|
หัวข้อ: การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และการให้อาหารสายยาง เริ่มหัวข้อโดย: siritidaporn ที่ 08 ธันวาคม 2568 14:40:34 การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และการให้อาหารสายยาง (https://dseelin.co.th/)
การดูแลผู้ป่วยติดเตียงและการให้อาหารทางสายยางเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยความรู้ ความใส่ใจ และความอดทนค่ะ การปฏิบัติที่ถูกต้องและสม่ำเสมอจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากคุณได้ถามถึงทั้ง การดูแลผู้ป่วยติดเตียง และ การให้อาหารทางสายยาง ดิฉันได้รวบรวมแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมมาให้เป็นสองส่วนหลักดังนี้ค่ะ 1. 🛌 การดูแลผู้ป่วยติดเตียง (Bedridden Patient Care) การดูแลที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันแผลกดทับ (Bedsores/Pressure Ulcers) และการดูแลสุขอนามัย 1.1 การป้องกันแผลกดทับ (Pressure Sore Prevention) แผลกดทับเกิดจากการที่ผิวหนังถูกกดทับเป็นเวลานาน ทำให้เลือดไปเลี้ยงบริเวณนั้นไม่สะดวก การป้องกันทำได้โดย: พลิกตะแคงตัว (Repositioning): พลิกตะแคงตัวผู้ป่วย ทุก 2 ชั่วโมง ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อกระจายแรงกดทับ ใช้เครื่องมือช่วย: ใช้ เบาะลม (Air Mattress) หรือ ที่นอนน้ำ และหมอนนุ่ม ๆ หรือห่วงยางรองบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ เช่น ส้นเท้า, ก้นกบ, ปุ่มกระดูกต่าง ๆ ดูแลผิวหนัง: รักษาผิวหนังให้ แห้งและสะอาด เสมอ โดยเฉพาะบริเวณที่เปียกชื้นจากปัสสาวะหรืออุจจาระ ใช้โลชั่นทาบริเวณผิวหนังที่แห้งเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น แต่ ห้าม นวดบริเวณที่มีกระดูกยื่น เช่น ก้นกบ เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อข้างใต้เสียหายได้ 1.2 การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล (Hygiene Care) ทำความสะอาดร่างกาย: เช็ดตัว หรืออาบน้ำให้ผู้ป่วยอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง โดยเน้นบริเวณข้อพับและซอกต่าง ๆ ดูแลช่องปาก: แปรงฟันหรือเช็ดทำความสะอาดช่องปากและลิ้น เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อราและฟันผุ การขับถ่าย: ดูแลเรื่องการขับถ่ายให้เป็นปกติ ถ้าผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายได้ ให้ทำความสะอาดทันทีที่เปรอะเปื้อนและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อยครั้ง 1.3 การทำกายภาพบำบัดเบื้องต้น (Passive Exercise) ขยับข้อต่อ: ช่วยขยับแขนขาและข้อต่อของผู้ป่วยให้เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันข้อยึดติด (Contracture) ควรทำอย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อวัน 2. 🍲 การให้อาหารทางสายยาง (Tube Feeding) การให้อาหารทางสายยางต้องทำด้วยความสะอาดและระมัดระวังสูงสุด เพื่อป้องกันการสำลักและอาหารเป็นพิษ 2.1 การเตรียมตัวและจัดท่า (Preparation and Positioning) ล้างมือ: ล้างมือให้สะอาดก่อนจับอุปกรณ์และอาหาร เตรียมอาหาร: ตรวจสอบ วันหมดอายุ และ อุณหภูมิของอาหาร อาหารควรเป็นอุณหภูมิห้อง ไม่ควรเย็นหรือร้อนจัด จัดท่าผู้ป่วย: จัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่า ศีรษะสูง 3045 องศา เสมอ และต้องคงท่านั้นไว้ อย่างน้อย 3060 นาที หลังให้อาหารเสร็จ 2.2 ขั้นตอนสำคัญก่อนให้อาหาร (Safety Checks) ตรวจสอบตำแหน่งสาย: ตรวจสอบรอยขีดที่สายยางว่าอยู่ตำแหน่งเดิมหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าสายไม่ได้เลื่อนหลุดออกมา วัดปริมาณอาหารค้าง (Residual Volume): ใช้กระบอกฉีดยา ดูดของเหลวในกระเพาะอาหารออกมา ก่อนเริ่มให้อาหาร หากปริมาณของเหลวค้างอยู่ในเกณฑ์ปกติ: ให้ใส่ของเหลวนั้นกลับเข้าไป แล้วให้อาหารต่อ หากปริมาณค้างเกินกำหนด (ตามคำสั่งแพทย์): ห้ามให้อาหารมื้อนั้น แล้วปรึกษาพยาบาลหรือแพทย์ทันที เพื่อป้องกันอาหารไหลย้อนกลับ 2.3 ขั้นตอนการให้อาหาร (Feeding Technique) ล้างสายก่อน: ใช้น้ำสะอาด 10-20 มล. หรือตามคำแนะนำของแพทย์ ฉีดเข้าไปในสายยางเพื่อล้างสิ่งตกค้างและตรวจสอบว่าสายไม่ตัน ให้อาหาร: เทอาหารใส่กระบอกให้อาหาร และปล่อยให้ อาหารไหลลงไปช้า ๆ ตามแรงโน้มถ่วง โดยยกกระบอกให้อาหารสูงประมาณ 1 ฟุตเหนือศีรษะผู้ป่วย อย่าใช้ลูกสูบดันอาหาร เพราะจะทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวเร็วเกินไป (เกิดอาการท้องอืด ท้องเสีย) ควรใช้เวลาให้อาหาร 1 มื้อ 1520 นาที ล้างสายหลังให้เสร็จ: เมื่ออาหารใกล้หมด ให้เท น้ำสะอาดตามลงไปทันที (ประมาณ 3050 มล.) เพื่อล้างทำความสะอาดสายยาง ป้องกันการอุดตัน 2.4 การดูแลสายยาง (Tube Care) ทำความสะอาด: ทำความสะอาดบริเวณที่สายยางสัมผัสกับผิวหนัง (เช่น รูจมูก/รอบรูเจาะ) ทุกวัน เพื่อป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อ เปลี่ยนสาย: หากเป็นสายยางทางจมูก (NG Tube) ต้องเปลี่ยนสายตามกำหนดที่ทันตแพทย์หรือพยาบาลแนะนำ (ส่วนใหญ่มักเป็นทุก 2-4 สัปดาห์) ข้อควรจำ: ต้องมีการสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดขณะให้อาหาร หากผู้ป่วยไอ, หายใจมีเสียงดัง, หรือมีอาการผิดปกติใด ๆ ให้หยุดให้อาหารและขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทันทีค่ะ |