หัวข้อ: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: Prince of ae92gti (หนุ่ย) ที่ 14 พฤษภาคม 2551 21:33:18 ขอ.... ออกความคิดเห็นหน่อยนะครับ
คือผมก็เข้าปั้มบ่อยอยู่เหมือนกันก็เห็นอะไรที่มันเปลื่ยนแปลงไปบ้าง การที่มีการเจอกันของ 2 คลับของ zone นี้ก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่น่าเกลียด นี่ครับ ไม่มีการแย่งกันจับจองที่นั่ง หรือแย่งของกินและเครื่องดื่มกันเลย ไม่มีการทะเลาะโต้เถียงกันเหมือนในบอร์ดเลย แต่ที่เห็นก็มีคนหน้าใหม่ๆเพิ่มขึ้น และก็คุยกันให้คำแนะนำ ปล่อยมุขให้ได้หัวเราะกันอบอุ่น เหมือนพี่เหมือนน้อง กับการที่จะให้แยกปั้มผมไม่เห็นด้วยเลย ถ้าจะให้เลือกผมก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่ ae racing แต่อย่าลืมนะครับคนที่ผมรู้จักก็มีคนที่ผมให้ความนับถือก็มีและคนกลุ่มนี้แห่ละที่ชวนผมคุยชวนผมกิน แล้วถ้าแยกไปจริงมันก็ตลก ทั้งๆอยู่แถวเดียวกัน ขับรถรุ่นเดียวกัน ชอบเหมือนๆกัน ต้องอยู่กันคนละที่ และเรื่อง sticker มันก็เป็นเรื่องเล็กๆ ที่มีคนบางคนที่ต้องการจุดประกายให้เป็นไฟเผา เผาทั้งใจเรา เผาทั้งคลับเรา ถ้ามีใครผ่านมาเห็นหรืออ่านบางกระทู้เข้า มันก็เหมือนว่าคนในคลับเราใจแคบไปหรือปล่าว เหมือนคนในคลับเราไม่รักกันเลย ทำไมเราไม่ปล่อยให้มันผ่านไปอย่างที่เคย เป็น กลับมาเป็นอย่างวันวาน วันวานยังหวานอยู่ ใครจะอยากเป็นอะไรก็เป็นให้เขาเป็นไป บรรยากาศแบบนี้ไม่น่าเข้าปั้มเลยดูมีแต่เรื่องเครียดๆ ส่วนคุณออฟใหญ่ประธานผมว่า เขาทำตัวเป็นกลางและมีเหตุผลอยู่แล้ว อย่าตอบโต้กันในนี้เลย อย่างสุภาษิตที่ว่า ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า รักกันดีกว่า ใครจะอยู่ที่ไหน ใครคนนั้นคงมีความคิดพอที่จะทำอะไร ตัดสินใจยังไง ให้ใครคนนั้นเลีอกด้วยตัวเอง ส่วนผมไม่อยากเลือก เพราะผมเป็นนกสองหัว ที่ไม่เคยให้ร้ายหรือนินทาใครลับหลัง เพราะผมเหยียบเรือสองแคมแล้วมันสบายใจ (เรือด่วน 4ag twin cam 16 วาว์ล) ด้วยความคิดส่วนตัวมิได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทุกฝ่าย ขอบคุณครับ หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: >> OaTzy << SZ#013 ที่ 14 พฤษภาคม 2551 21:47:48 รักพ่ออย่าละเทาะกัน ;D
หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: PANDA RACING ที่ 14 พฤษภาคม 2551 22:07:29 ผมเชื่อว่าหลายๆคน สามารถอยู่ 2 คลับได้ครับ เพราะว่าคนๆนั้น มีวุฒิภาวะ คิดอะไรเองเป็น และต้องการหาเพื่อนจริงๆ นิสัยดีจริงๆ
แต่กับบางคน อยู่ 2 คลับไม่ได้ เพราะคนนั้นนำพามาแต่ปัญหา ข้อสงสัย ยุแยง และบ้าพลังเกินไป สุดท้าย คนซวยก็คือ คนดีดีที่พลอยโดนหางเลขไปด้วยไงครับ เท่าที่อ่านดู ผมเชื่อว่ามีหลายคนเป็นคนดีจริงๆ ดูจากการตอบกระทู้ก็พอรู้ได้ครับ แต่ดูการตอบกระทู้บางคนสิครับ... ผมว่าเค้าอยุ่ทางนู้นฝั่งเดียวอะดีละ เพราะอยู่ที่ไหนก้คงสร้างปัญหาที่นั่นไม่จบละครับ ผมขอโทษ คนดีๆ ที่ต้องมารับรู้ เจอเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วยครับ เพราะผมก้โคดจะเบื่อเรื่องไร้สาระนี้เลยครับ แต่ถ้าไม่เคลียร์มันคงไม่จบหรอกครับ ขอโทษจริงๆ หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: oougy ที่ 15 พฤษภาคม 2551 10:11:10 ผมเชื่อว่าหลายๆคน สามารถอยู่ 2 คลับได้ครับ เพราะว่าคนๆนั้น มีวุฒิภาวะ คิดอะไรเองเป็น และต้องการหาเพื่อนจริงๆ นิสัยดีจริงๆ แต่กับบางคน อยู่ 2 คลับไม่ได้ เพราะคนนั้นนำพามาแต่ปัญหา ข้อสงสัย ยุแยง และบ้าพลังเกินไป สุดท้าย คนซวยก็คือ คนดีดีที่พลอยโดนหางเลขไปด้วยไงครับ เท่าที่อ่านดู ผมเชื่อว่ามีหลายคนเป็นคนดีจริงๆ ดูจากการตอบกระทู้ก็พอรู้ได้ครับ แต่ดูการตอบกระทู้บางคนสิครับ... ผมว่าเค้าอยุ่ทางนู้นฝั่งเดียวอะดีละ เพราะอยู่ที่ไหนก้คงสร้างปัญหาที่นั่นไม่จบละครับ ผมขอโทษ คนดีๆ ที่ต้องมารับรู้ เจอเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วยครับ เพราะผมก้โคดจะเบื่อเรื่องไร้สาระนี้เลยครับ แต่ถ้าไม่เคลียร์มันคงไม่จบหรอกครับ ขอโทษจริงๆ เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง :emotn :emotn หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: aod_ae ที่ 15 พฤษภาคม 2551 10:56:55 ผมเชื่อว่าหลายๆคน สามารถอยู่ 2 คลับได้ครับ เพราะว่าคนๆนั้น มีวุฒิภาวะ คิดอะไรเองเป็น และต้องการหาเพื่อนจริงๆ นิสัยดีจริงๆ ไม่เป็นไรครับ ที่ไหน ๆ ก็มีปัญหาครับ...แต่กับบางคน อยู่ 2 คลับไม่ได้ เพราะคนนั้นนำพามาแต่ปัญหา ข้อสงสัย ยุแยง และบ้าพลังเกินไป สุดท้าย คนซวยก็คือ คนดีดีที่พลอยโดนหางเลขไปด้วยไงครับ เท่าที่อ่านดู ผมเชื่อว่ามีหลายคนเป็นคนดีจริงๆ ดูจากการตอบกระทู้ก็พอรู้ได้ครับ แต่ดูการตอบกระทู้บางคนสิครับ... ผมว่าเค้าอยุ่ทางนู้นฝั่งเดียวอะดีละ เพราะอยู่ที่ไหนก้คงสร้างปัญหาที่นั่นไม่จบละครับ ผมขอโทษ คนดีๆ ที่ต้องมารับรู้ เจอเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วยครับ เพราะผมก้โคดจะเบื่อเรื่องไร้สาระนี้เลยครับ แต่ถ้าไม่เคลียร์มันคงไม่จบหรอกครับ ขอโทษจริงๆ อยู่ ที่ วิจารณญาณ ของผู้อ่านครับ.... หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: cola-levin92 ที่ 15 พฤษภาคม 2551 11:08:14 :emoe :emoe คลับไหนก็คนไทยทั้งนั้น ประเทศชาติยังแตกแยกไม่พอหรอ น้ำมันยังแพงไม่พอหรอ พวกเราจึงมาทะเลาะกันแค่เรื่องคลับ เป็นคนไทยกันหรอเปล่า :emof :emof :emof
ทหารในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: New. ที่ 15 พฤษภาคม 2551 11:55:03 ผมเชื่อว่าหลายๆคน สามารถอยู่ 2 คลับได้ครับ เพราะว่าคนๆนั้น มีวุฒิภาวะ คิดอะไรเองเป็น และต้องการหาเพื่อนจริงๆ นิสัยดีจริงๆ แต่กับบางคน อยู่ 2 คลับไม่ได้ เพราะคนนั้นนำพามาแต่ปัญหา ข้อสงสัย ยุแยง และบ้าพลังเกินไป สุดท้าย คนซวยก็คือ คนดีดีที่พลอยโดนหางเลขไปด้วยไงครับ เท่าที่อ่านดู ผมเชื่อว่ามีหลายคนเป็นคนดีจริงๆ ดูจากการตอบกระทู้ก็พอรู้ได้ครับ แต่ดูการตอบกระทู้บางคนสิครับ... ผมว่าเค้าอยุ่ทางนู้นฝั่งเดียวอะดีละ เพราะอยู่ที่ไหนก้คงสร้างปัญหาที่นั่นไม่จบละครับ ผมขอโทษ คนดีๆ ที่ต้องมารับรู้ เจอเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วยครับ เพราะผมก้โคดจะเบื่อเรื่องไร้สาระนี้เลยครับ แต่ถ้าไม่เคลียร์มันคงไม่จบหรอกครับ ขอโทษจริงๆ ตามนั้นเลยครับ :emo2 หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: cola-levin92 ที่ 16 พฤษภาคม 2551 01:24:59 ต้องทำลายความเห็นแก่ตัวก่อน
เป็นอันว่า หลักในทางพระศาสนาหรือ ทางศีลธรรมก็ตาม ล้วนแต่ ต้องการให้ ทำลายความเห็นแก่ตัวเป็นข้อแรก ดังนั้นพระพุทธศาสนาเรา จึงยกเอา สักกาย ทิฎฐิ คือ ความเห็นแก่ตัว เห็นว่า กายนี้ของตัว นี้มาเป็นข้อแรกหรือเป็นสิ่งแรก ที่จะต้องพยายาม ละเสีย เราผู้ต้องการจะปฏิบัติ ในหลักพระพุทธศาสนา ต้อง ทำอย่างนี้ และทำเรื่อยๆไป จนหมดความเห็นแก่ตัว โดยสิ้นเชิง ในการ ละ สัญโญชน์ และอนุสัย ให้หมดสิ้น หมดความเห็นแก่ตัวไม่มีตัวเหลืออยู่จริงๆ เมื่อนั้นแหละจะกลายเป็นคนที่ไม่มี ความทุกข์ อีกต่อไป คือ กลายเป็นคนที่ไม่ตาย ไม่มีตัวตน ที่จะต้องตาย ไม่มี ความทุกข์ เพราะไม่มีความหวังอะไร ไม่มีความอยากเหลืออยู่ ให้เห็ด หัวเราะ เยาะ อีกต่อไป หมายความว่า ไม่มีความหวัง หรือความอยากอะไร เหลืออยู่ แม้ แต่น้อย นั่นเอง ไม่ได้อยากอยู่ ไม่ได้อยากตาย และ ไม่ได้อยาก อะไรทั้งหมด เพราะว่า ไม่มีตัวกู ที่จะอยาก นี่แหละ คือความไม่ตาย นี่แหละคือ ความที่เป็นทุกข์ไม่ได้ ไม่ว่าอะไรๆ มันจะเป็นไปอย่างไร จิตใจ ชนิดนี้ มันมีความทุกข์ไม่ได้ ในตัวของตัวเอง ก็ไม่มีอาการที่เป็นบ้า หมาย ความว่า หายโรคบ้า หายโรคเป็นบ้านี้โดยสิ้นเชิง ไม่มีตัวตน ที่จะเหลืออยู่ สำหรับรับรองโรคนี้ โรคนี้ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีที่อาศัย ก็เกิดขึ้นไม่ได้ หมายความ ว่า จิตใจชนิดนี้ ไม่เป็นที่ตั้ง ไม่มีที่อาศัย ของความ ยึดมั่น ถือมั่น ซึ่งเป็นโรค บ้า โรคบ้า จึงเกิดขึ้นในจิตใจ ชนิดนี้ไม่ได้ นี่แหละ คือ หนทางทางเดียว เท่านั้น ที่จะทำให้ทุกข์ กับเขาไม่เป็น เป็นทุกข์ กับเขาไม่เป็น เพราะว่า เป็นบ้ากับเขาไม่เป็น เมื่อเป็นบ้า กับเขาไม่เป็นแล้ว ก็ เป็นทุกข์ กับเขาไม่เป็น แม้ว่าโลกนี้ จะเต็มไปด้วย คนบ้า หรือจะเต็มไปด้วย ความทุกข์ อย่างไร จิตใจนี้ เป็นบ้าไม่ได้ เป็นทุกข์ไม่ได้ เป็นทางออก ทาง เดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่น ที่คนเรา จะเป็นทุกข์ไม่ได้ เป็นบ้าไม่ได้ คือ พยายาม ศึกษาปฏิบัติ จนได้รับผล ของการปฏิบัติ เป็นธรรมะที่ทำลาย ความยึดมั่น ถือ มั่น เสียได้ นี้เรียกว่า ธรรมะกำมือเดียว หมายความว่า ไม่มีเรื่องอื่น อีกแล้ว มี แต่ เรื่องเดียว แล้วเรื่องเดียวนี้ ก็ไม่มากมายอะไร เป็นเรื่องสั้นๆ ลัดๆ คือ ทำลายความ ยึดมั่น ถือมั่น ว่าตัวกู-ว่าของกูเท่านั้นเอง แต่คนที่ได้รับ คำสั่งสอน ในข้อนี้ ได้รับมาก อย่างที่เป็นเมฆ หรือเป็นหมอก เป็นฝ้า บังความจริง จึงมาเห็น เป็นเรื่องมากมาย ใหญ่โต มันกลับกลาย เป็น ว่า จะต้องเรียนให้หมด ทั้ง ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์บ้าง จะต้องเรียนให้รู้ว่า กี่เรื่อง กี่สิบเรื่อง กี่ร้อยเรื่อง กี่พันเรื่อง จนกระทั่ง เวียนหัวไปหมด ไม่หมุน มาสู่ เรื่องที่จะ ทำลายความเห็นแก่ตัว หรือ ทำลายความรู้สึก ว่าตัวกู ว่า ของกู แต่ประการใด เพราะเหตุนี้เอง จึงได้ขอร้องแล้ว ขอร้องอีก ว่า จงเป็นอยู่ในลักษณะ ที่จะ กำจัด ความเห็นแก่ตัว หรือ ความที่มีตัว เราประกอบการงาน ไปตามปกติ ที่มนุษย์เราจะต้องทำ และในขณะที่ ประกอบการงานนั้น จะเป็นโอกาส ให้ กิเลสเกิดขึ้น สำหรับเห็นแก่ตัว แล้วเราก็มีโอกาส จัดการกับ กิเลสข้อนี้ คือล่อ ให้มันออกมา ด้วยสติสัมปชัญญะ แล้วก็ฆ่ามันเสีย ทำประหนึ่งว่า กิเลสนี้ เหมือนกับเหยื่อ ที่เราจะจับมา ฆ่าเสียให้ตาย เรามีอาการเหมือนกับ เสือ ที่ ซุ่มอยู่ในที่ที่เหมาะสม สำหรับที่จะจับเหยื่อ ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านั้น พระพุทธเจ้าท่านเปรียบภิกษุ ว่าเหมือนกับเสือ แล้วก็ซุ่มอยู่ในป่า คือ สติ หรือ สติปัฎฐานทั้ง ๔ นี้เรียกว่าสติ นี้เปรียบเหมือนป่า เสือจะต้อง อาศัย อยู่ในป่า ซุ่มอยู่ในป่า ซ่อนอยู่ในป่า ให้เหมาะๆ จึงจะจับเหยื่อ คือกิเลสได้ ขาดสติเมื่อใด ก็ไม่มีป่า เสือออกมา เห็นโทนโท่ แล้วเสือนั่นแหละ ถูกยิง ถูกฆ่าเสีย ตายเอง แต่ถ้าเสือมีป่าที่ดี คือมีสติที่ดี ..ยุ่ง..็จะเป็นฝ่ายที่ซุ่มอยู่ แล้วก็จับกิเลสซึ่งเป็นเหยื่อนั้นได้โดยง่ายดาย คนบ้าไม่มีสติ คนบ้าเป็นคนที่ไม่มีสติ เมื่อทำตนเป็นคนบ้าเสียแล้ว มันก็ ไม่มีสติ จึงมีอาการ เหมือนกับ เสือที่ไม่มีป่าจะอยู่ เหมือนกับ เสือที่ไม่มีป่า จะซุ่มจะซ่อน มันก็หมดความเป็นเสือ หรือไม่สามารถ จะทำหน้าที่ของเสือ ภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ก็เรียกว่าผู้ปฏิบัติ เหมือนๆ กัน คืออยู่ในลักษณะ ที่จะต้องเป็นเสือ ด้วยกัน ในเมื่อ มีเหยื่อ คือ กิเลส ที่จะต้องฆ่า จะต้องทำลาย ด้วยแล้ว ก็จะต้องใช้วิธี เหมือนๆ กัน คือ เป็นอยู่ด้วยสติ จริงๆ เดี๋ยวนี้ ชอบเป็นคนบ้า เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ มากลายเป็น คนบ้า ไปเสีย ทั้งวัน ทั้งคืน อย่างนี้ ก็คือไม่มีสติ จึงเป็น เหมือน กับ เสือที่ไม่มีป่า ที่จะซุ่มสำหรับจับเหยื่อ คือกิเลส แล้วจะไป โทษใคร? สิ่ง ที่เป็นกิเลส คือ ตัวกู-ของกู นั้น มันก็แพร่หลายมาก มันก็ ออกลูก ออกหลาน มากมาย จนยากที่จะ ปราบมันได้ หรือกำจัดมันได้ หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: aob SZ#019 ที่ 16 พฤษภาคม 2551 19:02:10 ต้องทำลายความเห็นแก่ตัวก่อน ขอบคุนคับคุนหนุ่ย ส่วนโคล่าบวชเมื่อไหร่บอกด้วยนะ 55+ เด๊ยวจะไปไปเที่ยวก่อนบวชเป็นอันว่า หลักในทางพระศาสนาหรือ ทางศีลธรรมก็ตาม ล้วนแต่ ต้องการให้ ทำลายความเห็นแก่ตัวเป็นข้อแรก ดังนั้นพระพุทธศาสนาเรา จึงยกเอา สักกาย ทิฎฐิ คือ ความเห็นแก่ตัว เห็นว่า กายนี้ของตัว นี้มาเป็นข้อแรกหรือเป็นสิ่งแรก ที่จะต้องพยายาม ละเสีย เราผู้ต้องการจะปฏิบัติ ในหลักพระพุทธศาสนา ต้อง ทำอย่างนี้ และทำเรื่อยๆไป จนหมดความเห็นแก่ตัว โดยสิ้นเชิง ในการ ละ สัญโญชน์ และอนุสัย ให้หมดสิ้น หมดความเห็นแก่ตัวไม่มีตัวเหลืออยู่จริงๆ เมื่อนั้นแหละจะกลายเป็นคนที่ไม่มี ความทุกข์ อีกต่อไป คือ กลายเป็นคนที่ไม่ตาย ไม่มีตัวตน ที่จะต้องตาย ไม่มี ความทุกข์ เพราะไม่มีความหวังอะไร ไม่มีความอยากเหลืออยู่ ให้เห็ด หัวเราะ เยาะ อีกต่อไป หมายความว่า ไม่มีความหวัง หรือความอยากอะไร เหลืออยู่ แม้ แต่น้อย นั่นเอง ไม่ได้อยากอยู่ ไม่ได้อยากตาย และ ไม่ได้อยาก อะไรทั้งหมด เพราะว่า ไม่มีตัวกู ที่จะอยาก นี่แหละ คือความไม่ตาย นี่แหละคือ ความที่เป็นทุกข์ไม่ได้ ไม่ว่าอะไรๆ มันจะเป็นไปอย่างไร จิตใจ ชนิดนี้ มันมีความทุกข์ไม่ได้ ในตัวของตัวเอง ก็ไม่มีอาการที่เป็นบ้า หมาย ความว่า หายโรคบ้า หายโรคเป็นบ้านี้โดยสิ้นเชิง ไม่มีตัวตน ที่จะเหลืออยู่ สำหรับรับรองโรคนี้ โรคนี้ไม่มีที่ตั้ง ไม่มีที่อาศัย ก็เกิดขึ้นไม่ได้ หมายความ ว่า จิตใจชนิดนี้ ไม่เป็นที่ตั้ง ไม่มีที่อาศัย ของความ ยึดมั่น ถือมั่น ซึ่งเป็นโรค บ้า โรคบ้า จึงเกิดขึ้นในจิตใจ ชนิดนี้ไม่ได้ นี่แหละ คือ หนทางทางเดียว เท่านั้น ที่จะทำให้ทุกข์ กับเขาไม่เป็น เป็นทุกข์ กับเขาไม่เป็น เพราะว่า เป็นบ้ากับเขาไม่เป็น เมื่อเป็นบ้า กับเขาไม่เป็นแล้ว ก็ เป็นทุกข์ กับเขาไม่เป็น แม้ว่าโลกนี้ จะเต็มไปด้วย คนบ้า หรือจะเต็มไปด้วย ความทุกข์ อย่างไร จิตใจนี้ เป็นบ้าไม่ได้ เป็นทุกข์ไม่ได้ เป็นทางออก ทาง เดียวเท่านั้น ไม่มีทางอื่น ที่คนเรา จะเป็นทุกข์ไม่ได้ เป็นบ้าไม่ได้ คือ พยายาม ศึกษาปฏิบัติ จนได้รับผล ของการปฏิบัติ เป็นธรรมะที่ทำลาย ความยึดมั่น ถือ มั่น เสียได้ นี้เรียกว่า ธรรมะกำมือเดียว หมายความว่า ไม่มีเรื่องอื่น อีกแล้ว มี แต่ เรื่องเดียว แล้วเรื่องเดียวนี้ ก็ไม่มากมายอะไร เป็นเรื่องสั้นๆ ลัดๆ คือ ทำลายความ ยึดมั่น ถือมั่น ว่าตัวกู-ว่าของกูเท่านั้นเอง แต่คนที่ได้รับ คำสั่งสอน ในข้อนี้ ได้รับมาก อย่างที่เป็นเมฆ หรือเป็นหมอก เป็นฝ้า บังความจริง จึงมาเห็น เป็นเรื่องมากมาย ใหญ่โต มันกลับกลาย เป็น ว่า จะต้องเรียนให้หมด ทั้ง ๘๔,๐๐๐ ธรรมขันธ์บ้าง จะต้องเรียนให้รู้ว่า กี่เรื่อง กี่สิบเรื่อง กี่ร้อยเรื่อง กี่พันเรื่อง จนกระทั่ง เวียนหัวไปหมด ไม่หมุน มาสู่ เรื่องที่จะ ทำลายความเห็นแก่ตัว หรือ ทำลายความรู้สึก ว่าตัวกู ว่า ของกู แต่ประการใด เพราะเหตุนี้เอง จึงได้ขอร้องแล้ว ขอร้องอีก ว่า จงเป็นอยู่ในลักษณะ ที่จะ กำจัด ความเห็นแก่ตัว หรือ ความที่มีตัว เราประกอบการงาน ไปตามปกติ ที่มนุษย์เราจะต้องทำ และในขณะที่ ประกอบการงานนั้น จะเป็นโอกาส ให้ กิเลสเกิดขึ้น สำหรับเห็นแก่ตัว แล้วเราก็มีโอกาส จัดการกับ กิเลสข้อนี้ คือล่อ ให้มันออกมา ด้วยสติสัมปชัญญะ แล้วก็ฆ่ามันเสีย ทำประหนึ่งว่า กิเลสนี้ เหมือนกับเหยื่อ ที่เราจะจับมา ฆ่าเสียให้ตาย เรามีอาการเหมือนกับ เสือ ที่ ซุ่มอยู่ในที่ที่เหมาะสม สำหรับที่จะจับเหยื่อ ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่านั้น พระพุทธเจ้าท่านเปรียบภิกษุ ว่าเหมือนกับเสือ แล้วก็ซุ่มอยู่ในป่า คือ สติ หรือ สติปัฎฐานทั้ง ๔ นี้เรียกว่าสติ นี้เปรียบเหมือนป่า เสือจะต้อง อาศัย อยู่ในป่า ซุ่มอยู่ในป่า ซ่อนอยู่ในป่า ให้เหมาะๆ จึงจะจับเหยื่อ คือกิเลสได้ ขาดสติเมื่อใด ก็ไม่มีป่า เสือออกมา เห็นโทนโท่ แล้วเสือนั่นแหละ ถูกยิง ถูกฆ่าเสีย ตายเอง แต่ถ้าเสือมีป่าที่ดี คือมีสติที่ดี ..ยุ่ง..็จะเป็นฝ่ายที่ซุ่มอยู่ แล้วก็จับกิเลสซึ่งเป็นเหยื่อนั้นได้โดยง่ายดาย คนบ้าไม่มีสติ คนบ้าเป็นคนที่ไม่มีสติ เมื่อทำตนเป็นคนบ้าเสียแล้ว มันก็ ไม่มีสติ จึงมีอาการ เหมือนกับ เสือที่ไม่มีป่าจะอยู่ เหมือนกับ เสือที่ไม่มีป่า จะซุ่มจะซ่อน มันก็หมดความเป็นเสือ หรือไม่สามารถ จะทำหน้าที่ของเสือ ภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกา ก็เรียกว่าผู้ปฏิบัติ เหมือนๆ กัน คืออยู่ในลักษณะ ที่จะต้องเป็นเสือ ด้วยกัน ในเมื่อ มีเหยื่อ คือ กิเลส ที่จะต้องฆ่า จะต้องทำลาย ด้วยแล้ว ก็จะต้องใช้วิธี เหมือนๆ กัน คือ เป็นอยู่ด้วยสติ จริงๆ เดี๋ยวนี้ ชอบเป็นคนบ้า เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ มากลายเป็น คนบ้า ไปเสีย ทั้งวัน ทั้งคืน อย่างนี้ ก็คือไม่มีสติ จึงเป็น เหมือน กับ เสือที่ไม่มีป่า ที่จะซุ่มสำหรับจับเหยื่อ คือกิเลส แล้วจะไป โทษใคร? สิ่ง ที่เป็นกิเลส คือ ตัวกู-ของกู นั้น มันก็แพร่หลายมาก มันก็ ออกลูก ออกหลาน มากมาย จนยากที่จะ ปราบมันได้ หรือกำจัดมันได้ หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: cola-levin92 ที่ 16 พฤษภาคม 2551 21:24:37 :emotq :emotq :emotq บวชแล้วครับท่านประธาน ตอนนี้อย่างเดี่ยวที่อยากทำ เขียนใบลาออก พรุ่งนี้เอาไปให้ด้วย :emox :emox :emox :emox
หัวข้อ: Re: อยากให้เป็นเหมือนเดิมจัง เริ่มหัวข้อโดย: not_amataman ที่ 16 พฤษภาคม 2551 21:32:06 :emotq :emotq :emotq บวชแล้วครับท่านประธาน ตอนนี้อย่างเดี่ยวที่อยากทำ เขียนใบลาออก พรุ่งนี้เอาไปให้ด้วย :emox :emox :emox :emox จะไปไหนเพื่อน |