หัวข้อ: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: cola-levin92 ที่ 04 ธันวาคม 2550 16:32:09 :emotk :emotk 80 เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้
> เมื่อทรงพระเยาว์ > > 1. ทรงพระราชสมภพเวลา 08.45น. > 2. นายแพทย์ผู้ทำคลอดชื่อ ดับลิว สจ๊วต วิตมอร์ มีน้ำหนักแรกประสูติ 6 ปอนด์ > 3. พระนาม?ภูมิพล?ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเ กล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 > 4. พระยศเมื่อแรกประสูติ คือ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า ภูมิพลอดุลยเดช > 5. ทรงมีชื่อเล่น ว่า เล็ก หรือ พระองค์เล็ก > 6. ทรงเคยเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมาแตร์เดอี เพราะช่วงพระชนมายุ 5 พรรษา ทรงเคยเข้าเรียนที่ > โรงเรียนแห่งนี้ 1 ปี มีพระนามในใบลงทะเบียนว่า ?H.H Bhummibol Mahidol?หมายเลขประจำตัว > 449 > 7. ทรงเรียกสมเด็จพระราชชนนีหรือสมเด็จย่า อย่างธรรมดาว่า?แม่? > 8. สมัยทรงพระเยาว์ ทรงได้ค่าขนม อาทิตย์ละครั้ง > 9. แม้จะได้เงินค่าขนมทุกอาทิตย์ แต่ยังทรงรับจ้างเก็บผักผลไม้ไปขาย เมื่อได้เงินมาก็นำไปซื้อเมล็ดผัก > มาปลูกเพิ่ม > 10. สมัยพระเยาว์ทรงเลี้ยงสัตว์หลายชนิดทั้งสุนัข กระต่าย ไก่ นกขุนทอง ลิง แม้แต่งูก็เคยเลี้ยง ครั้ง > หนึ่งงูตายไปก็มีพิธีฝังศพอย่างใหญ่โต > 11. สุนัขตัวแรกที่ทรงเลี้ยงสมัยพระเยาว์เป็นสุนัขไทย ทรงตั้งชื่อให้ว่า?บ๊อบบี้? > 12. ทรงฉลองพระเนตร (แว่นสายตา) ตั้งแต่พระชันษายังไม่เต็ม 10 ขวบ เพราะครูประจำชั้นสังเกต > เห็นว่าเวลาจะทรงจดอะไรจากกระดานดำจะต้องลุกขึ้นบ่อย ๆ > 13. สมัยพระเยาว์ทรงซนบ้าง หากสมเด็จย่าจะลงโทษ จะเจรจากันก่อนว่า โทษนี้ควรตีกี่ที ในหลวงจะ > ทรงต่อรอง 3 ที มากเกินไป 2ทีพอแล้ว > 14. ระหว่างประทับอยู่ สวิตเซอร์แลนด์ โดยระหว่างพี่น้องจะทรงใช้ภาษาฝรั่งเศส แต่จะใช้ภาษาไทย > กับสมเด็จย่าเสมอ > 15. ทรงได้รับการอบรมให้รู้จัก?การให้?โดยสมเด็จย่าจะทรง ตั้งกระป๋องออมสินเรียกว่า?กระป๋องคน > จน?หากทรงนำเงินไปทำกิจกรรมแล้วมีกำไร จะต้องถูก?เก็บภาษี?หยอดใส่กระปุกนี้ 10% ทุกสิ้นเดือน > สมเด็จย่าจะเรียกประชุมเพื่อถามว่าจะเอาเงินในกระป๋อ งนี้ไปทำอะไร เช่น มอบให้โรงเรียนตาบอด > มอบให้เด็กกำพร้า หรือทำกิจกรรมเพื่อคนยากจน > 16. ครั้งหนึ่ง ในหลวงกราบทูลสมเด็จย่าว่าอยากได้รถจักรยาน เพราะเพื่อนคนอื่นๆเขามีจักรยานกัน > สมเด็จย่าก็ตอบว่า?ลูกอยากได้จักรยาน ลูกก็ต้องเก็บค่าขนมไว้สิ หยอดกระป๋องวันละเหรียญ ได้มาก > ค่อยเอาไปซื้อจักรยาน? > 17. กล้องถ่ายรูปกล้องแรกของในหลวง คือ Coconet Midget ทรงซื้อด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์ > เมื่อพระชนม์เพียง 8 พรรษา > 18. ช่วงเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทรงปั่นจักรยานไปโรงเรียนแทนรถพระที่นั่ง > > พระอัจฉริยภาพ > > > 19. พระอัจฉริยภาพของในหลวง มีพื้นฐานมาจาก?การเล่น?สมัยพระเยาว์ เพราะหากอยากได้ของเล่น > อะไร ต้องทรงเก็บสตางค์ซื้อเอง หรือ ประดิษฐ์เอง ทรงเคยหุ้นค่าขนมกับ พระเชษฐาซื้อชิ้นส่วนวิทยุที > ละชิ้นๆ แล้วเอามาประกอบเองเป็นวิทยุ แล้วแบ่งกันฟัง > 20. สมเด็จย่าทรงสอนให้ในหลวงรู้จักการใช้แผนที่และภูมิป ระเทศของไทย โดยโปรดเกล้าฯให้ > โรงเรียนเพาะช่างทำแผนที่ประเทศไทยเป็นรูปตัวต่อ เลื่อยเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆเพื่อให้ทรงเล่นเป็น > จิ๊กซอว์ > 21. ทรงเครื่องดนตรีได้หลายชนิด เช่น เปียโน กีตาร์ แซกโซโฟน แต่รู้หรือไม่ เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่ > ทรงหัดเล่นคือ ..เซนเซอร์..บเพลง (แอกคอร์เดียน) > 22. ทรงสนพระทัยดนตรีอย่างจริงจังราวพระชนม์ 14-15 พรรษา ทรงซื้อแซกโซโฟนมือสองราคา 300 > ฟรังก์มาหัดเล่น โดยใช้เงินสะสมส่วนพระองค์ครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งสมเด็จย่าออกให้ > 23. ครูสอนดนตรีให้ในหลวง ชื่อ เวย์เบรชท์ เป็นชาว อัลซาส > 24. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงครั้งแรก เมื่อพระชนม์พรรษา 18 พรรษา เพลงพระราชนิพนธ์แรกคือ?แสง > เทียน? จนถึงปัจจุบันพระราชนิพนธ์เพลงไว้ทั้งหมด 48 เพลง > 25. ทรงพระราชนิพนธ์เพลงได้ทุกแห่ง บางครั้งไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องดนตรีช่วย อย่างครั้งหนึ่งทรง > เกิดแรงบันดาลพระทัย ทรงฉวยซองจดหมายตีเส้น 5 เส้นแล้วเขียนโน้ตทำนองเพลงขึ้นเดี๋ยวนั้น กลาย > เป็นเพลง?เราสู้? > 26. รู้ไหม...? ทรงมีพระอุปนิสัยสนใจการถ่ายภาพเหมือนใคร : เหมือนสมเด็จย่า และ รัชกาลที่5 > 27. - - - - > 28. นอกจากทรงโปรดการถ่ายภาพแล้ว ยังสนพระทัยการถ่ายภาพยนตร์ด้วย ทรงเคยนำภาพยนตร์ส่วน > พระองค์ออกฉายแล้วนำเงินรายได้มาสร้างอาคารสภากาชาดไ ทย ที่ รพ.จุฬาฯ โรงพยาบาลภูมิพล รวม > ทั้งใช้ในโครงการโรคโปลิโอและโรคเรื้อนด้วย > 29. ทรงพระราชนิพนธ์เรื่อง?นายอินทร์?และ?ติโต? ทรงเขียนด้วยลายพระหัตถ์ แล้วให้เสมียนพิมพ์แต่ > พระมหาชนก ทรงพิมพ์ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ > 30. ทรงเล่นกีฬาได้หลายชนิด แต่กีฬาที่ทรงโปรดเป็นพิเศษได้แก่ แบดมินตัน สกี และเรือใบ ทรงเคย > ได้เหรียญทองจากการแข่งขันเรือใบประเภทโอเค ในกีฬาแหลมทอง (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น?กีฬา > ซีเกมส์?) ครั้งที่ 4 ปี พ.ศ.2510 > 31. ครั้งหนึ่ง ทรงเรือใบออกจากฝั่งไปได้ไม่นานก็ทรงแล่นกลับฝั่งตรั สกับผู้ที่คอยมาเฝ้าฯว่า เสด็จฯกลับ > เข้าฝั่งเพราะเรือแล่นไปโดนทุ่นเข้า ซึ่งในกติกาการแข่งเรือใบถือว่าฟาวส์ ทั้งๆที่ไม่มีใครเห็น แสดงให้ > เห็นว่าทรงยึดกติกามากแค่ไหน > 32. ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกของโลกที่ได้รับสิทธ ิบัตรผลงานประดิษฐ์คิดค้นเครื่องกลเติม > อากาศที่ผิวน้ำหมุนช้าแบบทุ่มลอย หรือ ?กังหันชัยพัฒนา? เมื่อปี 2536 > 33. ทรงเป็นผู้ริเริ่มการพัฒนาเชื้อเพลิงน้ำมันจากวัสดุก ารเกษตรเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เช่น แก๊ส > โซฮอล์, ดีโซฮอลล์ และ น้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ ต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 20ปีแล้ว > 34. องค์การสหประชาชาติ ได้ถวาย รางวัลความสำเร็จสูงสุดด้านการพัฒนามนุษย์ แด่ในหลวงเมื่อ วัน > ที่ 26 พฤษภาคม 2549 เพื่อสดุดีพระเกียรติคุณพระราชกรณียกิจด้านการพัฒนาช ีวิตความเป็นอยู่ของ > ประชาชนชาวไทย โดยมี นายโคฟี อันนัน เลขาธิการสหประชาชาติ เดินทางมาถวายรางวัลด้วยตนเอง > > เรื่องส่วนพระองค์ > > 35. พระนามเต็มของในหลวง : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามา > ธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร > 36. รักแรกพบ ของในหลวงและหม่อมสิริกิติ์เกิดขึ้นที่สวิสเซอร์แลนด ์ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้น สมเด็จพระ > บรมราชินีนาถฯทรงให้สัมภาษณ์ว่า?น่าจะเป็น เกลียดแรกพบ มากกว่า รักแรกพบ เนื่องเพราะรับสั่งว่า > จะเสด็จถึงเวลาบ่าย 4 โมง แต่จริงๆแล้วเสด็จมาถึงหนึ่งทุ่ม ช้ากว่าเวลานัดหมายตั้งสามชั่วโมง > 37. ทรงหมั้นกับ ม.ร.ว.สิริกิติ์ กิติยากร เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2492 และจัดพระราชพิธีราชาภิเษก > สมรส ที่วังสระปทุม เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2493 โดยทรงจดทะเบียนสมรสเหมือนคนทั่วไป ข้อความใน > สมุดทะเบียนก็เหมือนคนทั่วไปทุกอย่าง ปิดอากรแสตมป์ 10 สตางค์ เสียค่าธรรมเนียม 10 บาท > 38. หลังอภิเษกสมรส ทรง?ฮันนีมูน?ที่หัวหิน > 39. ทรงผนวช ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เมืองวันที่ 22 ตุลาคม > 2499 และประทับจำพรรษา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นเวลา 15 วัน > 40. ระหว่างทรงผนวช พระอุปัชฌาย์และพระพี่เลี้ยง คือ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ค่อยๆอ่านล่ะกัน....เราคนไทยควรรู้เรื่องของพ่อเรา... > 41. ของใช้ส่วนพระองค์นั้นไม่จำเป็นต้องแพง ต้องแบรนด์เนม ดังนั้นการถวายของให้ในหลวงจึงไม่จำ > เป็นจะต้องเป็นของแพง อะไรที่มาจากน้ำใจจะทรงใช้ทั้งนั้น > 42. เครื่องประดับ : ในหลวงไม่ทรงโปรดสวมเครื่องประดับ เช่น แหวน สร้อยคอ ของมีค่าต่างๆ ยก > เว้น นาฬิกา > 43. พระเกศาที่ทรงตัดแล้ว : ส่วนหนึ่งเก็บไว้ที่ธงชัยเฉลิมพลเพื่อมอบแก่ทหาร อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้สร้าง > วัตถุมงคล เพื่อมอบแก่ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ > 44. หลอดยาสีพระทน ทรงใช้จนแบนราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ โดยเฉพาะบริเวณคอหลอด ยังปรากฏ > รอยบุ๋มลึกลงไปจนถึงเกลียวคอหลอด ซึ่งเป็นผลจากการใช้ด้ามแปรงสีพระทนช่วยรีด และ กดเป็นรอยบุ๋ม > 45. วันที่ในหลวงเสียใจที่สุด คือวันที่สมเด็จย่าเสด็จสวรรณคต มีหนังสือเล่าไว้ว่า วันนั้นในหลวงไปเฝ้า > แม่ถึงตีสี่ตีห้า พอแม่หลับจึงเสด็จฯกลับ ถึงวัง ทางโรงพยาบาลก็โทรศัพท์มาแจ้งว่า สมเด็จย่าสิ้นพระชนม์ > แล้ว ในหลวงรีบกลับไปที่โรงพยาบาล เห็นแม่นอนหลับตาอยู่บนเตียง ในหลวงคุกเข่าเข้าไปกราบที่อกแม่ > ซบหน้านิ่งอยู่นาน ค่อยๆเงยพระพักตร์ขึ้นมาน้ำพระเนตรไหลนอง > > งานของในหลวง > > 46. โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จนถึงปัจจุบันมีจำนวนกว่า 3,000 โครงการ > 47. ทุกครั้งที่เสด็จฯไปยังสถานต่างๆจะทรงมีสิ่งของประจำ พระองค์อยู่ 3 สิ่งคือ แผนที่ซึ่งทรงทำขึ้นเอง > (ตัดต่อเอง ปะกาวเอง) กล้องถ่ายรูป และดินสอที่มียางลบ > 48. ในหลวงทรงงานด้วยพระองค์เองทุกอย่างแม้กระทั่งการโรเ นียว กระดาษที่จะนำมาให้ข้อราชการที่ > เข้าเฝ้าฯถวายงาน > 49. เก็บร่ม : ครั้งหนึ่งเมื่อในหลวงเสด็จฯเยี่ยมโครงการห้วยสัตว์ใ หญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมา > ถึง ปรากฏว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเปียกฝนกันทุกคน เมื่อทรงเห็น > ดังนั้น จึงมีรับสั่งให้องครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงเยี่ยมข้าราชการและราษฎรทั้งกลางสายฝน > 50. ทรงศึกษาลักษณะอากาศทุกวัน โดยใช้ข้อมูลที่กรมอุตุนิยมวิทยานำขึ้นทูลเกล้าฯร่วม กับข้อมูลจากต่าง > ประเทศที่หามาเอง เพื่อป้องกันภัยธรรมชาติที่อาจก่อความเสียหายแก่ประช าชน > 51. โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เริ่มต้นขึ้นจากเงินส่วนพระองค์จำนวน 32,866.73 บาท ซึ่ง > ได้จากการขายหนังสือดนตรีที่พระเจนดุริยางค์ จากการขายนมวัว ก็ค่อยๆ เติบโตเป็นโครงการพัฒนามา > จนเป็นอย่างที่เราเห้นกันทุกวันนี้ > 52. เวลามีพระราชอาคันตุกะเสด็จมาเยี่ยมชมโครงการฯ สวนจิตรลดา ในหลวงจะเสด็จฯ ลงมา > อธิบายด้วยพระองค์เอง เนื่องจากทรงรู้ทุกรายละเอียด > 53. ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามว่า เคยทรงเหนื่อยทรงท้อบ้างหรือไม่ ในหลวงตอบว่า > ?ความจริงมันน่าท้อถอยอยู่หรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูง > เหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ > 54. ทรงนึกถึงแต่ประชาชน แม้กระทั่งวันที่พระองค์ทรงกำลังจะเข้าห้องผ่าตัดกระ ดูกสันหลังในอีก 5 > ชั่วโมง (20 กรกฎาคม 2549) ยังทรงรับสั่งให้ข้าราชบริพารไปติดตั้งคอมพิวเตอร์เด ินสายออนไลน์ไว้ > เพราะกำลังมีพายุเข้าประเทศ พระองค์จะได้มอนิเตอร์ เผื่อน้ำท่วมจะได้ช่วยเหลือทัน > > ของทรงโปรด > > 55. อาหารทรงโปรด : โปรดผัดผักทุกชนิด เช่น ผัดคะน้า ผัดถั่วงอก ผัดถั่วลันเตา > 56. ผักที่ไม่โปรด : ผักชี ต้นหอม และตังช่าย > 57. ทรงเสวย ข้าวกล้อง เป็นพระกระยาหารหลัก > 58. ไม่เสวยปลานิล เพราะทรงเป็นผู้เลี้ยงปลานิลคนแรกในประเทศไทย โดยใช้สระว่ายน้ำในพระ > ตำหนักสวนจิตรลดาเป็นบ่อเลี้ยง แล้วแจกจ่ายพันธุ์ไปให้กรมประมง > 59. เครื่องดื่มทรงโปรด : โปรดโอวัลตินเป็นพิเศษ เคยเสวยวันหนึ่งหลายครั้ง > 60. ทีวีช่องโปรด ทรงโปรดข่าวช่องฝรั่งเศสของยูบีซี เพื่อทรงรับฟังข่าวสารจากทั่วโลก > 61. ทรงฟัง จส.100 และเคยโทรศัพท์ไปรายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม.ไปที่ จส.100 ด้วย โดย > ใช้พระนามแฝง > 62. หนังสือที่ในหลวงอ่าน : ตอนเช้าตื่นบรรทม ในหลวงจะเปิดดูหนังสือพิมพ์รายวันทั้งไทยและเทศ ทุก > ฉบับ และก่อนเข้านอนจะทรงอ่านนิตยสารไทม์ส นิวสวีก เอเชียวีก ฯลฯ ที่มีข่าวทั่วทุกมุมโลก > 63. ร้านตัดเสื้อของในหลวง คือ ร้านยูดลย เจ้าของชื่อ ยูไลย ลาภประเสริฐ ถวายงานตัดเสื้อ > ในหลวงมาตั้งแต่ปี 2501 เมื่อนายยูไลยเสียชีวิต ก็มี ลูกชาย นายสมภพ ลาภประเสริฐ มาถวายงานต่อ > จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 50 ปีแล้ว > 64. ห้องทรงงานของในหลวง อยู่ใกล้ห้องบรรทม บนชั้น 8 ของตำหนักจิตรลดาฯเป็นห้องเล็กๆ ขนาด > 3x4 เมตร ภายในห้องมีวิทยุ โทรทัศน์ โทรศัพท์ โทรสาร คอมพิวเตอร์ เครื่องบันทึกเสียง เครื่อง > พยากรณ์ แผนที่ ฯลฯ > 65. สุนัขทรงเลี้ยง นอกจากคุณทองแดง สุวรรณชาด สุนัขประจำรัชกาล ที่ปัจจุบันอยู่ที่พระราชวังไกล > กังวล แล้ว ยังมีสุนัขทรงเลี้ยงอีก 33 ตัว > > รู้หรือไม่? > > 66. ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู ่หัว ว่า ?นายหลวง? ภายหลัง > จึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง > 67. ทรงเชี่ยวชาญถึง 6 ภาษา คือ ไทย ละติน ฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมัน และ สเปน > 68. อาชีพของในหลวง เมื่อผู้แทนพระองค์ไปติดต่อเอกสารสำคัญใดๆ ทรงโปรดให้กรอกในช่อง อาชีพ > ของพระองค์ว่า ?ทำราชการ? > 69. ในหลวงทรงพระเนตรเทียมข้างขวา เป็นผลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เมืองโลซานน์ > สวิสเซอร์แลนด์ รถพระที่นั่งชนกับรถบรรทุกอย่างแรง ทำให้เศษกระจกเข้าพระเนตรข้างขวา ตอนนั้นมี > อายุเพียง 20 พรรษา และทรงใช้พระเนตรข้างซ้ายข้างเดียว ในการทำงานบำบัดทุกข์บำรุงสุข > ประชาชนชาวไทยมาตลอดกว่า 60 ปี > 70. ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์อเมริกันลงข่าวลือเกี่ยวกับใน หลวงว่า แซกโซโฟนที่ทรงอยู่เป็นประจำนั้นเป็น > แซกโซโฟนที่ทำด้วยทองคำเนื้อแท้บริสุทธิ์ ซึ่งได้มีพระราชดำรัสว่า?อันนี้ไม่จริงเลย สมมติว่าจริงก็จะหนัก > มาก ยกไม่ไหวหรอก? > 71. ปีหนึ่งๆ ในหลวงทรงเบิกดินสอแค่ 12 แท่ง ใช้เดือนละแท่ง จนกระทั่งกุด > 72. หัวใจทรงเต้นไม่ปกติด ในหลวงเคยประชวรหนักจนหัวใจเต้นไม่ปกติ เนื่องจากติดเชื้อ > ไมโครพลาสม่า ขณะขึ้นเยี่ยมราษฎรที่อำเภอสะเมิงติดต่อกันหลายปี > 73. รู้หรือไม่ว่า ในหลวงเป็นคนประดิษฐ์รูปแบบฟอนต์ภาษาในคอมพิวเตอร์ที ่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้อย่าง ฟอนต์ > จิตรลดา ฟอนต์ภูพิงค์ > 74. ในนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห ัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ > 60 ปี จัดขึ้นที่อิมแพ็ค มีประชาชนเข้าชมรวม 6ล้านคน > 75. ในหลวงเริ่มพระราชทานปริญญาบัตรครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2493 จน 29 ปีต่อมาจึงมีผู้คำนวณว่า > เสด็จพระราชทานปริญญาบัตร 490 ครั้ง ประทับครั้งละ 3 ชม. ทรงยื่นพระหัตถ์พระราชทาน 470,000 > ครั้ง น้ำหนักปริญญาบัตรฉบับละ 3 ขีด รวมน้ำหนักทั้งหมด 141 ตัน > 76. ดอกไม้ประจำพระองค์ คือ ดอกดาวเรือง > 77. สีประจำพระองค์คือ สีเหลือง > 78. นั่งรถหารสอง : ทรงรับสั่งกับข้าราชบริพารเสมอว่า การนั่งรถคนละคันเป็นการสิ้นเปลือง ให้นั่ง > รวมกัน ไม่โปรดให้มีขบวนรถยาวเหยียด > 79 - - - - > 80. พระราชประวัติในหลวง ฉบับการ์ตูน :emotn :emotn :emotn :emotn หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: maverrick_ae101 รักในหลวง ที่ 04 ธันวาคม 2550 19:25:52 อืม ไม่เคยรู้จิงด้วย ดีมากมายคับ
ขอบคูณค้าบบบ หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: Oat_Yai ที่ 04 ธันวาคม 2550 21:14:55 :emotnท่านคือตัวอย่างของปวงชนชาวไทย :emotn
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: Far_3S_GTE ที่ 04 ธันวาคม 2550 21:31:12 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ :emotn :emotn
ทำไมท่านดีขนาดนี้ แต่ก็ยังมีคนจ้องทำลายนะ หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: Aoffii@ImSry ที่ 05 ธันวาคม 2550 00:01:44 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ยิ่งยืนนาน
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: cola-levin92 ที่ 05 ธันวาคม 2550 11:10:56 :emotn :emotn :emotn :emotn :emotn :emotn :emotn :emotn
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: gobbygoo ที่ 05 ธันวาคม 2550 12:06:34 ในหลวงของ ปวงชนชาวไทย
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: -- James _ Za -- ที่ 05 ธันวาคม 2550 15:16:00 เรื่องดีๆ แบบนี้ น่าเอาไปแบ่งบันให้เพื่อนๆ ใน Free style นะครับ
:emotn :emotn หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: up_ae101 ที่ 05 ธันวาคม 2550 15:58:32 สุดยอดของชาวไทยขอพระองค์ทรงพระเจริญ
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: T@tUnGkuNg ที่ 06 ธันวาคม 2550 04:12:42 :emotn
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: เต็มเหนี่ยว ที่ 06 ธันวาคม 2550 15:42:39 :emotn :emotn :emotn..ขอพระองค์ทรงพระเจริญ :emotn :emotn :emotn
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: TIT ที่ 09 ธันวาคม 2550 20:15:23 อ่านแล้วรักในหลวงมากขึ้นเลย :emotnขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: ga_tai ที่ 09 ธันวาคม 2550 20:42:00 สุดยอดแห่ง ฟามรู้
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: ChilD 1300 รัก ในหลวง ที่ 10 ธันวาคม 2550 15:07:24 "SOUL OF THE NATION" หรือ?จิต วิญญาณของคนไทยทั้ง ชาติ?
:emotn :emotn :emotn :emotn :emotn หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: oa_aeclub ที่ 12 ธันวาคม 2550 00:19:13 ทรงพระเจริญ
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: cola-levin92 ที่ 16 ธันวาคม 2550 01:10:01 :emo2 :emo2
หัวข้อ: Re: เรื่องของในหลวงที่เรา (อาจ) ไม่เคยรู้ เริ่มหัวข้อโดย: landslots รัก ในหลวง ที่ 17 ธันวาคม 2550 09:24:34 :emotn
|