หัวข้อ: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: sirisak@ ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 15:07:36 อยากทราบว่า ae101 4a-fe auto ใช้น้ำมันเกียร์กี่ลิตรครับ แล้วถ้าใช้ Dexron III จะเป็นไรป่าวครับ เพราะที่ก้านวัดระบุ Dexron II ผมใช้น้ำมันเกียร์ของบางจากDexron III เพิ่งเปลี่ยนเมื่อวานเอง..
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: smilegames ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 15:15:43 ใช้ประมาณ 3 ลิตร หน่อยๆ ครับ ผมก็เคยเปลี่ยน เป็น DIII เหมือนกัน แต่ผมว่าวิ่งสู้ ของ Toyota ที่เป็น D II ไม่ได้นะครับ หรือว่าคิดไปเองก็ไม่รู้
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: BIG 92 ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 15:27:17 Dexron II กับ III ผมว่าเป็นคำถาม เหมือน ไก่ กับ ไข่ อะไรเกิดก่อนกันนะครับ ตั้งแต่หาข้อมูลมาไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าใช้แท่นกันได้หรือไม่ ส่วนของผมที่ก้านวัดระบุ Dexron II แต่ก็ใช้ III เหมือนกันครับ แต่ก็ไม่รู้ว่าระยะยาว ๆ เกียร์จะพังไวหรือไม่ เพราะ III เขาทำมาเพื่อสำหรับเกียร์รถรุ่นใหม่ ๆ ครับ
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: But@_Bless ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 17:00:58 อุณหภูมิที่ไม่เหมือนกัน ส่วนที่ว่าเกียร์จะเป็นอะไรไหม ไม่เคยเห็นกับตาเลยไม่ตอบดีกว่า เพราะก็มีเยอะไปที่ใช้ III มานานปี
ตอนที่ยังมีรถผมรู้แต่ว่าหาน้ำมันตามที่ระบุไว้ดีกว่า เพราะมันก็ยังหาได้ ยี่ห้อที่ผมใช้ 1 ลิตร 140 บาทซื้อจากปั๊มน้ำมันครับ มีแบบแกลอนด้วย 5 ลิตร 650 บาท ที่ร้านอะไหล่ ยกตัวอย่าง ยี่ห้อที่ผมใช้ โมบิล เอทีเอฟ 220 dexron II คุณสมบัติทั่วไป ความหนืด , ASTM D 445 cSt @ 40°C 37 cSt @100°C 7.0 ความหนืดบรูคฟิลด์, ASTM D 5293,-cP @ -40°C 33,000 ดัชนีความหนืด, ASTM D 2270 153 จุดไหลเท , °C, ASTM D 97 -44 จุดวาบไฟ, °C, ASTM D 92 200 ความหนาแน่น@ 15°C, kg/L,ASTM D 4052 0.870 สี แดง เปรียบเทียบกับ โมบิลมัลติเพอร์เพิส ATF Dexron III คุณสมบัติทั่วไป ความหนืด , ASTM D 445 cSt @ 40°C 32 cSt @100°C 7.0 ความหนืดบรูคฟิลด์, ASTM D 2983, -cP @ -40ºC 16,200 ดัชนีความหนืด, ASTM D 2270 176 จุดไหลเท , °C, ASTM D 97 -51 จุดวาบไฟ, °C, ASTM D 92 182 ความหนาแน่น@ 15°C, kg/L,ASTM D 4052 0.860 สี แดง หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: plew_ch ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 20:19:06 เปลี่ยนวันนี้เหมือนกัน ลองใส่3ลิตรดู ขาดไปหน่อย ใช้ของ trand DEX II ลิตละ 90บาท
เวลาวัดน้ำมันเกียร์ พอใส่ใหม่ฯวัดดุไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะ ท่อน้ำมันมันที่เติม มันกลบ ทำให้ก้านวัดติดน้ำมันมาจนแยกไม่ออกว่าเกินหรือขาด ต้องไปวิ่งสักพัก ให้น้ำมันไหลลงไม่ติดผนังท่อ แล้ววัดอีกที่ 3 ลิตรได้แค่ ตรง cool ขีดล่าง ซึ่งแปลว่าน้อยไป มันต้องไม่ต่ำกว่าขีด HOT ล่าง คงต้องหามาเติม หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: BUT_AE101 ~Lx~ ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 21:44:06 ผมใช้ dexron II ของโมบิลตลอดครับ
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: smilegames ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 21:55:30 ผมว้ดน้ำมันเกียร ตอนสตาร์ท เครื่องสักพัก แล้วก็เปลี่ยนเกียรไปมา ทุกเกียร แล้วจึงค่อยมาวัดที่ก้านครับ ที่ช่วง Hot
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: BIG 92 ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 22:05:46 ผมว้ดน้ำมันเกียร ตอนสตาร์ท เครื่องสักพัก แล้วก็เปลี่ยนเกียรไปมา ทุกเกียร แล้วจึงค่อยมาวัดที่ก้านครับ ที่ช่วง Hot ให้ดูระดับน้ำมันเกียร์ถึงคำว่า Hot เขาถึงจะเรียกว่าไม่เกินไม่ขาดใช้ไหมครับ :emoj หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: smilegames ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 22:14:07 เจอพอดี http://www.phithan-toyota.com/th74/article/detail/185/7
การใช้เกียร์อัตโนมัติ 1. การเลือกใช้ตำแหน่งคันเกียร์ 1.1 การเลือกใช้ตำแหน่ง N ไปที่ตำแหน่ง R และ P หรือเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง 2ไปที่ตำแหน่ง 1 (หรือ L) ดังที่แสดงด้วยลูกศร จะต้องกดปุ่มปลดล็อคที่คันเกียร์ก่อนจึงจะสามารถเลื่อนคันเกียร์ไปตามตำแหน่งที่กล่าวมาแล้วได้ 1.2. การเลื่อนคันเกียร์ระหว่าง N , D และ 2 ไม่จะเป็นต้องกดปุ่มปลดล็อคที่คันเกียร์ หมายเหตุ รถยนต์บางยี่ห้ออาจต้องมีการปลดล็อคก็ได้ (http://www.phithan-toyota.com/technic/images/gear.gif) สำคัญ ! 1.3 การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์จากเกียร์เดินหน้าไปเป็นเกียร์ถอยหลัง หรือจากเกียร์ถอยหลังไปเป็นเกียร์เดินหน้า ควรให้รถยนต์หยุดนิ่งเสียก่อน (เหยียบคันเหยียบเบรคไว้) จึงเปลี่ยน 1.4 ควรเลือกใช้ตำแหน่งคันเกียร์ให้ตรงตามสภาพการขับขี่ และลักษณะของถนน - ตำแหน่ง P (parking) หมายถึงตำแหน่งเกียร์จอด ใช้สำหรับการจอดรถยนต์ ณ.ที่จอดรถโดยจะใช้พร้อมกับการดึงเบรคมือ - ตำแหน่ง R (reverse) หมายถึงตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง - ตำแหน่ง N (neutra) หมายถึงเกียร์ว่าง - ตำแหน่ง D (drive) หมายถึงตำแหน่งเกียร์เดินหน้าปกติ ในตำแหน่งนี้เกียร์จะเปลี่ยน ขึ้นหรือลงได้เองโดยอัตโนมัติ จากเกียร์ 1,2,3 และ 4 หรือจากเกียร์ 4,3,2 และ1ได้ตามลำดับ - ตำแหน่ง 2 หมายถึง ตำแหน่งเกียร์เดินหน้า ซึ่งเกียร์จะสามารถเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้เพียง 2 ตำแหน่งเกียร์เท่านั้น 1 และเกียร์ 2 เหมาะสำหรับสภาพถนนที่เป็นทางลาดชัน ขึ้นหรือลงเขาในตำแหน่งเกียร์นี้จะอาศัยการเบรกด้วยเครื่องยนต์ได้ - ตำแหน่ง L (low) หมายถึงเกียร์เดินหน้า ซึ่งเกียร์จะทำงานในตำแหน่งเกียร์ 1 เพียงเกียร์เดียวเท่านั้น เหมาะสำหรับการขับขี่ที่ต้องการแรงบิดจากเครื่องยนต์อย่างมาก หรือในสภาพถนนที่มีความลดชัน ขึ้นหรือลงเขา จะสามารถอาศัยการเบรกด้วยเครื่องยนต์ได้ อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งคันเกียร์ของรถยนต์บางยี่ห้ออาจตำแหน่งนอกเหนือจากที่กล่าวมา แล้วก็มีเช่น ก. P,R,N,D,3,2 และ1 ข. P,R,N,D4,D3 และ 2 จากข้อ ก. จะมีตำแหน่ง 3 เพิ่มขึ้นมา ซึ่งหมายถึงตำแหน่งเกียร์สามารถเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้โดยอัตโนมัติเพียง 3 ตำแหน่งเกียร์เท่านั้น คือจากเกียร์ 1,2 และ 3 หรือจากเกียร์ 3,2 และ 1 ตามลำดับส่วนตำแหน่ง 1 จะมีการทำงานเหมือนกับตำแหน่ง L จากข้อ ข. จะมีตำแหน่ง D3 เพิ่มขึ้นมา ซึ่งหมายถึงตำแหน่งเกียร์สามารถเปลี่ยนขึ้นหรือลงได้โดยอัตโนมัติเพียง 3 ตำแหน่งเกียร์เหมือนกับตำแหน่ง 3 ในข้อ ก. ส่วนตำแหน่ง D4จะมีการทำงานเหมือนกับตำแหน่ง D 2. การใช้เกียร์อัตโนมัติอย่างถูกต้อง การใช้เกียร์อัตโนมัติอย่างถูกต้องควรปฏิบัติดังต่อไปนี้ 2.1 ก่อนทำการติดเครื่องยนต์ ต้องเลื่อนคันเกียร์ให้มาอยู่ที่ตำแหน่ง N หรือ P เท่านั้นเพราะในตำแหน่งอื่น ๆ จะไม่สามารถบิดสวิตซ์กุญแจเพื่อเครื่องยนต์ให้หมุนได้ (เป็นระบบความปลอดภัยของการ ใช้เกียร์อัตโนมัติ) 2.2. สวิตช์โอเวอร์ไดรฟ์ควรอยู่ในตำแหน่ง ON เสมอ ทั้งนี้เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิงและช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ลงได้ (ในกรณีที่ขับขี่ในสภาพการจราจรปกติ) 2.3. ไม่ควรเหยียบคันเร่งขณะที่กำลังเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง N ไปยังตำแหน่ง D 2.4 ไม่ควรเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง D ไปยังตำแหน่ง 2 หรือ 1 ทันทีทันใด เมื่อรถยนต์กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงมาก ๆ (ประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป) เพราะอาจทำให้รถเสียการทรงตัว ล้อลื่นไถล และเกียร์อัตโนมัติอาจชำรุดเสียหายได้ (อายุการใช้งาน) 2.5. เมื่อขับรถยนต์ขึ้นทางลาดชันหรือต้องใช้แรงฉุดมาก ๆ ให้เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง 2 หรือ L ตามความเหมาะสม แต่ควรเปลี่ยนตำแหน่งของคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง D บ้าง เพื่อป้องกันเกียร์อัตโนมัติิร้อนจัด อันเนื่องมาจากต้องทำงานหนักมาก 2.6. ขณะที่เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง R ควรเหยียบคันเหยียบเบรกไว้ด้วยเพื่อป้องกันชิ้นส่วนภายในกระปุกเกียร์ชำรุดหรือสึกหรอเร็ว (บางกรณีรถอาจไม่หยุดนิ่ง) 2.7. การจอดรถยนต์ ควรเหยียบคันเหยียบเบรกให้รถยนต์หยุดสนิท ดึงเบรกมือและเลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง P อย่างไรก็ตาม ไม่ควรเลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง P เมื่อรถยนต์กำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงเพราะอาจทำให้ชิ้นส่วนภายในกระปุกเกียร์ชำรุด และเกิดอันตรายจากการที่ไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ 2.8. ในกรณีที่เกียร์มีการเปลี่ยนตำแหน่งขึ้นหรือลงกลับไปกลับมาระหว่างเกียร์ 3 และเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์บ่อย ๆ ครั้ง ควรกดสวิตช์โอเวอร์ไดรฟ์ให้อยู่ตำแหน่ง OFF 2.9. ไม่ควรใช้ตำแหน่งเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ ( on ) เมื่อต้องมีการลากจูงรถยนต์อื่น 2.10. ไม่ควรจอดรถยนต์ไว้บนทางลาดชัน โดยวิธีเหยียบคันเร่งไว้เล็กน้อย เมื่อคันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง D เพราะอาจทำให้เกียร์อัตโนมัติร้อนจัดได้ ควรเปลี่ยนมาใช้วิธีเหยียบคันเหยียบเบรกหรือดึงเบรกมือแล้วเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง N แทน 2.11. ถ้าหลอดไฟเตือน O/D OFF กระพริบเตือน แสดงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นภายในเกียร์อัตโนมัติไม่ควรใช้รถยนต์ต่อไปในระยะทางที่ไกลมาก ๆ ควรตรวจหาสาเหตุหรือนำเข้าศูนย์บริการ 2.12. ขณะจอดติดไฟแดง หรือจอดอยู่ที่อาจมีรถอื่นมาชนได้ ไม่ควรเข้าเกียร์ P เพราะถ้าถูกชนแล้วอาจทำให้เกียร์ชำรุดได้ *** กรณีที่จอดรถและให้มีการเลื่อนรถได้ขณะจอดรถทิ้งไว้ เช่น ห้างสรรพสินค้าโรงภาพยนต์ ควรปฎิบัติดังนี้ ควรเหยียบคันเหยียบเบรกให้รถยนต์หยุดสนิทเลื่อนคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง P ดับเครื่องยนต์ กดปุ่ม shift lock (บริเวณโคนเกียร์) เลื่อนตำแหน่ง เกียร์ P มายังตำแหน่ง N 3. การตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ การตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ ควรตรวจสอบขณะที่กระปุกเกียร์และน้ำมันเกียร์มีอุณหภูมิการทำงานปกติ (ประมาณ 70 ถึง 80 องศาเซลเซียล) หรือให้รถยนต์วิ่งมาแล้วไม่น้อยกว่า15 ถึง 20 กก. แต่ถ้าวิ่งมาแล้วด้วยความเร็วสูงเป็นระยะเวลานาน ๆ สภาพการจราจรติดขัดอากาศร้อนจัด บรรทุกน้ำหนัก มาก หรือลากจูงรถยนต์คันอื่นมา ก่อนทำการตรวจสอบระดับน้ำมันเกียร์ จะต้องดับเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 30 นาทีเสียก่อน หลังจากนั้นจึงเริ่มทำการตรวจสอบตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 3.1. จอดรถยนต์ไว้บนพื้นราบและดึงเบรคมือไว้ 3.2. ทำการติดเครื่องยนต์ ให้ติดเดินเครื่องเบา และเหยียบเบรกไว้ แล้วเลื่อนคันเกียร์จากตำแหน่ง P ไปยังตำแหน่ง R,N,D,2 และ L ตามลำดับและให้เลื่อนกลับมาที่ตำแหน่ง P ตามเดิมแล้วดึงก้านเหล็กวัดระดับน้ำมันเกียร์ออกมาตรวจสอบ ระดับน้ำมันเกียร์ควรจะอยู่ในช่วงขีด HOT และควรสังเกตสีของน้ำมัน เกียร์ด้วยว่ามีสีผิดปกติหรือไม่ (http://www.phithan-toyota.com/technic/images/auto2-1.gif) 3.3. ทำความสะอาดก้านเหล็กวัดระดับน้ำมันเกียร์ด้วยผ้าสะอาดและไม่ควรมีขนหรือเศษใยผ้า 3.4. นำก้านเหล็กวัดระดับน้ำมันเกียร์สอดเข้าที่เดิม และควรดันเข้าให้สุดเพื่อป้องกันน้ำเข้าได้ 3.5. การตรวจระดับน้ำมันเกียร์ขณะที่เครื่องยนต์เย็นก็สามารถทำได้ โดยให้ตรวจสอบที่ช่วงCOOLของก้านเหล็กวัด และเพื่อความแน่นอนควรตรวจขณะเครื่องยนต์ร้อนในช่วง HOT อีกครั้ง 3.6. น้ำมันเกียร์ที่พร่องให้เติมเพิ่มโดยใช้กรวยที่สะอาดรองเติม น้ำมันเกียร์ที่ใช้ควรใช้ให้ถูกต้องตามคู่มือประจำรถยนต์แนะนำ 3.7. ตรวจดูรอยรั่วของน้ำมันเกียร์รอบ ๆ กระปุกเกียร์ ซึ่งอาจเกิดจากซีลน้ำมันบางตัวหรือประเก็นชำรุด และตรวจหารอยร้าวของกระปุกเกียร์ซึ่งอาจเกิดจากการกระแทกกับของแข็งเช่นก้อนหินขนาดใหญ่ด้วย 4. การติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์ การติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์ ในกรณีที่แบตเตอรี่ (batterry) หมดประจุหรือ มอเตอร์สตาร์ต (motor start) ไม่ทำงาน สำหรับรถยนต์ที่ใช้เกียร์ธรรมดาจะสามารถทำได้ แต่ในรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ การติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์เหมือนกับรถยนต์ใช้เกียร์ธรรมดา กำลังงานจากล้อขับของรถยนต์จะไม่สามารถส่งผ่านชุดเฟืองเปลี่ยนอัตราทดไปยังทอร์คคอนเวอร์เตอร์ และเครื่องยนต์ได้ ทั้งนี้เพราะว่าเมื่อเครื่องยนต์ไม่ทำงาน ปั้มน้ำมันของระบบควบคุมไฮดรอลิกก็จะไม่ทำงาน ทำให้ไม่สามารถส่งกำลังงานจากล้อขับของรถยนต์ไปยังเครื่องยนต์ได้ ดังนั้นการติดเครื่องยนต์ด้วยวิธีเข็นรถยนต์ สำหรับรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติจึงไม่สามารถทำได้ 5. วิธีการลากจูงรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ วิธีการลากจูงรถยนต์ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติในกรณีที่เครื่องยนต์เกิดขัดข้องไม่ทำงานปั๊มน้ำมันก็จะไม่ทำงานด้วย มีผลให้ระบบควบคุมไฮดรอลิกไม่สามารถทำงานได้ดังนั้นกำลังดันหล่อลื่นที่ใช้หล่อลื่นชิ้นส่วนภายในเกียร์อัตโดนมัติจึงไม่มีจะมีเพียงแต่น้ำมันเกียร์บางส่วนที่ตกค้างหรือจับชิ้นส่วนเป็นฟิล์มบาง ๆ เป็นตัวช่วยหล่อลื่นชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นเมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องลากจูงรถยนต์จึงควรปฏิบัติตามวิธีการดังต่อไปนี้ 5.1 ให้ปลดเบรกมือของรถยนต์ที่ถูกลากจูง 5.2 ปิดสวิตซ์กุญแจให้อยู่ตำแหน่ง OFF (ห้ามดึงลูกกุญแจออก) เพื่อป้องกันไม่ให้พวงมาลัยถูกล็อคและอาจจะปิดไปที่ตำแหน่ง ON บ้างเป็นบางครั้งคราวเมื่อต้องการเปิดไฟเลี้ยว 5.3 ความเร็วของรถยนต์ที่ใช้ลากจูงไม่ควรเกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 5.4 ระยะทางที่ลากจูงไปไม่ควร เกิน 60 ถึง 80 กิโลเมตร ถ้ามีระยะทางมากเกินไปควรปฏิบัติดังนี้ - ถ้าเป็นรถยนต์ที่ขับด้วยล้อหลัง ควรถอดเพลากลางออก - ถ้าเป็นรถยนต์ที่ขับด้วยล้อหน้า ให้ใช้วิธีลากโดยการยกล้อหน้าให้ลอยพ้นพื้นถนน หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: AE.พาฝัน ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 22:35:23 :emotk :emotk :emotk :emotk
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: [[Badd]] ที่ 14 พฤศจิกายน 2554 23:34:58 ผมใช้ dexron II ตามสเปคครับ
เคยใส่ dexIII ครั้งเดียวไม่รู้สึกอะไร รู้แต่ว่าน้ำมันเกียร์ใช้ตามสเปคดีก่า หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: totti สายเลี้ยว. ที่ 17 พฤศจิกายน 2554 05:00:21 เปลี่ยนมะวานเอง.......................3ลิตรหน่องๆ............... :emotq :emotq
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: Mart AE100 ™ ที่ 17 พฤศจิกายน 2554 06:10:26 ออยข้างหน้าแตก มีน้ำมันสีแดงๆไหลออกมา มันเป็นน้ำมันเกียร์ใช่หรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมอุดแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็คดูเลยว่าขาดหรือเปล่า แล้วจะมีผมอะไรมั้ย ท่าน้ำมันเกียร์ขาดครับ ?
หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: plew_ch ที่ 17 พฤศจิกายน 2554 06:40:44 ออยข้างหน้าแตก มีน้ำมันสีแดงๆไหลออกมา มันเป็นน้ำมันเกียร์ใช่หรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมอุดแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็คดูเลยว่าขาดหรือเปล่า แล้วจะมีผมอะไรมั้ย ท่าน้ำมันเกียร์ขาดครับ ? ใช่ น้ำมันเกียร์แน่นอนสีแดงฯ น้ำมันเพาเวอร์ก็สีแดง ก็เสียหายได้ในอนาคต เช็คระดับแล้วดูว่าขาดหรือไม่ ซื้อเติมได้ ทำเองได้ง่ายฯ น้ำมันเกียร์วัดตอนติดเครื่องอยู่นะครับ หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: Mart AE100 ™ ที่ 17 พฤศจิกายน 2554 06:58:11 ออยข้างหน้าแตก มีน้ำมันสีแดงๆไหลออกมา มันเป็นน้ำมันเกียร์ใช่หรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมอุดแล้ว แต่ยังไม่ได้เช็คดูเลยว่าขาดหรือเปล่า แล้วจะมีผมอะไรมั้ย ท่าน้ำมันเกียร์ขาดครับ ? ใช่ น้ำมันเกียร์แน่นอนสีแดงฯ น้ำมันเพาเวอร์ก็สีแดง ก็เสียหายได้ในอนาคต เช็คระดับแล้วดูว่าขาดหรือไม่ ซื้อเติมได้ ทำเองได้ง่ายฯ น้ำมันเกียร์วัดตอนติดเครื่องอยู่นะครับ รถไม่ค่อยได้ออกไปใช้งาน นานๆที แฟนจะเอาออกไปใช้ ตัวผมยังอยู่ต่างประเทศ จะบอกให้แฟนเช็คคงจะดูไม่เป็น คงไม่เป็นอะไรมั้งครับ หรือว่าจะเป็น ยังห่วงๆเหมือนกันครับ ... หัวข้อ: Re: น้ำมันเกียร์ออโต เริ่มหัวข้อโดย: Rong Fuel-Up ที่ 17 พฤศจิกายน 2554 11:54:57 รถคนที่รู้จักกันพังไป2คันเพราะใช้น้ำมันเกียร์ dexIII ครับ
รถพี่บ้านเบนซ์โบราณ พังเหมือนกันเพราะใช้ไม่ตรงครับ ไม่รู้ว่ามีผลอะไร แต่ปัจจุบัน รถเบนซ์โบราณที่บ้านใช้น้ำมันเกียร์ ถูกๆ และเอ็กซิเออร์ 4afe ก็ใช้น้ำมันเกียร์ถูกๆ แต่ตรงตามก้านวัด ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ |