต้องไปเร่งครับ เอาความเร็วประมาณ 110 - 130 นั่นแหละ ดึงนิด ๆ แซงซะ เหอ ๆ จำได้ตั้งแต่ แยกชันสูตร เลี้ยวขวาไป ก็เริ่มซัดกันแล้ว ฟอร์จูนเนอร์เอาซะก่อน ไปเห็นตูดเขาหันคา ทางตรง ไล่ไม่ทัน จ่อตูดแล้ว แซงได้ แถว ๆ บึงฉวากนั่นแหละ 555 สะจาย มันดี แต่มีบางจังหวะต้องเบรกบ้าง เพราะบางจังหวะจะไปน่าเกลียดใส่คนอื่นเขา เดี๋ยวโดนด่าไล่หลัง อีกอย่างที่ทำได้เพราะ กล่องตัดแบบดึงหู เผอิญหลับอยู่ข้าง ๆ

เคยเจอครับ MX5 เล่นกันตั้งแต่ ปราจีนบุรี จนถึงสระบุรี เจอตอนประมาณ 6 โมงเช้า กำลังง่วงๆเลยแก้ง่วงได้ดีมาก ผลัีดกันแซง 160-170 ตลอด

ผมพยายามจอด แค่ ครั้ง เดียวอะ ถ้าไปคนเดียว ไม่เกิน 10 นาที รอวอมเครื่องแล้ว ค่อยไปห้องน้ำ เพระ ไม่มีคนเฝ้ารถอะ ถ้า 2 คน ก้ 10 นาที เหมือนเดิม ถ้าไปกะสาว ๆ ก้มี 20 นาที เพราะ ขานั้น ชอบช๊อป เซเว่น ยังเสีย เปนร้อ ยๆ ได้ งงกะมานเลย 5555+

เครื่อง 4a คาบู ก้ไป นิ่ม ๆ ไม่เกิน 4 ชั่วโมงได่ครับ พิโลก กทม. ทาง โล่ งๆ ตรง ๆ ยาวๆ อิอิ ปล่อยไหลลล น้ำมัน เหลือ มากกว่า 1 ขีดแน่นอน ^Q^ เคยเหลือมากสุด วิ่งเฉลี่ย 120 ได้เลยครึ่ง ถัง มานิดหน่อย มีคนนั้ง 2 คน 150 Fลครั บ^Q^ ผม 105 ข้าง ๆ ประมาณ 45 โล 55+

ใจถึง........และ
ถึงใจ.......
จริง ๆ ครับเพ่

 :emoth :emotg

ผมมีปัญหาครับผมใช้ toyota AE เหมื่อนกันครับ พบความเร็ว  >100 แล้ว เสียงเข้ารถดังมาก ถ้าว่งถนนปูนยิ่งดังมาก จอดที่ลงมาหูอื่อเลย
รถผมตอนนี้เดิมไม่ได้ทำอะไร ถ้าผมปรับช่วงล่างไหมมันจะช่วยได้ กี่มากน้อย คุ้มค่ากับราคาไหม

4a-fe 1600มีเฮด4-1ล้อบวก15 แก๊ซโซฮอลล์95  จากโคราชถึงดอนเมืองเคยทำเวลาดีสุด 1ชม.ก่ะอีก21นาที :emots
ความเร็วเฉลี่ย160-170คับ มาเจอรถวีโก้มีคอก อินเตอร์ลูกเท่าบ้านเล่นก่ะซีวิคตัวใหม่อยู่แถวปากช่อง(k9)วิ่งขวาติดรถช้าอยู่พอดีAEวิ่งมาเแปะตูดคันที่3พอดี วีโก้อยู่หน้า ซีวิคตาม ด้วยความง่วงและรีบไม่มีไรทำเลยลองเล่นก่ะเขาด้วยพอรถช้าหลบวีโก้กดปุ๊บพุ่งพรวดเลย :emo3 :emogซีวิคค่อยๆกดตามไป...สามห่วงเคยกลัวที่ไหนกดตามดิครับ :emogจะแซง ซีวิค เจอปิดลายไม่ให้แซงฝั่งซ้ายก็มีรถบัสก็เลยจี้ตูดไปเลื่อยๆที่เกียร์4ความเร็วที่180จนกล่องตัดเลยตัดสินใจสับ5มุดซ้ายแซงไหล่ทางเลย เหลือรถคอกที่มันแรงเหลือเกินกดตามค่อยๆทันค่อยๆทัน ไอ่ซีวิคก็จี้ตูดมาเรื่อยๆ 205ที่เกือบ5พันรอบมั้งตอนนั้นกดต่อคิดว่าคงเหลืออีกนิดความเร็วค่อยๆไหลไป210คิดว่าคงสุดและ... มาแปะตูดไอ่รถคอก  ซีวิคก็ตามมาติดๆหนีกันไม่ออก ซัดยาวประมาณ30กม.(ถนนก็ช่างโล่งเป็นใจจิงๆตร.ก็ไม่มี..คิดในใจกลัวรถพัง :emotf...แต่อีกใจนึงก็อยากลองดูว่ารถเราวิ่งได้สุดๆแค่ไหน)ตามตูดกันมาเรื่อยๆจนมาถึงช่วงที่รถเยอะๆได้โชว์เสตปกันเต็มที่มุดซ้ายมุดขวามาตลอดทาง ผลัดกันแซง แซงไปแซงมาซัดกันตลอดทาง แปบเดียวถึงวังน้อยเฉย-คิดว่าสมใจอยากแล้วเลยยกดีกว่า...ขับ130...พอ ก้มลงดูเกย์น้ำมันอีกทีไฟส้มโชว์เฉย555+แวะปั๊มเติมน้ำมันก่อนแล้วขับไปเรื่อยๆ120...หวานเย็น*-*ขับไปซักพักเห็นซีวิคที่แข่งกันมาจอดนิ่งอยู่เลนซ์ขวาสุดกำลังมุดเลย ไม่ได้มุดหาลายนะ แต่มุดตูดวีโก้อยู่ คิดในใจ ดีนะที่น้ำมันหมด ถ้าตามกันมาอีกเราคงยุบทั้งหน้าและหลัง กลัวมากเลยตอนนั้น ยังไงขับรถระวังๆนะครับ :emok

 :emotn แหะๆๆ ความจริงแล้ววันนั้นผมง่วงจริงๆครับ แต่ก็ขับรถจนรถกับคนเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็ไหลไปเรื่อยๆ แต่ผมไม่ได้แซงเขานะ คงออกจากปั๊มที่สุรินทร์ แล้วเห็นผมมุดไหลไปตามธรรมชาติ เลยอยากแสดงแสนยานุภาพของเจ้าใบพัดสีฟ้าให้เห็นมังครับ อิอิ เผอิญ ผมดันนึกพึเรนตามไปดู แหะๆๆๆๆๆ มันแรงจริงๆนะขอบอก แต่นู่ขอลาแล้วรถแรงๆเนี่ย แต่เสียดายเงินแทนครับ วิ่งไปเยียบเบรคไป เด๋วถึงเวลาเช็คก็คงได้รู้รสชาดของบีเอ็ม เหอะๆๆๆ ผมล่ะเข็ดกับรถพวกนี้ครับ ทุกวันนี้ก็จอดไว้ที่บ้านใช้แต่สามห่วงพอ แบบว่าเราพอเพียงครับ :emotw :emotw

 :emoth แต่ที่อยากจะสือก็คือ เทคนิคการขับขี่รถบนถนนหลวงให้ปลอดภัย และการวิ่งทำความเร็วเฉลี่ยไงครับ มันมีเทคนิคที่ปลอดภัยซ่อนอยู่ครับ มิได้มีเจตนาไปแข่งกับใคร หรือว่ารถแรงอย่างไร เครื่องแค่พันสาม ประสิทธิภาพมันก็แค่เครื่องพันสามครับ แต่ถามว่าพอเพียงไหม พอเพียงครับ เพราะทุกวันนี้ผมใช้ความเร็วสูงสุดไม่เกิน ๑๖๐ ซึ่งมันเกินพอสำหรับการเดินทางโดยปลอดภัยครับ แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถควบคุมรถของเราหรือเจ้ายานพาหนะคู่ชีพของเรา ให้มีสมรรถณะคงที่ คือความเร็วเฉลี่ยคงที่ ซึ่งหมายถึงการทำเวลา หรือพูดง่ายๆก็คือ เราเจอรถช้า เราก็วิ่งเร็ว เมื่อเอาความเร็วช้า มาบวกกับความเร็วสูงสุดที่เราทำได้ บวกกับระยะเวลา ระยะทาง มันจะได้ความเร็วเฉลี่ยไงครับ ที่ผมพยายามสื่อก็คือ รถใหญ่มันไปของมันเรื่อยๆ ไม่ค่อยเบรค ไม่ค่อยจอด ไม่หยุด แต่เราแม้ว่าจะเร็วกว่าเยอะ แต่เราจอดพักรถ หรือพักเอาแรงให้สดชี่นเพื่อไปต่อ แค่เพียงไม่กี่นาที กว่าเราจะไล่กวดตามรถเหล่านั้น(ทั้งที่ไม่ตั้งใจหรอก แต่อีตอนที่ตามทัน มันเกิดปัญญาขึ้นมาว่า โห ไม่มันวิ่งแค่นี้ เราจอดแป๊ปเดียว ไมมาไกลจังวุ้ย สี่ห้าสิบโลล่ะพี่น้อง กว่าเราจะตามมาทันอีกครั้ง)   :emoth

 :emoth :emoth ฉันท์ใด เจ้าบีเอ็มป้ายแดงในอุทธาหรณ์นี้ ก็ฉันท์นั้นครับ หมายความว่าตีนปลายหรือความเร็วปลายของเจ้านี่อาจจะมีถึง ๒๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ตามที อัตราเร่ง ๐ ถึง ๑๐๐ อาจจะมีแค่เจ็ดวินาทีก็ตามที แรงม้าอาจจะมีกว่าสองร้อยแรงม้าก็ตามที แต่คนที่ควบคุมมันให้วิ่งที่ความเร็วเฉลี่ยต่อเนื่องได้สำคัญกว่า   ดังนั้น แม้อีอีย้อย เครื่องจะมีแค่จิ๊ดเดียว กำลังก็แค่จี๊ดเดียว แต่เรารีดประสิทธิภาพสูงสุด แล้วสามารถทำความเร็วเฉลี่ยได้ตลอดเส้นทางที่ระดับ ๑๔๐ ถึง ๑๖๐ งานนี้ ต่อให้เฟอร์รารี่เลย ก็มีสิทธิโดนสวนได้ครับ แต่ต้องขออภัยเจ้าของบีเอ็มป้ายแดงคันงามไว้  ณ  โอกาสนี้ด้วยนะครับ ผมถือว่าท่านเป็นอาจารย์ที่ให้ปัญญาผมรู้แจ้งเห็นตามจริง แล้วนำสิ่งที่รู้นี้มาถ่ายทอดให้กับผู้คน เพื่อเตือนสติเพื่อให้ความรู้เขาเหล่านั้น ในเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนในการเดินทางไกล ผมไม่มีเจตนาไปลบหลู่รถคันละหลายๆล้านของท่านหรอกครับ สำหรับผมนั้น ได้พบสัจจะธรรมแล้วว่า รถมันก็คือยานพาหนะ ที่พาเราไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ผมพอใจในสิ่งที่มีแล้วก็ใช้มันได้เต็มประสิทธิภาพ เท่าที่ความสามารถเราจะควบคุมมันได้ ตอนนี้อายุมากแล้วครับ หากควบยี่สิบวาวเหอะๆๆ(แค่คิดเฉยๆนะ กองเชียรอย่าเพิ่งล่ะ)   ผมว่ามันฟิลคล้ายๆเจ้าสองอีแน่ แบบว่ากำลังมาที่รอบสูง  อย่ากระนั้นเลย เราอย่าได้ประมาท หรืออย่าได้หลง ให้มีสติอยู่กับตัวเสมอ ทำอะไรก็ให้มีสติ ไปไหนปลอดภัยครับ  :emoth :emotn

 :emoth :emoth ที่ว่าปลดเบรควิ่งนั้น หมายความว่า ผมจะใช้เบรค แค่ ๒ ถึง ๒๐ เปอร์เท่านั้น ไม่เคยใช้เบรคร้อยหรือเกินร้อยเปอร์ น้อยครั้งมากที่จะใช้เกินยี่สิบเปอร์ การคอนโทรลรถ ให้มองไกลแยกแยะให้ได้ครับ ว่าข้างหน้าเรานั้นมีอะไรกรีดขวางอยู่ คิดล่วงหน้าสามชั้นห้าชั้น กำหนดร่องทางที่เราจะให้ล้อเราวิ่งไปไว้ล่วงหน้าครับ ผมจะไม่กดไปจี้รถหน้า หากแต่จะทิ้งระยะให้ปลอดภัยเสมอ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตามตูดต่อท้ายยาวๆเหมือนที่พวกเราขับตามกัน  รถที่ขับตามกันแต่ละคันๆจะมีช่องว่างเสมอ หากเรามองอะไรล่วงหน้าแล้ว เราจะไปได้ในร่องทางพิเศษสำหรับเราคนเดียว ได้อย่างปลอดภัยเสมอครับ  ใครที่หลงตัวเองว่าเจ๋งกว่า มาลองตามร่องทางที่เรามองเห็นนั้น เพื่อที่จะทำเวลาที่ดีกว่า แม้ว่ารถจะแรงกว่าสามเท่าห้าเท่าก็ตามที่ หากเขาคิดไม่เป็นหรือมองไม่เห็นความลับที่บอก(ร่องทางพิเศษล่วงหน้านี้แล้ว) เขาก็อาจมีสิทธิลงไปกลิ้งข้างทาง หรือหมดสิทธิตามไปดูไฟท้ายเราได้ครับ การใช้เบรคเฉพาะที่จำเป็นจริงๆ แค่แตะเบาๆ นิด ๆ นั้น ทำให้รถก็สึกหรอน้อย ยางก็สึกหรอน้อย ยางผมใช้งานมาประมาณหกหมื่นกิโล ดอกยางยังปิ๊งสึกไปนิดเดียวเองครับ ผมว่ามีสิทธิเกินแปดหมื่นกิโลครับ ถึงตรงนั้นค่อยถอดออกไว้ใส่อีกคัน(วิ่งแต่ในเมือง)  ยังมีเทคนิคมากมายครับ ว่างๆ จะมาแบ่งปันแชร์เล็กๆครับ หากยังไม่เบื่ออ่านซะก่อน อิอิ  :emoth :emoth

 :emoth ในสภาพการใช้งานจริงๆ บนท้องถนนหลวงนั้น มีองค์ประกอบและเหตุปัจจัยมากมาย ที่ทำให้เราไม่สามารถใช้ประสิทธิภาพของรถเราได้เต็มที่ครับ ดังนั้นหากใครสามารถควบคุมรถได้ด้วยความเร็วเฉลี่ยระดับ ๑๐๐ ถึง ๑๑๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ถือว่าพอเพียงและปลอดภัยสำหรับการเดินทางไกลครับ  มีหลักง่ายๆอยู่ว่า รถดี(ต้องหมั่นตรวจเช็คให้อยู่ในสภาพดี) เบรคดี สติดี แค่นี้ครับ เราจะช้า จะเร็วแค่ไหนก็ปลอดภัยเสมอครับ ขีดความสามารถของมนุษย์เรา ในการควบคุมเครื่องจักรกลเนี่ย มันมีขีดจำกัดนะครับ นักวิทยาศาสตร์เขาทราบดี ไม่งั้นกฎกติกาในการแข่งขันรถฟอมูล่าวัน คงไม่มีการปรับเปลี่ยนอยู่แทบทุกปีหรอก  ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ในวงการโลกความเร็ว โลกเราได้สูญเสียนักแข่งแชมป์โลกไปอย่างน่าเสียดาย แอลตัส เซสน่า(คงสะกดผิดแน่ แต่ว่าอ่านตามนี่ล่ะ อิอิ ขออภัยด้วยเด้อ) เพราะเหตุผลเดียวครับ ที่วิศวะกรพยายามทำรถให้แรงเกินขีดความสามารถของคนที่จะบังคับควบคุมมันได้ ผลก็คืออุบัติเหตุตามมาแล้วแชมป์โลกก็ต้องละขันต์ก่อนเวลาอันควร มิคาเอล ชูมัคเกอร์ เขาก็รู้ตัวเขา ถึงได้ปลดระวางตัวเอง ผมมะก่อนก็ขับรถที่ความเร็วระดับสองร้อย เป็นเรื่องปรกติ แต่วันหนึ่งที่เกิดพลาดลงข้างทาง ปัญญามันถึงได้เกิดไงครับ ว่ามันไม่มีประโยชน์อันใดเลย นอกจากความสะใจเท่านั้น อะไหล่บิดามานก็แพง โค ตะ ระ แถมต้องเปลี่ยนตามระยะอีก ค่าดูแลก็แสนแพง ดีที่ยังมีบุญรอดตายมาเล่าให้ฟัง นานๆจะสวมวิญญาณชูมัคเกอร์สักที คร๊าบ อิอิ ต้องขออภัยในบางลีลา ด้วยเด้อ คร๊าบ เด้อ อิอิอิ  :emoth :emoth :emo2 :emom :emotp :emotq :emotr :emots :emoto :emoti :emotv :emotx :emoty :emotz :emotia :emotn :emotn :emotn

 :emotn :emotn :emotn นับถือๆ ทำเวลาได้ดีกว่าผมตอนสมัยยังซ่าส์ๆอยู่อีกครับ ผมจากโคราช ถึงปากทางลาดพร้าว ๑ ชั่วโมง กะ ๕๐ นาทีพอดีครับ แต่ทุกวันนี้ประมาณสองชั่วโมง หรือช่วงที่จำเป็นต้องไปให้ถึงจุดหมายก็ยังทำได้แบบหืดขึ้นคออยู่ มะก่อนรถมันไม่เยอะเหมือนวันนี้ครับ รถช้าตรึม แต่ก็แลกกลับมาด้วยถนนสี่เลนส์ แปดเลนส์ หก เลนส์ เลยพอทำได้แบบหืดขึ้นคอครับ แต่คงไม่พยายามครับ ไปเรื่อยๆ จังหวะไม่ให้เราก็ไม่ฝืนครับ จังหวะให้ก็มุดหายโลด เป็นอะไรประมาณนั้นเลย  :emotn

ทุกวันนี้ 2 ชั่วโมงกว่าอ่ะพี่ กลัวตายครับ แต่...ถ้ามีมาปาดหน้าหรือเบิ้ลใส่ หรือแรงเกินหน้าเกินตา ผมเก็บหมด555+ ขำๆนะครับ

ขอบคุณเจ้าของกระทู้นะครับที่เอาเทคนิคดีๆมาฝาก ผมจะได้ลองเปลี่ยนนิสัยการขับรถของผมบ้างหลังจากที่ตะบี้ตะบันเหยียบอย่างเดียว
ชอบจังเลย "คนกับรถต้องเป็นหนึ่งเดียว" ฟังแล้วขนลุก(สู้)มั่นใจขึ้นเยอะ

อ้ายพวกรถใหม่รถใหญ่บ้าพลังแต่ฟายหลังพวงมาลัยชอบมาจี้ตรูดเป็นประจำผมเบื่อมาก....ทางตรงให้เค้าไปเอาคืนทีหลังได้ ผมขับ ตจว. คล้าย ๆ น้าจินนี่เหมือนกัน บางทีไปทันกันเป็นคันแรกอยู่คนละเลนที่แยกไฟแดงผมจะเข้าเกียร์ D แล้วเหยียบเบรคไว้ พอไฟเขียวผมออกตัวไวกว่า กว่าจะมาทันผมก็อีกพักใหญ่ล่ะครับ

 :emotn ได้ความรู้ ด้วย มันด้วย 

มันส์ๆกันทั้งน๊านครับ  หุหุ

ผม ก็ 2E เหมือนท่านพี่นี่หละ คับ แต่ ไหงไม่ค่อยได้ เหมือน พี่ ขอสูตร หน่อยได้ ป่ะ คับ แหะๆ (...จุ๊ๆ PM บอกก็ได้ คับ ถ้าเป็น ความลับ ) เพราะผม ก็ ใช้ ขับทางไกลๆ บ่อยมาก อยากให้ มีสมรรถนะ ดีๆ อึดๆ อ่ะคับ
บอกหน่อยๆ ท่านพี่ ทำไง อ่ะ คับ  :emoti

 :emoth ตอบในนี้ล่ะ จาได้เป็นความรู้เผื่อคนอื่นด้วย ไม่ได้ทำรัยเลย ได้มายังไงก็ใช้อย่างงั้นจริงๆ ผมซื้อสามห่วงพร้อมกันสองคันครับ เป็นEE100 กับ EE101 คาบูร์กะหัวฉีด พันสามด้วยกันทั้งคู่ แต่พอลองขับทั้งสองคัน เจ้าเจดีย์(คาบูร์) ดันจี๊ดกว่าหัวฉีดครับ ผมก็เลยยกคันหัวฉีด(จริงๆเอาไปจอดไว้ให้ป๋าผมใช้ครับ) ใช้คาบูร์คันเดียว อีกคันเป็นรถสำรองจอดไว้ที่โคราชโน่น เผื่อเราขี้เกียจขับรถไปจาได้ใช้ที่โน่นเลย สองคันนี้มันต่างกันพอควรนะ มองภายนอกมันก็เดิมหมด แต่ผมไม่ทราบว่าเจ้าของเดิมเขาแต่รัยไหม ผมใช้ต่อก็ไม่ได้ทำรัยกะมันเลย เพียงแค่การดูแลรักษาให้ดีกว่ารถทั่วไปแค่นั้น เช่นถ่ายน้ำมันเกียร์ทุกๆหนึ่งหมื่นกิโล เกรดจีแอล ๕ เบอร์ ๙๐ ใช้ของคาร์เท็กซ์ครับ ส่วนน้ำมันเครื่องใช้กึ่งสังเคราะห์ เกรด เอสเอ็ม ๑๐ W ๔๐ เปลี่ยนทิ้งทุกๆ ๕ ถึง ๖ พันกิโลพร้อมกรองเครื่อง ที่มันอึดมันทนอาจจะเป็นตรงนี้ก็อาจเป็นได้ หัวเชื้อเพียวซินเทติค ยี่ห้อเรดไรน์(ซึ่งคนขายเทสให้ดู คุณภาพดีกว่าเอ็กซ์วันอาร์เกือบสองเท่าครับ) เคลือบสิ้นส่วนภายในเติมเพิ่มทุกๆ๓๐๐๐๐ หมื่นกิโล กรองอากาศกะหัวเทียนเปลี่ยนทิ้งทุกๆ ๑๐๐๐๐ กิโล พร้อมทำความสะอาดจ่านจ่ายหัวนกกระจอก หลักๆก็มีแค่นี้นะ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากเติมแก๊สแล้วก็ขับลูกเดียว  มะกี้ก็เพิ่งกลับจากเขมราช(ไปกลับเลย) ผมยังกดทำเวลาที่ความเร็วเฉลี่ยระดับ ๑๕๐ แช่เฉยแทบตลอดทาง ก็เบริ๊ดๆนะครับ ผมเองก็งงว่ามันแรงกว่าหัวฉีดได้ยังไง มะกี้ก็แซงวีโก้สามพันเฉย แต่พวกมุดโค้งไม่ทันผม ทางตรงแรงพอกันเลย ไมล์เดิมผมกลับบ้านเก่า ผมใช้ไมล์ญี่ปุ่นซึ่งมีแค่ ๑๘๐   วันศุกร์ที่ ๒๔ ผมเดินทางกลับจากอุดรธานี ใช้ความเร็วที่เข็มไมล์ ๑๒๐ แต่ทางหลวงเรียก บอกเรด้าร์จับได้ที่ ๑๒๗ (ได้งัย มันน่าจะอ่อนกว่าที่เป็น แต่ดันแข็ง)  รอบเครื่องที่วิ่งไปกลับเขมราชมะกี้ก็ประมาณ ๔๗๕๐ ถึง ๕๐๐๐ รอบ ที่เกียรห้าครับ ข้อมูลที่ให้พอยังครับ

 :emoth :emoth ความจริงมันไม่ได้แรงอะไรหรอกครับ เพียงแค่ผมเข้าใจเพาเวอร์แบนช่วงกำลังของมัน ขับรถโดยอาศัยการเล่นเกียร เลยไวผิดปรกตินิดหน่อยเท่านั้นเอง เกียร์มันจะชิดแล้วไหลดีกว่าเครื่องหัวฉีด นานๆขับหัวฉีดอีกคันที ต่างกันเยอะครับ ไม่พุ่งเท่าคาร์บูคันนี้ครับ ปลายก็น้อยกว่า ผมเคยถอดมิกซ์ออก ปลายมันไหลถึง ๑๘๒ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยนะครับ แต่เป็นไมล์อันที่เสีย ไมล์ตัวปัจจุบันเพิ่งเปลี่ยนครับ เลยไม่เคยลอง แต่รอบเครื่องที่เกียร์ห้าเกือบหกพันรอบนะครับ  :emoth

ผมมีรถหลายคัน ความจุมากที่สุดก็ ๓๓๑๐ ซีซึ เบนซินหกสูบ แรงบิดสูงสุด ๒๔๐ นิวตันเมตรที่ ๑๙๐๐ รอบต่อนาที ลักษณะการขับก็ต่างกับเจ้าสองอีครับ แต่มันรับประทานน้ำมันโหดจัด ที่เกียร์ห้ายังนั่งขัดสมาธิขับขึ้นเขาที่ความเร็วต่ำที่รอบ ๑๐๐๐ รอบได้เฉย โดยไม่มีการกระตุก หากเจ้าป้ายแดงเจอคันนี้ผมบอกได้เลยว่าผมทิ้งเป็นทุ่งตั้งแต่ไม่ถึงสิบห้ากิโลจากสุรินทร์แล้วครับ ไม่ได้ผลัดกันแซงไปแซงมาหรอกครับ เหอะๆๆไม่หากเจอเจ้าอาร์๒๑ กะ อาร์๑๙ ของผมก็เสร็จเหมือนกันครับ(ตอนนี้จอดไว้หมดใช้แต่สามห่วงลูกเดียว ไล่ไม่ทันก็ช่างมันเตอะ คริคริ) แต่เจ้าสองอีหรือสี่อี หรือคันอื่นของผมทำไม่ได้ครับ ต้องขึ้นที่เกียรสองไม่ก็สามที่รอบเครื่องระดับห้าพันขึ้น ไม่งั้นไหลลงเขาครับ เราต้องเข้าใจลักษณะการตอบสนองของกำลังของเครื่องยนต์รถเราด้วยครับ  ไม่งั้น .......รถกับคนไม่มีทางเห็นหนึ่งเดียวกันได้ครับ.......เท่านี้น่าจะพอมองภาพเห็นนะครับ  :emotx :emotz :emoth :emotn :emoti :emom :emo2 

ลืมๆ หัวเชื้อที่ว่าราคาข้างกล่องมันติดราคาไว้ ขวดละ ๓,๕๐๐ บาทนะครับ แพงกว่าน้ำมันเครื่องซินเทติคแท้ๆเกือบสามเท่า แต่ผมซื้อทีละสามขวดเลยได้ราคาพิเศษครับ อาจจะเป็นที่ตัวนี้ก็อาจเป็นได้ครับ ปัจจุบันยังใช้อยู่ครับ พี่ชายก็ขอไปใช้ในรถวอลโว่ด้วย เห็นบอกว่าสุดยอดครับ มีส่วนป่าว อิอิ

อ่ะ ขอบคุณค๊าบบ สำหรับสูตรที่เอื้อเฟื้อเป็นวิทยาทาน :emotn.... ทุกอย่างที่ว่ามา ผมจานำไปปฏิบัติตาม.........แต่ ไอ้ หัวเชื้อ 3500 นี่ สิ แหะๆ ขอไว้ก่อนละกัน คับ งบมะถึง  :emotq

ขออนุญาติขุดกระทู้นี้ขึ้นมานะครับ เพราะอยากฟังเทคนิคดีๆ แบบนี้อีกครับ อ่านที่ไรสนุกทุกที

 :emo2 :emo2